คุณมีประกันสุขภาพไหม? ถ้ามี ประกันสุขภาพของคุณมีความคุ้มครองอย่างไรสำหรับ OPD และ IPD? ถ้าคุณยังไม่รู้เงื่อนไขเกี่ยวกับความคุ้มครองเรื่องนี้คงไม่ได้นะคะ เพราะนี่คือเรื่องสำคัญที่คุณต้องรู้ถ้ามีประกันสุขภาพอยู่ในมือ แต่ละคนมีความเสี่ยงเรื่องความเจ็บป่วยต่างกัน บางคนป่วยเล็กน้อยแต่ป่วยบ่อยๆ ส่วนบางคนไม่ค่อยป่วยแต่ป่วยทีไรนอนโรงพยาบาลนานเลย สถานการณ์เหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้คุณต้องเลือกประกันสุขภาพที่คุ้มครองเรื่อง OPD และ IPD ให้เหมาะสม

บทความนี้ได้เตรียมข้อมูลมาอธิบายให้คุณได้ทราบว่า OPD และ IPD นั้นหมายความว่าอย่างไร? ถ้าอยากจะทำประกันสุขภาพต้องเลือกความคุ้มครองแบบไหนดี? เรื่องของวงเงินคุ้มครองเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดทบทวนให้ดีเพราะถ้าเกิดวงเงินคุ้มครองมีไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง ทำประกันสุขภาพไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่อง OPD และ IPD จึงสำคัญมากที่ต้องคิด เพราะเกี่ยวข้องกับวงเงินคุ้มครองสำหรับกรณีที่คุณเป็นผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกค่ะ มาเรียนรู้เรื่องสำคัญเรื่องนี้ด้วยกัน แล้วตรวจเช็คประกันสุขภาพของคุณกันดีกว่าว่าคุ้มครองแบบไหน? เหมาะสมแล้วหรือไม่? ซึ่งทางเลือกที่ดีที่สุด คือ ต้องพิจารณาเรื่องนี้ก่อนจะซื้อประกันสุขภาพด้วยซ้ำ!!

OPD ผู้ป่วยนอก

OPD ผู้ป่วยนอก

OPD หรือ ผู้ป่วยนอก คือ การเข้ารับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยที่โรงพยาบาลแบบไม่มีการ Admit หรือไม่มีการนอนค้างที่โรงพยาบาล เพียงแค่เข้าพบแพทย์ สอบถามอาการ รับยา หรือฉีดยา แล้วกลับบ้าน ซึ่งในกรณีที่คุณเป็นผู้ป่วยนอกแล้วใช้บริการ ณ โรงพยาบาลเอกชนนั้นมักจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป อาจจะมีค่าใช้จ่ายถึง 6,000 บาทขึ้นไปด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อคุณพิจารณาแล้วว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยเล็กน้อยแบบนี้บ่อยๆ คุณจึงควรเลือกประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครอง OPD ที่มากเป็นพิเศษ อย่างน้อยๆ 10,000 บาทขึ้นไปค่ะ แล้วลดวงเงินคุ้มครองในส่วนของ IPD ให้น้อยลง เพื่อจะจ่ายเบี้ยประกันอย่างเหมาะสมบวกกับได้ใช้ประโยชน์จากประกันสุขภาพอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ

แต่ถ้าคุณมีความเสี่ยงเหมือนที่ยกตัวอย่างไป แต่กลับเลือกทำประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครอง OPD ที่น้อย แต่มีวงเงินคุ้มครอง IPD มากกว่า คุณอาจจะต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายเพิ่มเติมเมื่อเข้ารับการรักษาในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยไม่ได้นอนโรงพยาบาลได้ค่ะ อย่างเช่น คุณเป็นไข้หวัดอาการไม่หนักมากไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เข้าพบแพทย์ ตรวจเช็คร่างกาย ฉีดยา หรือรับยา รวมแล้วมีค่าใช้จ่าย 5,000 บาท แต่วงเงินคุ้มครองในส่วนของ OPD นั้นมีให้แค่ 3,000 บาท คุณต้องจ่ายเงินส่วนตัวเพิ่มไปอีก 2,000 บาท ถ้าเป็นอย่างนั้นมีประกันสุขภาพก็ไม่คุ้มเลยนะคะ โดยเฉพาะถ้าคุณเจ็บป่วยในลักษณะอย่างนี้บ่อยๆ สรุปแล้วว่าถ้าใครที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยเล็กน้อยบ่อยๆควรเลือกความคุ้มครองในส่วนของ OPD มากเป็นพิเศษค่ะ

IPD ผู้ป่วยใน

IPD ผู้ป่วยใน

IPD หรือ ผู้ป่วยใน คือ การเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหนักต้อง Admit หรือ นอนพักที่โรงพยาบาล ในกรณีแบบนี้คุณต้องพิจารณาวงเงินคุ้มครองในส่วนของ IPD ให้เพียงพอ และเหมาะสมค่ะ เพื่อที่คุณจะทราบว่าวงเงินขนาดไปจึงจะเพียงพอ และเหมาะสม คุณต้องวางแผน และศึกษาก่อนว่าเมื่อเจ็บป่วยคุณจะเลือกใช้บริการโรงพยาบาลไหน? แล้วโรงพยาบาลนั้นมีค่าใช้จ่ายในเรื่องต่างๆเท่าไหร่? เช่น ค่าห้องพักในรูปแบบต่างๆ ค่าห้องผ่าตัด ค่าเครื่องมือพิเศษทางการแพทย์ ค่ายาต่างๆ ค่ารักษาอื่นๆ การหาข้อมูลเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ และวงเงินคุ้มครองก็เพียงพอไม่ต้องเดือดร้อนจ่ายเงินเพิ่มเติมค่ะ ดังนั้นใครที่มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลควรเลือกวงเงินคุ้มครองในส่วนของ IPD ให้มากกว่า OPD ค่ะ

เจ็บป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลนอกจากจะขาดรายได้แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายมากมายที่เราอาจจะไม่สามารถหาข้อมูล และศึกษาได้ทั้งหมด จึงควรทำประกันสุขภาพที่มีวงเงินมากพอเผื่อเอาไว้ด้วยนะคะ ส่วนมากวงเงินคุ้มครองในส่วนของ IPD มักจะสูงอยู่แล้วมีตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน เพื่อจะเลือกวงเงินที่เหมาะสมไม่ใช่ดูแค่ความเสี่ยงเท่านั้นต้องพิจารณาจากรายได้ที่คุณมีด้วย เบี้ยประกันที่เหมาะสมที่คุณควรจ่ายคือต้องประมาณ 10% - 20% ของรายได้ค่ะ ไม่ควรมากกว่านี้เพราะจะเป็นภาระหนักได้นะคะ เลือกให้ดีแม้นอนโรงพยาบาลก็สบายใจค่ะ

ประกันสุขภาพแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด...ต้องดูจากความเสี่ยงเป็นหลัก

ประกันสุขภาพแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด...ต้องดูจากความเสี่ยงเป็นหลัก

ประกันสุขภาพมีความคุ้มครองให้ทั้ง OPD และ IPD อยู่แล้ว เพียงแต่คุณต้องบริหารความเสี่ยงของตัวเองให้ดีด้วยจึงจะใช้ประโยชน์จากประกันสุขภาพอย่างเต็มที่ และคุ้มค่าค่ะ ถ้าคุณไม่อยากให้เกิดกรณีที่ต้องจ่ายเงินส่วนตัวเพิ่มเติมทั้งๆที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว การวางแผน และศึกษาข้อมูลจึงสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน ก็ต้องมีวงเงินคุ้มครองให้เพียงพอเพื่อรับการรักษาที่มีคุณภาพให้คุ้มกับเบี้ยประกันสุขภาพที่ต้องจ่ายทุกปีนะคะ เมื่อมีประกันสุขภาพที่คุ้มค่าจะเจ็บป่วยมากน้อยแค่ไหนก็สบายใจหายห่วงค่ะ