ในปัจจุบันก็ถือได้ว่า ผ่านมาแล้วครึ่งทางสำหรับปี 2563 ซึ่งในต้นปี 2563 ผมว่าเพื่อนๆก็คงจะทราบกันเป็นอย่างดีและได้รับข้อมูลกันมามากพอแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และมันส่งผลกระทบอย่างไร กับการลงทุน และ เศรษฐกิจบ้านเมืองเรา เพราะฉะนั้นผมคงจะไม่ต้องเล่าซ้ำ ให้เรามาอยู่กับปัจจุบันกันดีกว่า ซึ่งในปัจจุบันถ้าถามว่าเป็นอย่างไรกันบ้างทั้งเรื่องของเศรษฐกิจการลงทุน และบ้านเมือง ก็ต้องบอกกับเพื่อนๆว่าอย่างนี้ครับ ไม่ถึงกับแย่มากแต่ก็ยังไม่ดีพอ สาเหตุที่ผมบอกแบบนั้นก็เพราะว่า สำหรับเรื่องสุดฮิตที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้น คือ ไวรัสระบาด ประเทศไทยถือว่ารับมือเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรเพราะประเทศไทยเองนั้นส่วนใหญ่พึงพาเม็ดเงินจากต่างประเทศทั้งในเรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเส้นทางเศรษฐกิจไทยปี 2563 ก็มีอยู่ไปดูกันว่าเขาจะว่ายังไง
เส้นทางเศรษฐกิจไทยปี 2563
สำหรับเศรษฐกิจไทย ปี 2563 นั้นมีการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวดีกว่าปี 2562 แต่ด้วยความผันผวนของตลาดโลก ทำให้เศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มจะชะลอตัวและต่ำกว่าระดับศักยภาพอีกปี เพราะด้วยปัจจัยต่างๆทั้งเรื่องของโรคไวรัสระบาด ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงกว่าที่คาด และ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ล่าช้า ซึ่งถ้าให้เพื่อนๆลองไปตรวจสอบเครื่องมือต่างๆในเศรษฐกิจประเทศไทย เพื่อนๆก็จะพบว่ามันมีทั้งเครื่องมือที่เหมือนจะไปได้ดีและเครื่องมือที่ไม่ดีค่อยดึงกันอยู่ การส่งออก การท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชน เป็นต้น
เครื่องมือหลักในระบบเศรษฐกิจไทย การส่งออก
สำหรับการส่งออก ในปี 2563 ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถขยายตัวได้เล็กน้อย จากปีที่แล้ว เพราะมีปัจจัยเหล่านี้ที่มาสนับสนุน ได้แก่ ความสัมพันธ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนมีทิศทางที่ดีขึ้น และอีก ปัจจัยก็ คือ การเริ่มใช้ระบบ 5G ในหลายประเทศทำให้จะสามารถเห็นคำสั่งซื้อและการผลิตปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
เครื่องมือสำรองในระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว
สำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ผมเปรียบเป็นเครื่องมือสำรองนั้นก็เพราะว่า เมื่อนำภาคการท่องเที่ยวไปเทียบกับภาคการส่งออกแล้ว ภาคการท่องเที่ยวถือได้ว่ามีขนาดเล็กในระบบเศรษฐกิจ แต่ถึงแม้จะเล็กก็จริง หลายปีที่ผ่านๆมาภาคการท่องเที่ยวก็ได้มีส่วนสำคัญในการประคองเศรษฐกิจไทยเอาไว้ แต่ในปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่ามีโรคระบาดและการปิดประเทศเกิดขึ้นภาคการท่องเที่ยวจึงทำอะไรได้ไม่มาก
เครื่องมือสำคัญที่มีความเปราะบาง การบริโภคภาคเอกชน
และ สุดท้ายสำหรับการบริโภคภาคเอกชนนั้นมีความสัมพันธ์กับอัตราการจ้างงานและรายได้ครัวเรือน และ ถึงแม้อัตราการจ้างงานและรายได้ครัวเรือนจะดูเหมือนได้รับผลกระทบจากการส่งออกปีที่แล้ว แต่ภาพรวมของการบริโภคกลับขยายตัวได้ดี เพราะด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วยมาตรการต่างๆ เช่น บัตรประชารัฐ หรือ ชิม ช้อป ใช้ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร แต่มาตรการต่างๆเหล่านี้ก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งในปี 2563 นี้ เมื่อมาตรการช่วยเหลือต่างๆครบกำหนด ก็คิดว่าการบริโภคภาคเอกชนก็คงจะชะลอตัวลงตามพื้นฐานของรายได้
ผลประเมินเศรษฐกิจไทยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน นั้นมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50 ต่อปี เหตุผลนั้นก็เพราะว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินนั้นได้ประเมินเศษรฐกิจไทยแล้วว่ามีแนวโน้มที่จะทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 แต่ก็ยังคงต้องระวังความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดระรอกที่สอง และอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มติดลบในปี 2563 แต่มีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายในปี 2564
สถานการณ์ของการลงทุน
และสำหรับสถานการณ์การลงทุน ในปัจจุบันก็ต้องบอกเลยว่ามีความเสี่ยงสูงมากๆ เพราะด้วย ตลาดหุ้นทั้งโลกมีความผันผวน เนื่องด้วยโรคไวรัสระบาด การเลือกที่จะลงทุนในตอนนี้ก็เลยจะทำให้ดูเหมือนว่ายังไม่เหมาะสักเท่าไร เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุนอยากที่จะลงทุน ก็มีคำแนะนำมาให้เพื่อนๆด้วย คือ ถ้าเพื่อนๆชอบลงทุนในหุ้น ก็ขอแนะนำให้ชะลอเอาไว้ก่อน ควรที่จะระมัดระวังการลงทุนเอาไว้ และ ส่วนในเรื่องของการลงทุนในสินทรัพย์ ในตอนนี้ก็ต้องมีแนะนำอยู่ 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่
ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา เพราะด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เลยทำให้ธนาคารกลางต่างๆ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลงทุนในทองคำ ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และสุดท้าย ลงทุนในตราสารหนี้ประเภทหนุ้กู้อนุพันธ์ ก็จะประมาณนี้สำหรับคำแนะนำที่มีให้เพื่อนๆในตอนนี้ถ้าอยากจะลงทุน แต่ถ้าไม่ผมว่าอีกทางเลือกหนึ่งคือการเก็บเงินไว้กับตัวใช้เป็นกระแสเงินสดในตอนนี้ก็ดูน่าสนใจไม่ใช่น้อยนะครับรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ค่อยเลือกที่จะลงทุนก็ไม่สายเกินไป
ช้าๆได้พร้าเล่มงาม... สุภาษิตนี้เหมาะกับการลงทุนตอนนี้มากที่สุด
และนี้คือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนและเศรษฐกิจบ้านเมืองของเรา ณ ปัจจุบันนี้ ปี 2563 ซึ่งเมื่อเพื่อนๆรู้แบบนี้แล้วก็เอาไปตัดสินใจลงทุนกันนะครับ ถ้าอยากจะลงทุนและคว้าโอกาสช่วงวิกฤตเช่นนี้ก็ลงทุนตามที่ได้แนะนำไปนะครับ แต่สำหรับการลงทุนในหุ้นยังไม่แนะนำให้ลงทุนในช่วงนี้นะครับ เพราะมันเสี่ยงจริงๆเสี่ยงเกินไป อาจจะมีการระบาดของเชื้อไวรัสระลอกที่สองอีกก็เป็นไป อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่งนิ่งนอนใจไปนะครับ
น้องอมยิ้ม:)
จากปี 2563 มาถึงปี 2564 นักลงทุนเป็นอย่างไรกันบ้าง พอจะบอกได้ไหมว่าการลงทุนประเภทไหนที่น่าสนใจและมีความเสี่ยงน้อยคะ? จริงๆเราไม่ถามอย่างนี้เลยเนอะ การลงทุนทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้น แต่เราอยากรู้จากนักลงทุนทั้งหลายว่าพอจะมีการลงทุนอะไรที่น่าสนใจและเสี่ยงน้อยบ้างมั้ยอะคะ
คุณานนท์
อ่านจากในบทความต่างก็บอกว่า กำลังไปในทิศทางที่ดีนะครับ แต่อันนี้เป็นแค่ การคำนวนหรือเปล่าครับ เพราะถ้าคุณลงมาสำรวจสภาพเศรษฐกิจ จริงๆ คุณจะพบว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คุณประเมินกันเอาไว้เลยนะครับ ตอนนี้คนตกงานมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับ รายได้ก็น้อยลงครับ แต่ในทางกลับกับสินค้าราคาแพงขึ้นแบบนี้คิดว่าแย่นะครับ
น้องNonpapa
นักลงทุนยังคงสนใจเรื่องการลงทุนเพราะเป็นสิ่วที่พวกเขาถนัด อย่างเราที่ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพอาจจะกังวลใจเรื่องการลงทุนในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ก็แอบอยากรู้นะว่าช่วงนี้มีธุรกิจหรือการลงทุนอะไรที่น่าสนใจบ้าง ที่แบบสามารถไปต่อได้ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้น่ะค่ะ ใครพอจะรู้บ้างเข้ามาแนะนำกันได้นะคะ
ภูริณัฐ
ตอนนี้จะเข้า 65แล้วนะครับ ไม่ทราบว่าเพื่อน วางแผนเรื่องการลงทุนอะไรเอาไว้กันบ้างครับ หลายๆคนคงไม่กล้าใช่ไหมครับ เพราะลงทุนในช่วงปีนี้ ไม่ได้กำไรกันเลยใช่ไหมครับ ไม่ต้องเครียด ไม่ได้เป็นแค่เราคนเดียวนะ ยังมีอีกหลายคนครับ แต่ ถ้าปี 65 ผมว่าการลงทุนในเรื่องการท่องเที่ยวน่าจะหลับมาบูมอีกครั้งนะครับ ไม่เชื่อก็คอยดูเลย