เชื่อว่าหากเพื่อนๆ ทุกคนเลือกได้ ทุกคนก็ต้องเลือกที่จะมีเงินพอกินพอใช้ไปตลอดทั้งชีวิต แต่เงินทองเป็นของหายาก แถมยังออกจากกระเป๋าเราได้อย่างง่ายดายอีกต่างหาก หลายคนที่มีปัญหาทางการเงินเลยต้องกู้หนี้ยืมสิน บางคนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอปัญหาหนักขึ้น หนี้สินที่มีอยู่ก็ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามปกติ พอเวลาผ่านไปจนเริ่มคล่องตัวขึ้นอยากซื้อบ้าน ก็เกิดคำถามขึ้นมาในทันทีว่าติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน

ไขปัญหาคาใจของคนมีอดีต ติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย

ไขปัญหาคาใจของคนมีอดีต ติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย

คนเคยมีอดีตก็เหมือนกับมีชนักติดหลัง เวลาจะหยิบจับทำอะไรเลยต้องลำบากกว่าคนอื่นไปหมด ต่อให้เราจะเคยผ่านวิกฤตการเงินที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติมาแล้ว แต่อดีตก็จะยังคงตามหลอกหลอนเราในรูปแบบข้อมูลเครดิตบูโรอยู่ดี เวลาจะยื่นสินเชื่อขอซื้อบ้าน คนมีอดีตหลายคนจึงไม่มั่นใจว่าติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย เราขอเริ่มต้นไขข้อสงสัยตั้งแต่เครดิตบูโรคืออะไรเลยแล้วกัน

เครดิตบูโรมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อ รวมถึงประวัติการชำระหนี้ทุกประเภทของทุกคนที่ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินทั่วประเทศ ข้อมูลนี้สามารถใช้วัดความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ หรือทำธุรกรรมทางการเงินของตัวบุคคลนั้นได้ ข้อมูลที่ระบุอยู่ในเครดิตบูโรมีดังนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคล

เป็นข้อมูลทั่วไปของเรา ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่อาศัย อาชีพ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สถานภาพสมรส หากเป็นนิติบุคคลก็จะมีข้อมูลประกอบไปด้วย ชื่อ สถานที่ตั้ง และเลขทะเบียนนิติบุคคล

  1. ข้อมูลสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้

เป็นข้อมูลที่จะบอกถึงประวัติการทำธุรกรรม โดยเฉพาะในด้านการขอสินเชื่อของเรา บอกรายละเอียดครบถ้วนตั้งแต่เคยกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถหรือไม่ ตอนนี้มีสินเชื่อทั้งหมดเท่าไหร่ บัตรเครดิตต้องผ่อนไหม ผ่อนเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เรียกได้ว่าเป็นส่วนข้อมูลชี้ชะตาว่าเราจะขอสินเชื่อผ่านหรือไม่กันเลยทีเดียว

เพราะอะไร ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับเครดิต

เพราะอะไร ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับเครดิต

ธนาคารผู้ให้สินเชื่อเราก็เหมือนกับเจ้าหนี้ ลองจินตนาการดูว่าหากเพื่อนๆ มีคนมาขอยืมเงิน เราก็คงอยากรู้ว่าในอดีตพวกเขามีประวัติทางการเงินเป็นยังไงกันบ้าง มีหนี้สินอยู่กี่ก้อน สุขภาพการเงินตอนนี้เป็นยังไง จะสามารถชำระหนี้ให้กับเราในภายหลังตามตกลงได้จริงหรือเปล่า เคยมีประวัติเบี้ยวหนี้มาก่อนไหม ธนาคารเองก็เหมือนกัน พวกเขาย่อมต้องการข้อมูลที่จะสร้างความมั่นใจว่าหากปล่อยสินเชื่อให้เราแล้วจะไม่กลายเป็นหนี้สูญ

ประวัติเครดิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนชำระตรงเวลาอยู่เป็นประจำ ไม่มีการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตให้กลายเป็นหนี้สินตามมา ธนาคารก็จะมั่นใจว่าเราเป็นลูกหนี้ชั้นดี เวลาอนุมัติสินเชื่อก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเรามีความน่าเชื่อถือนั่นเอง ดังนั้น เครดิตบูโรจึงนับว่าเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเราได้เป็นอย่างดี

แบล็กลิสต์เครดิตบูโร ติดนานแค่ไหนถึงจะหาย

ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเครดิตบูโรไม่ได้จะปรากฏอยู่ตลอดไปตั้งแต่เราเริ่มขอสินเชื่อครั้งแรกจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เพราะหากเก็บข้อมูลถึงขนาดนั้นคงต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลแน่นอน ดังนั้น เครดิตบูโรจึงจะจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน ประวัติธุรกรรม ข้อมูลสินเชื่อ การชำระหนี้สินของเรา เป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น

อย่างเช่น หากเราเคยมีประวัติเสียบนเครดิตบูโรเมื่อปี 2019 ตอนนี้เข้าสู่ปี 2023 แล้ว เป็นระยะเวลาเกิน 3 ปีที่ข้อมูลหนี้เสียของเราปรากฏอยู่บนเครดิตบูโร ดังนั้น ข้อมูลในส่วนนี้จึงจะไม่ปรากฏอีกต่อไป แต่จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่ๆ แทน เวลาขอสินเชื่อ หากปิดแบล็กลิสต์แล้วผ่านไป 3 ปีจึงไม่ส่งผลกระทบนั่นเอง

แบล็กลิสต์เครดิตบูโร ขอสินเชื่อบ้านได้มั้ย

ตามข้อมูลด้านบน สรุปแล้วข้อมูลบนเครดิตบูโร เป็นเพียงแค่ประวัติที่บอกธนาคารว่าเรามีหนี้สินเท่าไหร่ ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาเป็นยังไง ความจริงแล้วคำว่าแบล็กลิสต์จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เพราะทุกคนที่เคยมีหนี้สิน ข้อมูลจะปรากฎย้อนหลัง 3 ปีทั้งหมด เพียงแต่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบไหนเท่านั้น

แต่ต้นกำเนิดของคำว่าแบล็กลิสต์ เกิดจากการที่ข้อมูลประวัติหนี้สินของเราบนเครดิตบูโรไม่ดีเท่าไหร่ เวลาธนาคารดูแล้วก็ไม่ค่อยยอมปล่อยสินเชื่อให้ เลยกลายเป็นการเรียกติดปากว่าแบล็กลิสต์นั่นเอง และต่อให้เราจะมีประวัติที่ดีหรือไม่ ทุกคนก็สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ เพราะธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราไหม ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้พิจารณา

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจเคยมีประวัติไม่ดีบนเครดิตบูโร ก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้เราแน่นอน ยิ่งประวัติหนี้เสียผ่านมานานมากแล้ว แถมเราเองยังกลับมาเป็นลูกหนี้ชั้นดีอีกต่างหาก ก็มีโอกาสที่เราจะขอกู้ซื้อบ้านได้ผ่านเหมือนกัน แบล็กลิสต์จึงไม่ใช่คำจำกัดความที่ถูกต้อง และคนที่เคยประสบปัญหาการเงินในอดีตก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามความต้องการเหมือนเดิม เพราะมีวิธีมากมายที่จะช่วยกู้วิกฤตได้ ใครสนใจไปดูต่อข้างล่างเลย

ปลดล็อกแบล็กลิสต์อย่างไรให้กู้สินเชื่อบ้านผ่าน

ปลดล็อกแบล็กลิสต์อย่างไรให้กู้สินเชื่อบ้านผ่าน

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะปลดล็อกแบล็กลิสต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุยมากขึ้นกว่าเดิม เราก็มีวิธีมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำตามเหมือนกัน เราขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี ประกอบไปด้วย

กรณีมีสภาพคล่อง

หากการติดเครดิตบูโรของทุกคนเกิดขึ้นในอดีตประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว ตอนนี้การเงินฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ แต่ว่าประวัติยังไม่หายไป เพราะยังไม่ถึง 3 ปี อยากจะเพิ่มโอกาสในการยื่นขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านแล้วผ่านมากขึ้นกว่าเดิม สามารถทำตามนี้ได้เลย

1. ลิสต์รายการหนี้สิน อันดับแรกให้เราดูภาพรวมก่อนว่าเรามีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ เขียนออกมาเป็นก้อนๆ แต่ละก็มีเงินต้น และดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพหนี้สินได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม 2. รวมหนี้ เป็นวิธีการที่ช่วยให้เราสามารถจัดสรรหนี้สินได้อย่างง่ายดายมากขึ้น นั่นก็คือการไปขอสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรวมหนี้ เพื่อรวมหนี้สินทุกก้อน ไม่ว่าจะเป็นในระบบ หรือนอกระบบ ให้กลายเป็นหนี้ก้อนเดียวในระบบ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงกว่าเดิม แถมยังช่วยให้เราจัดการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะเลือกได้ว่าจะผ่อนกี่ปี ผ่อนงวดละเท่าไหร่ 3. ปรับการชำระหนี้ หลังจากที่เรารวมหนี้เรียบร้อยแล้ว ก็จะช่วยให้เราจ่ายหนี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นก็จะเป็นการสร้างประวัติหนี้สินบนเครดิตบูโรใหม่ให้ดูไฉไลขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมเก็บใบเสร็จทุกครั้งหลังชำระหนี้ เพราะเราสามารถใช้มันยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการขอสินเชื่อได้ **4. เก็บเงินก้อน **ต่อให้เราจะมีประวัติเสียในเครดิตบูโรมาก่อนเมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นต้นมา แต่ถ้าระยะเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งแล้ว ช่วงหลังเครดิตเราดีขึ้น โอกาสที่ธนาคารจะมอบสินเชื่อให้กับเราก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ เราขอให้เก็บเงินก้อนเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพราะเวลายื่นกู้แล้วมีเงินดาวน์ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าหนี้อย่างธนาคารตามไปด้วยนั่นเอง 5. หยุดเป็นมนุษย์เงินผ่อน การจะกู้ซื้อบ้านนั้นคือการสร้างภาระหนี้สินก้อนใหญ่ เป็นระยะเวลายาวนานติดต่อกันตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ช่วงนี้อยากได้อะไรเราขอแนะนำให้เก็บเงินซื้อดีกว่าที่จะไปผ่อน การเป็นมนุษย์เงินผ่อนจะเป็นการเพิ่มช่องทางความเสี่ยงที่สุขภาพทางการเงินของเราจะล้มเหลวอีกครั้ง หากจะให้ดี ลองปิดบัตรเครดิตไปก่อนก็ได้ พอการเงินเริ่มคล่องตัวแล้วค่อยกลับไปใช้ใหม่ยังไม่สาย

กรณีขาดสภาพคล่อง

สำหรับใครที่กำลังปวดหัวกับการติดเครดิตบูโร สภาพคล่องทางการเงินก็ยังไม่กลับมา เราก็มีวิธีการจัดการหนี้สินกรณีที่กำลังติดเครดิตบูโรอยู่มาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำเหมือนกัน ดังนี้

1. จัดลำดับหนี้ หนี้สินแต่ละก้อนก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงต่ำแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราจึงต้องมาจัดลำดับความสำคัญของหนี้สินดูก่อน ว่าก้อนไหนที่เป็นภาระหนักจนทำให้เราต้องประสบปัญหาทางการเงิน 2. เจรจาต่อรองปรับโครงสร้างหนี้ หนี้สินก้อนไหนที่ดอกเบี้ยสูง อย่างเช่นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หากเราประสบปัญหาจริงๆ ขอแนะนำให้เดินทางไปติดต่อเจรจาต่อรองกับธนาคารด้วยความจริงใจไปเลยจะดีที่สุด เพราะเราสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ มันจะช่วยให้เรามีภาระดอกเบี้ยน้อยลง ขยายระยะเวลาการชำระคืนที่ช่วยให้เงินงวดต่อเดือนน้อยลงก็ยังได้ 3. หยุดสร้างหนี้และเก็บออม การมีปัญหาหนี้สินอยู่แล้วไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่เราจะไปซื้ออะไรก็ตาม โดยเฉพาะการซื้อด้วยเงินผ่อน เพราะมันจะเป็นการสร้างหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาเป็นวัฏจักรวนเวียนไปไม่รู้จบ นอกจากจะต้องไม่สร้างหนี้เพิ่ม เรายังควรเก็บออมเงินที่เหลืออยู่อีกด้วย เพราะเงินส่วนนี้เองจะช่วยให้เราสามารถนำเอาไปโปะก้อนหนี้เล็กๆ น้อยๆ ให้หมดไปจากบัญชีเครดิตบูโรของเรา

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แก้เครดิตเสีย ที่นี่

สรุปแล้ว ติดแบล็กลิสต์ ซื้อบ้านได้มั้ย คำตอบก็คือความจริงแล้วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารโดยเฉพาะ เพราะการติดแบล็กลิสต์บนเครดิตบูโรเป็นเพียงแค่ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะชี้ชะตาว่าเราสามารถขอสินเชื่อได้ไหม ยิ่งประวัติผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสขอสินเชื่อได้มากขึ้นเท่านั้น ถ้าจะเอาชัวร์ก็ใช้เวลาที่กำลังติดแบล็กลิสต์อยู่สร้างสุขภาพการเงินให้แข็งแรงมั่นคง พอผ่านไป 3 ปียื่นขอสินเชื่อใหม่ก็ยังไม่สาย เราขอเอาใจช่วยทุกคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง