บัตรเครดิต เป็นตัวช่วยในการใช้จ่ายที่ดีที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ด้วยข้อดีที่ว่าเราสามารถใช้บัตรเครดิตใช้จ่ายแทนเงินสดได้ รวมถึงเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเรายังได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย จึงทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายมากกว่าการจ่ายด้วยเงินสด แถมการพกบัตรเครดิตก็เป็นการลดความเสี่ยงที่เราต้องถือเงินสดจำนวนมากติดตัวอีกด้วย สะดวกสบายและปลอดภัย แต่สำหรับบางคนที่อยากสมัคร อาจจะไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะทำให้เราสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน บทความนี้จะช่วยให้รู้และเข้าใจมากขึ้น รวมถึงจะช่วยให้เตรียมตัวก่อนไปสมัครด้วยครับ
สำหรับข้อดีของบัตรเครดิต อย่างเช่น
1.พกพาได้ง่ายกว่าการพกเงินสด 2.สามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันทีแม้เรามีเงินสดไม่พอ หรือกรณีที่ไม่ต้องการจ่ายเงินสด 3.ได้รับส่วนลดพิเศษจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ณ ร้านที่เข้าร่วมรายการกับบัตรเครดิตที่เราใช้อยู่ 4.สามารถสะสมคะแนนจากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของเรา เพื่อนำไปซื้อสินค้าหรือแลกของรางวัลต่างๆ 5.สามารถทำการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟ หรืออินเทอร์เน็ต เป็นต้น ผ่านบัตรเครดิตได้ 6.สามารถถอนเงินสดออกมาจากบัตรเครดิตได้ในกรณีที่เรามีเงินสดไม่พอ เช่น เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เป็นต้น บัตรเครดิตนั้นมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและการใช้จ่ายของเรามากมาย เช่น คืนเงินเราเมื่อเติมน้ำมันรถยนต์ เป็นต้น 7.สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้ในกรณีที่เราเปิดบริการส่วนนี้ไว้ ซึ่งทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากๆ ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเรา 8.สามารถผ่อนจ่ายสินค้า ในอัตราดอกเบี้ย 0 % ได้ ส่วนระยะเวลาในการผ่อนนั้น ตามแต่โปรโมชั่นสินค้าที่เราต้องการซื้อ
ประวัติเครดิตบูโร
นี่เป็นสิ่งแรกที่ทุกธนาคารจะตรวจสอบ คือ การตรวจสอบประวัติทางการเงินกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ว่าเรามีประวัติทางการเงินที่ดีหรือไม่ เครดิตบูโรจะทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต ซึ่งมีทั้งประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ดีของเรา ตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งส่งข้อมูลมาให้ทุกๆ เดือน หากทางสถาบันการเงินที่เราไปยื่นสมัครบัตรเครดิต ตรวจพบว่าเรามีประวัติการค้างชำระหนี้ หรือมีการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินอื่นๆ มาก่อน ก็สามารถปฏิเสธการสมัครนั้นได้ครับ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้างชำระหนี้ก็คือ ติดต่อไปยังสถาบันการเงินที่เราเคยเป็นหนี้ เพื่อชำระหนี้ที่ค้างให้หมด จนยอดหนี้เป็น 0 บาท แต่ถ้าใครมีหนี้ค้างจำนวนมาก ก็ควรที่จะทำการเจรจาต่อรองเพื่อขอลดหนี้ ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงินนั้นๆ ได้ หลังจากนั้นก็ต้องรอจนครบ 3 ปี เพื่อให้ประวัติเสียเหล่านั้นทยอยลบออกไป และเริ่มสร้างประวัติใหม่ สร้างวินัยที่ดี ชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่ผิดนัดชำระหนี้อีก
รายได้ประจำต่อปีไม่ถึง
จากที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า การที่จะสมัครบัตรเครดิตหรือสมัครขอสินเชื่อใดๆ ก็ตาม ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน หรือ 180,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ของแบงค์ชาติ แต่อาจมีบางสถาบันการเงินที่ระบุว่าเพียงมีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาท ต่อเดือน ก็สามารถยื่นใบสมัครบัตรเครดิตได้ แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่บัตรเครดิตจะได้รับการอนุมัติ อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมากๆ ในส่วนของเงินเดือนก็คือ แหล่งที่มาของเงินเดือน หรือก็คือ ทางธนาคารจะตรวจสอบว่าคุณมีรายได้มาจากอะไร และผ่านช่องทางใด ซึ่งสำหรับคนที่ได้รับเงินเดือนโดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารอัตโนมัติทุกๆ เดือน ก็จะสามารถพิสูจน์แหล่งที่มาของรายได้ได้ง่าย และมีน้ำหนักมากกว่าคนที่ได้รับเงินเดือนเป็นเงินสด
สำหรับแนวทางแก้ไข หากเราเงินเดือนไม่ถึง การทำบัตรอย่างอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดี อย่างเช่น บัตรเดบิต คือ บัตรที่สามารถรูดซื้อของได้โดยเอาเงินในบัญชีเป็นหลัก มีเงินในบัญชีเท่าไรก็ใช้ได้เท่านั้น หรือ บัตรกดเงินสด เป็นบัตรที่จะทำให้เรามีวงเงินสดติดตัวไว้ก่อนที่ตู้เพื่อเอามาใช้จ่าย อนุมัติง่ายกว่า แต่ดอกเบี้ยแพงกว่าบัตรเครดิต ส่วนการหางานใหม่เพื่อเพิ่มรายได้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะคนตกงานเยอะมาก อีกวิธีหนึ่งที่คนที่เงินเดือนไม่ถึง สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านต้องไปลองทำดูนั่นก็คือ ให้ลองยื่นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายได้ที่เราสามารถหาเพิ่มได้ เช่น งานพิเศษ งานค้าขาย เป็นต้น รายได้พิเศษเหล่านี้หากมากพอและมีเงินเข้าเป็นประจำ ก็อาจจะมีแนวโน้มให้ทางธนาคารที่จะอนุมัติเห็นได้ว่าเรามีรายได้จากทางอื่นนอกเหนือจากงานประจำที่ทำให้เราสามารถรับผิดชอบบัตรเครดิตที่จะทำได้
รายได้ไม่แน่นอน
ในเกือบทุกคุณสมบัติของผู้สมัครบัตรเครดิตที่ถูกกำหนดเกือบทุกธนาคารในส่วนของอาชีพก็คือ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเจ้าของกิจการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่กลุ่มอาชีพเหล่านี้มักจะได้รับเงินเดือนโดยการโอนผ่านบัญชีธนาคาร ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ค้าขาย หรือฟรีแลนซ์ จะเป็นอาชีพที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน เพราะในแต่ละวันอาจมีรายได้มากหรือน้อยแตกต่างกันไป และเงินที่ได้รับก็เป็นเงินสด ทำให้โอกาสในการพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตนั้นมีน้อยกว่ากลุ่มอาชีพพนักงานบริษัท
ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ฟรีแลนซ์ ก็สามารถที่จะสมัครบัตรเครดิตได้เพียงแต่เอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบการสมัครนั้นอาจจะแตกต่างจากพนักงานบริษัทอยู่บ้าง ทั้งนี้ถึงเอกสารที่ใช้การสมัครจะแตกต่างกันแต่สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้จากบัตรเครดิตก็ไม่ต่างกัน แต่เอกสารหลักๆ ที่สำคัญมากก็ยังคงเป็น ข้อมูลด้านการเงินของเรา เพื่อดูว่าเรานั้นจะมีความสามารถในการชำระหนี้บัตรเครดิตได้หรือไม่
เอกสารในการสมัครบัตรเครดิตสำหรับคนประกอบอาชีพอิสระ:
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาพาสปอร์ต หรือวีซ่า กรณีเป็นชาวต่างชาติ
กรณี เจ้าของธุรกิจ หรือ เป็นผู้ประกอบการ ประกอบธุรกิจส่วนตัว จะใช้เอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้:
- สำเนาทะเบียนพาณิชย์
- สำเนา statement (รายการเดินบัญชี) บัญชีที่ใช้ในการทำธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือน
กรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะใช้เอกสารในการสมัคร ดังนี้:
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น คัดสำเนาไม่เกิน 1 ปี (เฉพาะ บมจ. และบจก.)
- สำเนา statement (รายการเดินบัญชี) บัญชีที่ใช้ดำเนินธุรกิจในนามนิติบุคคล ย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน คัดสำเนาไม่เกิน 6 เดือน
กรณีเป็นเจ้าของกิจการที่จดทะเบียนการค้าในนามห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล จะใช้เอกสารในการสมัครเพิ่มเติมดังนี้:
- สำเนาใบคำขอจดทะเบียน และหนังสือจัดตั้งคณะบุคคล
- สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์
- สำเนา statement (รายการเดินบัญชี) ในนามห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือในนามคณะบุคคลย้อนหลัง 6 เดือน หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ตามมาตรา 50 ทวิ) แสดงรายได้ปีล่าสุด หรือย้อนหลัง 6 เดือน
เอกสารไม่ถูกต้อง
อีกเรื่องหนึ่งคือ เอกสารที่ใช้ในการสมัคร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นผู้ที่จะสมัครต้องใส่ใจทุกรายละเอียดในการกรอกข้อมูลลงในใบสมัครฯ เช่น 1.ลายเซ็นของผู้สมัครต้องเหมือนกันทุกจุด 2.ต้องระวังไม่ให้มีรอยลบหรือรอยขีดฆ่าเยอะจนเกินไป และไม่ควรใช้น้ำยาลบคำผิด 3.หากต้องการแก้ไขจุดที่ผิดพลาด ควรขีดฆ่าและเซ็นชื่อกำกับทุกครั้ง 4.ควรกรอกข้อมูลด้วยลายมือตัวบรรจง อ่านง่าย และกรอกครบทุกช่องที่เว้นไว้ เพื่อความถูกต้องของข้อมูล
นอกจากนั้น เอกสารแนบอื่นๆ ก็มีส่วนสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนต้องชัดเจน ไม่ดำหรือเข้มจนเกินไป จนมองไม่เห็นหน้าผู้สมัคร สำเนาหน้าสมุดบัญชีต้องมองเห็นตัวเลขบัญชีชัดเจน สำเนา Statement ต้องครบทั้ง 3 - 6 เดือน ย้อนหลัง ตามที่ทางธนาคารกำหนด หรือสลิปเงินเดือนย้อนหลังต้องไม่เกิน 3 เดือน เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้สมัครส่งเอกสารไม่ครบถ้วนธนาคารก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธการสมัครได้ครับ
มีภาระหนี้อื่นอยู่แล้ว
สมมติว่าผู้สมัครมีการสมัครหรือใช้สินเชื่ออื่นๆซึ่งอาจจะไม่ใช่บัตรเครดิต อยู่แล้ว เช่น การกู้ซื้อบ้าน ผ่อนรถยนต์ เป็นต้น ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน เพราะภาระหนี้สินที่มีอยู่ในขณะนั้นอาจเกินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้สมัคร โดยที่ทางธนาคารแต่ละแห่งจะตรวจสอบภาระหนี้สินทั้งหมดของแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในเครดิตบูโร เพื่อดูความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาอีกได้ ก่อนที่จะทำการอนุมัติบัตรเครดิต
สำหรับความสามารถในการชำระหนี้ ทางสถาบันการเงินจะวิเคราะห์ว่า เราจะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้และหรือผู้กู้ร่วม ซึ่งจะพิจารณาให้กู้ประมาณ 30-40 เท่าของรายได้ วงเงินที่ให้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความมั่นคงของอาชีพและรายได้ด้วย เช่น หากเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือลูกจ้างบริษัทเอกชนที่มีกิจการมั่นคงก็จะได้รับการอนุมัติเงินกู้สูงถึง 40 เท่าของเงินเดือน นอกจากนี้ธนาคารยังพิจาณาเรื่องสัดส่วนเงินงวดต่อรายได้สุทธิประกอบด้วย คือต้องไม่เกิน 33% ธนาคารจะให้กู้ในอัตราที่เงินผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 33% ต่อรายได้สุทธิต่อเดือน
พิจารณาจากหลักประกันเงินกู้ทางสถาบันการเงินจะนำหลักประกันเงินกู้มาวิเคราะห์ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันด้วย โดยจะมีการพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ ความเหมาะสมของหลักประกันและมูลค่าของหลักประกัน ซึ่งทางสถาบันการเงินจะใช้ประกอบการพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหากปล่อยเงินกู้ไปแล้ว
คุณสมบัติอื่นของผู้กู้นอกจากสถาบันการเงินจะวิเคราะห์เงื่อนไขการอนุมัติให้กู้จากรายได้ และหลักประกันเงินกู้ที่วางไว้แล้ว ก็อาจใช้คุณสมบัติอื่นของผู้กู้ประกอบการพิจารณาด้วย เช่น อายุของผู้กู้ ซึ่งหากนำมารวมกับจำนวนปีที่ขอกู้แล้วจะต้องไม่เกิน 70 ปี และผู้กู้ร่วมที่ไม่ใช่คู่สมรส บิดามารดา พี่น้อง หรือบุตรแล้ว จะมีผู้กู้ร่วมอื่นได้อีกไม่เกิน 1 คน ซึ่งจะต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่จำนองด้วย โดยการกู้ร่วมก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ผู้ที่สมัครมีความสามารถในการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งถึงแม้ผู้สมัครจะมีภาระผ่อนสินเชื่ออื่นๆ อยู่ แต่ถ้าหากผู้มากู้ร่วมที่มีประวัติการขอสินเชื่อยังไม่เคยมีหนี้มาก่อนก็จะทำให้มีโอกาสสูงที่จะผ่านครับ
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือปัญหาที่อาจจะเจอเมื่อสมัครบัตรเครดิต ซึ่งผู้ที่สมัครก็ควรตรวจสอบให้ดี ซึ่งแต่ละอย่างมีทางออกครับ ดังนั้นก่อนจะสมัครเราควรตรวจสอบตัวเอง ว่าเรามีหนี้หรือมีภาระอื่นๆที่ยังไม่เรียบร้อยไหม ถ้ามีก็ควรจัดการให้เรียบร้อย และขอข้อมูล รายละเอียดต่างๆจากธนาคารนะครับ เพื่อที่เราจะได้สมัครผ่านนะครับ
Pedro
ใช่เลยครับ ก่อนที่ผมจะทำบัตรเครดิตผมมีหนี้อยู่ที่อีกธนาคารนึง ก็เลยไปสมัครอีกธนาคารเผื่อหวังว่าจะได้ ปรากฎว่าอีกธนาคารเค้าสามารถเช็คได้ครับว่าผมมีหนี้อะไรบ้าง สรุป...อดครับ ทางธนาคารไม่อนุมัติบัตรให้ คงต้องไปใช้หนี้ให้หมดกันก่อนแล้วค่อยทำเรื่องใหม่ ถ้าคิดในแง่ดีก็ดีนะที่ยังทำไม่ได้ ไม่งั้นสงสัยคงเป็นหนี้เพิ่มแน่
ประวิตร
ขอบคุณค่ะคิดที่จะทำบัตรเครดิตเหมือนกัน แต่ก็กลัวค่ะว่าจะไม่ได้รับการอนุมัติวงเงิน พอได้อ่านบทความนี้แล้วให้รู้คร่าวๆบ้างแล้วค่ะว่าจำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างในการสมัครใช้บริการของบัตรเครดิต ตอนนี้มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นค่ะว่าจะสามารถสมัครใช้บริการได้ จะได้มีวงเงินเอาไว้สำหรับใช้จ่ายในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ทันทีไม่ต้องไปยืมเงินคนอื่น
น้ำหนึ่ง
ปัญหาเยอะจริงนะคะสำหรับการทำบัตรเครดิตใบใหม่ ทั้งคนที่ไม่เคยทำเลยและขออนุมัติใหม่ แล้วคนที่มีบัตรเครดิตอยู่แล้วอยากจะทำใบใหม่เพิ่ม ถ้าให้อนุมัติง่ายๆก็ดีสิคะ แต่ดูเหมือนว่ามีเงื่อนไขและวิธีการเตรียมตัวเยอะเหมือนกันเพื่อจะได้รับการอนุมัติ บทความนี้ทำให้รู้สาเหตุหรือว่าเราจำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรบ้างเพื่อที่จะขอบัตรเครดิตแบบที่ผ่านง่ายๆค่ะ
กานต์สินี
ก่อนจะสมัครบัตรเครดิตต้องดูเงื่อนไขของผู้สมัครตามที่บัตรเครดิตนั้นๆกำหนดไว้ แล้วดูประวัติการเงินของตัวเองด้วย จริงๆเราน่าจะรู้แหละว่าเราติดเครดิตบูโรหรือเปล่า ถ้าสมัครบัตรเครดิตแล้วไม่ผ่าน ต้องดูที่คุณสมบัติของตัวเราเองก่อนนะคะ ถ้าครบถ้วนแล้วจริงๆอาจจะเป็นที่การพิจาณาของธนาคาร ซึ่งแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันค่ะ
ศักด์ดา
ปัญหาที่ผมเจอเลยครับ ไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้จนถึงตอนนี้ คือ มีประวัติการเป็นหนี้ครับ ตอนนี้ก็ยังจ่ายไม่หมดครับ แต่เป็นหนี้ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมคนเดียวครับ ผมไปเป็นผู้กู้ร่วมครับ ตอนแรกก็บอกแค่ว่าจะใช้แค่ชื่อเรากู้ เดี่ยวเรื่องส่งเขาจัดการเอง ตอนนี้ เขาไม่ส่งแล้วครับ ผมในฐานะ ผู้กู้ร่วม ก็ต้องเป็นหนี้ตามไปด้วยครับ ซวยจริงๆครับ
เมล่อนหวานฉ่ำ
ถ้าไม่อยากมีปัญหาในเรื่องการสมัครบัตรเครดิตต้องเลือกธนาคารด้วยค่ะ บางที่ก็สมัครง่ายบางที่ก็ยากแตกต่างกันไป บางทีแทบไม่ต้องใช้ statement ย้อนหลังเลยด้วยซ้ำ ใช้แค่บัตรประชาชนกับใบรับรองเงินเดือนแค่นั้นเอง แต่บางทีต้องมีสลิปเงินเดือน ตัวจริงที่ออกไม่เกิน 2 เดือน บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน บางที่ก็ยืนแค่สลิปเงินเดือนเท่านั้นเองอย่างอื่นไม่ต้องการเลย ตรงนี้แล้วแต่ธนาคารด้วยค่ะ
เต่า
เอาจริงๆเราก็เข้าใจนะว่าทำไมสมัยนี้การสมัครบัตรเครดิตหรือจะขอสินเชื่ออะไรสักอย่างมันถึงยากขนาดนี้ เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี ขนาดบางครั้งอาชีพที่ดูเหมือนว่าจะมั่นคงก็ยังล้มระเนระนาดเลย แล้วบัตรเครดิตเนี่ยเป็นบัตรที่เราสามารถใช้เงินของธนาคารออกก่อนใช่ไหมล่ะ ถ้าเราไม่มีจ่ายพร้อมกันหลายคน ธนาคารก็จริงตายกันพอดี ไม่แปลกเลยทำไมขอยากขนาดนี้
พิมพิลาไล
หลายคนอาจจะบอกว่าการทำบัตรเครดิต เรื่องเยอะจริงๆ อันนี้ก็ใช่คะ แต่ถ้ามองในมุมของธนาคารนะคะ ที่เขามีข้อเรียกร้องเยอะๆ เพราะว่าสถาบันการเงินต้องเสียหายหลายบาทเลยนะคะในแต่ละปี เพราะว่าคนที่ทำบัครเครดิต มักไม่จ่ายคืนให้กับทางธนาคาร ทำให้ธนาคารมียอดหนี้เสียเพิ่มขึ้นทุกๆปี ดังนั้นเขาเลยต้องมีข้อเรียกร้องที่เข้มข้นคะ
มิว
ใครๆที่ประสบปัญหาในการทำบัตรเครดิตต้องฟังทางนี้เลยค่ะ พอเดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะมีเงินเดือนพื้นฐานตามมาตรฐานแล้ว ยังไม่สามารถที่จะได้รับการอนุมัติให้ทำบัตรเครดิตได้ ก็ต้องไปหันไปพึ่งบัตรเครดิตที่จะช่วยให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้มีบัตรเครดิตที่สามารถจ่ายค่าครบครันได้และสามารถที่จะสมัครใช้บริการได้ง่ายอยู่นะครับไปหาดู
Yusu
ส่วนตัวความคิดเห็นของเรานะ เราคิดว่าน้อยคนนะที่จะสมัครบัตรเครดิตยากเย็นขนาดนั้น อยากเห็นแบบว่าสมัครหลายครั้งก็ยังไม่ได้รับอนุมัติแล้วก็เคยสมัครมาหลายธนาคารแล้วด้วย คนนั้นต้องเป็นหนี้หลายอย่างจริงๆ เพราะว่าเราเห็นส่วนมากแล้วอ่ะ คนเราสมัครบัตรเครดิตได้รับอนุมัติง่ายมากธนาคารแทบจะเสนอเอาบัตรเครดิตยัดใส่มือให้เลย