เศรษฐกิจของโลกปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลง แต่สำหรับนักลงทุนไม่ได้คิดว่ามันจะส่งผลเสียเสมอไป เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนั้น นักลงทุนสามารถมองหาและหยิบจับสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆได้ด้วย และจะลงทุนอะไรในเมื่อเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ หนึ่งในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีความมั่นคงและมีมูลค่าเพิ่มสม่ำเสมอการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
แต่การลงทุนโดยตรงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และรับความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง นักลงทุนส่วนหนึ่งจึงเลือกลงทุนกับสินทรัพย์อื่นที่มีนโยบายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น กองทุนรวมอสังหา หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ REIT : (Real Estate Investment Trust) แทน ซึ่งสำหรับนักลงทุนบางส่วนแล้ว การลงทุน REIT มีความซับซ้อนไม่น้อย ดังนั้น ให้เรามาดูกันว่า ต้องตรวจสอบอะไรก่อนลงทุน REIT
Real Estate Investment Trust คืออะไร?
สำหรับกองทุน REIT จะเป็นกองทุนที่รวม เอาลักษณะพิเศษของสินทรัพย์ 2 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้นมาไว้ด้วยกัน โดย REIT คือการลงทุนผ่านตัวกลางคือผู้จัดการกอง REIT หรือ REIT Manager ที่จะทำหน้าที่ตั้งแต่ยื่นขอจัดตั้ง REIT เสนอขายหน่วยทรัสต์ให้กับนักลงทุนเพื่อระดมทุนสำหรับลงทุนในกองทรัพย์สิน ซึ่งเป็นของ Trustee บริหารให้เกิดดอกผลในลักษณะค่าเช่า แล้วให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนตามหน่วยทรัสต์ที่ถืออยู่
กอง REIT กับการบริหารกองทุนรวมก็แทบจะไม่มีข้อแตกต่างอะไรมาก เพราะเป็นการซื้อหน่วยลงทุนให้คนอื่นบริการจัดการสินทรัพย์ให้และรับผลประโยชน์จากการลงทุนนั้น
แต่ REIT กับกองทุนรวมอสังหาฯ ไม่เหมือนกัน ด้วยข้อบังคับทางกฎหมายและสถานะ รวมถึงการจัดการ ซึ่งหลักการทางกฎหมายของ REIT จะเหมือนกองทรัสต์ที่ทรัสตีกับผู้ก่อตั้งเป็นคนเดียวกัน แต่ทรัสตีให้ REIT Manager เป็นผู้บริหารกองทรัพย์สินรวมทั้งผลประโยชน์ให้ ต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์(Property Fund) ที่เป็นการก่อตั้งและบริหารการลงทุนในลักษณะนิติบุคคล และสามารถระดมทุนได้เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย กอง REIT จึงห่างไกลจากการล้มละลาย และสามารถนำอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมาใช้ระดมทุนได้ด้วย จึงทำให้การลงทุนใน REIT กระจายการลงทุนได้ง่าย และมีความหลากหลายมากกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
REITมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?
REIT มี 4 องค์ประกอบด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1.เจ้าของสินทรัพย์หรือทรัสตี
เจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ต้องการนำไประดมทุนและบริหารให้เกิดผลประโยชน์เป็นค่าเช่า โดยจะทำหน้าที่เป็นผู้คอยตรวจสอบการบริหารการทำงานของคนที่รับมอบอำนาจบริหารจัดการทรัพย์สินให้ ซึ่งในที่นี่คือ REIT Manager
2.REIT Manager
ผู้รับโอนมอบอำนาจในการจัดการกองทรัพย์สิน จะทำหน้าที่ตั้งแต่ยื่นคำร้องขออนุญาตเป็นผู้จัดการกองทรัพย์สิน ระดมทุนในตลาดหุ้นโดยการเสนอขายสิทธิในการเป็นรับผลตอบแทนจากกองทรัพย์สิน เรียกว่าหน่วยทรัสต์ เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหน่วยทรัสต์มาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของสินทรัพย์ แล้วบริหารให้ได้ผลประโยชน์เป็นค่าเช่าเพื่อเฉลี่ยคืนให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ส่วนใหญ่ REIT Manager จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ มีฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่มีทุนชำระไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปนอกจากนี้ในกอง REIT อาจมี Property Manager ด้วยก็ได้ โดยจะทำหน้าที่ช่วยบริหารจัดการ
3.ผู้ถือหน่วยทรัสต์
คือนักลงทุนที่ซื้อหน่วยการลงทุนเป็นหน่วยทรัสต์ สำหรับการลงทุนในกอง REIT จะเป็นไปได้ทั้งแบบ Freehold และ Leasehold แต่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับผลประโยชน์จากค่าเช่าที่ REIT Manager บริหารสินทรัพย์นั้นให้ได้ ซึ่งการลงทุนแบบ Freehold ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6-7% ในขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของการลงทุนแบบ Leasehold อาจได้ถึงประมาณ 7-8%
4.ผู้จัดจำหน่าย
คือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายหน่วยทรัสต์ระหว่าง REIT Manager ซึ่งเป็นผู้เสนอขาย กับนักลงทุนซึ่งเป็นผู้สนใจซื้อหน่วยทรัสต์นั้น ในที่นี้คือผู้ได้รับอนุญาตทำการซื้อขายสินทรัพย์จาก กลต. มักเป็นธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต เงินจากการซื้อหน่วยทรัสต์จะถูกส่งกลับไปที่กองทรัสต์นั้น เพื่อบริหารการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดย REIT Manager ต่อไป
REIT มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
กองทุน REIT มี 5 คุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
- ไม่มีการกำหนดอายุของกองทรัพย์สินนี้ จึงไม่รับไถ่ถอน แต่นักลงทุนสามารถขายหน่วยทรัสต์เพื่อไปลงทุนใหม่ได้
- ทุนที่ได้จากการขายหน่วยทรัสต์ต้องนำไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเสนอขายและเงินกู้ยืม
- REIT ลงทุนเพื่อผลตอบแทนเป็นค่าเช่าหรือค่าบริการ ซึ่งเป็นได้ทั้งการลงทุนแบบเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหานั้น (Freehold) และแบบปล่อยเช่า (Leasehold)
- REIT สามารถนำอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมาใช้ระดมทุนได้
- REIT มีดอกผลจากการให้กู้ยืมเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมได้ โดยสามารถกู้ยืมได้ไม่เกิน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินรวม แต่ถ้ามีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไป จะกู้ยืมได้ไม่เกิน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินรวม
REIT มีประโยชน์อะไรบ้าง?
มี 3 ประโยชน์ ดังนี้
1.ระดับเจ้าของทรัพย์สิน
- นำอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้แล้วมาระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ได้
2.ระดับผู้ลงทุนทั่วไป
- ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเช่นเดียวกับการลงทุนโดยตรงในอสังหาริมทรัพย์
- มีความมั่นใจในการบริหารงานมากขึ้น ภายใต้การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ของผู้เชี่ยวชาญ
- มีทางเลือกในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายมากขึ้น
3.ระดับกองทรัสต์
- ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายประเภทมากขึ้น รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
- สามารถกู้ยืมเงินได้มากขึ้น เพื่อนำมาลงทุนหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เองบางส่วน - เปิดให้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทำหน้าที่บริหารจัดการ REIT ได้ - เป็นสากลเทียบเท่าต่างประเทศ
REIT เหมาะสำหรับนักลงทุนอย่างไร?
เหมาะสำหรับนักลงทุน เพราะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและสูงกว่าตราหนี้ชนิดอื่น มี 5 เหตูผลด้วยกันดังนี้
1.เหตุผลด้านผลกำไร
ในการลงทุนกับ REIT นอกจากผลกำไรปีละ 6 – 8% จนกว่าจะครบสัญญาแล้ว ในการลงทุนแบบ Freehold ยังได้สินทรัพย์นั้นไปถือครองหลังจบสัญญาอีกด้วย ซึ่ง ณ จุดนั้นเจ้าของหน่วยทรัสต์อาจจะบริหารต่อเอง หรือขายทรัพย์สินนั้นไปก็ได้ หรือจะเป็นการปล่อยกู้ในกอง REIT เพื่อไปลงทุนในอสังหาฯ หรือกองทุนอื่น เป็นกำไรหรือดอกผลทางอ้อมนอกเหนือจากค่าเช่าและค่าบริการที่จะได้รับ รวมถึงผลตอบแทนอย่างน้อย 90% องกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วจากกอง REIT นั้น
2.เหตุผลด้านการกระจายการลงทุน
REIT สามารถเลือกกระจายการลงทุนได้หลายกอง และลงทุนได้กับอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเงินลงทุนทั้งหมดในคราวเดียว ถ้าเศรษฐกิจในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมีความผันผวน ส่วนที่เหลือก็อาจจะยังพอไปได้
3.เหตุผลด้านการบริหารจัดการ
หนึ่งในกฎของการเป็น REIT Manager คือเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงมีความสามารถในการบริหารจัดการกอง REIT มากกว่าบุคคลทั่วไปลงทุนเอง รวมทั้งไม่ต้องวุ่นวายหาผู้เช่า หรือซ่อมบำรุงด้วยตัวเองอีกด้วย
4.เหตุผลด้านต้นทุนในการลงทุน
กอง REIT เริ่มต้นลงทุนได้ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมาก มีเงินหลักพันก็สามารถลงทุนได้ ต่างจากการลงทุนโดยตรงในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่า
5.เหตุผลด้านสภาพคล่อง
จริงอยู่ที่การลงทุนโดยตรงในอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่มีความมั่นคงสูง ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแน่นอน และสามารถแปรสภาพเป็นทุนได้อีกหลายทาง แต่ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของอสังหาริมทรัพย์คือความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยเฉลี่ยแล้วบ้านหรือที่ดินจะขายได้ต้องใช้เวลาราวๆ 6 เดือน และมีกระบวนการดำเนินการรวมทั้งค่าใช้จ่ายทั้งค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ค่านายหน้า รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงหรือปรับปรุงสภาพ แต่สำหรับ REIT การซื้อขายทำผ่านตลาดหุ้น ซึ่งมีความคล่องตัวกว่ามาก
ต้องตรวจสอบอะไรก่อนลงทุนREIT?
มี 3 สิ่งที่ต้องตรวจก่อนลงทุน REIT ดังต่อไปนี้
1.ประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่ REIT นั้นลงทุน
ผลตอบแทนของ REIT มาจากค่าเช่าหรือค่าบริการ ดังนั้น อสังหาฯ ที่ REIT นั้นมีนโยบายในการลงทุนต้องสอดคล้องกับผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ เช่น ถ้าเป็นพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า ก็ต้องเป็นห้างที่มีคนเดิน หรือถ้าเป็นคอนโดมิเนียม ก็ต้องอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้เช่าเต็มเสมอ และอัตราค่าเช่าให้ผลตอบแทนตามโจทย์ที่นักลงทุนตั้งไว้
2.ความน่าเชื่อถือของกอง REIT
การจะเชื่อใจคนแปลกหน้าให้เอาเงินเราไปบริหารจัดการนั้น ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นเรื่องสำคัญที่คงไม่อาจมองข้ามได้ REIT Manager ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทนั้นๆ หรือมีประสบการณ์การบริหาร REIT มาก่อน รวมทั้งต้องเป็นกอง REIT ที่มีความมั่นคง โดยดูได้จากโครงสร้างเงินทุนของ REIT นั้น และสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ แม้ความน่าเชื่อถือของกอง REIT จะมีความสำคัญในการพิจารณาเลือกถือหน่วยลงทุน แต่ผลประกอบการในอดีตก็ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตได้เต็มร้อย นั่นหมายความว่าโอกาสจะขาดทุนก็มีอยู่ แต่ควรจะน้อยกว่าการเลือกกอง REIT โดยไม่ได้พิจารณาส่วนนี้ประกอบด้วยอย่างแน่นอน
3.สภาพคล่องในตลาดทุน
ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้น ราคาซื้อขาย ช่วงระยะเวลาที่ซื้อขายได้ของ REIT แต่ละตัวและทิศทางราคาย่อมมีความสำคัญการลงทุนใน REIT ลดความเสี่ยงของตลาดที่ผันผวนได้เพราะความมั่นคงของสินทรัพย์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยง และต้องทำความเข้าใจกับหลักการการทำงานที่เลือกเชื่อใจ ไว้ใจให้คนอื่นบริหารจัดการเงินแทนเรา ถ้าเชื่อในส่วนนี้ได้ ก็เป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อย การลงทุนใน REIT จะต่างจากการลงทุนในเพีบร์ พาวเวอร์ที่นักลงทุนเลือกเองได้ว่าจะลงทุนกับ SME ประเภทใด ถ้าสนใจการลงทุนแบบที่คุณเลือกเองได้ ลงทะเบียนเป็นนักลงทุนกับเราได้ตอนนี้เลย
สรุป: การลงทุนREITดีจริงหรือไม่?
การลงทุน REIT ดีและเหมาะสำหรับนักลงทันอย่างมากเพราะผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและสูงกว่าตราหนี้ชนิดอื่น จากที่เราได้อ่านไปก็จะเห็นว่าน่าลงทุนจริงๆสำหรับปุจจุบันในตอนนี้เพราะเศรษฐกิจโลกทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิมเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ดังนั้น เหมาะที่นักลงทุนจะลงทุน REIT นั่นเอง
Pasut
เคยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครับว่าการลงทุนREITดีไหม? เพราะผมกำลังคิดอยู่ที่จะลงทุน REIT พอมาอ่านบทความนี้กระจ่างเลย ที่ผมสนใจเกี่ยวกับการลงทุนแบบนี้เพราะว่าได้กำไรปีละ 6 – 8% ซึ่งผมถือว่าเยอะพอสมควรแล้วก็ถ้าเราลงทุนแบบ Freehold ก็ยังได้สินทรัพย์ไปถือครองหลังจบสัญญา อันนี้รู้สึกคุ้มครับ เดี๋ยวจะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ
Thong Daeng
เป็นเรื่องจริงค่ะที่ถึงเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสส่วนตัวเพิ่งจะเคยได้ยินกองทุนเป็นครั้งแรกนี่แหละค่ะน่าสนใจดีนะคะ แล้วเรารู้สึกชอบอยู่อย่างก็คือคนที่ลงทุนเนี่ยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนเยอะ เหมือนกับการลงทุนโดยตรงใน อสังหาริมทรัพย์ แล้วก็มีทางเลือกในการลงทุนได้หลากหลายมากขึ้น เห็นข้อมูลตรงนี้แล้วคิดว่าจะตามกองทุนตัวนี้ต่อเลยค่ะ
นาวา
ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับก็เพิ่งจะเข้าใจและรู้จักการลงทุนReal Estate Investment Trust เหมือนกัน เพราะว่าการลงทุนแบบนี้เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและหาความรู้ให้มากขึ้น เพื่อที่จะใช้สินทรัพย์ของเราให้เป็นประโยชน์ การที่เราครอบครองสินทรัพย์นั้นก็ได้รับผลกำไรแต่ต้องดูเหมือนกันว่าจะปล่อยขายไปตอนไหน ผมเห็นข้อดีบางอย่างจากบทความนี้เลยครับ
ยศธน
ตอนแรกที่เห็นว่าการลงทุน REIT เป็นการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ผมคิดว่าคงลงทุนไม่ได้เพราะน่าจะต้องใช้เงินเยอะ แต่พออ่านไปจริงๆไม่ต้องมีเงินเยอะก็ลงทุนได้ มีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและสูงกว่าตราหนี้ชนิดอื่นอีก น่าสนใจดีนะครับ แต่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมตอนนี้น่ะสิ มันจะเหมาะกับการลงทุน REIT มั้ยครับ สถานการณ์มันยังไม่นิ่งเลย
นายถม
ผมเคยอ่านเกี่ยวกับกองทุนแบบนี้ครับ แล้วก็ได้อ่านเกี่ยวกับ ผู้จัดการกองทุนด้วยครับ ผมว่า น่าสนเลยนะครับ การซื้อกองทุนแบบนี้ เขามีผู้จัดการกองทุนเป็นตัวแทน ระหว่างเรากับกองทุนที่เราซื้อครับ แล้วคนที่สามารถเป็น ผู้จัดการกองทุนได้ พวกเขาต้องมีการสอบความรู้เรื่องการบริหารด้วยนะครับ ต้องมีใบรับรอง ดังนั้นการเล่นกับกองทุนนี้เราจะมีคนที่เก่งๆคอยข่วย ซึ่งดีกว่าเราซื้อเองแน่นอน
สมหวัง
ผมเริ่มต้นการลงทุนได้ไม่นานแต่อยากเรียนรู้ศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มเติมเอาไว้มากๆ นี่คงเป็นเรื่องการลงทุนที่ผมอ่านแล้วเครียดมาเลยไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก และต่อไปคงมีอีกหลายๆเรื่องที่ผมอ่านแล้วปวดหัวนะ ไม่ใช่เขาเขียนมาไม่ดีนะ ไม่ดีที่ผมเนี่ยแหละที่เข้าใจยาก เหมือนสมองมันไม่รับเท่าไหร่ แต่ยังไงเรามาทางนี้แล้วก็ต้องเรียนรู้กันไป ใครเป็นอย่างนี้บ้างอยากเรียนรู้แต่สมองไม่รับ?
ยี่หวา
Reitเป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท เช่น โรงแรม สำนักงาน และห้างสรรพสินค้า สามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รายได้หลักคือค่าเช่าที่กองนั้นเข้าไปลงทุน ซึ่งข้อควรระวังในการลงทุนอย่างเช่นถ้าเราจะลงทุนReitที่เป็นห้างสรรพสินค้า เราต้องดูปัจจัยหลายอย่าง ต้องดูทำเลที่ตั้งเป็นหลัก สภาพเศรษฐกิจ รูปแบบราคาค่าเช่า ไม่งั้นโอกาสขาดทุนจะสูง
จอนนี่
ที่จริงแล้วผมว่าถ้าเป็นนักธุรกิจเนี่ยส่วนใหญ่จะมองว่า วิกฤตที่เจอสามารถพลิกเป็นโอกาสได้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลเสียต่อธุรกิจหรือการลงทุนที่มีแต่ผมว่านักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมองหาทางออกได้เสมอล่ะครับ อย่างผมเองก็เริ่มลงทุนได้สักพักกำลังหาศึกษาข้อมูลการลงทุนอยู่และการลงทุนแบบ REIT เคยได้ยินผ่านๆหูเหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะลองศึกษาแบบจริงๆจังๆดู
มุนินทร
อ่านแล้วก็ขำคะ ไม่ใช่ขำเรื่องที่พี่เขียนนะคะ แต่หนูขำตัวเองคะ ไม่เข้าใจว่าหลงเข้ามาได้บทความนี้ได้ยังคะ ปกติแล้วชอบอ่านบทความของเวบนี่คะ ก็ไล่อ่านแต่ละเรื่องมาเรื่อยๆ และมาจบที่บทความนี้ อ่านไปงงไปสิคะ ไม่เคยรู้จักเรื่องแบบนี้เลย แต่ก็ยังอ่านจนจบคะ ผลออกมาที่ได้คืออ่านจบแล้ว ต้องกินยาแก้ปวดคะ งงคะเรื่องการลงทุน
หนึ่ง
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ เพราะช่วยให้เราสามารถที่จะมองหาอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่จะสามารถ สร้างผลกำไรให้กับเราได้ อสังหาริมทรัพย์สามารถเอามาทำเป็นราคาและสามารถเปลี่ยนแปลงจากทรัพย์สินกลายเป็นเงินได้ด้วย ซึ่งถ้าถามว่าในช่วงนี้เศรษฐกิจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ
Mint
อันดับแรก ตรวจสอบเงินในกระเป๋าก่อนเลย บอกตรงๆไม่มีความคิดเห็นเรื่องที่จะลงทุนเลย เป็นเรื่องที่ไกลตัวมากๆ แต่รู้สึกว่ามันก็อยู่รอบตัวเรา มีความรู้เรื่องการโอนหรือมอบตัวให้เราได้รู้จักกันนะ ถึงแม้ไม่คิดจะลงทุนการศึกษาหาความรู้เอาไว้อย่างเช่นที่ผมเข้ามาดูทางนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี การศึกษาหาความรู้ให้เสียเวลาไม่เสียหาย