ถ้าจะเปรียบ ‘การลงทุน’ ให้คล้ายกับการที่เราวิ่งรถอยู่บนทางด่วน ยิ่งมีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดี ออกตัวได้แรง ก็จะไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ความฝันของมนุษย์เงินเดือนก็เช่นกัน หากเราอยากให้เรื่องนี้เป็นจริงได้เร็วแค่ไหน ก็ควรจะต้องเริ่มเตรียมตัวเพื่อการลงทุนอย่างฉลาดกันตั้งแต่วันนี้ อยากดูเบาไปนะคะ เพราะจากจำนวนเงินเริ่มต้นแค่เพียงเดือนละหลักพัน เราก็มีสิทธิ์ที่จะจับต้องเงินถึงล้านกันแล้ว

แต่ทางด่วนสายไหนบ้างจะเป็นตัวช่วยที่เราเลือกได้ MoneyDuck ขออาสาพาเพื่อนๆ ออกไปตามหาเส้นทางสู่ความฝัน จาก ‘การลงทุน’ ในสไตล์ที่ใช่สำหรับมนุษย์เงินเดือน มาสำรวจตนเองไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

ลงทุนกับเงินฝากประจำ

ลงทุนกับเงินฝากประจำ

วิธีแรกจะเป็นขั้นตอนสำหรับคนที่พึ่งเริ่มต้นสร้างวินัยทางการเงิน และอาจจะยังไม่ค่อยมีความรู้ในด้านการลงทุนแบบคลุกวงในมากนัก แต่หากมีรายรับในแบบประจำอยู่แล้วก็จะเหมาะมากเพราะสามารถกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอน เพื่อการฝากประจำ ทุกๆ เดือน ในจำนวนเงินที่เท่ากันค่ะ   เพราะเงินฝากประจำจัดอยู่ในช่องทางการลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่ำ ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 1-2.5 % (จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการฝาก) เริ่มต้นก็ง่ายมาก เพียงแค่ไปยังธนาคารใกล้บ้านที่เราสะดวก แล้วติดต่อเพื่อขอเปิดบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี เพื่อกำหนดให้เราทำการฝากเงินเป็นประจำทุก ๆ เดือนในจำนวนที่เท่า ๆ กัน เช่น เดือนละ 1,000 บาท ติดต่อกันนาน 24 เดือน แถมยังมีสิทธิพิเศษ คือ ได้รับการ ‘ยกเว้นภาษีเงินได้’ (จึงไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% แบบเงินฝากประจำทั่วไป) ดังนั้น หากใครอยากเริ่มต้นต่อยอดเพื่อสร้างหนทางรวย ก็ไปลองกันได้นะคะ!

ลงทุนในกองทุนรวม

ลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวม ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินเพื่อสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่ต้องทำงานประจำและไม่ค่อยมีเวลาติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดมากนัก ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราวๆ 5-10% ต่อปี (มีความเสี่ยงในหลายระดับขึ้นอยู่กับทรัพย์สินที่ได้ลงทุน) และ มีผู้บริหารจัดการกองทุนรวมถึงทีมงานเพื่อค่อยดูแลผลประโยชน์ให้เราค่ะ

ตัวเลือกก็จะมีในหลายกองทุน อาทิเช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราช หรือ กบข. ที่จะได้ถึง 2 เด้ง คือทั้งลงทุนและสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกอย่างกองทุนรวมตลาดเงิน ที่เน้นลงทุนในเงินฝาก/ตราสารหนี้ ซึ่งมีอายุไม่เกิน 1 ปี; กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล, พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ, ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ หุ้นกู้ของภาคเอกชน ซึ่งให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและสูงมาก

Tips! คือ การลงทุนในแบบ DCA (Dollar Cost Averaging)หรือ การซื้อเฉลี่ยเท่า ๆ กันในทุกเดือนโดยตัดเงินจากบัญชีเงินเดือน เพราะจากอัตราผลตอบเฉลี่ย 5% ต่อปี ถ้าเราลงทุนอย่างต่อเนื่องติดต่อกันนาน 5 ปี ก็จะมีจำนวนเงินต้นที่มากขึ้นถึงจำนวน 25% ซึ่งยังไม่รวมเงินปันผล  ยิ่งถ้ากองทุนนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 10% ต่อปี ลงทุนไป 1 แสนบาท เงินต้นก็จะงอกเงยเป็นเท่าตัว ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีเลยล่ะค่ะ!

ลงทุนในหุ้น

ลงทุนในหุ้น

คนที่ชอบออมหุ้นจะต้องเป็นคนที่ชอบคิด-วิเคราะห์ และมีเวลาติดตามข่าวสารการลงทุนมากสักหน่อย จึงจะสามารถเลือกซื้อหุ้นได้ถูกตัวและรู้จังหวะในการซื้อ-ขายค่ะ เพราะการลงทุนในหุ้นนั้นจะมีความเสี่ยงมากที่สุด แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงมากตามไปด้วย  มนุษย์เงินเดือนหลายคนจึงชอบวิธีนี้ ด้วยมองว่างานประจำที่ทำอยู่มีความเสี่ยงต่ำนักใช่มั๊ย เลยขอเลือกให้ ‘เงินทำงาน’ ด้วย ‘การลงทุน’ ที่มีความเสี่ยงสูงเอาซะเลย (ตรรกะอะไรเนี่ย แต่เออ..มันก็ไม่ได้แย่นะ!)

หลักการออมหุ้นรายตัวนั้น จะเริ่มต้นขั้นต่ำที่ 1,000 บาท ต่อเดือน (หากเสิร์ซ คำว่า ‘ออมหุ้น’  ใน Google ก็จะเห็นขึ้นมาอยู่หลายเจ้า) ซึ่งจะสามารถเลือกตรวจสอบได้ตามเงื่อนไขของแต่ละแห่งที่เราพอใจได้เลย. โดยกูรูบางคนอาจจะแนะนำให้ทะยอยสะสมหลายปี เพื่อเล็งในหุ้นที่มองเห็นว่ามีการเติบโต ไม่ทุ่มในหุ้นตัวเดียวมากเกินไป แล้วค่อยปรับพอร์ทจัดการให้ดีแบบยาวๆ จะได้มีเงินงอกเงยแบบทันค่าเงินเฟ้อ และพอใช้ตอนยามเกษียณค่ะ

และถ้าใครคิดว่าการลงทุนในหุ้นเราจะต้อง ซื้อๆ ขายๆ อยู่ตลอดเวลานั่นไม่เสมอไปค่ะ เพราะเรายังสามารถลงทุนในหุ้นแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน หรือ DCA ได้ตามโปรแกรมบริการของนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ เพื่อตัดเงินจากบัญชีออมทรัพย์ทุกๆ เดือนไปเลือกหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต เช่น หุ้นรถไฟฟ้า , หุ้นโรงพยาบาล , หุ้นธนาคาร หรือ หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ก็จะไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการกองทุนแบบการลงทุนในหุ้นของกองทุนรวม แต่วิธีนี้หากเลือกหุ้นผิดตัวก็มีโอกาสขาดทุนเองอยู่เหมือนกันค่ะ จึงจะต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจ

ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

หนี้ก้อนหนึ่งที่ถือว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่แต่หลายคนก็อยากที่จะลงทุนกับมัน คือ การมี ‘บ้าน’เป็นของตัวเอง และนี่ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สำหรับมนุษย์เงินเดือนอีกด้วยค่ะ เพราะจะมีความเสี่ยงน้อยที่กว่าหุ้น มีผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก และสามารถป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะเงินเฟ้อได้ เพราะบ้านจะมีราคาที่เปลี่ยนแปลงไปตามราคาทำเลที่ดิน แถมดอกเบี้ยบ้านยังต่ำมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นๆ จึงคุ้มที่จะลงทุนตรงนี้เพื่อความรู้สึกที่มั่นคงสำหรับตนเอง

หรือใครอยากจะมองเป็นที่ดิน, ห้องพักในคอนโดมิเนียม ที่มีราคาเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา หากใกล้สถานีรถไฟฟ้าก็ขายกันตารางเมตรละเป็นแสนๆก็มี สำหรับมนุษย์เงินเดือนซึ่งเงินพอเฉลี่ยแล้วสามารถผ่อนคอนโดมิเนียมได้ในทุกๆเดือน จึงควรเลือกหาคอนโดฯ แถวๆย่านชานเมืองที่ราคายังไม่สูงมาก แต่ในอนาคตจะเป็นเส้นทางที่รถไฟฟ้าพาดผ่าน หรือ ทำเลดี เพราะด้วยราคาแล้วก็ย่อมดีดตัวไปสูงกว่าที่เราคิด หากจะขายตอนนั้นก็น่าสนใจไม่หยอกค่ะ

ทำประกันภัย

ทำประกันภัย

สุดท้ายที่อยากพูดถึงกัน คือ การทำประกันชีวิต ซึ่งถือเป็นวิธีการจัดการเงินเดือนอย่างฉลาดสำหรับมนุษย์เงินเดือนด้วย เพราะให้ทั้งผลประโยชน์, เงินลดหย่อนภาษีจากการชำระค่าเบี้ยประกันในแต่ละปี และ เงินคืนยามเมื่อครบกำหนดสัญญา

ตามความถนัดแล้วไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตแบบออมทรัพย์, ประกันสุขภาพ, ประกันรถยนต์ หรือ ประกันสินทรัพย์ต่างๆ ก็ถือว่าเป็นเหมือน ‘กองหนุน’ สำหรับเราหากต้องรับมือกับเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์เร่งด่วนในชีวิต ซึ่งถ้าไม่ได้ทำประกันภัยเอาไว้ก็จะต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่สูงมากแน่ๆ ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะค่ะ

ออมก่อนได้ก่อน กับ ‘การลงทุน’ เพื่อต่อยอดเงินเดือนของคุณให้เติบโตไปได้อีกไกล!

ออมก่อนได้ก่อน กับ ‘การลงทุน’ เพื่อต่อยอดเงินเดือนของคุณให้เติบโตไปได้อีกไกล!

เอาเป็นว่าสำหรับมนุษย์เงินแล้ว การลงทุนจะช่วยให้เรามีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น และสามารถวางแผนเพื่อสร้างเงินออมอย่างเป็นระบบได้ กับ 6 วิธีที่เรานำมาฝากกัน ก็ถือว่าจะมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย และความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป จึงควรนำไปลองปรับใช้ตามแต่ละสไตล์ของคุณดูค่ะ. ส่วนข้อแนะนำที่อยากบอกต่อเพื่อการต่อยอดเงินทุนของทุกท่านให้เติบโตไปได้อีกไกล ก็คือ การลงทุนอย่างเป็นประจำ เพื่อสร้างวินัยในการออม และอดทนรอ หรือ จะใช้เทคนิคแบบ DCA เพื่อให้เงินเติบโตก็เริ่มต้นได้ไม่ยากอีกด้วย

จึงหวังว่า บทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจเรื่องการลงทุนที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนกันมากขึ้น และหากใครสนใจอยากวางแผนการลงทุนในสไตล์เฉพาะตัวของคุณเอง MoneyDuck ก็มีที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งพร้อมจะช่วยคุณอยู่ ลองสอบถามกับทางเราเข้ามาได้เสมอเลยค่ะ :)