จะบอกว่าการ 'เทรดหุ้น' ถือเป็นเกมส์การเงินในรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้ หากเราเล่นถูกตัว ก็มีโอกาสในการทำกำไร และก้าวสู่ความร่ำรวยได้ไม่ยาก! หากใครใจร้อนอยากรีบลงสนามเพื่อเข้าไปซื้อขายในตลาดจริง และถามถึงสูตรเด็ดเคล็บลับที่ช่วยให้มือใหม่เทรดหุ้นได้เก่งขึ้นภายในเวลาไม่นาน
ขอตอบอย่างจริงใจก่อนจะอ่านบทความเลยนะคะว่า เรื่องนี้จะต้องอาศัยความพยายาม การฝึกฝน และความเข้าใจตลาดอย่างชัดเจนเสียก่อน เหมือนกับที่นักกีฬาต้องฝึกร่างกายทุกวัน นักเทรดหุ้นอย่างเราก็ต้องฝึกมือและหาแนวทางในการเอาตัวรอดในตลาด พร้อมตั้งสติก่อนสตาร์ท จะได้มีความสุขโดยหาเงินได้จากการเทรดหุ้นค่ะ
วันนี้จึงนำ 5 วิธีมาบอกต่อ ทั้งยังวิธีที่นักลงทุนมือเก๋าหลายคนยังใช้อยู่ด้วย จะมีอะไรที่ช่วยเราฉุกคิด พร้อมเทคนิคที่น่าสนใจบ้างนะ มาดูกันค่ะ
1. อย่าคาดหวังว่าจะทำกำไรได้มากๆในช่วงเวลาสั้นๆ
บางคนที่เริ่มลงทุนอาจเข้าใจว่าการเทรดหุ้นนั้น เราจะต้องมุ่งทำกำไรด้วยการซื้อถูกขายแพงในทันทีทันใด แต่จริงๆแล้ว ก้าวแรกกลับเป็นการเข้าใจถึงธรรมชาติและสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ต่างหาก โดยเราไม่ควรคาดหวังการทำกำไรได้มากๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อหวังรวยทางลัดจากตลาดหุ้นเพียงเท่านั้น
เพราะการลงทุนรูปแบบนี้อาจทำให้มีการตัดสินใจเทรดหุ้นโดยถูกครอบงำด้วย ‘ความโลภ’ มากกว่าการมองเห็นเหตุผลและปัจจัยด้านการลงทุน รวมไปถึงความสำคัญของการรักษาเงินทุนเอาไว้ต่อยอดในระยะยาว แล้วค่อยเรียนรู้ที่จะเทรดเฉพาะเมื่อเห็นโอกาสซึ่งตรงกับกลยุทธ์ของเราค่ะ
2. เทรดเดอร์ที่ดีต้องรู้จักควบคุมความเสี่ยง
มือใหม่ในการเทรดมักจะพูดกันถึงเกมส์รุก และน้อยนักที่อยากจะเข้าใจในเรื่องเกมส์รับ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงค่ะ เทรดเดอร์ที่ดีจึงต้องไม่เดินดุ่มๆลงสนามเพื่อมุ่งสู่การเล่นหุ้นแนวเทคนิค เพราะเรื่องกำไรอาจยังไม่กระทบนัก แต่การขายขาดทุน หรือ ความเสี่ยงนี่ล่ะ ที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ
จึงควรคิดเสมอว่า ทุกๆก้าวในการเทรด อาจลงเอ่ยด้วยการขาดทุนก็เป็นได้ เราจึงต้องรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตลาด เพื่อควบคุมความเสี่ยงและสร้างผลกำไรอย่างสม่ำเสมอแทน รวมถึงเรื่อง ‘อัตราส่วนระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน’ (Risk Reward Ratio) เช่น จากเงินจำนวน 1 บาท เราจะหวังผลกำไรที่ 3 บาท หากเทรดชนะ 25% จึงอยู่จุดคุ้มทุน แต่ถ้าเทรดชนะ 27% ขึ้นไปก็จะเป็นผลกำไรที่มากขึ้น
3.เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น ก็ซื้อหุ้นตัวที่อยู่ในขาขึ้นซะ
หลัก Capital Gain ที่บอกว่า ควรซื้อหุ้นในราคาต่ำ หรือ อย่างน้อยซื้อมาแล้วราคามันควรขึ้นต่อถึงจะได้กำไร เราจึงลงความเห็นได้ว่า ‘หุ้นที่ขึ้น คือ หุ้นที่มีคนซื้อ’ และจากการซื้อขายซึ่งถูกเล่นเป็นรอบๆ จึงต้องมองว่าเงินก้อนนั้นจะไปลงตรงไหน แล้วจังหวะใดจึงควรโยกเงินตาม เพื่อจะเทรดหุ้นให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอค่ะ. โดยอาจพึ่งระบบในการเลือกเข้าซื้อหุ้นจากเครื่องมือทางเทคนิคก็ได้ อย่างเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นเพื่อบอกแนวโน้มในปัจจุบัน เพียงแต่ต้องมองสภาวะตลาดโดยรวมซะก่อน
เช่น ถ้าตลาดเป็นขาขึ้นก็ควรสนใจจะซื้อหุ้น แต่ถ้าตลาดโดยรวมลงก็ควรอยู่เฉยๆก่อน หรือ การดูแนวโน้มหุ้นรายตัว หากแนวโน้มเป็นขาขึ้นก็สนับสนุนการลงมือซื้อ และ อย่าซื้อหุ้นที่ยังไม่ขึ้น หรือมีความแข็งแกร่งน้อยเมื่อเทียบกับตลาด(ไม่มี Relative Strength) เพราะหุ้นตัวไหนไม่เป็นที่สนใจของการซื้อขายในตลาดมากนั้น โดยสังเกตได้จากปริมาณการซื้อขายที่น้อย ก็ไม่ควรไปเสียเวลากับมันแล้วค่อยรอเล็งว่าหุ้นตัวที่เราอยากซื้อจริงๆ ซึ่งอยู่ในขาขึ้นจะดีกว่าค่ะ
4. กำหนดจุดตัดทุน ครั้งละไม่เกิน 1% ของพอร์ตนั้นเซฟสุด
การกำหนดจุดหยุดขาดทุน หรือ Stop Loss มีวิธีง่ายๆ คือ การสำรวจจากเงินในกระเป๋าของเราว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน หรือ การเลือกจุดหยุดขาดทุนทางเทคนิคจากหุ้นตัวนั้นๆ. โดยสำหรับมือใหม่ขอแนะนำเลยว่า เราควรตั้งระดับที่จะขาดทุนในแต่ละครั้งไว้ไม่เกิน 1% เพื่อความเซฟสุดและมีเงินเหลือพอสำหรับการซื้อขายในครั้งต่อๆไป เช่น ถ้าเรามีเงินในพอร์ต 1,000,000 บาท เราควรยอดเสียได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท
ซึ่งหมายความว่า แม้เราจะขาดทุน 1 ครั้ง ก็ยังมีโอกาสในการเทรดหุ้นอีก 99 ครั้ง ยิ่งมีเงินเหลือให้เทรดได้มากกว่า ก็จะมีโอกาสในการทำกำไรที่มากพอด้วย แถมข้อดีของการแบ่งเงินซื้อ ก็คือ เราคงจะไม่ขาดทุนทุกตัวในแต่ละครั้งแน่ สมมุติว่า ซื้อหุ้นได้ 5 ตัวต่อครั้ง หากเราขาดทุน 3 ใน 2 ในจำนวนเงิน 10,000 บาท แบ่งเฉพาะแล้วก็คือตัดขาดทุนแค่ตัวละ 2,000 บาทเท่านั้น
5. เพิ่มด้วยกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
และขอจบด้วยกลยุทธ์การลงทุนในแบบระยะสั้น ที่จะทำให้เราสร้างผลกำไรหรือขาดทุนได้น้อยที่สุด โดยหลายสายมักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะกับทั้งมือใหม่และมือเก๋าในการเทรดหุ้น อาทิ
-
Scalping คือ กลยุทธ์เพื่อทำกำไรโดยการเปิดและปิด ในช่วงสั้นๆราวๆ 5 - 20 จุด เมื่อราคาหุ้นขยับไปถึงจุดที่กำหนด โดยเน้นทำกำไรน้อยๆ แต่บ่อยๆ
-
Fading คือ การซื้อขายแบบตรงข้ามกับแนวโน้ม โดยขายหุ้นเมื่อกำลังจะขยับสูง และซื้อหุ้นเมื่อราคากำลังจะลง จึงเป็นเน้นการทำกำไรแต่เนิ่นๆ
-
Momentum คือ การเก็งกำไรแบบตามกระแสและทิศทางของหุ้น โดยพิจารณาจากประเด็นข่าวและแนวโน้มของหุ้นในช่วงเวลานั้น และปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นประกอบ เพื่อทำกำไรจากหุ้นที่กำลังเป็นจุดสนใจ
และสุดท้าย คือ การไม่เล็งไปที่ Indicator มากเกินไป แม้หลายคนจะมองว่าเจ้าเครื่องมือนี้ถือเป็นพระเอกที่จะช่วยให้การซื้อขายของเราประสบความสำเร็จ แต่ความจริงแล้วเมื่อดูกราฟการเคลื่อนที่ของราคาปริมาณการซื้อขายจริงๆ ก็มีข้อมูลที่ช่วยเราวิเคราะห์ทิศทางของตลาดได้เพียงพอแล้ว จึงไม่ควรยึดติดที่ Indicator มากเกินไป มองเพียงแค่ผ่านๆ ก็พอเพื่อรู้ว่า Indicator ที่เลือกใช้อยู่สนับสนุนการตัดสินใจแล้วหรือไม่ค่ะ
มือใหม่ในการเทรดหุ้นสามารถเอาตัวรอดและสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอได้!
เคล็ดลับทั้ง 5 วิธีที่เรานำมาฝากกัน หวังว่าจะตรงใจหรือตอบโจทย์นักเทรดหุ้นมือใหม่ได้ แม้จะไม่ใช้เคล็ดลับหรือสูตรสำเร็จที่การันตี แต่สิ่งนี้จะช่วยเราสามารถเอาตัวรอดในสนามการซื้อขาย และสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอค่ะ หากมือใหม่ท่านใดลองนำไปปรับใช้กันดู จะเห็นว่าการเทรดหุ้นของคุณนั้นดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทีเดียวเชียว
แต่อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ทุกคนก็ต้องปลงใจว่าเรากำลังเล่นกับไฟอยู่ อาจมีวันไหนบ้างที่สภาวะตลาดไม่เป็นใจ ก็อย่าพึ่งท้อกับมันค่ะ ของแบบนี้เราฝึกกันได้ ลองตั้งใจปรับพอร์ตการลงทุนและสไตล์การเทรดสักหน่อย ให้เวลากับมันสักพักเพื่อผลกำไรที่จะตามมานั่นเอง
MoneyDuck ขอเอาใจช่วยให้ทุกคนมีความสุขกับการเทรดหุ้นนะคะ :)
จีรศักดิ์
เทคนิคเรื่องการเล่นหุ้นนี้ เรียนเท่าไรก็เรียนไม่จบจริงๆนะครับ 5วิธีที่บอกมา ถ้าเป็นช่วงก่อนที่จะมีโควิด-19 ก็น่าทำตามหมดเลยนะครับ แต่ ช่วงนี้ หลายคนบอกว่าเป็นช่วงที่จะกวาดซื้อหุ้นที่เคยแพงๆในสมัยก่อนเอามาเก็บไว้ครับ อย่าง หุ้นโรงแรม หรือว่าหุ้นท่องเทีย เพราะว่าหุ้นแบบนี้ช่วงโควิด ตกลงเยอะมากๆ เลยน่าซื้อเก็บเอาไว้
อังกูร
จริงครับ การลงทุนกับหุ้นอย่าคาดหวังว่าจะทำกำไรได้มากๆในช่วงเวลาสั้นๆ และเทรดเดอร์ที่ดีต้องรู้จักควบคุมความเสี่ยง เห็นด้วยกับคนเขียนบทความครับ รู้ว่าเวลาลงทุนใครๆก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น แต่อย่าลืมว่ามือใหม่ย่อมด้อยประสบการณ์ ของอย่างนี้ต้องอาศัยเวลาและหมั่นเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย ลงทุนและเทรดกันอย่างรอบคอบครับ
Anu pak
ชื่อบทความนี้ดีนะครับ "5 วิธี 'เทรดหุ้น' ให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ!" หลายคนอยากเล่นหุ้นเพราะคิดว่าจะได้เงินเยอะ ได้กำไรมาก อาจคาดหวังว่าจะได้ตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นไม่นานด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ทุกคนจะได้เงินเร็วขนาดนั้น ถ้าทำได้อย่างที่บทความนี้บอกก็ดีสิครับ คือ เล่นหุ้นให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอน่ะ ใครทำได้ ดีใจด้วยจริงๆ
โชติกา
ชอบที่บอกว่าต้องรู้จัก ควบคุมความเสี่ยงคะ เพราะหลายคน ไม่ได้กำหนดว่าจะเทรด แล้วได้กำไรเท่าไรแล้วจะหยุด หลายคนกเทรดไปเรื่อยๆ คิดว่าอยากจะได้มากขึ้นสักหน่อย แต่พอเล่นไปนานๆ กลับไม่เหลือเลย แบบนี้ไม่มีผลดีแน่นอน คนีทเทรดเก่งๆเขารู้จักพอกับสิ่งที่เขากำหนดเอาไว้ ไม่ได้ก็เลือก ได้เท่าที่อยากได้แล้วก็พอ ค่อยวันกันวันใหม่
ศิราณี
เห็นด้วยเลยคะ ที่บอกว่าให้เรากำหนดจุด ตัดทุน ครั้งละไม่เกิน 1% ของพอร์ต ที่เราลงทุนอยู่ การที่เรากำหนดแบบนี้ มันช่วยเรา กระจ่ายความเสี่ยงในพอร์ตนั้นได้จริงๆคะ แต่ การทำแบบนี้ก็ต้องทำใจหน่อยนะ ถ้าเราเทรดได้ อาจจะได้ไม่มาก แต่ เรื่องความเสียหาย เรามองว่ามันน้อยมากถ้าทำตามขั้นตอนนี้คะ อ่อ แล้ว อย่าโลภ ด้วย อันนี้สำคัญ หยุดเมื่อไปต่อไม่ได้
Jeerawan:)
"เทรดเดอร์ทุกคนก็ต้องปลงใจว่าเรากำลังเล่นกับไฟอยู่" อ่านเจอประโยคนี้แล้วตกใจนิดนึง แต่ที่คนเขียนบทความเปรียบเทียบมันก็ไม่ได้เกินจริงหรอกค่ะ การลงทุนอะนะมันมีความเสี่ยงอยุ่แล้ว เราก็รู้กันอยู่ว่าการเล่นหุ้นมันไม่แน่นอน ตลาดการซื้อขายในแต่ละวันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ใครพร้อมลุยก็ลุยเลย ใครยังไม่พร้อมควรศึกษาเพิ่มเติมค่ะ
กิตติธัช
น่าแปลกนะครับ ผมเห็นพวก ยูทูปเปอร์ ที่มา เทรดหุ้นให้เราดู ทำไมดูเหมือนเล่นง่ายจังครับ แค่เดาเอาว่าหุ้นจะขึ้นหรือว่าจะลงเท่านั้นเอง แล้วเล่นแต่ละครั้งก็ได้ด้วย ไม่เคยจะเสียกันสักคนเลยครับ อยากทราบจังว่าการเทรดแบบของพวกยูทูปเปอร์เนี๊ยะ มันได้จริงๆเหรอแล้ว มันไม่มช่การพนันเหรอครับ เห็นบางคนชวนคนอื่นๆเล่นด้วย
ชนาณา:chana
อ่านแค่หัวข้อหลักก็หนักใจละค่ะ555 กว่าเทรดหุ้นให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอคงต้องใช้เวลานานเนอะ อย่างเราเนี่ย แค่เทรดหุ้นให้ได้กำไรบ้างแบบไม่ขาดทุน เราว่ายังยากเลยอะค่ะ ของอย่างนี้ต้องเป็นคนที่ชอบทางนี้จริงๆอะนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่สู้และอดทนมาจนถึงจุดที่เทรดหุ้นได้กำไรดีๆแบบต่อเนื่องหรอกค่ะ ใครสนใจลองเทรดหุ้นดูนะ