มารู้จักการเล่นหุ้นกันนะคะ หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่าหุ้นกันแน่นอน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักคำนี้จริงๆ งั้นเรามาลองใช้เวลาในการหาความรู้ใหม่ๆเรื่องหุ้นกันหน่อยดีกว่า เผื่อว่าจะเป็นประโชน์บ้างสำหรับคนที่อยากจะลงทุน หรือมีเงินทุนหนาๆที่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี การเรียนรู้เรื่องหุ้นอาจจะงงๆบ้างนะคะในตอนแรกๆ แต่คงไม่ยากเกินไป ยังไงก็อยากจะเอ้าข้อมูลเหล่านี้มาฝากมาแชร์กันนะ ไปดูกันเลยค่ะ

stock investment

Rawpixel.com/shutterstock.com

หุ้นคืออะไร?

หุ้นคืออะไร?

หุ้นคือสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าองกิจการหนึ่งๆที่เราเข้าไปซื้อ ง่ายๆ สั้นๆ แค่นี้แหละ และ หุ้น น่าจะถือเป็นคำยอดฮิตอีกคำหนึ่งในยุคสมัยนี้ กระแสการเล่นหุ้นหรือลงทุนในหุ้นเป็นที่นิยมกว่าสมัยสิบปีก่อนมาก เรียกได้ว่าไปเดินร้านหนังสือทีไร ต้องเจอหนังสือเกี่ยวกับหุ้น ติดอันดับหนังสือขายดีของร้านอยู่บ่อย ความหมายของหุ้นนั้นอาจจะมีมากมาย แต่ถ้าสั้นๆก็คือ สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของกิจการ ยกตัวอย่างเช่น หากเราลงเงินกับเพื่อนคนละครึ่งเพื่อเปิดร้านกาแฟ เราจะมีสิทธิ์ในกิจการร้านกาแฟนั้นครึ่งหนึ่ง สิทธิ์นี่เองที่เรียกว่าหุ้น ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายถึงหุ้นส่วนนี้เอง หรืออีกความหมาย คือ หุ้นก็คือความเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกแบ่งขายออกมา

การลงทุนในหุ้นที่เหมือนกับกับการลงทุนในกิจการ

หากต้องการเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อ นักลงทุนอาจซื้อหุ้น CPALL เพื่อเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่างเช่น เซเว่นอีเลฟเว่นประเทศไทย หากต้องการเป็นเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังนักลงทุนอาจซื้อหุ้น BDMS เพื่อเป็นเจ้าของโรงพยาบาลต่างในเครือได้ การลงทุนในหุ้นจึงเป็นเหมือนการทำธุรกิจอย่างเรียบง่าย เพราะอะไรหน่ะเหรอ ก็เพราะคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งกายทั้งใจทั้งเวลาเหมือนเจ้าของธุรกิจ คุณก็สามารถซื้อหุ้นและเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการได้เลย

เหตุผลที่เราจึงควรลงทุนในหุ้นจึงอธิบายได้ประมาณนี้

เริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มาก ด้วยเงินหลักร้อยหลักพัน เราก็สามารถเป็นเจ้าของแล้วแต่ถ้าลงทุนสร้างกิจการองตนเองอาจจะต้องใช้เงินหลายล้านเลยนะไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม ดังนั้นการเล่นหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เราจะลงทุน อีกเหตุผลหนึ่งคือสภาพคล่องทางการเงินสูงกว่าทำธุรกิจด้วยตัวเราเอง เพราะการลลงทุนในหุ้นเปิดโอกาสให้เราซื้อขายหุ้นได้แทบตลอดเวลา เรียกได้ว่ามีสภาพคล่องสูงมากเลย ดังนั้นเราในฐานะนักลงทุนจึงสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรในช่วงเวลาไหนก็ได้ หรือในอีกนัยหนึ่งคือเราสามารถขายหุ้นออกไปได้ถ้าเราคิดดูแล้วว่าในอนาคตกิจการที่เราได้ลงทุนไปจะไม่ดี ต่างกับการทำธุรกิจส่วนตัวการขายกิจการออกไปนั้นทำด้ากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถกิดวันหนึ่งธุรกิจไปไม่รอด กว่าจะเลิกกิจการได้ก็อาจจะสูญเสียเงินไปมากแล้ว และทำให้หลายคนถึงกับตกอยู่มนสภาพการณ์ล้มละลายไปเลยเพราะว่าเงินลงทุนหมดเกลี้ยงไปหมด

หลักการของการเล่นหุ้นคืออะไร?

หลักการของการเล่นหุ้นคืออะไร?

ใครๆหลายคนก็คงเริ่มอยากจะลองเล่นหุ้นกันขึ้นมาบ้าง แล้วล่ะ และก็คงหนีไม่พ้นคำถามนี้ที่ว่า ถ้าอยากเล่นหุ้นต้องมีอะไรบ้าง หลักๆของการเล่นหุ้นและการเล่นยังไงเลยก็ต้องให้ได้กำไรตลอดๆไม่ต้องขาดทุนซ้ำซ้อน ลองทำตาม 5 วิธีนี้ดูนะคะ

1 เปลี่ยนคำว่า เล่น เป็น ลงทุน

อันดับแรกเราต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ คำว่า เล่นหุ้น กับ การลงทุนในหุ้นนั้น นั่นคือ เป้าหมายในการลงทุน เพราะคำว่าเล่นหุ้น นั้น มักหมายถึงการเล่นเกร็งกำไรในระสั้นๆ ซึ่งต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น แต่ การลงทุนในหุ้น ต้องการความมั่นคงในระยะยาว โดยคาดหวังผลกำไรผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล หรือมูลค่าของหุ้นในอนาคต ดังนั้น สำหรับมือใหม่ทุกคนนะคะ ขอแนะนำให้เริ่มต้นตั้งเป้าหมายที่การลงทุนในระยะยาวเป็นอันดับแรก อย่าคิดที่จะซื้อขาย เล่นๆ เพื่อหวังเกร็งกำไรเพราะสุดท้ายแล้วมักจะจบลงที่ต้องนั่งลุ้นกันจนตัวเกร็ง ทุกทีไป

2 ต้องใช้ เงินเย็น เท่านั้น

เมื่อพูดถึงเงินเย็นคงอยากทราบกันใช่มั้ว่าคืออะไร เงินเย็น คือ เงินที่เราสามารถเสียไปได้โดยที่เราไม่เดือดร้อน หรือพูดง่ายๆ คือ เงินที่หายไปก็ไม่เสียดายนั่นเอง เพราะการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยง ดังนั้นลองคิดดูนะคะถ้าเราเอาเงินที่เราจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันมาใช้ในการเล่นหุ้น ชีวิตของเราก็จะเสี่ยงไปด้วย หรือใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขเท่าไหร่และอาจจะเพิ่มความกังวลให้กับมากๆ แต่ถึงแม้เราจะใช้เงินเย็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีความเสี่ยงนะ จะเป็นเงินร้อน เงินเย็น เงินคนอื่น เงินของใครก็ตาม มันก็เสี่ยงทั้งหมดนั่นแหละค่ะ เมื่อเงินเอามาลงทุนในหุ้น แต่ถ้าเราใช้เงินเย็นก็จะมีข้อได้เปรียบ คือ เป็นเงินที่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆวันแต่มันก็อาจจะเจ็บเล็กๆน้อยๆเมื่อขาดทุน ยิ่งถ้าใครเอาเงินที่กู้มาเล่นหุ้นแล้พอเสียก็จะเจ็บเอามากๆเพราะไม่ได้เงินคืนแถมังต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจากเงินที่กู้ยืมมาอีกค่ะ นอกจากเงินเย็นแล้ว สิ่งอรกๆที่เราต้องมีคือ เงินออม อย่างน้อยต้องมีเงินออมจำนวน 3-6 เท่าองรายจ่าย เผื่อไว้สำหรับเหตุฉุกเฉินและไม่คาดฝันด้วยค่ะ

3 รู้จัก หุ้น ให้ดีเสียก่อน

หุ้นก็มีหลายอย่างหลายธุรกิจ คือเราต้องรู้ว่าหุ้นตัวนั้นประกอบธุรกิจอะไร มีการดำเนินงานอย่างไร หาข้อมูลต่างให้ดีๆ ยิ่งเรารู้เยอะมากเท่าไรก็จะดีกับตัวเรามากเพื่อเราจะได้มีการวางแผนที่ดีในการจะเอาเงินไปลงทุนในหุ้น ต้องระวังหุ้นที่เพื่อนๆมาบอกนะ เพราะบางทีเรารีบซื้อดดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน และจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีก

4 รู้จัก ตัวเรา ให้ดีพอ

เราต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเราเอง ว่าเราจะยอมรับความเสี่ยงหรือการขาดทุนได้มากเท่าไหร่ เพราะบางคนเล่นหุ้นเพราะหวังผลกำไรมากๆเยอะๆ แต่รับความเสี่ยงไม่ได้หรือไม่พร้อมที่จะรับมัน ผลสุดท้ายทรมานหัวจิตหัวใจสุดๆ จนถึงกับลุ้นทั้งวันทุกเวลาจนไม่เป็นอันทำการทำวานอย่างอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ไหวนะคะ และอย่าลืมต้องจำเสมอว่าเป้าหมายที่เราลงทุนคือ และถามตัวเองอยู่เสมอ ว่าที่เราทำอยั่งนำเราไปถึงเป้าหมายได้จริงไหม

5 รักษาต้นทุนก่อนคิดถึง กำไร

คงปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่า วิธีการลงทุนที่ดีที่สุดคือ ไม่ขาดทุน ทุกคนคงหวังให้มันเป็นอย่างนั้น หลายคนอาจะจะถามว่าถ้าเล่นหุ้นแล้วไม่หวังผลกำไรจะเล่นไปทำไม ใช่ค่ะเราต้องหวังผลกำไรแน่นอนแต่การหวังผลำไรสูงๆนั้นต่างหากที่จะทำให้มีความโลภในการลงทุนจนบางครั้งมองข้ามสิ่งสำคัญไป ดังนั้นการซื้อหุ้นต้อง ศึกษาดูให้ดีๆ เพราะเราต้องถือหุ้นตัวนี้ไปอีกนานแสนนานนะคะ

ต้องทำอย่างไรหรือต้องมีอะไรบ้างถึงจะเล่นหุ้นได้?

ต้องทำอย่างไรหรือต้องมีอะไรบ้างถึงจะเล่นหุ้นได้?

ตอบได้ง่ายๆเลยค่ะสำหรับคำถามนี้ คือถ้าอยากเล่นหุ้น ที่ต้องมี คือ เงิน เป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่ต้องมีตามมาซึ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ ความรู้และความเข้าใจที่ถูกวิธีในการลงทุน ค่ะ

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นหุ้น

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นหุ้น

ความเสี่ยงในการเล่นหุ้นมี สองประเภทใหญ่ นั่นก็คือ ความเสี่ยงที่เป็นระบบ และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ

ความเสี่ยงที่เป็นระบบ ความเสี่ยงประเภทนี้ ถ้าโดนสักทีก็โดนกันไปทั้งหมดทั้งตลาดหุ้น มักเกิดขึ้นจากปัจจัย มหภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์โดยรวม ตัวอย่างของความเสี่ยงจำพวกนี้เช่น

ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการเมือง ความเสี่ยงจากสภาวะตลาด ความเสี่ยงจากสภาพการณ์ที่ไม่คาดคิด ว่ากันว่าความเสี่ยงประเภทนี้เป็นความเสี่ยงที่เราไม่สามารถควบคุมและทำให้หมดไปหรือบรรเทาลงได้ มันจึงเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนทุกคนจำต้องยอมแบกรับเอาไว้

ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ ความเสี่ยงประเภทที่สองนี้เป็นความเสี่ยงที่ตังใครตัวมัน มักเกิดขึ้นจากปัจจัย จุลภาค จะกระทบกับหลักทรัพย์เป็นตัวๆหรือเป็นกลุ่มๆไป ตัวอย่างเช่น

ความเสี่ยงในการดำเนิธุรกิจ ความเสี่ยงทางอุตสหกรรม ความเสี่ยงจากสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการสมคบคิดในตลาดหรือการปั่นหุ้น ความเสี่ยงที่นักลงทุนมักหลงลืม หลังจากที่พูดถึงความเสี่ยงตามมาตรฐานหลักๆ สองประเภทไปแล้ว จะขอบอกอีกความเสี่ยงหนึ่งในแง่ของการเล่นหุ้นหรือการลงทุนแบบส่วนตัวที่ไม่ค่อยเห็นใครจะพูดถึงสักเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่ระบบการลงทุนของเราจะตายลงไปเอง ความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินการลงทุน เล่นหุ้น ความเสี่ยงจากตัวเราเอง และนี่ก็เป็นความเสี่ยงที่รวบรวมคร่าวๆมาบอกกันสำหรับคนที่กำลังคิดจะเล่นหุ้นนะ

ประโยชน์ของการเล่นหุ้น

ประโยชน์ของการเล่นหุ้น

ให้ผลตอบแทนที่ดี การลงทุนในหุ้นอย่างถูกวิธีสามารถสร้างผลตอบแทนดีกว่าจากเงินปันผลระยะยาว

ดูแลจัดการง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆในการถือหุ้นไม่ว่าจะถือไว้นานสักแค่ไหนก็ตาม จะถือไว้ตลอดชีวิตเลยก็ได้ อยากขายทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้สามารถขายได้ทันที ไม่มีสัญญาผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น สามารลงทุนซื้อขายได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร่วมทีมเหมือนการทำธุรกิจ

มีความโปร่งใส สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆเช่นรายงานประจำปีของบริษัทเพื่อวิเคาระห์ก่อนตัดสินใจลงทุนได้ ไม่มีใครบังคับให้คุณรีบลงทุน สามารถใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้ในการศึกษาก่อนลงทุน ข้อมูลต่างถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ และผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน

สรุปว่าการเล่นหุ้นก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่มีเงินออมหรือเงินทุนมากพอที่จะรับกับการขาดทุนบ้างในบางครั้ง และที่สำคัญให้ดูในระยะยาวๆไปอย่าโลภมากไม่อย่างนั้นเงินที่จะได้จากผลกำไรก็ยังไม่ได้เงินทุนก็กำลังจะหมดไปเพราะลงทุนไปมากเกิน ดังนั้นเราจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีๆ นี่ก็รวมถึงการวางแผนที่ดีด้วย และนี่ก็เป็นทางออกสำหรับคนที่มีเงินทุนแต่ไม่มีไอเดียจะทำอะไรในธุรกิจ และการลงทุนในหุ้นมีหลายธุรกิจหรืออุตสหกรรมมากมายให้เราเลือกได้ และมีหุ้นหลายตัวให้เราเลือกเป็นเจ้าของได้ ข้อมูลต่างๆสามารถหาได้ฟรี การลงทุนก็ยังทำให้เราได้เจอเพื่อนใหม่ๆมากขึ้นได้ปรึกษากัน ช่วยกันคิดวิเคราะห์ทำให้เกิดมิตรภาพได้เช่นกัน เราจะตั้งใจทำงานมากขึ้นด้วย เพราะว่า เราจะเห็นเงินงอกเงยขึ้นมาทำให้เราอยากเก็บเงินมากขึ้นเพื่อนำไปออมไปลงทุนให้มากขึ้นไปอีก