ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบัน ผู้คนเห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิตกันมากขึ้น เพราะจุดประสงค์หลักของประกันชีวิตก็คือการเป็นหลักประกันความมั่นคงสำหรับความไม่แน่นอนในชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหลักในการหารายได้ให้กับครอบครัวควรเป็นอย่างยิ่งที่จะทำประกันชีวิตไว้เพื่อไม่ให้คนข้างหลังต้องลำบากเมื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นนั่นเอง. และจากการที่รูปแบบของประกันชีวิตในปัจจุบันนั้นมีความหลากหลายมากขึ้น คนส่วนใหญ่เมื่อต้องการเลือกทำประกันชีวิตก็ไม่แน่ใจว่าควรจะทำประกันชีวิต แบบไหนดี อะไรจะเป็นประโยชน์ต่อตนและครอบครัวที่สุด รวมถึงประเภทไหนที่จะตอบโจทย์ชีวิตการทำงานด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันชีวิต ต้องเข้าใจก่อนว่า การประกันชีวิตมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เลือกทำประกันชีวิต ให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงในแต่ละช่วงของชีวิต จึงตามมาด้วยการที่เราจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
dotshock/shutterstock.com
การประกันชีวิต แยกออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
##ประเภทสามัญ (Ordinary Life Insurance) เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัททั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยและอายุเป็นสำคัญด้วย และมีการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน. ##ประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Life Insurance) เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ โดยทั่วไปตั้งแต่ 10,000 - 30,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ การชำระเบี้ยประกันภัยจะชำระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ การพิจารณารับประกันชีวิตอาศัยข้อมูลจากคำแถลงในใบคำขอเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือนอาจมีเงื่อนไขกำหนดระยะเวลารอคอยก็ได้ ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) คือระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อพิสูจน์สุขภาพของผู้เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายเงินเอาประกันภัย โดยทั่วไปกำหนดไว้ 180 วันแต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระมาแล้วทั้งหมด ##ประเภทกลุ่ม (Group Life Insurance) เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรมคือการรับประกันชีวิตบุคคลหลายคนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียว โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงภัยของบุคคลในกลุ่มทั้งหมดด้วยอัตราเฉลี่ย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ หน้าที่การงาน หรือจำนวนเงินเอาประกันภัยและใช้เบี้ยประกันภัยอัตราเดียวกับบุคคลทุกคนในกลุ่มนั้น ๆ การประกันภัยประเภทนี้อัตราดอกเบี้ยประกันภัยจะถูกกว่าการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับพนักงาน ในบริษัทต่าง ๆ
ประกันชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
samritk/shutterstock.com
ชนิดไม่มีส่วนร่วมในเงินปันผล
ชนิดมีส่วนร่วมในเงินปันผลโดยเงินปันผลนั้นจะจ่ายจาก เงินส่วนเกินจากการดำเนินการประกันชีวิต ดังนั้นเงินปันผลนี้จึงแตกต่างกันในแต่ละปี โดยขึ้นอยู่กับผลการดำเนินการของบริษัทด้วย ซึ่งแบบประกันชนิดมีเงินปันผลนี้ เบี้ยประกันมักจะสูงกว่าชนิดไม่มีเงินปันผล
โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกรับเงินปันผลที่เกิดขึ้นได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้
ขอรับเป็นเงินสด บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้เป็นเงินสด(เช็ค) ในวันครบรอบกรมธรรม์
ชำระเป็นเบี้ยประกันภัย บริษัทจะนำเงินปันผลที่เกิดขึ้นไปชำระเบี้ยประกันภัย และถ้าเงินปันผลนั้นมีไม่เพียงพอต่อการชำระเบี้ยประกันภัยได้ ผู้เอาประกันภัยจ้องจ่ายเพิ่มในส่วนที่ยังขาดอยู่ คงไว้กับบริษัท บริษัทจะคิดดอกเบี้ยทบต้นให้ทุกๆปี ซึ่งเงินปันผลจำนวนนี้ผู้เอาประกันภัยสามารถเบิกออกมาใช้เมื่อใดก็ได้ หากไม่เบิกบริษัทก็จะจ่ายคืนให้เมื่อครบสัญญา
ซื้อวงเงินประกันภัยเพิ่ม บริษัทจะนำเงินปันผลที่เกิดขึ้นไปซื้อจำนวนเงินเอาประกันภัยเพิ่มตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และบริษัทจะจ่ายเงินเอาประกันภัยเพิ่มนี้ทั้งในกรณีที่เสียชีวิตภายในระยะเวลาสัญญา และกรณีที่อยู่ครบสัญญา
ประโยชน์ของการประกันภัย
1.ประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัย
- ให้ความคุ้มครองต่อบุคคล ครอบครัวและทรัพย์สินของผู้เอาประกัน - ช่วยปลูกฝังให้เกิดนิสัยประหยัดและช่วยให้เกิดการออม -เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัว -เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตร อนาคตการศึกษาที่มั่นคงของบุตรหลาน -สัญญาแทนความรักของพ่อแม่ที่ให้แก่ลูก เป็นรูปธรรม หรือ สัญญาแทนความรักที่ลูกให้พ่อแม่เพื่อตอบแทนบุญคุณ -เพื่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล -เพื่อสร้างหลักประกันเมื่อเกิดทุพพลภาพ -เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายยามฉุกเฉิน -เงินก้อนใหญ่เพื่อรักษาโรคร้ายแรง การักษาตัว ท่องเที่ยว
2.ประโยชน์ต่อธุรกิจ
- ช่วยให้เกิดความมั่นคงในการประกอบธุรกิจ - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ เพราะผู้บริหารไม่ต้องเสียเวลาเป็นกังวลเกี่ยวกับการเสี่ยงภัย - ช่วยในการขยายเครดิต ลดความเสี่ยงของผู้ให้กู้จากหนี้สูญ - ช่วยให้เกิดเสถียรภาพในต้นทุนการผลิต - ช่วยส่งเสริมธุรกิจบางประเภทให้เจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงภัยมาก ๆ -เพื่อเป็นเงินใช้หนี้ ปลดหนี้สินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน -เพื่อคุ้มครองบุคคลสำคัญของธุรกิจ -เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้และลูกหนี้ -เป็นสวัสดิการส่วนเพิ่ม จากที่มีอยู่แล้ว -เป็นค่าความสามารถของตัวเอง
3.ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
- ช่วยระดมทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ - ช่วยลดภาระแก่สังคมและรัฐบาล
4.การลดภาษีเงินได้ รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของการประกันชีวิต และเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันชีวิต จึงให้นำเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท ของกรมธรรม์ที่มีกำหนดเวลาประกันชีวิตไม่น้อยกว่า 10 ปี ของผู้มีเงินได้และคู่สมรส ไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ด้วย
5.การออมทรัพย์ การประกันชีวิตยังทำให้เกิดมีการออมทรัพย์เป็นประจำต่อเนื่อง ทำให้มีเงินก้อนไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เป็นกองทุนไว้ใช้ในโอกาสต่าง ๆ สร้างนิสัยให้อดออมและประหยัด ส่งผลให้ครอบครัวมีฐานะมั่นคงและเป็นปึกแผ่นมากขึ้น
6.ประโยชน์ต่อประเทศชาติ การประกันชีวิตส่งเสริมให้คนในชาติออมทรัพย์ สะสมเงินออมระยะยาว ระดมเงินทุน เพราะเบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทเก็บมาได้ต้องนำไปลงทุนโดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และลงทุนในกิจการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรัฐบาลจะได้นำเงินไปลงทุนสร้างงานเพิ่มขึ้น ช่วยให้คนมีงานทำ มีรายได้ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ประเทศชาติจะเจริญมีเสถียรภาพมากขึ้น เบี้ยประกันชีวิตจึงเป็นทุนทรัพย์ที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
ดังนั้น เราจะเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินว่าประกันชีวิตตัวไหนดีก็คือรูปแบบประกันชีวิตนั้นต้องตอบสนองความต้องการของเราได้ ดังนั้นก่อนทำประกันชีวิต ต้องหันมาถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการความคุ้มครองแบบไหน สวัสดิการทำประกันสุขภาพให้กับพนักงานมีขอบเขตความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องตรวจสอบเพื่อตัดสินใจว่าเราเหมาะสมแบบใดมากที่สุดช่วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือเจ็บป่วยแล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การวางแผนจึงสำคัญมากนั่นเอง
ชัยอนันต์
ประกันชีวิตก็มีหลายแบบเหมือนกันนะคะ ก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่าประกันชีวิตก็มีเพื่อธุรกิจ และมีเพื่อคนที่เรารักด้วย ขอบคุณค่ะสำหรับบทความแบบนี้ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันชีวิตให้ฟัง พอสำหรับตัวเองแล้วก็คิดแค่ว่าประกันชีวิตมีไว้เพื่อสำหรับตัวเองในกรณีที่ เกิดอุบัติเหตุขึ้นและจำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ช่วยให้มีมุมมองอื่นเกี่ยวกับประกันชีวิตเพิ่มมากขึ้นค่ะ
Nibun
สำหรับเรา เราว่าประกันมีสามคอนเซปต์ อย่างแรก"ประกันชีวิต" คือสิ่งที่ "ซื้อเพื่อคนที่เรารัก" เพื่อดูแลคนที่เรารักในยามที่เราไม่อยู่ อย่างที่สองซื้อเพื่อตัวเอง คือ "ประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุ" เผื่อว่าเราเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น อย่างที่สาม ซื้อ "แบบบำนาญ" เพื่อลดหย่อนภาษี
น้ำตาล
ประกันชีวิตไม่เคยคิดเลยนะคะว่าจำเป็นต้องซื้อไว้ เพราะว่าสำหรับตัวเองแล้วก็ทำงานแล้วก็เก็บเงินเอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นหรือสำรองจ่ายอยู่แล้วค่ะ และดูเหมือนว่าสุขภาพก็จะดีอยู่แล้ว แต่พอได้อ่านบทความนี้ก็คิดเหมือนกันค่ะว่าจำเป็นต้องมีประกันชีวิตเอาไว้บ้างเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับคนที่เรารัก เพราะว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็จะได้ใช้ประกันชีวิตค่ะ
รสสุคนธ์
แยกประเภทและแบบของประกันชีวิตมาให้เห็นกันอย่างชัดเจนเลย คนที่คิดจะทำประกันชีวิตจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเลือกทำประกันแบบไหนดี เราก็เคยสับสนเหมือนกันค่ะเพราะว่ามีประกันเยอะเหลือเกิน ถ้าคุณเลือกแบบประกันได้แล้วก็เหลือเลือกบริษัทประกัน ซึ่งมีให้เลือกอีกมากมายเช่นกัน ปรึกษาคนที่เคยทำประกันแล้วก็ดีนะคะ คุณจะได้ประสบการณ์ตรง ประสบการณ์จริงเลยล่ะค่ะ
Cindy
ไม่เคยคิดที่จะซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเลย เพราะว่าเราเป็นคนที่ดูแลสุขภาพตลอด อีกอย่างเราว่าการใช้สิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคม สำหรับเรามันก็โอเคนะ ก็ไม่ได้แย่อะไร สำหรับเราเรามีความรู้สึกว่าการซื้อประกันชีวิตหรือการซื้อประกันสุขภาพมันเหมือนเป็นการคาดเดาล่วงหน้า ซึ่งถ้าเราคาดเดาผิดหรือไม่ค่อยได้ใช้ เราก็รู้สึกว่าทำแล้วมันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เสียดายเงิน...
แมวดำ
พี่แอดมินคะ คืออยากทราบหน่อยคะว่า เวลาที่เอา ข้อความลงในเวบ พี่ได้เชค บ้างไหมคะ อย่างบทความนี้นะคะ หนูเห็นว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเอาลงจริงๆคะ อย่างเช่น เรื่องของการแบ่งประเภทประกัน ทำไมเอาลงแบบ รวดเดียวจบเลยคะ หนูไม่เคยเจอการเขียนแบบนี้คะ แล้วอีกอย่างคะพี่ ตัวหนังสือทำไมมัน มาแบบเล็กบ้างใหญ่บ้าง แถมใหญ่มากๆเลยคะ
มะขามเปรี้ยว
เออช่าย....จริงอย่าที่คุณแมวดำพูดเลย เนื้อหาอยากบอกว่าเราอ่านเเล้วไม่เข้าใจเลยค่ะ งงมาก ตัวหนังสือก็ใหญ่ๆเล็กๆ คืออะไร?? ... คือบรรทัดเกือบๆสุดท้ายเหมือนต้องการจะเน้นเลยว่าเงินที่เราทำประกันเนี่ยเอาไปช่วยพัฒนาสังคมพัฒนาประเทศอะไรงี้รึเปล่าคะ?? คือพูดง่ายๆว่าแอดมินต้องการจะเน้นให้สมัครประกันชีวิตรึเปล่าน้า5555 ....
มังคุด
คิดอยู่ว่าควรจะทำประกันชีวิตดีไหม ตอนแรกคิดว่าประกันชีวิตก็คงเหมือนกันเพราะไม่เห็นแล้วที่จริงประกันชีวิตก็มีหลายประเภทเหมือนกันนะ เรารู้สึกว่าการทำประกันชีวิตเหนื่อยก็เป็นเหมือนการรับประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเราอยากจะทำมากเลยนะไม่ใช่แค่ให้ตัวเองแต่ให้พ่อแม่ แต่ติดอยู่ตรงที่ค่าเบี้ยประกันน่ะทำไมมันแพงอย่างงี้
นาง
ประกันชีวิตก็มี 3 ประเภทตามที่บทความนี้อธิบายเลยนะคะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะทำประกันแบบไหน สำหรับฉันฉันคิดว่าประกันชีวิตที่เป็นแบบไม่มีเงินปันผลเหมาะสำหรับฉันค่ะ ฉันชอบที่เบี้ยประกันไม่แพงแต่ให้รับการรักษาพยาบาลและดูแลคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีการออมเงินในระยะยาว เพราะมีเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายสูงค่ะ
หยวน / หยวน
อย่าไว้ใจตัวเองมาเกินไปครับ น้อง Cindy ออกกำลังกายบ่อยๆ ดูแลสุขภาพมาดียังไง อาจป่วยได้นะครับ ผมไม่ได้แช่งนะครับ แค่มองในความเป็นจริงเท่านั้นครับ เลือกเอาสักอย่างดีกว่าครับ ถือว่า ป้องกันความเสี่ยงนะครับ คิดดูสิครับ สุขภาพดีคงไม่ได้วางแผนเรื่องค่ารักษาตัวแน่ๆ แบบนี้ยิ่งต้องทำครับ เพราะว่าเป็นอะไรมายังมีวงเงินคุ้มครองค่าใช้จ่ายครับ
มะเฟืองหวาน
อ่านแล้วต้องมาคอยทำความเข้าใจอีกทีคะ เพราะว่ามีแต่ตัวหนังสือ ไม่มีอะไรเลย สำหรับบทความนี้ แล้ว ก็อย่างที่เพื่อนๆบอกว่ามันค่อนข้าง ติดกันเลยเวลาพิมพ์ เราว่าที่เป็นแบบนี้น่าจะรีบทำมากกว่าคะ แต่ถ้าอ่านแล้วค่อยๆคิดก็ได้ประโยชน์ดีคะ โดยเฉพาะเรื่องของประเภทประกัน ซึ่งเอาจริงๆเราก็ไม่ทราบมาก่อนเลยคะ คิดว่าเหมือนๆกันหมด
อานา
@แมวดำ นึกว่าจะมีเราสังเกตคนเดียวซะอีกค่ะ อันนี้ก็เห็นด้วยค่ะมันทำให้การอ่านบทความนี้รู้สึกยากแล้วก็ติดขัดนิดนึงแต่ว่าข้อมูลที่ให้มารอว่าก็โอเคอยู่นะคะสำหรับการแยกประเภทประกัน เพิ่งจะมาเห็นเหมือนกันว่าประกันอย่างมันมีแบ่งเป็นประเภทย่อยๆอีกเยอะเลย แต่คิดว่าบริษัทประกันก็คงออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายนั่นแหละค่ะที่เป็นลูกค้าก็ต้องเสี่ยงกันดูว่าทำประกันตัวนี้แล้วจะคุ้มไหมจะมีปัญหาภายหลังหรือเปล่า คงต้องอ่านรีวิวกันเยอะๆค่ะ
บัวลอย
@อานา ที่ควรจะสังเกตก็คือเนื้อเรื่องหรือเนื้อหามากกว่านะครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์หรือเปล่า ซึ่งผมว่าเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาหรือข้อมูลในบทความนี้อ่านแล้วก็ได้ประโยชน์อยู่นะ ทำให้รู้ว่าประกันชีวิตมีแบบไหนบ้าง ถือว่าให้ความรู้กับผมมากอยู่พอสมควร เพราะว่าเอาจริงๆแล้วในบางเว็บไซต์เนี่ยเรื่องตัวอักษรหรือสีของตัวอักษรอ่านยากกว่านี้อีก แถมให้ข้อมูลสั้นๆอ่านแล้วไม่ได้อะไรเลยก็มี
Milky
สรุปว่าจะมาแสดงความเห็นหรือเข้ามาคอมเมนต์คนเขียนกันคะเนี่ย งง!! สำหรับเราเราคิดว่าการทำประกันชีวิตมันจะดีหรือไม่ดีนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมจะทำรึเปล่า.... ถ้ามีเงินพอไม่เดือดร้อนทำไว้ก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าทำไปแล้วต้องมานั่งกระเบียดกระเสียรในการหาเงินมาจ่ายอันนี้ก็ไม่แนะนำอ่ะนะ อีกอย่างก็ต้องเลือกให้ตรงกับเราด้วยมันถึงจะok
Dew
@บัวลอย ใช่ค่ะเห็นด้วย บางเว็บไซต์นะมีข้อมูลไม่ได้อ่านง่ายแบบนี้เลย แล้วก็มีข้อมูลแค่สั้นๆยังไม่ได้เข้าใจอะไรก็จบแล้ว ดิฉันว่าบทความนี้ให้ข้อมูลให้รายละเอียดครบถ้วนดีนะคะ สนใจเนื้อหาค่ะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับองค์ประกอบอื่น ได้ประโยชน์จากบทความนี้ค่ะเพราะว่ากำลังจะเลือกประกันชีวิตสำหรับตัวเองอยู่เหมือนกันตอนนี้
Nanny
อยากรู้ว่าถ้าเราสนใจทำประกันชีวิตแบบบำนาญ มีบริษัทไหนที่น่าสนใจบ้างไหมคะที่ค่าเบี้ยไม่แพงจนเกินไป พอดีเราไม่ได้รับราชการหน่ะคะเลยเป็นห่วงเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง กลัวว่าในอนาคตจะไม่มีเงินไว้ใช้ ตอนนี้อายุประมาณ 34 ปี รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำด้วยนะคะถ้ามีบริษัทไหนที่ค่าเบี้ยไม่แพงมากและน่าสนใจ แล้วมีเงินปันผลให้ด้วยไหมคะประกันแบบนี้?
ออฟ
@cindy ไม่เคยคิดเลยหรอครับ? แล้วตอนนี้ที่สถานการณ์โรคระบาด covid กำลังระบาดรุนแรง คุณคิดที่จะทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรค covid-19 บ้างไหมครับ? ถ้าเจ็บป่วยทั่วไปอันนี้ ok ครับที่คุณจะใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่โรคระบาด covid-19 เนี่ยผมว่าการมีประกันดีกว่าเยอะเลยนะครับคิดเอาไว้บ้างก็ได้ เดี๋ยวนี้เพื่อถูกๆก็มีเยอะ
มะเหมี่ยว
เพิ่งรู้นะที่บอกว่า "เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทเก็บมาได้ต้องนำไปลงทุนโดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และลงทุนในกิจการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรัฐบาลจะได้นำเงินไปลงทุนสร้างงานเพิ่มขึ้น"..... ถึงบางอ้อเลยว่าทำไมเวลาทำประกันแล้วสามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้ ก็เป็นเพราะเงินที่เราทำรัฐบาลเอาไปหมุนต่อนั่นเอง เออ...เพิ่งจะรู้นะเนี่ย!!
ศักดิดา
อ่านแล้วเข้าใจเรื่องประกันดีครับ แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบเลย ของบทความนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆที่อ่านจะเป็นเหมือนผมไหมครับ เรื่องที่ผมไม่ชอบเลยสำหรับบทความนี้ คือเรื่องของการจัดเรียง ข้อความครับ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจมากๆเลยครับ จัดเรียงค่อนข้างสับสนมากจริงๆครับ นี้ถ้าจัดเรียง ดีๆกว่านี้ อ่านแล้วมันจะสบายดีแถมอ่านง่ายกว่านี้เยอะครับ
Chaba
บทความนี้ก็ให้ความรู้ในเรื่องของประกันที่เราไม่เคยรู้เหมือนกันนะอย่างเช่น ประกันกลุ่ม หรือ ประกันแบบอุตสาหกรรมเนี่ย ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย อีกอย่างก็ดีนะคะทำให้เรารู้ด้วยว่ามีประโยชน์ต่อสังคมยังไง จริงๆอยากให้เพื่อนๆลองโฟกัสไปที่เนื้อหานะคะ อย่าไปโฟกัสที่ข้อผิดพลาดในการเขียน ไม่งั้นเราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยค่ะ