นักธุรกิจ ผมเชื่อว่าคนที่เคยดูหนังหรือชีรีย์ละคร คงจะเห็นบทบาทนักธุรกิจกันมาแล้วว่า เท่ขนาดไหน ผมคิดว่ามีคนไม่น้อยเลยที่มีความฝันนี้อยู่ในใจ คือ การได้เป็นนักธุรกิจเหมือนในละคร หรือ ชีรีย์ ที่ประสบความสำเร้จ ร่ำรวย มีความมั่งคั่ง มีเงินมากมาย ปัจจุบันนั้นเป็นยุคที่หลายๆคนมี Passion ในเรื่องของการทำธุรกิจ และมีหลายคนที่กลายเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยๆ โดยการเลียนแบบหนัง หรือนักธุรกิจที่ผ่านมา โดยเฉพราะหนังก็มีให้เห็นกันบ่อยที่สร้างจากเรื่องจริงๆเอาปรับแต่งให้คนมีความฝันที่จำเป็นนักธุรกิจเยอะแยะมากมาย แต่การทำตามฝันนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดนะครับ การลงมือทำกับความคิดที่จะทำนั้นมันต่างกันอย่างมาก มีหลายคนที่ทำตามความฝันแล้วล้มเหลวยกเลิกหรือทิ้งความฝันไปก็หลายคนเพราะมันยากเกินไป หรือจริงๆลึกแล้วไม่ได้ชอบการทำธุรกิจแต่สิ่งที่ชอบจริงๆนั้นก็คือ เงินที่มาพร้อมกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือแม้แต่การทำตามความฝันการเป็นนักธุรกิจแต่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการบริหารธุรกิจทำให้ล้มเหลว ก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีความฝันอยากจะเป็นนักธุรกิจจะเรียนจบบริหารธุรกิจโดยตรงเสมอไปจึงอาจจะขาดความรู้และประสบการณ์การบริหารธุรกิจได้เป็นธรรมดา
ตรวจสอบความสามารถของตัวเอง
อันดับแรกเลย คือ การตรวจสอบตัวเราเองก่อน การจะทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่คิดอยากจะทำก็จะสามารถทำได้เลย หรือเห็นคนอื่นทำแล้วรวยแล้วประสบความสำเร็จเลยอยากจะทำบ้าง อย่าได้คิดว่าการทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องงง่ายๆ ที่เราเห็นคนส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จได้นั้นเป็นผลมาจากการลงมือทำด้วยความยากลำบากจนสำเร็จกันทั้งนั้น ตอนที่เริ่มทำธุรกิจเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน เขาอาจจะไม่ได้แสดงหรือโชว์เห็นหรอกว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะประสบความสำเร็จเขาจะโชว์แต่ส่วนทีสำเร็จให้ได้เห็นเท่านั้น เมื่อเราไม่ได้เห็นในส่วนที่ลำบากตอนเริ่มทำธุรกิจทำให้เราอาจจะคิดได้ว่าการทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องง่ายไม่ได้ยากอะไร นั้นต้องขอบอกว่าไม่จริงการทำธุรกิจเป็นเรื่องยากมาก
อย่างที่บอกก่อนอื่นเลยก่อนที่จะทำธุรกิจเราจะต้องมาตรวจสอบตัวเราเองก่อน ความสามารถของตัวเราเอง ในเรื่องของการเป็นเจ้าของธุรกิจ ว่าเรานั้นสามารถที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจได้ไหม เราสามารถที่จะบริหารธุรกิจได้ไหม เรานั้นมีความสามารถมากน้อยแค่ไหนในด้านของการทำธุรกิจ นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องตรวจสอบก่อนที่เราจะคิดทำธุรกิจ นอกจากความสามารถที่จะต้องตรวจสอบยังมีอีกอย่างคือ Passion
Passion คือ ความใคร่ เราต้องดูด้วยว่าเรานั้นมีความใคร่ที่อยากจะเป็นนักธุรกิจมากน้อยแค่ไหน ถ้าเรามีความใคร่ที่อยากจะเป็นมาก ความใคร่จะเป็นพลังบวกอีกอย่างนอกจากความสามารถที่จะทำธุรกิจของเรานั้นประสบความสำเร็จได้ เพราะเมื่อเราพบเจออุปสรรคระหว่างทำธุรกิจ เราก็จะไม่ยอมแพ้ให้กับอุปสรรคนั้นอย่างง่ายดาย เราจะมีพลังสู้กับอุปสรรคนั้น ไม่ว่ามันจะมีมากมีน้อยขนาดไหน ความใครจะเป็นพลังให้เราผ่านอุปสรรคนั้นไปได้และประสบความสำเร็จในธุรกิจ
เลือกว่าจะทำธุรกิจแบบไหน B2B หรือ B2C
แน่นอนว่า ธุรกิจทั้ง สอง แบบนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของตัวกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก การที่จะเลือกว่าเรานั้นจะทำธุรกิจอันไหน B2B หรือ B2C นั้นก็ต้องย้อนไปดูที่ข้อแรกว่าเรานั้นมีความสามารถขนาดไหน B2B นั้นแน่นอนการเลือกทำธุรกิจแบบนี้ต้องเป็นบริษัทหรือองค์กรใหญ่เราก็ควรจะดูและตรวจสอบความสามารถของเราให้ดีเสียก่อนว่าเรานั้นพร้อมหรือไม่ ที่จะทำการบริหารองค์กรใหญ่ๆ หรือจะเป็น B2C เราก็ต้องมาดูความสามารถเหมือนกันว่าเราจะบริหารให้ธุรกิจแบบ B2C นั้นไปได้ไกลขนาดไหน ไม่ว่าจะเลือกธุรกิจแบบไหน ก็ย้อนกลับไปดู ที่ข้อแรก คือ ความสามารถ
ธุรกิจแบบ B2B คืออะไร?
B2B ย่อมาจาก คำว่า Business-to-Business เป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าไปที่ตัวองค์กร หรือ บริษัท เป็นต้น ซึ่งจะเน้นไปที่การบริการที่ตอบโจทย์ให้อีกธุรกิจหนึ่งที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกันเพื่อทำให้ธุรกิจนั้นได้ประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น การได้กำไรเพิ่ม ต้นทุนลดลง ประหยัดเวลาการทำงานมากขึ้น เป็นต้น ตัวอย่างของธุรกิจ B2B ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ธุรกิจติดแอร์บริษัท ธุรกิจคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจขายเครื่องจักรโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งข้อดีของธุรกิจลักษณะนี้คือไม่ต้องเน้นหรือลงทุนการตลาดหรือโฆษณามาก สินค้าที่นำมาขายนั้นเน้นไปที่การตอบโจทย์ผู้ซื้ออยู่แล้ว ซึ่งของเสียก็มีอยู่ที่ว่าสินค้าบางอย่างมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูงและไม่จำเป็นสำหรับคนทั่วไป ซึ่งการทำงานกับองค์กรหรือบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ตัวบุคคลมันก็จะต้องมีระยะเวลาของการจ่ายคือการวางบิลซึ่งบางทีอาจจะมีการผ่อนผันถึง 1 เดือนทำให้เรานั้นอาจจะขาดกระแสเงินสดได้ อีกทั้งจำนวนลูกค้ายังมีจำกัดทำให้เราจำใจต้องอดทนรอ
ธุรกิจแบบ B2C คืออะไร?
B2C ย่อมาจาก คำว่า Business-to-Customer เป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้าเป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งสินค้าและบริการจะขายให้กับรายบุคคล พูดแบบง่ายๆเลยก็คือ เป็นพวกสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า อาหาร เครื่องนุ่งห่ ยารักษาโรค ธุรกิจออนไลนื ธุรกิจขายรถ ธุรกิจขายบ้าน ธุรกิจนายหน้าขายที่ดิน เป็นต้น ธุรกิจประเภทนี้เรียกว่าเป็น B2C ทั้งหมด ธุรกิจ B2C ต้องพึงพาการตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการโฆษณาเพื่อให้ผู้คนรู้จักและสนใจสินค้า ข้อดีของธุรกิจประเภทนี้ คือ ถ้าหากเราทำการตลาดมาดี สินค้ามีราคาที่น่าสนใจ เรามีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จเพราะจำนวนของลูกค้านั้นมีไม่จำกัด แต่ข้อเสียเลยคือธุรกิจประเภทนี้นั้นมีคู่แข่งเยอะ
มีเป้าหมายที่ชัดเจน
เป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจเราจำเป็นจะต้องตั้งเป้าหมาย การทำธุรกิจจะมีตัวเลขอยู่ เช่นยอดขาย การตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับยอดขายก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำกัน หรือการตั้งเป้าหมายกำไร ฉันจะต้องได้จับเงินล้านภายใน 1 ปี หรือ 2 ปี ประมาณนี้การตั้งเป้าหมายหรือการที่มีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดีและเป็นแรงผลักดันธุรกิจให้เติบโตยิ่งเป้าหมายชัดเจนเท่าไรก็ยิ่งง่ายๆต่อการทำเป้าหมายให้สำเร็จ
เขียนแผนธุรกิจออกมาให้เห็นภาพ
เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วต่อไปสิ่งที่ต้องทำคือการวางแผนธุรกิจของเรา ให้เป็นรูปเป็นร่าง หรือให้เห็นภาพ วิธีการก็ง่ายๆ หลังจากมีเป้าหมาย แล้วก็เลือกประเภทของธุรกิจ ค้นหาสินค้าและบริการที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ หาเหตุผลที่ทำธุรกิจตัวนี้ว่าทำเราถึงทำเรามีข้อได้เปรียบคนอื่นยังไงในเรื่องของธุรกิจตัวนี้ เป้าหมาย ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนต้องการกำไรเท่าไร จำนวนลูกค้า ลูกค้าของเราจะเป็นใครหาได้จากที่ไหน ต้นทุนการผลิต มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ต้นทุนการตลาด มีค่าใช้จ่ายอะไรเกี่ยวกับการตลาด การโฆษณาบ้าง วิธีการเขียนแผนงานก็จะประมาณนี้
เตรียมแผนพร้อมรับความเสี่ยง
การลงทุนมีความเสี่ยง ทุกคนคงเคยได้ยินคำนี้ใช่ไหมครับ การทำธุรกิจก็คือการลงทุนชนิดหนึ่งเพราะฉะนั้นย่อมมีความเสี่ยง การเรียมความพร้อมรับความเสี่ยงนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนที่ทำธุรกิจมักมองข้ามไม่ใส่ใจคิดว่าเงินก็ไม่ต้องกลัวแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะความเสี่ยงที่ละเลยไม่ใส่ใจอาจจะทำให้เราเจ๊งได้ทันที เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงจึงจำเป็น วิธีการรับมือก็คือ เขียนความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจเราทุกอย่างที่คิดออกและเตรียมรับมือกับมันถ้าเกิดขึ้นาจริงๆ การทำธุรกิจผมอยากจะให้เพื่อนๆทุกคนคิดถึงแง่ลบที่สุดที่อาจจะเกิดกับธุรกิจเราและเมื่อเราเริ่มทำธุรกิจแล้วเจอกับปัญหาถึงจะไม่เลวร้ายที่สุดผมเชื่อว่าจะผ่านไปได้แบบง่ายดาย
สรุป
ขอให้ทุกคนที่คิดจะทำธุรกิจจงจำไว้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายๆแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปแค่ต้องมีการเตรียมตัว ตั้งเป้า วางแผน ทำทุกอย่างให้พร้อมเท่านี้ทุกคนก็สามารถที่จะทำธุรกิจและกลายเป็นนักธุรกิจแบบที่ฝันอยากจะเป็นได้แล้วครับ
พายุ
การที่เราจะเริ่มต้นธุรกิจก็เป็นเรื่องที่ท้าทายตัวเราเองมาก เพราะว่าถ้าเราเริ่มต้นไม่ดีก็จะมีผลต่อกำไรและความมั่นใจของเรา บทความนี้ทำให้เห็นวิธีที่จะช่วยให้เริ่มทำธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ อยู่อย่างน้อยตัวเราไม่มีประสบการณ์เราก็สามารถที่จะหาช่องทางที่จะช่วยเหลือเรา เพื่อที่จะสามารถให้เริ่มธุรกิจได้ด้วยความมั่นใจ
พี่คล้าว
บทความนี้เหมาะกับคนที่คิดอยากทำธุรกิจมากเลยครับ ขนาดผมยังไม่คิดพอเข้ามาอ่านนี่ผมเริ่มคิดละ..คิดว่าผมไม่เหมาะกับการทำธุรกิจเลย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะสำหรับการทำธุรกิจสักอย่างเนี่ย แต่ถ้าคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง แบบมันเป็นความฝันของเขา ผมว่าคนแบบนั้นทำได้นะ เขามีแรงบันดาลใจอยู่แล้วไง ต้องทำได้สำเร็จแน่ครับ
เจนนี่
ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้นั้นคิดว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างรวมๆกันเลยค่ะ แล้วก็ขึ้นอยู่กับโอกาสด้วย พูดในฐานะคนทำธุรกิจคนหนึ่งที่ทำได้สำเร็จแต่อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก ในส่วนของฉันที่ทำได้เพราะโอกาสค่ะ พอโอกาสเข้ามาเราก็คว้าเอาไว้ แม้จะยังวางแผนไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่บางคนอาจจะไม่มั่นใจรอวางแผนก่อนก็อาจจะพลาดดอกาสได้ก็มีค่ะ
ธารารินทร์
ถ้าให้เราเลือกว่าจะทำ ธุระกิจ เราว่าเราเลือก แบบ ธุรกิจแบบ B2C อย่างที่บอกดีกว่า เรา ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในยุคนี้มาก เดี่ยวนี้คนออกจากงานแล้วมาเป็น พ่อค้าแม่ค้า เยอะมากๆ แล้วหลายคน ก็ประสบความสำเร็จที่ดีกับการทำธุรกิจแบบ B2C คะ แต่ความเสี่ยงของ ธุรกิจแบบ B2C คือ เงินลงทุนคะ เพราะว่าเงินลงทุนเป็นเรื่องสำคัญกับธุรกิจแบบนี้มากๆคะ
ไนร์
ก็ที่อยู่นะครับสำหรับคนที่เป็นนักธุรกิจ แต่ว่าความที่อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและมีเงินทุนด้วยครับ การตรวจสอบตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ เพื่อจะได้มองตัวเองให้ออกว่าตัวเองเหมาะสมกับอะไรและมีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นนักธุรกิจหรือเปล่า ลองดูนะครับเผื่อว่าชอบแต่ถ้าทำแล้วเครียดก็อย่าทำเลยครับ
นพ นะ
ตอนนี้ ไม่ว่าจะทำแบบ B2B หรือ B2C ที่บอกไว้ คงได้รับผลกระทบทั้งหมดเลยนะครับ ช่วงสถานการณ์แบบนี้ เราคงต้องนิ่งๆไว้ก่อนดีกว่าครับ อย่ารีบร้อนตัดสินใจทำอะไรเลยครับ ผมว่า บ้านเราน่าจะกลับมาลงทุนธุรกิจต่างๆได้ คงจะเป็นต้นปีหน้าแน่นอนครับ เอาไว้ช่วงนั้นเราค่อยมาคิดกันอีกทีดีกว่าครับว่าจะเลือกการลงทุนแบบไหนดี
ชาย
อยากจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพชีวิตของตัวเองก่อนครับ ดูก่อนว่าตัวเองมีความมีระเบียบวินัยมากขนาดไหน มีความสามารถและศักยภาพพอที่จะดำเนินการธุรกิจด้วยด้วยตัวเองไหม หรือจำเป็นต้องมีตัวช่วย ทางด้านธุรกิจและด้านของเงินทุน เพียงเท่านี้จะทำให้เราสามารถประเมินศักยภาพของตัวเองในการดำเนินงานได้แล้วครับ
บอลครับผม
การที่เราจะลงทุนกับอะไรสักอย่างผมว่าเราต้องศึกษาให้ดีๆก่อนนะครับ เพราะหากเรารู้ไม่จริงแล้วเนี่ยอาจจะถูกเอาเปรียบหรืออาจจะถูกโกงหรืออะไรก็ตามแต่ เพราะฉะนั้นการลงทุนที่ดีควรจะศึกษาก่อน และหากวางแผนที่จะเริ่มลงทุนแล้วล่ะก็ อย่างที่บทความได้บอกเลยครับ ต้องมีแผนรับมือสำหรับเรื่องที่เราคาดไม่ถึงด้วยนะครับ
Power
@พายุ จริงค่ะการเริ่มต้นธุรกิจลงทุนในกิจกรรมต่างๆเป็นเรื่องสำคัญจริงๆก็ลงทุนในตอนแรกถ้ามันไปได้ไม่ดีก็ทำให้เราท้อแต่ธุรกิจบางอย่างมันก็ต้องใช้เวลาอย่างเช่นอาจจะปีแรกขาดทุนปีที่ 2 ตัวปีที่ 3 ถึงจะทำกำไรได้มันก็แล้วแต่ธุรกิจไปแต่การเริ่มต้นสำคัญจริงๆค่ะเพราะถ้าท้อเงินทุนไม่พอแล้วก็จะประคับประคองธุรกิจให้รอดไปจนถึงปีที่ 3 ไม่ไหว เคยเห็นหลายคนเลยค่ะจะลงทุนดีๆก็ยาก
Jonathan
ผมว่าเงินทุนสำคัญที่สุดนะ ต้องบริหารเงินทุนให้ดีลงทุนยังไงก็ได้ให้เงินยังเหลือเอาไว้ support ในช่วงที่มีปัญหา แต่ถ้าไม่เหลือเงิน support เงินเลยก็จะเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ แล้วเงินที่จะลงทุนต้องเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินร้อน อันนี้หมายความว่าไม่ใช่เอาเงินไปแช่ตู้เย็นนะครับ หมายความว่าต้องเป็นเงินที่เป็นเงินของเราอยู่แล้ว ไม่ใช่เงินที่ไปกู้ยืมมา หรือถ้าจะเป็นการลงทุนร่วมก็ต้องทำสัญญาดีๆ