นอกจากบุคคลธรรมดาทั่วๆไปจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของโลกทุกวันนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจต่างๆ รวมไปจนถึงธนาคารต่างก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วยจนต้องมีการปรับเปลี่ยนการบริการต่างๆมากมาย แม้แต่หน่วยงานหลักๆใหญ่ของประเทศไทยอย่างไปรษณีย์ไทยก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจตรงนี้ไปด้วย คุณทราบหรือไม่ว่า ไปรษณีย์ไทยนั้นไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนการบริการมากแล้วกว่า 13 ปี แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตามจนเกิดผลเสียสะสมยาวนานทำให้ไปรษณีย์ไทยนั้นเกิดภาวะการขาดทุนอย่างมาก จึงทำให้เริ่มมีการออกมาเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราค่าบริการต่างๆบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่? แล้วถ้าไม่เป็นผลไปรษณีย์จะทำยังไงต่อไป? แล้วถ้ามีการปรับเปลี่ยนจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะมาให้ข้อมูลบางอย่างแต่ไม่ละเอียดมากเพื่อให้คุณที่เป็นผู้ใช้บริการได้รู้ข้อมูลเอาไว้บ้างเท่านั้นนะคะ

ไปรษณีย์ไทยเป็นผู้ที่ให้บริการการขนส่งอันดับหนึ่งของประเทศไทย ถึงแม้ทุกวันนี้จะบริษัทขนส่งของเอกชนเพิ่มขึ้นมาหลายบริษัทก็ตาม แต่ประชาชนผู้คนก็ให้ความนิยมในการใช้บริการไปรษณีย์ไทยมากกว่าเพราะความสะดวกสบาย และราคาที่ถูกกว่าบริษัทขนส่งของเอกชน อย่าง Kerry เป็นต้น และตอนนี้ทางไปรษณีย์ไทยก็มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการกับการทำงานคัดแยกพัสดุมากขึ้น ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย เครื่องคัดแยกนี้มีชื่อว่า Cross Belt Sorter เครื่องนี้มีความสามารถคัดแยกพัสดุได้ 9,000 ชิ้นต่อชั่วโมงเลยนะคะ และสามารถคัดแยกได้ถึง 77 ช่องทางด้วยก็เรียกได้ว่าพอดีกับจังหวัดในประเทศไทยเลยค่ะ เครื่องช่วยการทำงานให้รวดเร็วมากขึ้นแทนกำลังของคนดีจริงๆ แต่เครื่องนี้ก็ไม่ได้มีอยู่ในทุกสาขาเพียงแค่สาขาใหญ่ที่เดียวเท่านั้นคือ ศูนย์ไปรษณีย์ศรีราชาค่ะ แต่คุณคงอยากให้ไปรษณีย์พัฒนาไปเรื่อยจนมีเครื่องนี้ในหลายสาขาแน่นอนเพื่อความสะดวกในการใช้บริการของเรา ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน และการสนับสนุนจากภาครัฐเรื่องนี้ด้วยค่ะ มาดูกันว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางไหนอีกบ้างนะคะ

อัตราค่าบริการต่างๆเปลี่ยนแปลง

อัตราค่าบริการต่างๆเปลี่ยนแปลง

= ค่าบริการจดหมาย

น้ำหนัก 20 กรัม จากราคา 3 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 8 บาท
 น้ำหนัก 100 กรัม จากราคา 5 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 10 บาท
 น้ำหนัก 250 กรัม จากราคา 9 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 15 บาท
 น้ำหนัก 500 กรัม จากราคา 15 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 20 บาท
 น้ำหนัก 1,000 กรัม จากราคา 25 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 40 บาท
 น้ำหนัก 2,000 กรัม จากราคา 45 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 60 บาท

= ค่าบริการไปรษณียบัตร

จากราคาใบละ 2 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 5 บาท

= พัสดุไปรษณีย์

น้ำหนัก 1,000 กรัม จากราคา 20 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 30 บาท

ส่วนน้ำหนักที่เกินจาก 1,000 กรัม จากที่คิด 1,000 กรัมละ 15 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 1,000 กรัมละ 20 บาท

= ธนาณัติใบประเทศ

ฝากธนาณัติ 1,000 บาท จะคิดค่าบริการ 10 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 15 บาท

ส่วนเกิน 1,000 บาท จากค่าบริการ 1,000 บาทละ 2 บาท ปรับเปลี่ยนเป็น 1,000 บาทละ 5 บาท

นี่คือค่าบริการบางอย่างที่จะมีการปรับเปลี่ยนที่ทางไปรษณีย์ไทยต้องการจะปรับเปลี่ยน และมีการขออนุมัติไปยังภาครัฐแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้รับการพิจารณาออกมาว่าอย่างไรพวกเราที่เป็นผู้ใช้บริการก็ต้องคอยติดตามข่าวสารอยู่เรื่อยๆนะคะ

เหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยน

เหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยน

อย่างที่มีการบอกไว้แล้วว่าเหตุก็น่าจะมาจากเศรษฐกิจที่แย่ลงไปของโลกเราที่ทำให้ต้นทุนสิ่งของต่างๆนั้นมีราคาที่สูงขึ้นแต่ค่าบริการของไปรษณีย์กลับเท่าเดิมจนเกิดการขาดทุนมายาวนาน แต่ทางภาครัฐจะอนุมัติการปรับเปลี่ยนนี้หรือไม่ก็ต้องรอดูค่ะ แล้วนอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนค่าบริการต่างๆก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนการให้บริการบางอย่างไปโดยใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์มากกว่าเพื่อลดต้นทุนค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อประชาชนผู้ใช้บริการที่จะมีความสะดวกมากขึ้น  แต่ทางไปรษณีย์ก็มีทางออกอีกอย่างหนึ่งถ้าไม่สามารถได้รับการปรับเปลี่ยนก็คือ ทางภาครัฐต้องช่วยเหลือการเงินของไปรษณีย์ที่เคยขาดทุนไป และคอยช่วยสนับสนุนทางการเงินมากกว่านี้ค่ะ คุณเองคิดอย่างไรบ้างคะ การปรับเปลี่ยนนี้สมเหตุสมผลหรือไม่? แต่ส่วนตัวผู้เขียนก็คิดว่าค่าบริการของไปรษณีย์ไทยก็ถือว่าราคาถูกมากเลยนะคะ ถ้าจะปรับขึ้นสักหน่อยก็ยังพอรับไหวค่ะ คุณหล่ะคิดอย่างไร?

แล้วเมื่อคุณได้สังเกตตอนนี้ และมองไปถึงอนาคตทางไปรษณีย์ไทยได้คาดคิดว่าจะมีการส่งพัสดุเพิ่มมากขึ้นในทุกปี เพราะธุรกิจสมัยใหม่ที่เน้นการซื้อขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และเติบโตมากกว่าแต่ก่อนมากๆ จึงมีการส่งสินค้าโดยวีธีนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคาดว่าจะมากขึ้นในทุกๆปี จึงเป็นเหตุผลที่ไปรษณีย์พยายามจะมีการปรับเปลี่ยนอัตราการให้บริการเพื่อเพิ่มเงินในส่วนของต้นทุนมากขึ้น และทดแทนเงินที่ได้เคยขาดทุนไปด้วย แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้มีพัสดุส่งผ่านไปรษณีย์กี่ชิ้นต่อวัน? มีการส่งพัสดุ 8 ล้านชิ้นต่อวันในทุกวันนี้ และเปอร์เซ็นที่ทางไปรษณีย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นก็คือ 20% -25% ในทุกๆปีค่ะ นอกจากพัสดุที่ส่งมีมากขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องเพิ่มตามมาก็คือ จำนวนบุคลากรที่ทำงานด้วยต้องมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการจ้างงานมากขึ้น สรุปแล้วก็เห็นได้ว่ามีเหตุผลโดยรวมหลายๆปัจจัยด้วยกันที่น่ารับฟังเพื่อจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเพื่อที่เราในฐานะลูกค้าจะได้รับประโยชน์ด้วยค่ะ เมื่อเงินทุนมากขึ้นมีคนทำงานมากขึ้นการส่งของ และการบริการก็คงจะมีประสิทธิภาพมีคุณภาพมากขึ้นตามไปด้วยแน่นอนค่ะ

การติดตามข่าวสารช่วยคุณปรับตัวได้

การติดตามข่าวสารช่วยคุณปรับตัวได้

ถึงแม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ก็ตาม การใช้บริการไปรษณีย์ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายที่จะต้องส่งของส่งสินค้าให้ลูกค้าผ่านทางนี้ ก็ควรที่จะติดตามข่าวสารค่าบริการของไปรษณีย์ที่จะมีการปรับเปลี่ยนเพราะจส่งผลกระทบต่อราคาการขายสินค้าง และการคิดค่าบริการการส่งสินค้าจากลูกค้าด้วยนะคะ และวถึงแม้คุณไม่ได้เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปก็ต้องมีการใช้บริการไปรษณีย์อยู่บ้างแหละ การติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวบ้างจะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาในการมาทำธุระ เพราะบางคนการมาทำธุระที่ไปรษณีย์นั้นต้องใช้เวลาเดินทางไกล แล้วถ้าคุณมาส่งของที่มากพอสมควรแล้วเตรียมเงินมาไม่พอเพราะมาการปรับเปลี่ยนค่าบริการก็คงต้องเสียเวลามาใหม่แน่ๆ ดังนั้นการติดตามข่าวสารโดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาค่ะ

แต่ถึงอย่างไร ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนะคะ อย่าพึ่งคิดมากเกินไป แต่อัตราค่าบริการที่จะมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นนั้นได้มีการตกลงพิจารณากันแล้วว่าไม่น่าจะมีผกระทบต่อประชาชนคนใช้บริการมากเท่าไหร่ ประชาชนสามารถรับได้กับค่าบริการที่ปรับขึ้นนี้ซึ่งจากข้อมูลที่นำมาบอกในบทความนี้ก็มักจะมีการปรับราคาขึ้นเพียงแค่ 5 บาทเท่านั้นค่ะ คงพอรับได้กันอยู่นะคะ