‘นำเงินไปหมุนก่อน แล้วค่อยนำกลับมาจ่ายทีหลัง’ เป็นกลยุทธ์ที่หลายคนอยากจะทำบ้าง เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตค่ะ แต่ขั้นตอนที่จะได้มานั้น เราจะต้องผ่านด่านที่หินอยู่เหมือนกัน คือ การ ‘ทำบัตรเครดิต’ สักใบให้ผ่านฉลุย!
หนึ่งในขั้นตอนที่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี นั้นก็คือ เอกสารในการยื่นสมัครบัตรเครดิต วันนี้จึงมีเคล็ดไม่ลับมาบอก เพื่อเพื่อนๆ จะได้เตรียมตัวอย่างดีและมีชัยไปกว่าครึ่ง พร้อมทำบัตรเครดิตใบแรกให้สำเร็จ ลองตามมาเก็บข้อมูลกันได้เลยค่ะ
3 ข้อเช็กให้ดี ก่อนทำบัตรเครดิตใบแรก
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กังวลเกี่ยวกับขั้นตอนในการสมัครและผลการอนุมัติ ก่อนจะลงมือมีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องรู้ หยุดเพื่อคิดสักหน่อยดีมั๊ย?!
เช็คสถานะของตัวเองก่อน
สำหรับพนักงานประจำเรื่องนี้อาจง่ายขึ้นเยอะ เพียงแค่มีรายได้ขั้นต่ำ 12,000-15,000 บาทและทำงานติดต่อกันมามากว่า 3-6 เดือน ก็สามารถยื่นทำบัตรเครดิตได้ทันทีค่ะ แต่หากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ควรจะมีเงินเข้าออกบัญชีสม่ำเสมออย่างน้อย 50,000 บาท ติดต่อกัน 6 เดือน ก็จะได้รับการพิจารณามากขึ้น และสำหรับฟรีแลนซ์ก็ไม่ต้องน้อยใจไป ขอให้ดูว่ามีเงินเข้าออกบัญชีเป็นประจำหรือลองนำเงินสดมาค้ำประกันเพื่อการทำบัตรดูก็ได้
ประวัติทางการเงิน หรือ เครดิตบูโร
ต่อมา คือ ธนาคาร/สถาบันการเงิน มักจะเช็กว่าตัวเรามีประวัติทางการเงินเป็นอย่างไร กับ สถาบันเครดิตบูโร หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เช่น ภาระหนี้สินที่ค้างจ่าย ผิดนัดชำระหนี้บ่อยๆ หรือ ตัวเราไม่มีรายได้มาแสดง ซึ่งอาจทำให้ดูไม่มีความน่าเชื่อถือ
ฉะนั้น เราจึงอาจขอเอกสารการเคลื่อนไหวทางการเงินของเรา ที่ทางเครดิตบูโรได้บันทึกไว้มาดูก่อน จะได้รู้สถานะของตัวเอง และสามารถเตรียมประวัติการเงินที่ดีก่อนการยื่นทำบัตรเครดิต. มีค่าธรรมเนียมในการขอเช็คข้อมูล 100 บาท รอรับได้ภายใน 15 นาที หรือ ให้ส่งมาที่บ้าน (จ่ายเพิ่มฉบับละ 20 บาท) หากมีจุดบกพร่องตรงไหนจะได้แก้ไขกันก่อนค่ะ
อ้อ! แต่ถ้าเป็นหนี้สินอย่างผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือ สินทรัพย์ต่างๆ ที่เคยยื่นกู้กับสถาบันการเงินแล้วในระบบ สิ่งนี้อาจจัดเป็นตัวช่วยชั้นดีเพื่อการขออนุมัติบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น เพราะจัดเป็นหนี้ที่มีประวัติดี ไม่เคยผิดนัดชำระ เวลายื่นขอทำบัตรข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกตรวจสอบได้อัตโนมัติ. แต่หากมีการชำระหนี้ดี แต่มีหนี้สินที่มากเกินไป บางทีก็อาจสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านได้เหมือนกัน!
คุณสมบัติของเราตรงกับเงื่อนไขของบัตรรึป่าว
สุดท้าย คือ การดูว่าคุณสมบัติที่เรามีอยู่นั้น จะตรงกับเงื่อนไขของบัตรเครดิตที่เล็งอยู่รึป่าว เพราะในบัตรแต่ละใบก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปค่ะ เช่น ฐานเงินเดือน, อายุ , อาชีพ ซึ่งถ้าเราไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่เขาพิจารณาก็อาจจะขอทำบัตรเครดิตไม่ผ่านได้
จึงต้องดูให้แน่ใจว่าข้อกำหนดในบัตรแต่ละประเภทเป็นยังไง เงื่อนไขที่จะได้รับการละเว้นค่าธรรมเนียมคืออะไรบ้าง จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีก โดยการอ่านเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครให้ละเอียด ไม่อย่างนั้นก็อาจทำให้เสียเวลาในการเตรียมเอกสารไปซะป่าวค่ะ
อยากทำบัตรเครดิต ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
ถ้าคุณสมบัติพร้อมแล้ว เราดีใจกับคุณด้วย! ตอนนี้คงเหลือแค่ขั้นตอนการเตรียมเอกสารให้ดีและสมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยเอกสารที่ว่าควรมีดังนี้
บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ใบ
บัตรประชาชน ซึ่งถือเป็นข้อมูลในการแสดงตัวตนจะต้องมีความชัดเจนในส่วนของรายละเอียด เช่น วันที่หมดอายุ ภาพถ่ายติดบัตร หากตรวจพบการชำรุดเสียหาย ก็ควรไปขอเปลี่ยนใหม่เพื่อความพร้อมในการใช้งานและข้อมูลที่ครบถ้วน
ส่วนสำเนาก็จะต้องไม่ลืมเซ็นกำกับด้วยชื่อ-นามสกุล พร้อมข้อความว่า “ใช้สำหรับสมัครบัตรเครดิต... เท่านั้น” เพื่อป้องกันการปลอมแปลเอกสาร และยืนยันความประสงค์ของเราค่ะ
ทะเบียนบ้าน และ สำเนาทะเบียนบ้าน
ที่อยู่ปัจจุบันของเราควรจะตรงกับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อสถาบันการเงินสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ว่า เราเป็นผู้สมัครซึ่งมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และสามารถติดตามได้ ควรอัพเดทในส่วนนี้ให้ตรงกันเสมอหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือ ถ้ามีความจำเป็นต้องอยู่คนละแห่งจริงๆ ก็จะต้องเตรียมคำตอบไว้สำหรับประกอบการพิจารณาด้วย
สมุดเงินฝากบัญชีธนาคาร หรือ สำเนา
จะต้องใช้ข้อมูลในส่วนนี้ประกอบการสมัครบัตรเครดิตอย่างแน่นอน ทั้งยังแสดงการหมุนเวียนของเงินในบัญชี ทำให้เห็นความเสถียรด้านการเงินของบุคคลที่สมัคร และช่วยให้เราทำธุรกรรมด้านการเงินอื่นๆ กับสถาบันได้ง่ายขึ้น
โดยถ้าเป็นสำเนาหน้าสมุด ควรจะมีชื่อ-นามสกุล และเลขบัญชีธนาคารที่ครบถ้วน ไม่ลืมเซ็นกำกับ ‘สำเนาถูกต้อง’ และความประสงค์ในการทำบัตรเครดิตชนิดนั้นๆค่ะ
รายการเดินบัญชีย้อนหลัง หรือ Statement
สำเนารายการเงินฝากถอนในบัญชีย้อนหลัง หรือ ที่มักเรียกกันว่า Statement จะเป็นสิ่งที่ธนาคารส่วนใหญ่จะเรียกดูเสมอเมื่อเราอยากทำบัตรเครดิต
สามารถขอรับได้ใน 2 ช่องทาง คือ เข้าไปติดต่อกับธนาคารที่เราเปิดบัญชีอยู่ (มีค่าธรรมเนียม ประมาณ 100-200 บาท ต่อการขอ 1 ครั้ง) หรือ บริการใน Application ของธนาคาร กดขอ Statement ย้อนหลัง แล้วระบบจะส่งข้อมูลไปให้ยัง email ที่เราผูกไว้กับบัญชีธนาคาร (ไม่เสียค่าบริการ)
โดยปกติเอกสารนี้จะได้รับภายใน 1 วัน และระยะเวลาที่เราขอรายการเดินบัญชีย้อนหลังควรจะอยู่ในช่วง 6-12 เดือน หรือ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในการทำบัตรเครดิต/สถาบันการเงินเจ้าของบัตรค่ะ
สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน
พนักงานประจำส่วนใหญ่จะได้สลิปเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว เอกสารส่วนนี้จึงเก็บไว้ให้ดีเพื่อเป็นหลักฐานในการแสดงรายได้ที่ชัดเจนที่สุด แต่ใครไม่มีก็สามารถติดต่อกับฝ่ายการเงิน หรือ ธุรการได้ โดยหลายสถาบันจะเรียกดูเพื่อตรวจสอบอย่างน้อย 1-3 เดือน ตามเงื่อนไขแต่ละแห่ง
ส่วนคนที่ไม่ได้ทำงานประจำ หรือ ฟรีแลนซ์ก็อาจใช้หลักฐานเป็นใบประกอบวิชาชีพ หรือ หนังสือรับรองเงินเดือนที่ขอได้จากบริษัทซึ่งเราติดต่อ เพื่อใช้เป็นเอกสารในการรับรองรายได้เหมือนกัน และแสดงว่าเรามีงานทำจริงและไม่มีประวัติเสียในที่ทำงานค่ะ
ถ้าเราเตรียมตัวให้ดี ก่อนยื่นเรื่องขอทำบัตรเครดิต ก็อาจรับรองว่าจะสามารถมีบัตรเครดิตมาใช้ได้อย่างสมใจแล้วล่ะค่ะ โดยทริคในการทำให้อนุมัติง่ายขึ้นนั้น ก็จะรวมๆอยู่ที่การสร้างเครดิตบูโรให้ตัวเองก่อน เช็คว่าฐานเงินเดือนเราถูกต้องตามเกณฑ์การสมัครมั๊ย เซ็นกำกับสำเนาเอกสารถูกต้องทุกใบ พร้อมเขียนความประสงค์ไว้เพื่อกันการปลอมเอกสาร
กรอกที่อยู่และข้อมูลตามจริงให้ชัดเจน ระบุเวลาที่เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรบริษัทที่เราให้ไว้ได้ (หลายคนสมัครไม่ผ่าน เพราะไม่ได้รับสายจากธนาคารตรงนี้ด้วยนะจ๊ะ) และเมื่อกรอกใบสมัคร หรือ ส่งเอกสารใดๆ ควรตรวจเช็คประมาณ 2-3 ครั้งด้วย เพื่อความถูกต้องและไม่ต้องเสียเวลาในการยื่นเรื่องใหม่อีก เอกสารพร้อม-คุณสมบัติครบก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะผ่านการพิจารณาแล้วล่ะค่ะ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มัครบัตรเครดิตใบแรกเขาพิจารณาจากอะไร ที่นี่
และเหนือสิ่งอื่นใด คือ การสร้างวินัยในการผ่อนชำระ มีแล้วต้องจ่ายให้ตรง และไม่สร้างหนี้โดยไม่จำเป็น เพราะทุกอย่างย่อมมีทั้งประโยชน์และโทษ เราจึงต้องมีสติ การตัดสินใจที่ดีก่อนจะเลือกและรูดบัตรกันนะคะ หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
-Chaiyan-
‘นำเงินไปหมุนก่อน แล้วค่อยนำกลับมาจ่ายทีหลัง’ ถ้านำไปหมุนก่อนไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าเอาไปใช้ก่อนทั้งที่รู้ตัวดีว่าสถานภาพทางการเงินของตัวเองฝืดเคืองหรือวางแผนเรื่องการใช้จ่ายไม่ดี อย่างเพิ่งสมัครบัตรเครดิตมาใช้เลยครับ หากเป็นหนี้บัตรเครดิตขึ้นมามันจะยุ่งนะ ลองพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจไปสมัครบัตรเครดิตกันนะครับ
วสวัตติ์
ทำบัตรเครดิต ถ้าไม่มีปัญหาเรื่อง เครดิตบูโร ยังไงก็ผ่านครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ผ่าน แถมถ้าเรามีเงินเดือน 15,000 บาท อันนี้ยิ่งได้แน่นอนครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำบัตรหลอกครับ ปัญหา น่าจะอยู่ที่ตอนเราได้บัตรมาแล้ว แล้วเอาไปใช้ครับ ว่าเราจ่ายคืนเขาครบทุกเดือนไหม เพราะถ้าคำตอบคือไม่ แสดงว่าคุณเริ่มจะมีปัญหาแล้วละครับ
-ณ เวลา-
อยากมีบัตรเครดิตสักใบไม่ผิดหรอกค่ะ แต่คุณต้องมั่นใจนะว่าถ้ามีบัตรเครดิตใช้แล้วคุณจะสามารถชำระเงินคืนได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ อย่าลืมว่ามันมีดอกเบี้ยด้วยนะคะ หากยังไม่พร้อมสำหรับการชำระเงินคืนลองคิดให้ดีๆอีกครั้งก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิตค่ะ เงินที่คุณเอามาใช้นั้นเป็นเงินล่วงหน้า ไม่ใช่เงินที่คุณมีอยู่ในบัญชีนะคะ
กันติชา
สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ของทำบัตรเครดิตกัน ก็เพราะว่าต้องการเงินสำรองไงคะ พี่@-ณ เวลา- เราทุกคนทราบดีคะว่าไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นเงินที่เราต้องจ่ายคืนภายหลัง แต่ทำไงได้ละคะพี่ ถ้าเราต้องการมช้เงินแบบฉุกเฉิน บัตรเครดิตถือว่าเป็นตัวช่วยได้ดีเลยคะ หรือถ้าเราต้องการซื้ออะไรบางอย่างแต่เงินสดเราไม่พอบัตรเครดิตก็ช่วยเราได้คะ
-ปองศักดิ์--
เรื่องของเอกสารการสมัครบัตรเครดิตไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ ผมว่าขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนด้วยนะ อีกอย่างก็น่าจะเป็นเรื่องหนี้สินครับ ถ้าไม่ได้มีประวัติขาดการชำระหนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่พูดจริงๆนะ คนที่มีประวัติเรื่องการขาดชำระหนี้หรือว่ายังมีหนี้สินคงค้างอยู่ แล้วมาสมัครบัตรเครดิตเนี่ย น่าเป็นห่วงมากนะครับ
Nalintip3%&
บัตรเครดิตสมัครยากมั้ยคะ เห็นบทความนี้แนะนำวิธีเตรียมตัวสมัครบัตรเครดิต เลยอยากรู้ว่าปกติแล้วสมัครยากหรือเปล่า เราไม่เคยสมัครมาใช้ แต่คิดว่ามันน่าจะยากนะ มีงานประจำหรือมีรายการเดินบัญชีธนาคารก็น่าจะพอแล้ว ยิ่งไม่มีหนี้สินก็ดีเลย สมัครง่ายแน่ๆ แต่บัตรเครดิตก็มีเยอะเนอะ มีทั้งเสียและไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี ต้องเลือกดูก่อน
ปุ้มปุ้ย
@Nalintip3%& ไม่ยากเลยค่ะ เราก็ใบแรกในชีวิตเหมือนกัน เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานด้วย ก็อนุมัติเลยทันที แต่ว่าวงเงินที่เราได้มันก็ไม่ได้เยอะซักเท่าไหร่นะคะ แต่เดี๋ยวถ้าเราใช้ไปเรื่อยๆแล้วไม่มีหนี้ค้างเค้าจะปรับวงเงินให้เองค่ะ จริงๆถ้าคุณอยากสมัครต้องทำงานผ่านโปรก่ิอนนะคะ ธนาคารเค้าถึงจะอนุมัติให้...ลองสมัครดูค่ะไม่ยากเลย