เมื่อเกิดความเจ็บป่วยเกิดขึ้น คนเราจึงจำเป็นที่จะต้องได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ และสิ่งที่ตามมานั่นก็คือค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาที่ตามมานั่นเองค่ะ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายที่แพงมากขึ้นในทุกๆวัน จนบางคนต้องถึงกับหมดเงินเก็บที่มีทั้งหมดเพื่อมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลกันเลยล่ะค่ะ “ประกันสุขภาพ” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนในยุคปัจจุบันที่มองเห็นว่ามีความจำเป็น เพราะสามารถช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายในด้านค่ารักษาพยาบาลให้น้อยลงหรือหมดไปได้เป็นอย่างดี ทั้งยังให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับทุกๆรายละเอียดในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ดีอีกด้วย
แต่การที่เราจะตัดสินใจซื้อความคุ้มครองของประกันสุขภาพนั้นก็ไม่ควรแค่มองเห็นว่าสำคัญเพียงอย่างเดียวค่ะ ยังมีอีกหลายๆอย่างๆที่เราควรพิจารณาประกอบร่วมไปกับการตัดสินใจซื้ออีกด้วย วันนี้เรามีบทความดีๆอย่าง “6สิ่งที่ควรรู้ก่อนคิดซื้อประกันสุขภาพ” ที่นำมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ บทความที่จะช่วยให้เพื่อนนำข้อมูลมาใช้ในประกอบก่อนการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพขอ เพื่อให้ประกันสุขภาพที่ซื้อนั้นคุ้มกับเงินเสียไป และเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ จะมีเรื่องควรรู้อะไรบ้างนั้น เรามาติดตามไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
เบี้ยประกัน
สิ่งแรกที่เราควรต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพนั้นคือเรื่องของ “เบี้ยประกัน” นั่นเองค่ะ เบี้ยประกัน คือเงินที่เราชำระให้แก่บริษัทประกันในการซื้อความคุ้มครองสุขภาพต่อปี ซึ่งตรงนี้หลายๆบริษัทก็มีทางเลือกให้กับลูกค้าสามารถเลือกได้ค่ะว่าอยากจะชำระเป็นรายปี รายหกเดือน หรือรายเดือนค่ะ และเบี้ยประกันสุขภาพนั้นจะไม่เป็นอัตราคงที่เท่ากันทุกปีตลอดไปเหมือนกับเราซื้อประกันชีวิตหรอกค่ะ แต่ค่าเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นไปตามความเสี่ยงของคนเรา โดยใช้ปัจจัยในเรื่องของเพศ วัย อาชีพ ประวัติสุขภาพเข้ามาประกอบในการคิดคำนวณออกมาค่ะ
เช่น เด็กเล็กและวัยชราก็จะมีค่าเบี้ยประกันที่แพงกว่าคนในช่วงวัยทำงาน , เพศชายจะมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าเพศหญิงในวัยเดียวกัน , คนประกอบอาชีพในกลุ่มเสี่ยงจะมีค่าเบี้ยที่แพงกว่าคนที่ประกอบอาชีพทั่วไป หรือ คนที่มีประวัติเจ็บป่วยมาก่อนอาจถูกเพิ่มค่าเบี้ย หรืออาจยกเว้นรวมคุ้มครองในโรคที่เคยเป็นมา หรือบางทีอาจถึงขั้นไม่รับประกันเลยก็เป็นได้ค่ะ ซึ่งอัตราค่าเบี้ยเบี้ยจะถูกปรับขึ้นหรือลดลงตามช่วงอายุค่ะ โดยบริษัทประกันมักจะแบ่งช่วงอายุแต่ละช่วงนั้นห่างกัน 5 ปี เช่น อายุ 0-5 ปี , อายุ 6-10 ปี , อายุ 31-35 ปี , อายุ 65-70 ปี โดยหากอยู่ในเพศเดียวกันนั้นก็จะมีค่าเบี้ยที่เท่ากันค่ะ
ค่าเบี้ยประกันจึงควรนำมาใช้พิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อเป็นอันดับแรกเลยค่ะ เนื่องจากมีอัตราของเบี้ยนั้นไม่คงที่ จึงต้องมีการสำรวจดูสภาพคล่องการเงินของตัวเราเองก่อนค่ะ เพื่อที่เราจะสามารถมีประกันสุขภาพได้โดยไม่รู้สึกเป็นภาระหนักเกินไปในวันข้างหน้า และสามารถซื้อความคุ้มครองอย่างต่อเนื่องได้ตลอดไป ในที่นี้เราขอแนะนำกับเพื่อนๆว่า ค่าเบี้ยของประกันสุขภาพต่อปีนั้นควรอยู่ 10-15% ของรายได้รวมต่อปีก็จะเหมาะสมที่สุดค่ะ
วงเงินคุ้มครอง
สิ่งที่เราควรต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพในหัวข้อถัดมาที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องของค่าเบี้ยประกันเลยนั่นก็คือ เรื่องของ “วงเงินคุ้มครอง” ค่ะ การเลือกวงเงินคุ้มครองนี้หากยิ่งเยอะก็จะยิ่งดี เพราะเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคไหนๆก็จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั่นเอง โดยที่เราก็สามารถหมดห่วงเรื่องของค่ารักษาพยาบาลไปได้เลย เพียงแค่จ่ายค่าเบี้ยต่อปีเพื่อแลกกับความคุ้มครองเรื่องของสุขภาพของเรา การเข้ารับการรักษาครั้งไหนๆก็ไม่ต้อควักเงินเพิ่มอีกแล้วล่ะค่ะ
แต่ในทางตรงกันข้าม หากเราเลือกวงเงินคุ้มครองที่น้อยจนเกินไปเพราะเห็นแก่ค่าเบี้ยต่อปีที่ราคาถูก ประกันสุขภาพที่มีก็อาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาของเราในทุกครั้งได้ค่ะ นั่นแสดงว่าเราต้องควักส่วนต่างเพิ่มนั่นเอง เช่น เราเลือกซื้อแผนประกันสุขภาพที่มีค่าห้องอยู่ที่ 1200 บาทต่อคืน พอครั้นเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาต้องไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล กลับเลือกนอนห้องที่มีค่าห้อง 3200 บาทต่อคืน ส่วนต่างที่เกินมา 2000 บาทต่อคืนนั้นจึงเป็นส่วนที่เราต้องรับผิดชอบควักจ่ายเองค่ะ
วงเงินคุ้มครองจึงเป็นสิ่งที่เราควรนำมาพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ เพราะการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองที่เยอะค่าเบี้ยก็จะสูงเป็นเงาตามไปด้วยค่ะ ส่วนการซื้อวงเงินคุ้มครองที่น้อยจนเกินไปถึงแม้ว่าเบี้ยประกันต่อปีจะราคาถูก แต่ก็อย่าลืมค่ะว่าประกันสุขภาพก็จะไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งด้วยเช่นกัน และค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งนี้ก็ต้องเป็นเรื่องที่เราต้องแบกรับความเสี่ยงนั้นไว้เองค่ะ จึงขอแนะนำให้เพื่อนๆที่คิดจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพว่า เราควรเลือกวงเงินคุ้มครองที่อยู่บนความเหมาะสมของพื้นฐานส่วนตัว และควรจะสอดคล้องกับสภาพทางการเงินของเราก็จะเป็นการดีที่สุดค่ะ
ความเสี่ยง
“ความเสี่ยง” ในที่นี้เราหมายถึง ความเสี่ยงในโรคที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราค่ะ เช่น ทางกรรมพันธุ์ ประวัติการเจ็บป่วยที่ผ่านมา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลาค่ะ เราจึงควรเลือกประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับตัวเราด้วยค่ะ เนื่องจากแต่ละบริษัทนั้นมีแบบประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป คนส่วนใหญ่มักซื้อประกันสุขภาพโดยนำค่าเบี้ยและวงเงินคุ้มครองมาใช้เปรียบเทียบว่าจะเลือกซื้อของบริษัทไหน พอเห็นบริษัทที่มีวงคุ้มครองที่เท่ากันแต่มีค่าเบี้ยที่ถูกหรือแพงกว่าก็นำมาใช้ในการตัดสินใจไปซื้อเสียแล้ว โดยที่ไม่ได้ศึกษาถึงเงื่อนไขหรือข้อกำหนดของความคุ้มครองเข้าไปด้วย จึงทำให้เกิดปัญหาตามมาที่เราได้เห็นได้ยินกันอยู่บ่อยๆในเรื่องของการไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันนั่นเองค่ะ
เพราะฉะนั้นการมองแค่ค่าเบี้ยประกันหรือวงเงินคุ้มครองเพียงเท่านี้จึงอาจไม่สามารถครอบคลุมความเสี่ยงในเรื่องของสุขภาพของตัวเราได้ทั้งหมดค่ะ จึงขอแนะนำให้เพื่อนๆที่คิดจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพได้สำรวจความเสี่ยงต่อภาวะการเจ็บป่วยของตัวเอง และเลือกหาประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองได้ครอบคลุมความเสี่ยงของเรา โดยการศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดความคุ้มครองให้ดีควบคู่ไปกับเรื่องค่าเบี้ยประกัน และวงเงินคุ้มครองไปด้วย เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลังค่ะ
การคุ้มครอง
ในปัจจุบันบริษัทประกันมีแบบประกันสุขภาพให้เราได้เลือกซื้อกันอย่างหลากหลาย การพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อนี้นอกจากเราควรต้องรู้ในข้อดังกล่าวที่ผ่านมาแล้วข้างต้น เราก็ควรจะต้องเลือกในเรื่อง “การคุ้มครอง” ก่อนจะตัดสินใจอีกด้วยค่ะ การคุ้มครองที่จะกล่าวในที่นี้คือ การคุ้มครองของประกันสุขภาพที่เราสามารถเลือกซื้อได้ว่าอยากจะให้ครอบคลุมในเรื่องสุขภาพของเรามากแค่ไหนกันค่ะ โดยส่วนใหญ่การคุ้มครองนั้นก็จะมีทั้งแบบ IPD (ผู้ป่วยใน นอนพักรักษาเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป) และแบบความคุ้มครองในส่วน OPD (ผู้ป่วยนอก) นั่นเอง ซึ่งตรงนี้หากเพื่อนๆเลือกซื้อการคุ้มครองทั้งสองอย่างคือ IPD และ OPD ก็จะมีค่าเบี้ยที่สูงกว่าการเลือกคุ้มครอง IPD เพียงอย่างเดียว แต่ก็เรียกได้ว่าหากเราเลือกความคุ้มครองของทั้งสองอย่างแล้ว ก็สบายใจได้กับค่ารักษาพยาบาลในทุกๆครั้งของความเจ็บป่วยกันไปได้เลย เพราะไม่ว่าจะป่วยน้อยป่วยเยอะก็จะไม่ส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าของเราอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ
การที่เรามีการคุ้มครองของทั้งสองอย่าง ย่อมให้ความมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถวางใจในเรื่องค่าการรักษาพยาบาลได้ก็จริงอยู่ แต่ก็ต้องแลกมากับการจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น เราจึงขอแนะนำเพื่อนๆที่มีสวัสดิการกันอยู่แล้วค่ะว่า ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ บัตรทอง หรือประกันที่มีความคุ้มครองฉบับอื่นๆ ฯลฯ ลองตรวจสอบสิทธิ์ที่เรามีอยู่เสียก่อน และค่อยเลือกซื้อการคุ้มครองของประกันสุขภาพเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ตามความเหมาะสมส่วนบุคคลค่ะ เพื่อจะได้ไม่ซ้ำซ้อนจนเกินไป และเป็นเหตุให้ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพต่อปีที่มากเกินไปจนเกินความจำเป็นกันค่ะ
กระแสเงินสดของตนเอง
เนื่องจากประกันสุขภาพนั้นเป็นการซื้อความคุ้มครองเพื่อให้เกิดความอุ่นใจและสบายใจกับเรื่องของค่าใช้จ่ายในด้านสุขภาพของตัวเราที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ที่มีการคุ้มครองแบบปีต่อปี การจ่ายเบี้ยประกันจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสำรวจกระแสเงินของตนเองว่ามีสภาพคล่องมากน้อยแค่ไหนก่อนการตัดสินใจซื้อค่ะ เพราะเนื่องจากต้องมีการชำระเบี้ยอยู่เป็นประจำทุกๆปีเพื่อแลกกับความคุ้มครองที่จะได้รับอย่างต่อเนื่องไปตลอด การมีกระแสเงินที่อยู่ในสภาพคล่องที่ดีนั้น
เราจะดูได้จากหากเราต้องชำระค่าเบี้ยไป เงินส่วนที่เหลือที่ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันก็ต้องไม่ได้รับผลกระทบค่ะ แต่หากเพื่อนๆคิดว่าหลังการชำระเบี้ยไปแล้ว มีผลกระทบด้านการเงินในการดำเนินชีวิตประจำวันด้านใดด้านหนึ่ง ก็ควรเลื่อนการพิจารณาที่จะซื้อประกันสุขภาพออกไปอีกสักหน่อย และหันมาใช้สวัสดิการที่มีอยู่นั้นเป็นทางเลือกทดแทนไปก่อนค่ะ เพียงเท่านี้การซื้อประกันสุขภาพของเพื่อนก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถซื้อความคุ้มครองได้ยาวนานตลอดไปค่ะ
โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้
“โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้” คือหัวข้อสุดท้ายที่เราควรรู้ก่อนการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพกันค่ะ เราควรเลือกซื้อประกันสุขภาพที่มีโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลในเครือที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ของประเทศที่เราอยู่ค่ะ เพราะหากมีโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่ครอบคุลมพื้นที่ได้ทั่วนั้น ย่อมแสดงว่าการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นของเราในทุกขณะจะได้รับการรักษาทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที สะดวกและง่ายในการเดินทางอีกด้วยค่ะ ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลพื้นที่ครอบคุลมของโรงพยาบาลและสถานพยาลได้จากทางบริษัทประกันของแต่ละบริษัท เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพของเราค่ะ
รู้ครบก็มั่นใจได้
เป็นอย่างไรกันคะกับ “6สิ่งที่ควรรู้ก่อนคิดซื้อประกันสุขภาพ” บทความที่เรานำมาฝากเพื่อนๆกันในวันนี้ คงช่วยให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อประกันสุขภาพได้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราอย่างแท้จริงเลยใช่ไหมคะ เพราะการจะซื้อประกันสุขภาพสักฉบับนั้น หากเราไม่รู้ในทุกๆเรื่องก่อนการซื้อ ก็อาจทำให้ประกันสุขภาพนั้นไม่ครอบคลุมกับทุกๆด้านยามที่เราเจ็บป่วยได้ค่ะ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราควรจะต้องรู้ทุกเรื่องก่อนที่คิดจะซื้อ เพื่อให้เกิดความอุ่นใจ มั่นใจว่าประกันสุขภาพของเราจะดูแลเราได้ยามที่เราเจ็บป่วยนั่นเอง เรียกได้ว่า “รู้ครบก็มั่นใจได้” ค่ะ
น้ำตาล
ประกันสุขภาพเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นไปแล้วค่ะสำหรับชีวิตของเรา เพื่อช่วยให้เราสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในโรคที่ร้ายแรงได้ บทความนี้ได้อธิบายถึง 6 วิธีการที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพได้ อย่างที่ตรงกับความต้องการของเราพอดี เพราะว่าบางครั้งการที่เราจะเลือกซื้อประกันสุขภาพเราไม่รู้ว่าจะเลือกจากอะไร
น้ำ
มีหลายอย่างให้เลือกใช้บริการเหมือนกันนะคะสำหรับประกันสุขภาพ เพราะว่าสามารถช่วยเหลือเราในตอนที่เราเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆได้ ทำให้ค่ารักษาพยาบาลของเราได้รับการช่วยเหลือ บทความนี้ทำให้ฉันคิดถึงเกี่ยวกับก่อนที่จะทำประกันสุขภาพไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะเบี้ยประกัน และความคุ้มครองที่ควบคุมมากมายขนาดไหนค่ะ
Chonchanok
จริงค่ะ คิดจะทำประกันสุขภาพแบบใช้ให้คุ้มต้องคิดถึงเรื่องต่างๆอย่างที่บทความนี้บอกก่อน ประกันมีหลายแบบด้วย ต้องเลือกให้ตรงกับความต้องการของเราจริงๆ จะได้ไม่เสียเงินฟรีค่ะ จะทำกับบริษัทไหนค่อยไปตัดสินใจอีกที การเลือกว่าจะทำกับตัวแทนคนไหนก็สำคัญด้วย ต้องดูคนที่ไว้ใจได้ คนที่จะดูแลเราจริงๆ ขอคำแนะนำกับคนที่ทำประกันแล้วก็ได้ค่ะ
จรวิทย์
ประกันสุขภาพ ถ้า ซื้อไว้ ก็ดีครับ เวลาสุขภาพเรามีปัญหา ประกันสุขภาพยัง ช่วยเหลือเราได้ครับ ถือว่า คุ้มจริงๆนะครับ อย่างที่บทความนี้บอกครับ ประกันสุขภาพ จะจ่ายค่ารักษาพยบาลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก เห็นไหมว่า มัน สะดวกแค่ไหน เวลาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องไปนอนห้องรวมด้วย ยิ่งตอนนี้ คงไม่มีใครอยากไปนอนห้องรวมแน่ๆ
พจ
หลายๆคนที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยที่กำลังเข้าใกล้วัยผู้ใหญ่มักจะไม่สนใจและไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้ครับ ดังนั้นบทความนี้ถือว่าเป็นประโยชน์กับคนในวัยนี้มากๆเลยครับ ผมต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับที่ทำบทความดีๆแบบนี้ไว้ให้ใครหลายๆคนได้อ่านและรู้เรื่อง การซื้อประกันสุขภาพมากขึ้นครับ ต้องขอบคุณมากๆเลยครับ เลิฟเลิฟ
ข้างหลังภาพ
สำหรับใครที่ต้องไปทำงานต่างประเทศหรือวางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศ และกำลังจะเลือกซื้อประกันสุขภาพคุณต้องเช็คด้วยว่าประกันนั้นคุ้มครองคุณมั้ยตอนอยู่ต่างประเทศถ้าคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ไม่ต้องห่วงอะไร แต่ถ้าไม่ก็ต้องเปลี่ยนประกันเพราะที่ต่างประเทศค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องเช็คประกันในแต่ละที่ให้ดีเพื่อที่ชีวิตเราจะได้รับการคุ้มครองตอนอยู่ต่างประเทศครับ
มด
ประกันสุขภาพเป็นการลดความเสี่ยงในกรณีที่สุขภาพของเราไม่ดีในอนาคตจะได้รับการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล แต่เรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือกระแสเงินที่เรามีอยู่ว่าเราได้รับเงินมากน้อยแค่ไหนเพียงพอที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยได้ไหม ไม่อย่างนั้นแล้วแทนที่จะช่วยเหลือเราก็เป็นภาระที่เราต้องจ่ายทุกเดือน ฉันจะมีความสุขก็กลายเป็นเครียดแทนค่ะ
พลอยนภัส
เรื่องความเจ็บป่วยเรากำหนดตัวเองไม่ได้หลอกคะ มันไม่บอกเราจริงๆว่าจะเจ็บป่วยมาตอนไหน ยิ่งถ้ามาเจ็บป่วยตอนที่สภาพเศรฐกิจแย่ๆแบบนี้ ก็เอาเรื่องเหมือนกันเลยนะ ถ้าเราทำประกันสุขภาพไว้อย่างน้อยๆถ้าเป็นอะไรช่วงนี้ เราก็ไม่ต้องแบกจนมากเกินไป แถม ประกันสุขภาพบางตัว เขายังมีเงินชดเชยการขาดรายได้ด้วย ก็ถือว่าดีนะที่มีแบบนี้
เด่น
ผมก็คิดอยู่นะ ถ้าจะซื้อประกันสุขภาพ การเลือกวงเงินคุ้มครองก็สำคัญรายละเอียดปลีกย่อยรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆของกรมธรรม์ประกันก็ต้องอ่าน แต่ที่นี่การใช้เวลาศึกษาข้อมูลแบบเป็นเรื่องยากเพราะบางครั้งพนักงาน ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดกับเรา ผมเองก็ต้องไปหาศึกษาข้อมูลเอง ตอนนี้อายุยังไม่มากแต่ก็คิดเรื่องประกันสุขภาพอยู่ครับเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ตอนนี้
หยดน้ำ
เราก็ชั่งใจอยู่นะว่าระหว่างประกันชีวิตกับประกันสุขภาพซื้ออะไรดี ตอนนี้อายุก็เกือบจะ 30 แล้ว หลายคนแนะนำว่าถ้าอายุยังน้อยให้ซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ไปก่อนพออายุมากกว่านี้ค่อยซื้อประกันสุขภาพก็ได้ แต่เรากำลังมองเรื่องค่าเบี้ยประกันคิดว่าถ้าซื้อประกันทั้งสองอย่างตอนที่อายุยังน้อยน่าจะสบายกว่า เวลาจ่ายค่าเบี้ยประกันรายปี ถ้าไปทำตอนนี้ 40 50 แล้วก็กลัวจะจ่ายค่าเบี้ยประกันไม่ไหว
หมี
ประกันสุขภาพคือต้องดูนะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ประกันสุขภาพมันมีออกมาเยอะ แล้วประกันสุขภาพของแต่ละบริษัทก็ให้ความคุ้มครองไม่เหมือนกันด้วยค่าเบี้ยประกันก็ต่างกันอีก รายละเอียดปลีกย่อยก็มีเยอะถ้าจะซื้อประกันสุขภาพก็ต้องดูดีๆว่ามันให้ความคุ้มครองให้เงินชดเชย หรือว่าจ่ายค่า รักษาพยาบาลด้วยหรือเปล่าเพราะประกันสุขภาพบางที่ก็ไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือว่าไม่มีเงินชดเชยให้นะ
ชมพู
อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวของเรานะคะเราเคยเจอว่าประกันสุขภาพไม่มีการคุ้มครองเกี่ยวกับประกันแบบOPD คือเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอกไม่ได้เข้านอนที่โรงพยาบาล หลายบริษัทจะไม่คุ้มครองประกันแบบนี้เพราะว่าเราสามารถจ่ายเองได้และเป็นจำนวนเงินไม่เยอะเมื่อเราเข้าใช้บริการในการรักษากับโรงพยาบาล ดังนั้นต้องศึกษาให้ดีเกี่ยวกับตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่ในกรมธรรม์ด้วยไม่ยังงั้นเราจะตัดสินใจผิดพลาดไปได้ค่ะ
Way
@พจ บทความนี้ช่วยให้เลือกประกันสุขภาพ ได้แบบที่ตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เพราะส่วนมากคนเราก็จะดูที่ความเสี่ยงของตัวเอง ถ้าไม่มีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรก็ดูที่ความคุ้มครองเราก็เบี้ยประกันเท่านั้น ถ้าบทความนี้ทำให้เราเห็นว่าเรื่องของโรงพยาบาลที่เราจะเข้ารับการรักษาเราก็ต้องดูด้วย ต้องศึกษาข้อมูลด้วยว่าประกันที่เราซื้ออย่างเราจะใช้บริการที่โรงพยาบาลอะไรได้บ้างโดยเฉพาะเลือกโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดจะดีมาก
สีแด๊งแดง
ประกันสุขภาพเป็นอะไรที่น่าซื้อจริงๆ เพราะเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่าจะเกิดขึ้นกับตัวของเราเมื่อไหร่ ถ้ามีประกันสุขภาพก็ช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลได้และอาจจะช่วยเรื่องเงินชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วย ต้องดูเป็นประกันๆไปค่ะ แต่ปัจจัยสำคัญเป็นเรื่องค่าเบี้ยประกันนี่ล่ะค่ะ
แอปเปิ้ล
ถ้ามีประกันสังคมอยู่แล้วมันก็ไม่จำเป็นหรอกนะที่จะต้องทำประกันสุขภาพน่ะ ก็แล้วแต่คนแต่สำหรับเราเราว่าเราใช้สิทธิ์ประกันสังคมก็ได้แล้วก็อาจจะซื้อประกันชีวิต พ่วงเข้าไป แต่ถ้าเป็นคนโสดไม่ได้มีใครจะต้องเป็นห่วงข้างหลังก็ไม่จำเป็นเนี่ยต้องสมัครหรอก ไปทำประกันอุบัติเหตุแทนยังดีซะกว่า เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ
Belive
@แอปเปิ้ล ก็ใช่นะคะก็แล้วแต่คน บางคนก็คิดแบบคุณ ที่แบบว่ามีประกันสังคมอยู่แล้วประกันสุขภาพก็ไม่จำเป็น แต่ดิฉันคิดแบบนี้ค่ะดิฉันคิดว่าต่อให้มีประกันสังคมแล้วประกันสุขภาพก็ยังจำเป็น เพราะส่วนมากประกันสังคมจะมีวงเงินไม่เพียงพอเวลาเราป่วยจริงๆสุดท้ายเราก็ต้องจ่ายเงินตัวเองเพิ่ม ต่างจากประกันสุขภาพที่นอกจากเราจะไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว เรายังได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดีๆด้วย
โซโซ่
ใช่เลยค่ะ ก่อนซื้อประกันสุขภาพต้องรู้เกี่ยวกับ 6 ข้อเบื้องต้นตามที่บทความนี้บอก ใครที่กำลังอยากจะซื้อประกันสุขภาพให้ตัวเองหรือให้คนในครอบครัวต้องรีบเข้ามาอ่านบทความนี้ก่อน ผู้เอาประกันภัยควรพิจารณาทุกอย่างตามที่บทความนี้บอกมา ไม่อย่างนั้น อาจเสียใจในภายหลังได้ ค่าเบี้ยประกันไม่ใช่ถูกๆ อย่างเสียเงินเปล่านะคะ
กมลศรี
ตอนที่เราจะซื้อประกันสุขภาพ เราจะดูก่อนคะ ว่าประกันที่เราจะทำ แถวบ้านเรามีโรงพยาบาลที่จะเข้าได้ไหม แล้วอย่างที่2 เราจะดูเรื่องของวงเงินการคุ้มครองคะ อย่างวงเงินเรื่องค่าที่พัก อันนี้ต้องเชคเลยคะว่า โรงพยาบาลที่เราเข้ารักษาได้ เขาคิดค่าห้องพยาบาล ต่อวันเท่าไร แล้วเราก็ค่อยเลือกแผนการคุ้มครองที่เหมาะกับค่าใช้จ่ายคะ