“ประกันรถยนต์” เป็นอีกหนึ่งในค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่มีรถ ที่จำเป็นต้องยอมควักเงินซื้อเพื่อแลกกับความคุ้มครองรถของตัวเอง เพราะทุกคนต่างทราบกันดีถึงความเสี่ยงที่สูงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้รถ ตั้งแต่เหตุเพียงเล็กน้อยไปจนเหตุใหญ่โตถึงขั้นคร่าชีวิต ทุกคนที่มีรถเป็นของตัวเองจึงเลือกที่จะนำความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้นี้ยกให้กับบริษัทประกันเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้ โดยยินดีจ่ายเงินที่เราเรียกกันง่ายๆว่า “ค่าเบี้ยประกัน” เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่ได้รับค่ะ

ค่าเบี้ยประกันภัยที่เราพูดถึงนี้เป็นค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับความคุ้มครองรถยนต์แบบปีต่อปี ส่วนราคาค่าเบี้ยที่ถูกคำนวณออกมานั้นก็จะแปรผันไปตามรุ่นรถ ปีรถ ประเภทการใช้รถ ฯลฯ ซึ่งแต่ละปีค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เจ้าของรถอย่างเราๆจะต้องเสียไปนั้นนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยล่ะค่ะ หลายๆคนจึงพยายามหาวิธีเซฟค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเบี้ยประกันรถยนต์ เช่น พยายามที่จะไม่แจ้งเคลมเพื่อจะได้ส่วนลดในปีต่ออายุ หรือเปลี่ยนประเภทของการประกันไปเป็นแบบประกันทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้ค่าเบี้ยประกันต่อปีนั้นถูกลง ฯลฯ หากเพื่อนๆเป็นคนหนึ่งหนึ่งที่พยายามสรรหาวิธีประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของตัวเองกันอยู่ ก็รับรองได้ว่าบทความนี้คงตรงใจเพื่อนๆกันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะกับ “10 วิธีเซฟค่าประกันภัยรถยนต์” เรามาติดตามวิธีที่จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

1. เลือกประเภทความคุ้มครอง

1. เลือกประเภทความคุ้มครอง

โดยปกติแล้วประเภทของความคุ้มครองที่บริษัทประกันในบ้านเรารับประกันอยู่นั้นก็จะมีแบบประเภทบังคับ (พรบ.) และประเภทสมัครใจค่ะ  ภาคบังคับนั้นเจ้าของรถจำเป็นต้องซื้อค่ะ เนื่องจากเป็นข้อที่กฎหมายนั้นบังคับไว้ให้รถทุกคันต้องมี ในเรื่องของค่าเบี้ยต่อปีนั้นก็มีราคาถูก แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ (รถยนต์ รถตู้ รถกระบะ ฯลฯ) และลักษณะของการใช้รถ (ส่วนบุคคล สาธารณะ ฯลฯ) ค่ะ  ความคุ้มครองที่รับก็จะเป็นเรื่องของค่ารักษาพยาบาล สินไหมต่างๆให้แก่บุคคลทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนที่ได้รับจากการเกิดเหตุค่ะ

ในส่วนของประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นก็จะมี ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2 ประกันชั้น 3 ค่ะ ในประกันภาคสมัครใจนั้นเป็นแบบที่เราสามารถเลือกประเภทความคุ้มครองเอาเองได้ และจะมีราคาเบี้ยที่แพงถึงแพงมาก เนื่องจากมีความคุ้มครองอื่นๆที่เพิ่มมาจากแบบภาคบังคับค่ะ เช่น คุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ คุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์คู่กรณี หรือรถยนต์ของเราด้วย ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันประกันประเภทสมัครใจนั้นมีแบบประกันให้เลือกกันอยู่ในท้องตลาดมากมายเลยค่ะ การที่เราจะเซฟค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้นั้นเราจึงควรสำรวจตัวเราเองเป็นอันดับแรกก่อนค่ะว่าเราเหมาะกับประเภทของความคุ้มครองแบบไหน เพื่อที่จะตัดสินใจซื้อความคุ้มครองให้เหมาะสมกับการใช้รถของเรามากที่สุด ไม่ได้มากเกินความจำเป็นจนเปลืองค่าเบี้ย หรือน้อยจนเกินไปเสียจนคุ้มครองได้ไม่ครอบคลุมค่ะ

2. อยากได้ราคาเบี้ยถูกลง ต้องเปรียบเทียบก่อนซื้อ

2. อยากได้ราคาเบี้ยถูกลง ต้องเปรียบเทียบก่อนซื้อ

ก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์แต่ละครั้ง หากเพื่อนๆอยากได้ราคาเบี้ยถูกลง ต้องเปรียบเทียบก่อนซื้อค่ะ เพราะค่าเบี้ยของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละบริษัทราคาจะไม่เท่ากันค่ะ โดยปกติแล้วค่าเบี้ยที่แท้จริงในทุนที่เท่ากัน ความคุ้มครองที่เหมือนกันนั้นราคาก็จะเท่ากันค่ะ เนื่องจากค่าเบี้ยของทุกๆบริษัทประกันนั้นถูกควบคุมอยู่ภายใต้หน่วยของภาครัฐที่เราเรียกว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. นั่นเอง

ส่วนบริษัทไหนมีเบี้ยที่ถูกกว่าหรือแพงกว่านั้นเกิดจากการบริการของทางบริษัท เช่น อู่หรือศูนย์บริการที่ครอบคลุมพื้นที่ ความรวดเร็วในการช่วยเหลือเทื่อเกิดเหตุ บริการเติมน้ำมันเมื่อหมดกลางทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเหตุให้ค่าเบี้ยของแต่ละบริษัทนั้นแตกต่างกันค่ะ จึงขอแนะนำให้เพื่อนๆตรวจเช็คราคาค่าเบี้ยจากบริษัทประกันสัก 3 แห่งเพื่อนำมาหาข้อเปรียบเทียบในการเลือกบริษัทที่ให้ความคุ้มครองและบริการที่เหมาะสมกับเราที่สุด ก็จะช่วยเซฟค่าเบี้ยประกันต่อปีไปได้มากกว่าที่ไม่ตรวจเช็คอะไรเลยค่ะ

3. ขอส่วนลดจากตัวแทนประกัน

3. ขอส่วนลดจากตัวแทนประกัน

ในส่วนของการขอส่วนลดจากตัวแทนประกันนั้น เพื่อนๆควรปรึกษาและขอคำแนะนำกับทางตัวแทนในเรื่องนี้ค่ะ เนื่องจากตัวแทนเองก็ต้องการทำยอดขาย แถมยังทราบดีด้วยว่ามีช่องทางใดที่จะเป็นส่วนลดได้กับเราได้บ้าง เช่น พวกส่วนลดแรกเข้าที่จะได้รับตอนย้ายบริษัทใหม่ ไปจนถึงค่าคอมมิชชั่นของพวกเขาเอง ซึ่งตรงนี้หากรวมกันแล้วอาจสูงถึง 40% เชียวค่ะ และพวกเขาเองก็มีความยินดีอยู่แล้วที่จะให้คำปรึกษานี้กับเรา เพราะต้องการหาลูกค้าเพิ่ม เพื่อนๆจึงไม่ต้องคิดติดขิดตะขวงใจที่จะขอคำแนะนำจากตัวแทนในเรื่องนี้กันเลยค่ะ การขอส่วนลดจากตัวแทนประกันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นช่องทางที่ช่วยให้เราสามารถเซฟค่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละปีของเราไปได้เยอะพอสมควรเลยล่ะค่ะ

4. ประกันกลุ่มถูกกว่า

4. ประกันกลุ่มถูกกว่า

หากที่บ้านเพื่อนๆนั้นมีรถยนต์ที่มากกว่า 1 คันที่มีการจดทะเบียนเป็นชื่อเดียวกัน การเลือกหาประกันกลุ่มก็เป็นช่องทางที่ทำให้เพื่อนๆได้เซฟค่าเบี้ยประกันในแต่ละปีลงไปได้อีก ยิ่งมีรถมากก็จะยิ่งถูกลงตามจำนวนรถที่ครอบครองค่ะ การเลือกทำประกันกลุ่มจึงถูกกว่า และสะดวกมากกว่าการที่เราจะทำประกันให้กับรถแบบแยกทีละคันค่ะ

5. ซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์

5. ซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์

เพื่อนๆที่เคยซื้อประกันประภทชั้น 1 คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเลือกซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์ค่าเบี้ยจะแตกต่างกัน การเลือกซ่อมอู่จะมีค่าเบี้ยที่ถูกกว่าการเลือกซ่อมศูนย์อยู่ประมาณ 10-30% จึงนับว่ามากพอสมควร การที่เราจะเซฟค่าเบี้ยประกันในแต่ละปีเพื่อนๆเองจึงควรพิจารณาเลือกในเรื่องนี้กันด้วยค่ะ ในปัจจุบันอู่ซ่อมรถยนต์ที่ได้รับมาตรฐานในเรื่องของฝีมือ และการบริการที่เทียบเท่ากับศูนย์ซ่อมนั้นมีอยู่อย่างมากมาย แถมบางทีนั้นการเดินทางของเราในการติดต่อกับอู่ซ่อมรถใกล้ๆบ้านนั้นยังง่ายและสะดวกกว่าการที่จะเข้าไปใช้บริการของศูนย์ซ่อมกันเสียอีกค่ะ ดังนั้นก่อนซื้อประกันครั้งต่อไปก็ลองมองหาอู่ซ่อมที่ใกล้และสะดวกกับเรา เพื่อที่จะช่วยเราประหยัดค่าเบี้ยประกันแต่ละปีลงไปได้อีกค่ะ

6. รักษาประวัติดีมีส่วนลด

6. รักษาประวัติดีมีส่วนลด

การขับรถบนท้องถนนของเรานั้นเป็นเรื่องที่เราให้ความระมัดระวังกันอยู่แล้ว ยิ่งหากเราเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นในแต่คราวนั้นนอกจากจะช่วยให้ปลอดภัยทั้งชีงิตและทรัพย์สินได้แล้ว ก็ยังช่วยสร้างประวัติดีๆในการขับรถอีกอีกด้วยค่ะ ซึ่งการสร้างและรักษาประวัติดีก็จะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากทางบริษัทประกันในแต่ละปีอีกด้วยค่ะ ซึ่งส่วนลดประวัติดีนั้นอาจสูงถึง 40% เลยล่ะค่ะ แต่ตรงกันข้ามหากมีประวัติเสียอยู่เป็นประจำ นอกจากส่วนลดจะไม่ได้แล้ว ยังอาจถูกเพิ่มเบี้ยในแต่ละปีอีกด้วยเช่นกันค่ะ การรักษาประวัติดีไว้จึงเป็นการช่วยให้เพื่อนๆสามารถเซฟค่าเบี้ยประกันแต่ละปีลงได้อีก

7. ระบุชื่อผู้ขับขี่มีส่วนลด

7. ระบุชื่อผู้ขับขี่มีส่วนลด

เพื่อนๆบางคนอาจยังไม่ทราบว่าการระบุชื่อผู้ขับขี่มีส่วนลดได้ด้วยค่ะ ทางบริษัทประกันให้เราระบุชื่อผู้ขับขี่ในรถที่ทำประกันนั้นได้ 2 คน ซึ่งหากเราเป็นผู้ใช้รถคันที่ทำประกันเป็นประจำอยู่แล้ว การเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่นั้นก็จะได้รับส่วนลด ซึ่งดีกว่าการไม่ขอระบุชื่อผู้ขับ เพราะจะไม่ได้รับส่วนลดเลยค่ะ ตรงนี้ก็จะเป็นการเซฟค่าเบี้ยประกันต่อปีของเราลงไปได้อีกทางหนึ่งค่ะ แต่ทั้งนี้หากชื่อที่ระบุนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงอายุที่มีวุฒิภาวะตามเกณฑ์ก็จะได้ส่วนลดค่าเบี้ยที่มากกว่าการระบุชื่อของผู้ที่อายุยังน้อยลงไป

8. มีประกันอื่นๆ ร่วมด้วย

8. มีประกันอื่นๆ ร่วมด้วย

หากเพื่อนๆได้มีการทำประกันอื่นๆร่วมด้วย เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันที่อยู่อาศัย ประกันสุขภาพ ฯลฯ ที่เป็นบริษัทเดียวกันกับที่เราจะทำประกันรถยนต์ ก็ยังสามารถขอส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ต่อปีกันได้อีกด้วยค่ะ เนื่องจากที่เราเป็นลูกค้าเก่าของบริษัทที่เราใช้บริการอื่นๆอยู่กับเขาค่ะ ดังนั้นเพื่อนๆจึงควรตรวจสอบข้อมูลของตัวเองดูก่อนว่าเรามีประกันอื่นๆอันไหนร่วมอยู่ด้วย ก็จะช่วยเซฟค่าเบี้ยประกันรถยนต์ของเราให้ลดลงไปได้อีกทางหนึ่งค่ะ

9. เลือกซื้อรถที่เบี้ยประกันถูกกว่า

9. เลือกซื้อรถที่เบี้ยประกันถูกกว่า

หากเราได้เลือกซื้อรถตามความจำเป็นของเรา เช่น ในครอบครัวมีกัน 3 คนพ่อแม่ลูกใช้ชีวิตทำงานอยู่ในเมือง จึงเลือกซื้อรถยนต์ประเภทอี-โคคาร์มาใช้ ซึ่งเป็นรถเครื่องยนต์ 1200 ซีซี นอกจากที่ราคารถจะถูกแล้ว ยังประหยัดเชื้อเพลิง แถมค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็ยังถูกกว่ารถที่มีเครื่องยนต์ซีซีสูงอีกด้วยค่ะ การเลือกซื้อรถเราจึงควรพิจารณาตามความจำเป็นที่ใช้งานก็จะเราช่วยประหยัดเงินของเราได้ในหลายๆทางรวมไปถึงค่าเบี้ยที่ถูกกว่าอีกด้วยค่ะ

10 .ติดตั้งกล้อง CCTV ในรถ

10 .ติดตั้งกล้อง CCTV ในรถ

ในปัจจุบันการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ หรือกล้อง CCTV ในรถเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะผู้คนต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญว่าสามารถช่วยได้มากในเรื่องของความความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน เพราะสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ตลอดทั้งที่ขับขี่และไม่ได้ขับขี่ แถมในปัจจุบันนี้กล้องดังกล่าวนี้ก็ยังมีขายอยู่ทั่วไป และราคาไม่แพง ใครๆก็สามารถซื้อหามาติดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกันได้ นอกจากข้อดีมากมายที่เราได้รับจากการติดตั้งกล้อง CCTV ในรถแล้วนี้ หากได้แจ้งกับทางบริษัทประกันว่ารถที่จะทำประกันนั้นมีการติดตั้งกล้อง CCTV อยู่ด้วย ก็ยังช่วยให้ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ในแต่ละปีได้อีกด้วยค่ะ

ประหยัดได้แน่ แค่ทำตาม

ประหยัดได้แน่ แค่ทำตาม

เป็นไงกันบ้างคะกับ “10 วิธีเซฟค่าประกันภัยรถยนต์” ที่เราได้หยิบยกมาฝากกันในวันนี้ นี่เป็นเพียงหลักการพื้นฐานแบบง่ายๆที่จะช่วยให้เพื่อนๆได้หยิบนำมาใช้พิจารณาเพื่อเลือกซื้อประกันรถยนต์ในคราวต่อๆไปได้อย่างประหยัดกันได้มากขึ้น และยังได้รับความคุ้มครองที่เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอีกด้วย ซื้อประกันภัยรถยนต์ในครั้งหน้าลองนำหลักการต่างนี้มาใช้กันดู แล้วจะรู้ว่า “ประหยัดได้แน่ แค่ทำตาม” เกิดขึ้นกับเราได้จริงๆค่ะ