ใครที่กำลังคิดที่จะลงทุนในหุ้น แต่ไม่รู้จะเลือกหุ้นแบบไหนดีระหว่างหุ้นปันผลหรือหุ้นเติบโตในบทความนี้มีคำแนะนำมาให้ ปัจจุบันนี้การลงทุนในหุ้นนับว่าเป็นวิธีการลงทุนที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างสูงแต่มีนักลงทุนหน้าใหม่ที่เริ่มเข้ามาลงทุนทั้งๆที่ตัวเองนั้นไม่เคยลงทุนในหุ้นมาก่อนและมักประสบปัญหากันทุนคน เลยก็คือ การเลือกซื้อหุ้นที่ดีที่ทำให้ประสบผลสำเร็จนั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายและความยากในเรื่องของการลงทุนในหุ้น เพราะหุ้นนั้นเปรียบเหมือนสินค้าที่มีอยู่หลากหลายและมีมากมายหลายราคา และผลตอบแทนนั้นยังแตกต่างกันอีก ซึ่งจริงๆแล้วหลักการการเลือกซื้อหุ้นนั้นไม่มีผิดหรือมีถูกหลักการจริงๆนั้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าในเรื่องของความสามารถในการรับความเสี่ยง ซึ่งแบ่งหุ้นที่มีมากมายหลากหลาย หลายราคา ผลตอบแทนแตกต่างกัน เป็น 2 ประเภท คือ หุ้นที่มีการปันผล และหุ้นที่มีอัตราเติบโตดีเพื่อมูลค่าของตัวหุ้น แล้วหุ้นที่มีการปันผลเป็นยังไง และ หุ้นที่มีอัตราเติบโตดีเป็นยังไง ไปดูกัน
หุ้นเติบโต
มาเริ่มกันที่หุ้นที่มีอัตราเติบโตดีเพื่อมูลค่าของตัวหุ้น คืออะไร ? หุ้นเติบโตดี คือ หุ้นของบริษัทที่ดูแล้วมีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นไปพร้อมๆกับการเจริญเติบโตของสถานประกอบการ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นบริษัทที่มักได้รับความสนใจหรือกลุ่มธุรกิจที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ของโลกหรือสถานการณ์บ้านเมือง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจด้านไอที กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ จุดเด่นของหุ้นลักษณะนี้หรือประเภทนี้ ที่อยู่ในกลุ่มของธุรกิจที่ได้รับความสนใจที่เกิดขึ้นมาตามสถานการณ์โลกนั้นก็คือ มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดมีเกณฑ์ที่ดี กำไรสุทธิก็มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และข้อดีของการซื้อหุ้นประเภทนี้คือ จะมีอัตราการเจริญเติบโตที่จะต่อเนื่องยาวนานจนสามารถทำกำไรให้ผู้ซื้อได้นั้นเอง
วิธีการสังเกตหุ้นประเภทนี้คือสามารถสังเกตได้จากลักษณะการขยายฐานลูกค้าหรือการขยายสาขา ยิ่งมีการขยายสาขามากขยายฐานลูกค้ามากยิ่งแสดงว่ามีกำลังทางทุนทรัพย์ดี และ มียอดขายเพิ่มอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หรือ มีอัตราการขยายตัวมากน้อยเพียงใด มีฐานหรือมีกลุ่มคู่ค้ามากน้อยแค่ไหน ลักษณะของสินค้าได้รับความนิยมมากน้อยเท่าไรหรือลักษณะของสินค้ามีเอกลักษณ์อะไรไหมที่น่าสนใจ นี้คือวิธีสำหรับที่จะสังเกตหุ้นว่าเป็นหุ้นที่มีการเติบโตดี เพื่อเมื่อตัดสินใจที่จะซื้อจะได้หุ้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดี แต่หุ้นในกระแสก็มีข้อด้อยอยู่ตรงที่ว่าหุ้นที่มีกระแสมักจะมีราคาต่อกำไรต่อหุ่นหรือค่า Price/Earnings Ratio หรือ P/E ที่ค่อนข้างสูง แต่กลับจ่ายเงินปันผลน้อยเพื่อนำเงินทุนไปขยายตัวแทน ดังนั้น หุ้นที่มีอัตราเติบโตดีแบบนี้ นั้น เหมาะกับนักลงทุนที่หวังผลตอบที่จากราคาตัวหุ้นไม่ใช่หวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเพราะอย่างที่บอกหุ้นแบบนี้ได้เงินปันผลน้อยและเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เพราะความเสี่ยงในหุ้นประเภทนี้คือความสามารถในการขยายสินทรัพย์ รายได้ หรือกำไรได้ต่ำกว่าความคาดหวัง ส่งผลให้ราคาของหุ้นที่เคยสูงอยู่นั้น เกิดแรงด้านลบจนลดลงได้
หุ้นปันผล
มาต่อกันที่หุ้นที่มีการปันผลคืออะไร ? หุ้นที่มีการปันผลก็ตามชื่อนั้นแหละครับ คือ หุ้นที่มีการปันผลกำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ชักชวนให้นักลงทุนนั้นหันมาสนใจเลือกที่จะลงทุนกับบริษัทหรือธุรกิจนั้น ซึ่งการปันผลมักจะมีกำหนดเป็นรอบปี หรือ ไตรมาส ตามแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัทหรือแต่ละธุรกิจ โดยที่เงินปันผลนั้นจะมาจากกำไรที่มีที่มาจากผลของการประการของธุรกิจและบริษัทนั้นๆ ตามอัตราภายใต้เงื่อนไขที่ถูกกำหนดโดยบริษัทหรือธุรกิจนั้น และ ในบางครั้งการปันผลอาจอยู่ในรูปแบบการเพิ่มทุน โดยให้ผลตอบแทนเป็นตัวหุ้นแทนที่เรียกกันว่าหุ้นปันผล ข้อมูลในเรื่องการจ่ายปันผลเหล่านี้จะมีการแสดงเอาไว้ให้ในตลาดหลักทรัพย์สามารถเข้าไปดูได้ ซึ่งจะมีข้อมูลสิทธิประโยชน์ย้อนหลังให้ผู้ที่สนใจได้ทราบว่าหุ้นตัวที่สนใจนั้นมีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างไร มีจำนวนเท่าไรและมีรอบการจ่ายช่วงไหนบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าหุ้นประเภทนี้ที่มีการปันผลกำไรให้นั้นจะแตกต่างกันกับหุ้นเติบโตที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เพราะหุ้นปันผลนั้นจะมีอัตราการขยายตัวทางธุรกิจที่ช้ากว่าหุ้นเติบโต เพราะได้นำเอาอัตราผลประโยชน์มาจ่ายเป็นผลตอบแทนทดแทนการนำไปขยายธุรกิจ ส่งผลให้มีอัตตราการขยายตัวช้ากว่าหุ้นเติบโต
ข้อควรระวังในการซื้อหุ้นประเภทนี้ คือ หุ้นประเภทนี้จะมีการปรับตัวลดลงหลังจากวันที่ทำการปันผลเพราะนักลงทุนมักจะขายหุ้นเพื่อที่จะทำกำไรกลังจากได้รับเงินปันผลแล้ว และ สำหรับนักลงทุนท่านไหนที่สนใจหุ้นปันผล ควรที่จะเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดแผนให้ดีว่าเงินปันผลที่จะได้มานั้นเหมาะสมกับราคาหุ้นที่ซื้อมาหรือไม่ แต่ถ้าจะตั้งใจจะถือในระยะยาว ก็อาจจะถือไว้เพื่อเก็งกำไรหลังจากที่ได้รับปันผลแล้ว แต่อย่างไงก็ควรที่จะศึกษาให้ดีว่าการปันผลที่ได้นั้นมาจากกำไรที่แท้จริงไม่ใช่การนำเงินกำไรในอดีตที่สะสมมานานมาใช้ เพื่อหลอกนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่เข้าใจว่าผลประกอบการยังดีอยู่ หรือใช้รายได้ที่มาจากการขายทรัพย์สินที่มีมาเปลี่ยนเป็นเงินปันผล ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่ารายได้ที่มีไม่ได้มาจากผลกำไร และ ควรระวังการปันผลในลักษณะเพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาร่วมหุ้นในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมักมาในลักษณะผลตอบแทนที่สูงเกินจริงกว่า 10-20% เพื่อนำเงินมาหมุนหลอกให้นักลงทุนลงทุนเพิ่ม และเมื่อประสบปัญหาเงินขาดมือก็จะไม่มีเงินจ่ายนักลงทุนคืนได้
หุ้นเติบโตและหุ้นปันผลหุ้นทั้งสองประเภทเหมาะกับใคร? ขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงของนักลงทุนและรูปแบบผลตอบแทนที่ต้องการ
สรุปสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการจะลงทุนในหุ้นนั้นคุณจะต้องรู้ก่อนว่าตัวเองนั้นสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหนและการเลือกซื้อหุ้นแต่ละประเภทนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการผลตอบแทนรวมถึงความต้องการรูปแบบของผลการตอบแทนของตัวคุณเองที่เป็นนักลงทุน หุ้นแบบเติบโตนั้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น และ ผู้ที่จะลงทุนนั้นสามารถรับความเสี่ยงได้สูง เพราะถือหุ้นไม่นานก็สามารถที่จะปล่อยขายเพื่อทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของราคาของหุ้นที่จะพลิกผันจากที่คาดการณ์ไว้ได้ ส่วนหุ้นปันผลนั้นก็เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ใจเย็นสามารถรอได้เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเพราะหุ้นประเภทนี้ไม่ได้เน้นการปั่นราคาเพื่อขายทำกำไรแบบหุ้นเติบโตแต่เน้นที่จะถือรอเงินปั่นผลไปยาวๆ ใครที่รู้ใจตัวเองและรู้แล้วว่าเหมาะกับอะไรก็เข้าไปดูในตลาดหลักทรัพย์แล้วเลือกหุ้นที่เหมาะกับตัวเองให้ได้นะครับขอให้ประสบความสำเร็จกันทุกคน
สุชาติ
ผมเลือกหุ้นปันผลมากกว่าครับ เพราะว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากสามารถเอาไปขายเพื่อแปลงเป็นเงินสดได้ หรือถ้ายังไม่อยากจะขายก็สามารถถือไว้เพื่อให้ผลตอบแทนในระยะยาวได้ และมีสภาพคล่องมากกว่า แต่ก็อาจจะมีผลในเรื่องกำไรและทุนสูงอยู่บ้าง ก็เลยชอบ แต่ก็ต้องเลือกให้เมาะกับตัวเราที่สุดครับจึงจะเกิดประโยชน์
Rinrapee
การลงทุน ไม่ใช่แค่มีเงินเย็นสำหรับเอามาลงทุนเท่านั้น ต้องมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เราจะลงทุนด้วย สำคัญคือต้องถามตัวเองก่อนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน อย่างที่บทความนี้บอก แค่หุ้นเติบโตกับหุ้นปันผลก็ต่างกันแล้ว ผู้ลงทุนชอบการลงทุนแบบไหน ลงทุนน้อย ลงทุนมาก ระยะสั้น ระยะยาว เสี่ยงน้อย เสี่ยงมาก เลือกตามใจเลย
สามารถ
สำหรับผมเองผมคิดว่าหุ้นปันผลหรือว่าได้รับผลที่คุ้มค่ามากกว่า เพราะว่าหุ้นเติบโตมีโอกาสที่จะมีการชะลอการเติบโตหรือว่าการขาดทุนเยอะกว่า แต่ถ้าถามว่าสำหรับผมว่าจะได้รับผลที่มากกว่าก็คงเป็นหุ้นกันเติบโต เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากเกินไปแค่ติดตามหรือว่าถือหุ้นไว้ในมือเพื่อรอการเติบโตก็ได้รับผลกำไรตามแล้วครับ
Kee..คีติกา
แล้วแต่ความชอบและความถนัดจริงๆนะคะ จะเลือกหุ้นเติบโตหรือหุ้นปันผลดี? บทความนี้อธิบายได้เข้าใจและชัดเจนดีค่ะ เห็นถึงความแตกต่างเลย พอเราเลือกได้แล้วว่าจะลงทุนกับหุ้นแบบไหน ก็ต้องไปเลือกอีกว่าจะลงทุนกับใครใช่มั้ยคะ เรื่องนี้ล่ะที่ยาก จะเลือกผิดหรือเลือกถูกก็ไม่รู้ ว่าแต่ตอนนี้เรารอดูสถานการณ์ก่อนดีมั้ย เศรษฐกิจยังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่อะค่ะ
ติยาภา
หนูเอา หุ้นปันผลคะ ตัวนี้น่าจะเหมาะกับหนูที่สุดคะ นี่ติดตามบามความของพี่เลยนะคะ อ่านทุกตอนเกี่ยวกับเรื่องหุ้นเลยคะ หนูว่า หุ้นปันผลนี่ละคะตอบโจทย์คนอย่างหนูเลยคะ จะเล่นแบบปันผลระยะยาวคะ ค่อยๆเพิ่มจำนวนหุ้นที่ลงทุนคะ คิดว่าหุ้นแบบนี้ละคะ จะทำให้ตอนที่หนูแก่ตัวลงยังพอมีเงินเอาไว้ใช้บ้างคะ จะได้ไม่ลำบากตอนแก่คะ
Dolry
ดูเหมือนว่าหลายๆคนชอบความมั่นคงนะคะ เห็นเลือกหุ้นปันผลกันซะส่วนใหญ่เลย เอาจริงๆเราก็ชอบความมั่นคงนะไม่ชอบเสี่ยงมาก ถ้าลงทุนแรกเราก็จะเลือกหุ้นปันผล แต่เพื่อการลงทุนจะเติบโตและได้กำไรมากขึ้นยังไงก็ต้องเลือกหุ้นเติบโตบ้าง เปลี่ยนไปเล่นหุ้นอื่นๆบ้าง แบบออกมาจากกรอบจากเซฟโซนของเราบ้าง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เติบโตนะคะ
NiNee
ถ้าเลือกไม่ได้ก็ลองลงทุนกับ กองทุนเปิดของ CIMB ดูสิ ชื่อกองทุน CIMB principal TDIF เน้นการลงทุนแบบทั้งปันผลและเติบโต ที่ให้ทั้งเงินปันผล ต่อเนื่องในราคาสูงกว่าตลาดทั่วๆไป และได้เงินปันผลต่อเนื่องในระยะยาว และยังมีเงินทุนเพื่อเอาไว้ขยายกิจการอีกต่างหาก เริ่มต้นลงทุนแค่ 5,000 บาทเอง สนใจลองไปติดต่อทางธนาคารดูนะคะ
แดง
ลงทุนแบบที่ได้ผลตอบแทนเป็นหุ้นปันผลมันก็ดีนะ เพราะว่ามันเป็นหุ้นแบบที่เติบโตได้แต่ที่นี้ก่อนจะลงทุน เราก็ต้องศึกษาข้อมูลดีๆเพราะยิ่งช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ หุ้นที่เราเคยคิดว่ามันจะเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือประคองตัวไปแบบนี้ได้ตลอด ก็อาจจะทรุดตัวลงมาก็ได้ใครจะไปรู้ แสดงว่าไม่ว่าจะเลือกเป็นผลตอบแทนแบบหุ้นปันผลหรือว่าได้เป็นเงินปันผล เราก็ต้องศึกษาข้อมูลดีๆซะก่อน
นาย นัจกร
มาแบบนี้คงต้องเลือกหุ้นปันผลแล้วละครับ ช้าๆแต่ได้กินนานๆครับ มีเงินก็ลงเพิ่มไปเรื่อยๆครับ ไม่สะดวกตอนไหนก็ขายคืนครับ ไม่ต้องหวังรวยเอาแค่ว่า อยู่รอดก็พอแล้วละครับ แถมยังสบายตอนแก่ด้วยครับ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องเครียดอะไรมากมาย ดีนะครับ การเล่นหุ้นแบบปันผล สิ้นปีมาได้เงินดีกว่าเอาเงินไปฝากธนาคารครับดอกเบี้ยน้อยมากฝากธนาคาร
บอย
ก็ต้องเป็นหุ้นปันผลสิครับ เพราะมีความแน่นอนในการได้รับผลตอบแทนได้เร็วกว่าหุ้นเติบโต หุ้นเติบโตได้รับผลจริงแต่ต้องมีความอดทนและระยะเวลา ต้องใช้เวลาสักช่วงเวลาหนึ่งกว่าจะเติบโต แต่ถ้าเป็นหุ้นปันผลก็มีระยะเวลาที่จะปันผลให้เราแน่นอนกว่าซึ่งความเสี่ยงก็จะน้อยกว่า ถ้าเราต้องใช้เงินนะครับแนะนำเป็นหุ้นปันผล
-Surawut-
ดูน่าสนใจทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นปันผลนะครับ ถ้ามีเงินทุนเยอะจะลงทุนทั้งสองประเภทเลยก็ได้ แต่ก็อย่างที่บทความนี้บอกไปแล้วว่าหุ้นแต่ละประเภทเป็นอย่างไร เหมาะกับใคร คนที่ลงทุนกับหุ้นอยู่แล้วคงรู้ตัวเองดีว่าเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ผมเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการลงทุนกับหุ้นมาก่อนเลยคิดเองว่าน่าสนใจทั้งสองอย่างครับ
SrisudA
เพื่อนๆที่เข้ามาคอมเมนต์คิดยังไงกันคะสำหรับการลงทุนในหุ้นที่บทความนี้อธิบายมา จะเลือกหุ้นเติบโตหรือหุ้นปันผลกันดี แต่ละประเภทก็ต่างกัน ถ้าคนที่ยังไม่เคยลงทุนในหุ้นมาก่อนเลยจะเลือกแบบไหนดีเหรอคะ อยากรู้ว่าคนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในหุ้นมาแล้วคิดยังไงกับการลงทุนหุ้นเติบโตและหุ้นปันผล เผื่อจะได้ความรู้เพิ่มเติม
เอด้า๕๓
หุ้นเติบโตและหุ้นปันผลเหมาะกับใคร? บอกไม่ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงของนักลงทุนและรูปแบบผลตอบแทนที่ต้องการ..บทความนี้บอกเอาไว้อย่างนี้ ซึ่งก็ตามนั้นแหละค่ะ หลังจากที่อ่านรายละเีอยดของหุ้นทั้งสอประเภทแล้ว ผู้ที่อยากลงทุนต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะเลือกลงทุนกับหุ้นตัวไหน มีเพียงแค่ตัวคุณเองที่รู้ดีที่สุดค่ะ
แจมมี่
อ่านบทความนี้ให้ดีและคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจลงทุนในหุ้นค่ะ จะเลือกหุ้นเติบโตหรือหุ้นปันผลก็แล้วแต่ความชอบและความถนัดกันเลย เราไม่ค่อยกล้าเสี่ยงมากนัก จึงสนใจหุ้นปันผลมากกว่า เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เราไม่ได้เน้นการปั่นราคาเพื่อขายทำกำไรอยู่แล้ว ถือรอเงินปั่นผลไปยาวๆน่าจะเหมาะกว่า
ธนิน-นิน
หุ้นเติบโตดี คือ หุ้นของบริษัทที่ดูแล้วมีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นไปพร้อมๆกับการเจริญเติบโตของสถานประกอบการ อย่างนี้เราก็ต้องเลือกลงทุนในหุ้นกับบริษัทที่มั่นคงและมีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องใช่มั้ยครับ โดยเฉพาะประเภทของธุรกิจ ที่ต้องเลือกด้วยว่าเป็นประเภทที่ขายดี ขาได้เรื่องๆหรือเปล่า ต้องดูหลายอย่างเลยนะ