หนี้ เมื่อนึกถึงคำนี้ขึ้นมาก็คงหนีไม่พ้นการคิดถึงปัญหาทางการเงินแน่นอน แต่หนี้ก็คือทางออกสำหรับปัญหาทางการเงินเช่นกัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีฐานะทางการเงินแบบไหนความผิดพลาดจากการบริหารเรื่องเงินก็สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใคร ดังนั้นหนี้ก็เป็นทางออกทางเดียวที่สะดวกและง่ายที่สุดสำหรับคนที่มีปัญหาทางการเงินจะเลือกแก้ปัญหาการเงินทางนี้ ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นว่าหนี้ก็มีหลากหลายแบบหลายประเภทให้ผู้กู้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของปัญหาการเงินของเขาหรือคุณ แม้แต่ผู้บริหารประเทศก็ยังเลือกแก้ปัญหาทางการเงินระดับประเทศด้วยการกู้หนี้ยืมสินเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณเองที่เป็นประชาชนคนทั่วไปก็ยังเป็นหนี้

หนี้ เป็นทางออกสำหรับปัญหาทางการเงินทางหนึ่งที่ผู้คนนิยมเลือกแต่ทางออกทางนี้ก็สามารถสร้างปัญหาทางการเงินที่ใหญ่กว่าเดิมให้คุณได้ถ้าไม่ระวัง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่เลือกเป็นหนี้เพราะต้องการแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองให้ดีขึ้นนั้นกลับพบเจอปัญหาการเงินที่ใหญ่กว่าเดิมและดิ้นไม่หลุดเหมือนสัตว์ป่าที่ติดกับดัก ขอเน้นเลยนะคะว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น แต่ก็มีคนส่วนน้อยและมีความเป็นไปได้ที่การเป็นหนี้ช่วยให้ปัญหาทางการเงินนั้นทุเลาลงและหมดไปด้วยการบริหารจัดการที่ดีของคนคนนั้น แต่ก็ขอเน้นย้ำอีกเช่นกันว่าส่วนน้อยของคนที่เป็นหนี้เท่านั้น ซึ่งบทความนี้จะมาให้ข้อมูลที่เป็นตัวอย่างการเป็นหนี้ของรัฐบาลหรือผู้บริหารประเทศให้คุณได้ทราบกัน เพราะแม้แต่คนที่เป็นผู้นำประเทศหรือรัฐบาลที่อยู่ในฐานะที่สูงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้วนั้นกลับเป็นหนี้ได้อย่างไร และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณมากน้อยแค่ไหนถ้ารัฐบาลในประเทศของคุณก็เป็นหนี้เช่นกัน หนี้ที่จะพูดถึงในบทความนี้คือ หนี้สาธารณะคือ? / ประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดอันดับต้นๆ /  สาเหตุที่ประเทศญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะสูงสุด คุณจะได้คำตอบและความรู้เพิ่มขึ้นแน่นอนรวมทั้งรู้ตัวไว้ด้วยว่าประเทศไทยของเราก็เป็นหนี้สาธารณะเช่นกันแล้วรัฐบาลมีนโยบายจะจัดการอย่างไร? เรื่องนี้ไม่ไกลจากตัวคุณเลยนะคะมาอ่านกันเถอะ

หนี้สาธารณะคือ

หนี้สาธารณะคือ

หนี้สาธารณะ คือ การกู้ยืมเงินของรัฐบาลเมื่อรายรับของประเทศไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จึงเกิดการเป็นหนี้เกิดขึ้น แต่การเป็นหนี้ก็มีข้อดีตรงที่ว่าการกู้เงินมาเพื่อพัฒนาประเทศช่วยให้ประเทศนั้นมีความเจริญก้าวหน้าเร็วมากขิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในเชิงธุรกิจถ้าอยากก้าวหน้าและเติบโอย่างรวดเร็วการกู้เงินจาดสถาบันการเงินก็ดีกว่ารอเงินทุนของตัวเองเท่านั้น การที่รัฐบาลของประเทศต่างๆรวมถึงประเทศไทยเรามีหนี้สาธารณะนั้นก็ไม้ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่าตกใจหรือเรื่องที่แปลก เพราะรัฐบาลต้องการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นแต่ผลเสียของหนี้สาธารณะก็ไม่ต่างจากการเป็นหนี้ของนักธุรกิจทั่วไปเมื่อมีการบริหารจัดการที่ไม่ดีทำให้เกิดหนี้สินรุมเร้ารุงรังและเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดส่งผลและเกี่ยวข้องกับคุณทุกคนในฐานะประชาชนคนหนึ่งของรัฐบาลนั้นๆ เพราะการบริหารจัดการการเงินของประเทศไม่ดีพอก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจของคนทั้งประเทศอย่างแน่นอน เมื่อรัฐบาลเริ่มกู้เงินและเริ่มเป็นหนี้สาธารณะก็ต้องมีการจัดตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้เมื่อถึงกำหนดชำระแต่ถ้าไม่มีการจัดตั้งงบประมาณที่แน่นอนชัดเจนก็ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เมื่อเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นปัญหาแน่นอน แต่ถ้ารัฐบาลของประเทศไหนมีการบริหารจัดการเรื่องการชำระหนี้อย่างดีก็หมดห่วงไร้กังวล คุณคงรู้แล้วว่าประเทศไทยของเรานั้นมีหนี้สาธารณะแน่นอน แต่คงอยากรู้ว่ารัฐบาลของประเทศไทยนั้นมีการจัดการอย่างไรบ้างใช่มั้ย เราก็ไม่ลืมที่จะเอาข้อมูลตรงนี้มาฝากกันค่ะ

ประเทศไทยของเราก็เป็นหนี้สาธารณะ และหนี้สาธารณะของประเทศนั้นส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจละความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศโดยตรง เราจะวัดจำนวนหนี้สาธารณะด้วยค่า GPD เมื่อมองย้อนไปในสมัยก่อนหนี้สาธารณะของประเทศไทยอยู่ที่ไม่ถึง 50% ของ GPD แต่ตอนนี้การบริหารของรัฐบาลไทยกลับทำให้ค่า GPD ของหนี้สาธารณะอยู่ที่ 60% ไปแล้วโดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจแต่กลับรู้สึกเฉยๆ ทำให้ตอนนี้การเงินของประเทศไทยนั้นกำลังอยู่บนความเสี่ยงมากๆ แต่เพื่อความปลอดภัยของการเงินของประเทศไทยควรรักษาหนี้สาธารณะให้อยู่ไม่เกิน 50% จะดีกว่ามากเรื่องนี้จึงทำให้หลายองค์กรหลายส่วนเป็นกังวลถึงวิธีการบริหารจัดการการเงินของรัฐบาลไทยตอนนี้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะยังไงหนี้สาธารณะที่รัฐบาลของประเทศนั้นๆสร้างขึ้นมาก็มีผลต่อการเงินของประเทศในมุมกว้างแน่นอนแม้แต่ประชานตัวเล็กก็ต้องรับมือกับเรื่องนี้ค่ะ

ประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดอันดับต้นๆ

ประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดอันดับต้นๆ

แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆมีหนี้สาธารณะมากๆนั้นก็ยังไม่น่าเป็นห่วงและกังวลเท่ากับการจัดการชำระหนี้ที่ไม่ดีพอ วันนี้เรามาดูกันว่าประเทศไทยนั้นก็ยังมีหนี้สาธารณะที่ไม่สูงมากจนติดอันดับต้นๆของโลกแต่มีความน่าเป็นห่วงด้านการบริหารจัดการหนี้ แล้วประเทศอะไรบ้างที่มีหนี้สาธารณะสูงมากติดอันดับๆของโลก? ประเทศที่มีหนี้คิดเป็นค่า GPD 5 อันดับแรกมีดังนี้ค่ะ

    1. ญี่ปุ่น 253%
    1. กรีซ 179%
    1. เลบานอน 149%
    1. อิตาลี 132%
    1. โปรตุเกส 126% 
 สรุปแล้วประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคือ ประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ก่อนที่เราจะมาดูว่าสาเหตุใดประเทศที่ดูจะพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นถึงเป็นหนี้ได้มากมายขนาดนี้ เรามาดูก่อนว่าจริงๆแล้วเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นนับว่ากำลังไปได้สวยญี่ปุ่นมีรายได้จากเศรษฐกิจในประเทศเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริการ และ จีน มีมูลค่าอยู่ที่ 152 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่กลับมีหนี้ที่คิดเป็นเงินแล้วอยู่ที่จำนวน 358 ล้านบาทซึ่งมากกว่ารายรับของประเทศไทยถึง 27 เท่าเลยค่ะ เมื่อทราบข้อมูลและเห็นตัวเลขแล้วคุณอาจจะตกใจมากแต่อย่าพึ่งตกใจไปค่ะเพราะการบริหารจัดการที่ดีของประเทศญี่ปุ่นทำให้ถึงจะมีหนี้เยอะขนาดนั้นก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก บทความนี้ก็จะบอกว่าทำไมการเป็นหนี้มากๆของญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะจัดการไม่ได้ด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เรามาดูสาเหตุที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องเป็นหนี้กันก่อนนะคะ

สาเหตุที่ประเทศญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะสูงสุด?

สาเหตุที่ประเทศญี่ปุ่นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีการจัดการบริหารประเทศอย่างดีต้องตกเป็นหนี้สาธารณะที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกแบบนี้ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองกันเลยค่ะ ช่วงนั้นคือปี 1980 หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ก็เติบโตอย่างมาก แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายก็เกิดฟองสบู่แตก เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1989 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขาดทุนดังนั้นเพื่อแก้ปัญหารัฐบาลญี่ปุ่นจึงเลือกการกู้เงินจากธนาคารกลางของประเทศเพื่อมาอุดรูรั่วของการขาดทุนต่างๆ แล้วก็กู้เงินมาเรื่อยในช่วง 30 ปีที่ผ่านด้วย ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศญี่ปุ่นนั้นเพิ่มากขึ้นเรื่อยๆทุกๆปีแบบนี้

  • ปี 1987 = 73%

  • ปี 1997 = 101%

  • ปี 2007 = 183%

  • ปี 2017 = 253%
 ซึ่งปัญหาที่น่าเป็นห่วงนั้นก็คือ ตอนนี้หนี้สาธารณะของประเทศญี่ปุ่นนั้นสูงกว่าภาษีที่เรียกเก็บจากประชาชนไปแล้วถึง 15 เท่าเลยค่ะ แต่เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระบบระเบียบและการจัดการที่ดีการมีหนี้สูงเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่เสี่ยงเพราะมีการวางแผนเพื่อจัดการการชำระหนี้อย่างดีด้วยวิธีที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่นเองได้ลดดอกเบี้ยลงทำให้ดอกเบี้ยจากการกู้เงินนั้นต่ำมากอยู่ที่ -0.1% เท่านั้น นี่เป็นนโยบายอย่างหนึ่งในการจัดการปัญหาหนี้สินของประเทศที่น่าจะเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆเลียนแบบได้ค่ะ ที่ประเทศญี่ปุ่นสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ดีสิ่งสำคัญคือเจ้าหนี้ของหนี้สาธารณะเหล่านั้นก็เป็นนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่นเอง ญี่ปุ่นเองจึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องเงินทุนรั่วไหลออกนอกประเทศจึงสามารถจัดการดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่ต่ำได้ มาดูสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของผู้ครอบครองพันธบัตรในประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น 43%

  • ธนาคารในประเทศ 17%

  • กองทุนประกันสังคม บำนาญ และประกันต่างๆ 26%

  • สถาบันต่างประเทศ 12%

  • รายย่อย 1%

แต่ถึงอย่างไรเมื่อมองภาพรวมแล้วเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ค่อยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแต่กลับคงที่ทำให้ไม่ค่อยเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในประเทศทำให้ยังต้องอยู่ในสถานะเป็นหนี้ต่อไปแม้ในอีก 20 ปีข้างหน้าก็ตามค่ะ

ประเทศญี่ปุ่นมีการบริหารจัดการที่ดีประเทศไทยต้องเอาเป็นตัวอย่าง

ประเทศญี่ปุ่นมีการบริหารจัดการที่ดีประเทศไทยต้องเอาเป็นตัวอย่าง

เมื่อมองย้อมกลับมาที่การเงินในประเทศไทยของเราก็เทียบไม่ได้เลยกับมูลค่าหนี้สินที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมี แต่สิ่งที่เราต้องสังเกตและเอาแบบอย่างคือ นโยบายการแก้ปัญหาที่ดีในการจัดการหนี้สินและดูเหมือนว่าหลายส่วนจะร่วมด้วยช่วยกันไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางทำให้อัตราดอกเบี้ยนั้นต่ำได้ถึงขนาดเกือบจะเป็นศูนย์อยู่แล้วแบบนั้น แต่อย่างที่บอกใครมีหนี้สินก็ต้องมีการระวังการตัดการเรื่องเงินเป็นพิเศษโดยเฉพาะรายรับที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในการชำระหนี้ที่มีอยู่ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายๆประเทศในการจัดการเรื่องหนี้สาธารณะ และประเทศไทยของเราก็ควรเอาเป็นตัวอย่างเพราะถึงแม้จะมีหนี้น้อยกว่าญี่ปุ่นมากนักแต่ดูเหมือนยังไม่มีนโยบายไหนจะมาแก้ไขเรื่องนี้ให้ทุเลาลงไปด้เลยแต่รัฐบาลก็กลับต้องสร้างหนี้เพิ่มอยู่เรื่อยๆยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากังวลนะคะในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง  และสิ่งที่ประเทศไทยเรานั้นตามญี่ปุ่นไปติดๆคือ เรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามญี่ปุ่นไปติดซึ่งจะส่งผลให้รายรับของประเทศนั้นลดลง เราก็ต้องมาติดตามกันต่อว่านโยบายอะไรจะมาช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศไทยได้ค่ะ ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการเงินในกระเป๋าของเราทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ด้วยนะคะ