เชื่อว่าหากเพื่อนๆ ทุกคนเลือกได้ ทุกคนก็ต้องเลือกที่จะมีเงินพอกินพอใช้ไปตลอดทั้งชีวิต แต่เงินทองเป็นของหายาก แถมยังออกจากกระเป๋าเราได้อย่างง่ายดายอีกต่างหาก หลายคนที่มีปัญหาทางการเงินเลยต้องกู้หนี้ยืมสิน บางคนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอปัญหาหนักขึ้น หนี้สินที่มีอยู่ก็ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามปกติ พอเวลาผ่านไปจนเริ่มคล่องตัวขึ้นอยากซื้อบ้าน ก็เกิดคำถามขึ้นมาในทันทีว่าติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
ไขปัญหาคาใจของคนมีอดีต ติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย
คนเคยมีอดีตก็เหมือนกับมีชนักติดหลัง เวลาจะหยิบจับทำอะไรเลยต้องลำบากกว่าคนอื่นไปหมด ต่อให้เราจะเคยผ่านวิกฤตการเงินที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติมาแล้ว แต่อดีตก็จะยังคงตามหลอกหลอนเราในรูปแบบข้อมูลเครดิตบูโรอยู่ดี เวลาจะยื่นสินเชื่อขอซื้อบ้าน คนมีอดีตหลายคนจึงไม่มั่นใจว่าติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย เราขอเริ่มต้นไขข้อสงสัยตั้งแต่เครดิตบูโรคืออะไรเลยแล้วกัน
เครดิตบูโรมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อ รวมถึงประวัติการชำระหนี้ทุกประเภทของทุกคนที่ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินทั่วประเทศ ข้อมูลนี้สามารถใช้วัดความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ หรือทำธุรกรรมทางการเงินของตัวบุคคลนั้นได้ ข้อมูลที่ระบุอยู่ในเครดิตบูโรมีดังนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคล
เป็นข้อมูลทั่วไปของเรา ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่อาศัย อาชีพ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สถานภาพสมรส หากเป็นนิติบุคคลก็จะมีข้อมูลประกอบไปด้วย ชื่อ สถานที่ตั้ง และเลขทะเบียนนิติบุคคล
- ข้อมูลสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้
เป็นข้อมูลที่จะบอกถึงประวัติการทำธุรกรรม โดยเฉพาะในด้านการขอสินเชื่อของเรา บอกรายละเอียดครบถ้วนตั้งแต่เคยกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถหรือไม่ ตอนนี้มีสินเชื่อทั้งหมดเท่าไหร่ บัตรเครดิตต้องผ่อนไหม ผ่อนเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เรียกได้ว่าเป็นส่วนข้อมูลชี้ชะตาว่าเราจะขอสินเชื่อผ่านหรือไม่กันเลยทีเดียว
เพราะอะไร ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับเครดิต
ธนาคารผู้ให้สินเชื่อเราก็เหมือนกับเจ้าหนี้ ลองจินตนาการดูว่าหากเพื่อนๆ มีคนมาขอยืมเงิน เราก็คงอยากรู้ว่าในอดีตพวกเขามีประวัติทางการเงินเป็นยังไงกันบ้าง มีหนี้สินอยู่กี่ก้อน สุขภาพการเงินตอนนี้เป็นยังไง จะสามารถชำระหนี้ให้กับเราในภายหลังตามตกลงได้จริงหรือเปล่า เคยมีประวัติเบี้ยวหนี้มาก่อนไหม ธนาคารเองก็เหมือนกัน พวกเขาย่อมต้องการข้อมูลที่จะสร้างความมั่นใจว่าหากปล่อยสินเชื่อให้เราแล้วจะไม่กลายเป็นหนี้สูญ
ประวัติเครดิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนชำระตรงเวลาอยู่เป็นประจำ ไม่มีการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตให้กลายเป็นหนี้สินตามมา ธนาคารก็จะมั่นใจว่าเราเป็นลูกหนี้ชั้นดี เวลาอนุมัติสินเชื่อก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเรามีความน่าเชื่อถือนั่นเอง ดังนั้น เครดิตบูโรจึงนับว่าเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเราได้เป็นอย่างดี
แบล็กลิสต์เครดิตบูโร ติดนานแค่ไหนถึงจะหาย
ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเครดิตบูโรไม่ได้จะปรากฏอยู่ตลอดไปตั้งแต่เราเริ่มขอสินเชื่อครั้งแรกจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เพราะหากเก็บข้อมูลถึงขนาดนั้นคงต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลแน่นอน ดังนั้น เครดิตบูโรจึงจะจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน ประวัติธุรกรรม ข้อมูลสินเชื่อ การชำระหนี้สินของเรา เป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น
อย่างเช่น หากเราเคยมีประวัติเสียบนเครดิตบูโรเมื่อปี 2019 ตอนนี้เข้าสู่ปี 2023 แล้ว เป็นระยะเวลาเกิน 3 ปีที่ข้อมูลหนี้เสียของเราปรากฏอยู่บนเครดิตบูโร ดังนั้น ข้อมูลในส่วนนี้จึงจะไม่ปรากฏอีกต่อไป แต่จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่ๆ แทน เวลาขอสินเชื่อ หากปิดแบล็กลิสต์แล้วผ่านไป 3 ปีจึงไม่ส่งผลกระทบนั่นเอง
แบล็กลิสต์เครดิตบูโร ขอสินเชื่อบ้านได้มั้ย
ตามข้อมูลด้านบน สรุปแล้วข้อมูลบนเครดิตบูโร เป็นเพียงแค่ประวัติที่บอกธนาคารว่าเรามีหนี้สินเท่าไหร่ ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาเป็นยังไง ความจริงแล้วคำว่าแบล็กลิสต์จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เพราะทุกคนที่เคยมีหนี้สิน ข้อมูลจะปรากฎย้อนหลัง 3 ปีทั้งหมด เพียงแต่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบไหนเท่านั้น
แต่ต้นกำเนิดของคำว่าแบล็กลิสต์ เกิดจากการที่ข้อมูลประวัติหนี้สินของเราบนเครดิตบูโรไม่ดีเท่าไหร่ เวลาธนาคารดูแล้วก็ไม่ค่อยยอมปล่อยสินเชื่อให้ เลยกลายเป็นการเรียกติดปากว่าแบล็กลิสต์นั่นเอง และต่อให้เราจะมีประวัติที่ดีหรือไม่ ทุกคนก็สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ เพราะธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราไหม ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้พิจารณา
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจเคยมีประวัติไม่ดีบนเครดิตบูโร ก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้เราแน่นอน ยิ่งประวัติหนี้เสียผ่านมานานมากแล้ว แถมเราเองยังกลับมาเป็นลูกหนี้ชั้นดีอีกต่างหาก ก็มีโอกาสที่เราจะขอกู้ซื้อบ้านได้ผ่านเหมือนกัน แบล็กลิสต์จึงไม่ใช่คำจำกัดความที่ถูกต้อง และคนที่เคยประสบปัญหาการเงินในอดีตก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามความต้องการเหมือนเดิม เพราะมีวิธีมากมายที่จะช่วยกู้วิกฤตได้ ใครสนใจไปดูต่อข้างล่างเลย
ปลดล็อกแบล็กลิสต์อย่างไรให้กู้สินเชื่อบ้านผ่าน
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะปลดล็อกแบล็กลิสต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุยมากขึ้นกว่าเดิม เราก็มีวิธีมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำตามเหมือนกัน เราขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี ประกอบไปด้วย
กรณีมีสภาพคล่อง
หากการติดเครดิตบูโรของทุกคนเกิดขึ้นในอดีตประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว ตอนนี้การเงินฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ แต่ว่าประวัติยังไม่หายไป เพราะยังไม่ถึง 3 ปี อยากจะเพิ่มโอกาสในการยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านแล้วผ่านมากขึ้นกว่าเดิม สามารถทำตามนี้ได้เลย
1. ลิสต์รายการหนี้สิน อันดับแรกให้เราดูภาพรวมก่อนว่าเรามีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ เขียนออกมาเป็นก้อนๆ แต่ละก็มีเงินต้น และดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพหนี้สินได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม 2. รวมหนี้ เป็นวิธีการที่ช่วยให้เราสามารถจัดสรรหนี้สินได้อย่างง่ายดายมากขึ้น นั่นก็คือการไปขอสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรวมหนี้ เพื่อรวมหนี้สินทุกก้อน ไม่ว่าจะเป็นในระบบ หรือนอกระบบ ให้กลายเป็นหนี้ก้อนเดียวในระบบ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงกว่าเดิม แถมยังช่วยให้เราจัดการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะเลือกได้ว่าจะผ่อนกี่ปี ผ่อนงวดละเท่าไหร่ 3. ปรับการชำระหนี้ หลังจากที่เรารวมหนี้เรียบร้อยแล้ว ก็จะช่วยให้เราจ่ายหนี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นก็จะเป็นการสร้างประวัติหนี้สินบนเครดิตบูโรใหม่ให้ดูไฉไลขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมเก็บใบเสร็จทุกครั้งหลังชำระหนี้ เพราะเราสามารถใช้มันยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการขอสินเชื่อได้ **4. เก็บเงินก้อน **ต่อให้เราจะมีประวัติเสียในเครดิตบูโรมาก่อนเมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นต้นมา แต่ถ้าระยะเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งแล้ว ช่วงหลังเครดิตเราดีขึ้น โอกาสที่ธนาคารจะมอบสินเชื่อให้กับเราก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ เราขอให้เก็บเงินก้อนเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพราะเวลายื่นกู้แล้วมีเงินดาวน์ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าหนี้อย่างธนาคารตามไปด้วยนั่นเอง 5. หยุดเป็นมนุษย์เงินผ่อน การจะกู้ซื้อบ้านนั้นคือการสร้างภาระหนี้สินก้อนใหญ่ เป็นระยะเวลายาวนานติดต่อกันตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ช่วงนี้อยากได้อะไรเราขอแนะนำให้เก็บเงินซื้อดีกว่าที่จะไปผ่อน การเป็นมนุษย์เงินผ่อนจะเป็นการเพิ่มช่องทางความเสี่ยงที่สุขภาพทางการเงินของเราจะล้มเหลวอีกครั้ง หากจะให้ดี ลองปิดบัตรเครดิตไปก่อนก็ได้ พอการเงินเริ่มคล่องตัวแล้วค่อยกลับไปใช้ใหม่ยังไม่สาย
กรณีขาดสภาพคล่อง
สำหรับใครที่กำลังปวดหัวกับการติดเครดิตบูโร สภาพคล่องทางการเงินก็ยังไม่กลับมา เราก็มีวิธีการจัดการหนี้สินกรณีที่กำลังติดเครดิตบูโรอยู่มาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำเหมือนกัน ดังนี้
1. จัดลำดับหนี้ หนี้สินแต่ละก้อนก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงต่ำแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราจึงต้องมาจัดลำดับความสำคัญของหนี้สินดูก่อน ว่าก้อนไหนที่เป็นภาระหนักจนทำให้เราต้องประสบปัญหาทางการเงิน 2. เจรจาต่อรองปรับโครงสร้างหนี้ หนี้สินก้อนไหนที่ดอกเบี้ยสูง อย่างเช่นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หากเราประสบปัญหาจริงๆ ขอแนะนำให้เดินทางไปติดต่อเจรจาต่อรองกับธนาคารด้วยความจริงใจไปเลยจะดีที่สุด เพราะเราสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ มันจะช่วยให้เรามีภาระดอกเบี้ยน้อยลง ขยายระยะเวลาการชำระคืนที่ช่วยให้เงินงวดต่อเดือนน้อยลงก็ยังได้ 3. หยุดสร้างหนี้และเก็บออม การมีปัญหาหนี้สินอยู่แล้วไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่เราจะไปซื้ออะไรก็ตาม โดยเฉพาะการซื้อด้วยเงินผ่อน เพราะมันจะเป็นการสร้างหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาเป็นวัฏจักรวนเวียนไปไม่รู้จบ นอกจากจะต้องไม่สร้างหนี้เพิ่ม เรายังควรเก็บออมเงินที่เหลืออยู่อีกด้วย เพราะเงินส่วนนี้เองจะช่วยให้เราสามารถนำเอาไปโปะก้อนหนี้เล็กๆ น้อยๆ ให้หมดไปจากบัญชีเครดิตบูโรของเรา
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แก้เครดิตเสีย ที่นี่
สรุปแล้ว ติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย คำตอบก็คือความจริงแล้วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารโดยเฉพาะ เพราะการติดแบล็กลิสต์บนเครดิตบูโรเป็นเพียงแค่ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะชี้ชะตาว่าเราสามารถขอสินเชื่อได้ไหม ยิ่งประวัติผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสขอสินเชื่อได้มากขึ้นเท่านั้น ถ้าจะเอาชัวร์ก็ใช้เวลาที่กำลังติดแบล็กลิสต์อยู่สร้างสุขภาพการเงินให้แข็งแรงมั่นคง พอผ่านไป 3 ปียื่นขอสินเชื่อใหม่ก็ยังไม่สาย เราขอเอาใจช่วยทุกคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
Kimnai
ใช่ครับตอนนี้มีหนี้บัตรเครดิตเยอะมากจนไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด รู้สึกเครียดมากครับ เพื่อนผมเคยแนะนำว่า ถ้าเรามีหนี้บัตรเครดิตหลายใบเราสามารถที่จะไปคลีนิคแก้หนี้เพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียวได้ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะลองไปคลีนิคนี้ดู เผื่อว่าผมจะจัดการ การเงินผมให้ดีกว่านี้ได้ อยากจะแก้เครดิตตัวเองให้ดีขึ้นด้วยเผื่อว่าในอนาคตจะได้ทำธุรกรรมทางการเงินได้มากขึ้น
Man Man
การติดแบล็คลิสต์(blacklist) หรือที่เรียกว่า การติดบัญชีดำ เป็นคำพูดติดปากเฉยๆมั้ง ไม่มีใครขึ้นบัญชีคุณไว้ว่าอย่ายอมให้คนนี้ไปกู้เงินนะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มันก็แค่การที่คุณชำระหนี้ไม่ตรงเวลาจนครบกำหนดที่เขาตั้งไว้น่ะแหละ เลยถูกบันทึกไว้ว่าคนๆนี้มีการชำระหนี้ไม่ตรงเวลา กลายเป็นมีประวัติเสีย ไม่กี่ปีข้อมูลก็จะหายไป ทางที่ดีควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาครับ
น้ำหวาน
บัญชีดำหรือประวัติเสียกับทางธนาคารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราไม่สามารถใช้บริการการกู้เงินของธนาคารนั้นได้ บทความนี้ช่วยให้ผมมีความรู้และเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการติดแบล็คลิสกับธนาคารว่ามีผลเสียยังไงต่อเราบ้าง แล้วสาเหตุที่ทำให้เราติดบัญชีดำมีอะไรบ้าง เพื่อเราจะสามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อไม่ให้เสียประวัติทางการเงินได้ค่ะ
Tayika
เมื่อเราไปยืมเงินใครก็ต้องจ่ายให้ตรงเวลา ไม่งั้นเขาก็จดชื่อไว้ว่าคนนี้นะต้องระวัง คราวหน้ามาอีกต้องพิจาณาให้ละเอียดเลย แต่พอดีว่าเครดิตบูโรเขาบันทึกชื่อไว้แบบที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นสามารถเห็นได้ด้วยค่ะ ถึงคุณจะให้หนี้กับที่เก่าหมดไปแล้วแต่ประวัตินั้นยังยงอยู่ต่ออีกตามเวลที่กำหนด หากคุณจะไปขอกู้เงินจากที่อื่นอีกต้องลุ้นดูว่าเขาจะให้มั้ย
น้องนุน
เป็นไงละ อันนี้พวกที่บอกว่า ต้องมีบัตรหลายๆไปต้องเข้ามาอ่านเลย เราเคยเจอนะ คนหนึ่งมีบัตรเครดิต 5ใบ เราเคยถามว่าทำไมมีเยอะจัง เขาบอกว่าเอาไว้จ่ายเงินหมุนเวียนบัตร เราก็ว่าแล้วมันสามารถทำได้เหรอ อ่านแล้วเข้าใจเลย ทำได้แต่ไม่คุ้มจริงๆเลย ถ้าติดบัญชีดำขึ้นมาแล้วมันไม่คุ้มเลย ประวัติทางการเงินเสียหายหมดแบบนี้
ฝันดี
ใครที่อยู่ในสภาพการณ์แบบนี้ก็น่าอึดอัดนะคะ อยากจะทำธุรกรรมทางการเงินอะไรก็ติดขัดไปหมด อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ คือคนที่มีแบล็คลิสต์จะทำอะไรได้ยากกว่าคนอื่นๆเพราะจะมีเงื่อนไขเพิ่มเข้ามาเพราะธุนาคารเขาก็ต้องการความมั่นใจว่าเราจะไม่ทิ้งความรับผิดชอบไปอีกนั่นแหละ ใจเขาใจเราอะนะต้องเข้าใจธนาคารเขาบ้าง
ยุย
อ๋อเพิ่งจะรู้นี่แหละว่าถ้าชำระหนี้ช้าชื่อเราก็จะติดแบล็คลิสด้วย แต่แสดงว่าสมมุติว่าถ้าเราจ่ายหนี้ช้าแค่งวดเดียวชื่อเราจะยังไม่ขึ้นแบล็คลิสใช่ไหมคะ แต่ถ้าจ่ายหนี้ช้าติดต่อกัน 6 งวด อย่างไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเครดิต 6 เดือนอย่างนี้ชื่อเราก็จะติดแบล็คลิส แต่เราว่าถ้าปล่อยให้หนี้กองกัน 6 เดือนมาจ่ายทีเดียวนี้มีได้เป็นลมแน่ๆค่ะ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตของเราเนี่ย ถ้าต้องจ่ายทีเดียวนี้จ่ายไม่ไหวแน่ๆ
ฺBlack Diamond
จริงๆสาเหตุทำให้ที่ทำให้บางคนติดแบล็คลิสนั้นไม่ได้เกิดจากการที่ใช้บัตรเครดิตอย่างเดียวนะครับ แต่อาจจะเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆด้วย เช่นบางคนกู้เงินเพื่อการศึกษา, กู้ซื้อรถ, กู้ซื้อบ้าน,ก็มีครับ แล้วพอเกิดสถานการณ์แบบโควิดขึ้น ใครจะคาดคิดครับบางคนตกงานก็มีเขาจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายทัน ??? ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่อยากจ่ายหนี้นะครับ ทุกคนอยากจะจ่ายหนี้ให้มันหมดไปแต่เขาไม่มีเงินพอที่จะจ่ายมากกว่าครับ
น้องนุช
ปัญหาเรื่องการชำระช้า คิดว่าเพื่อนๆคงเป็นกันบ่อยๆใช่ไหมคะ เราก็ยังเป็นเลยคะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ แค่ส่งช้าก็ทำให้เราติดแบลคลิสแล้ว แบบนี้ต้องคอยเชคแล้วละคะว่าเดือนนี้จ่ายหนี้ของธนาคารไปหรือยัง ไม่งั๊นแย่ หรือถ้าเพื่อนๆกลัวลืม เราว่ามันน่าจะหักเงินจากบัญชีเราได้นะ เวลาเงินเดือนออกก็ให้ทางธนาคารหักไปเลยจะได้ไม่ต้องคอยมาจำ
แบงค์
เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการที่เราขอสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิตแล้วไม่ยอมจ่ายคืนให้กับทางสถาบันการเงินนั้น จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องกลัวเลยครับถ้าเรามีระเบียบวินัยในการใช้สินเชื่อหรือบัตรเครดิต เพราะถ้าเราใช้คืนตรงตามเวลากำหนดหรือทำตามกติกาแล้ว เราก็ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องถูกขึ้นบัญชีดำกับทางสถาบันการเงินเลย
เบญศิริ
เรื่องอื่นเราไม่น่ากลัวเลยคะ ยังไงก็ต้องจ่ายหนี้จนหมดอยู่ดีแหละคะ แต่ที่เรากลัวคือ การจ่านล้าช้านี้แหละคะ อันนี้แหละกลัวที่สุดเลยคะ ยิ่งช่วงโควิด-19แบบนี้เรายิ่งกลัวไปใหญ่เลยคะ ตอนนี้ถ้ามว่าเราเป็นยังไงบ้าง ก็ ไม่ได้จ่ายมาประมาณ เดือนที่3แล้วละคะ กังวลเลยคะว่าจะเป็นยังไงต่อในอีก3-4เดือนข้างหน้านี้คะ