ปัญหาของคนมีรถ ก็หนีไม่พ้นเรื่องการทำประกันภัยรถยนต์ จึงเกิดคำถามว่าจะทำอย่างไรดี? ประกันภัยก็มีหลายแบบหลายค่ายเหลือเกิน ค่าเบี้ยประกันก็ไม่ถูก การจะไม่ทำประกันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ฉลาดสักเท่าไหร่ในสมัยนี้ ไหนจะโจรที่จ้องจะโขมยรถ ไหนจะคนไม่เคารพกฎระเบียบจราจร คนเลือดร้อนตัดหน้ากันไปมา คนเมา คนหลับใน สารพัดที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ไม่ว่าเราขับรถดีระวังตัวขนาดไหนก็ตาม หลายคนเคยเจอมาแล้ว…ประกันหมดเมื่อวานนี้ ไม่ต่อ ก็เจอจังเบ้อเร่อในเช้าถัดมาเลย ความสูญเสียกระเป๋าตัวเองรับไม่ไหว บางรายก็เคยทำประกันไว้ทั้งปีไม่มีอุบัติเหตุอะไร ไร้รอยเฉี่ยวชน…มั่นใจ ประกันไม่ต้องปรากฏว่า อุบัติเหตุก็มา

ไม่ว่าจะเคสไหน ถ้าคุณมีจ่ายได้ และคิดจะทำประกัน มาดูกันว่า ต้องคิดและดูอะไรบ้าง? ที่จะช่วยตัดสินใจก่อนทำประกัน! ก่อนอื่นต้องตอบคำถามกับตัวเองให้ได้แบบโล่งหัวสบายใจ คำถามที่ต้องถามตัวเอง เมื่อจะซื้อประกันรถยนต์ และต้องได้รับคำตอบ เช่น? 1) ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะเลือกซ่อมที่ไหนซ่อมจากศูนย์บริการหรือซ่อมอู่ ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถนั้นอยู่ในรายชื่อของบริษัทประกันไหม? มีเครือข่ายสาขาเยอะหรือใกล้บ้านหรือสะดวกเราไหม? 2) บริษัทประกันภัยที่ไหนดี? ดูจากความน่าเชื่อถือชื่อเสียงของบริษัท (ดูรายชื่อจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.) และบริการ เวลาเคลมประกัน. 3) เปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันภัย ครอบคลุม คุ้มค่า คุ้มครองตรงกับความต้องการเราไหม?

ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะเลือกซ่อมที่ไหน?

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1661242542-silver-metallic-color-sport-sedan-road.jpg

ซ่อมจากศูนย์บริการหรือซ่อมอู่ ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถอยู่ในรายชื่อของบริษัทประกันไหม? มีสาขาเยอะหรือใกล้บ้านหรือสะดวกเราไหม? ที่ต้องสนใจคำถามนี้ เพราะเมื่อต้องซ่อมรถ หลายคนต้องมารอรถที่ซ่อมนาน…พาลให้เครียด เพราะไม่มีรถใช้ แถมบางครั้งคุณภาพงานไม่ค่อยดี ต้องส่งไปเก็บงานหลายรอบ ปวดหัว!

บริษัทประกันภัยบริษัทที่ไหนดี?

บริษัทประกันภัยบริษัทที่ไหนดี?

ดูจากความน่าเชื่อถือชื่อเสียง และบริการ เวลาเคลมประกัน สมัยนี้ตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย ประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อนฝูง รวมทั้งทางเสียงความคิดเห็นใน Internet.

เปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความคุ้มครอง ครอบคลุม คุ้มค่า คุ้มครองตรงกับความต้องการเราไหม?

เปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความคุ้มครอง ครอบคลุม คุ้มค่า คุ้มครองตรงกับความต้องการเราไหม?

ไม่มีอะไรรับประกันว่าเบี้ยประกันถูกหรือแพงจะดีกว่ากันเพราะรายละเอียดของการคุ้มครอง คุ้มค่าตรงกับสิ่งที่เราอยากได้จากการทำประกันรึเปล่าเป็นตัวกำหนด. การเปรียบเทียบแผนประกันภัยรถและเลือกกรมธรรม์ให้เหมาะกับตัวเราเป็นเรื่องที่ต้องดูให้ละเอียด เพราะถ้าเราเลือกแผนประกันรถที่มีความคุ้มครองไม่ครอบคลุมการใช้งานที่เหมาะกับตัวเรา เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือประสบเหตุขึ้นมาก็กลายเป็นเรื่องใหญ่. แต่ถ้าตรงกันข้ามถ้าเลือกแผนประกันรถยนต์ที่ดูเหมือนมีประโยชน์เยอะ ความคุ้มครองมากเกินการใช้งานไป ก็จะกลายเป็นว่าเราอาจจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันเกินความจำเป็นเช่นกัน.

เบี้ยประกันเทียบกับความคุ้มครอง

เบี้ยประกันเทียบกับความคุ้มครอง

เบี้ยประกันภัย คือ จำนวนเงินที่เราจ่ายไปเพื่อซื้อประกันรถยนต์ เมื่อชำระเงินครบหรือชำระเงินตามเงื่อนไขบริษัทกำหนด รถยนต์คันนั้นจะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยในทันทีจนถึงวันที่ระบุว่าประกันหมดอายุ ประกันรถยนต์มีให้เลือกหลายแบบ เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+ หรือ 3 ตามแผนเอาประกันที่บริษัทนั้นกำหนดไว้ แต่ละบริษัทมีราคาค่าเบี้ยประกันแต่ละแบบแต่ละชนิดต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประกันภัยรถยนต์ค่าเบี้ยประกันจะถูกหรือแพงนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น สภาพรถ ราคาหรือรุ่นของรถยนต์ที่ทำประกัน อายุของรถที่ทำประกัน เพศและอายุของคนขับ การทำเรื่องเคลมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ท้องที่การจราจรหรือถิ่นที่อยู่ รายละเอียดเหล่านี้เป็นส่วนช่วยเปรียบเทียบราคาค่าเบี้ยประกันภัยที่เกิดจากประกันประเภทเหมือนกันแต่ต่างบริษัทกัน ถ้าต้องการจะทำประกันภัยรถยนต์ควรหาข้อมูลหลายๆ แหล่งเพื่อเปรียบเทียบทั้งราคาและเช็คเสียงตอบรับการใช้บริการของแต่ละบริษัทด้วย ทุกวันนี้ช่องทางในการหาข้อมูลและตารางการเปรียบเทียบราคาและผลประโยชน์หรือการคุ้มครองก็เปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามจากบริษัทประกันภัยโดยตรง หรือโบรกเกอร์ประกันภัย หรือจะหาข้อมูลเบี้ยประกันล่าสุดจาก Internet จากเว็บไซต์ต่างๆ ก่อนก็ยังไหว.

อ่านเพิ่มเติม วิธีคำนวณเบี้ยประกัน ที่นี่

การคุ้มครอง

การคุ้มครอง

ผลประโยชน์จากการทำประกันภัยรถยนต์ คุณ!! เท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร? บางคนต้องการทำประกันภัยรถยนต์เพราะป้องกันไว้ก่อน กลัวนั่นกลัวนี่ ทำครอบคลุมซะทั้งรถทั้งคนขับและบุคคลที่ 3 หรือรวมทั้งเหตุไม่คาดฝันเช่นภัยธรรมชาติ, น้ำท่วม, ไฟไหม้ หรือเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า เช่น รถถูกขโมย จะได้รับการคุ้มครองขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันและแผนประกันที่ทำประกันไว้ ซึ่งมีรายละเอียดมากพอที่คุณต้องอ่านต้องรู้ให้เข้าใจก่อนซื้อประกัน การคุ้มครองแบ่งเป็น 3 การคุ้มครองหลักคือ?

1)ความคุ้มครองบุคคลภายนอก • คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย • คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน

2)ความคุ้มครองความเสียหายรถยนต์ • คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ • คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้

3)ความคุ้มครองเพิ่มเติมอื่นๆ • คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล • ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร • เงินประกันตัวผู้ขับขี่

เมื่อเรารู้ขอบเขตการคุ้มครองแล้ว เราก็ถามตัวเองว่าอยากได้รับการคุ้มครองถึงขนาดไหน? เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ระบุตามแผนประกันกรมธรรม์อีกที่ต้องอ่านและพิจารณาอย่างละเอียด รายละเอียดเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยด้วยว่าเด่นว่าด้อยเรื่องไหน แต่ส่วนใหญ่มีเนื้อหาแผนประกันภัยไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ลองดู…

ประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองสูงสุด

เหมาะสำหรับทุกคน! ที่มีเงินจ่าย แต่โดยเฉพาะเหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่มาขับเป็นพิเศษ บางคนอยากให้รถดูใหม่ดูดีอยู่เสมอ ประกันภัยชั้น 1 เลย! สามารถครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถยนต์ทุกกรณี (เคลมได้แม้ไม่มีคู่กรณี) ตั้งแต่ขับรถชนต้นไม้ ชนรั้ว ไปจนถึงอุบัติเหตุรถชนรถ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1ให้การคุ้มครองชีวิตและร่างกายของบุคคลที่อยู่ในรถ คุ้มครองชีวิตและร่างกายของคู่กรณี รวมถึงความเสียหายจากไฟไหม้ รถหาย แผ่นดินไหว น้ำท่วม (แต่แน่นอนว่า ค่าเบี้ยประกันแพงกว่าประเภทอื่น) รายละเอียดอื่นๆ ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์แต่ละบริษัทประกันภัยไม่เหมือนกันหรือแตกต่างเล็กน้อย เช่น อาจไม่ครอบคลุมในกรณีความเสียหายรถยนต์จากการก่อการร้าย.

ประกันภัยชั้น 2+

ประกันภัยชั้น 2+ แตกต่างเล็กน้อยกับ ชั้น 1 คนที่ขับรถมาหลายปีมีประสบการณ์ในการขับรถมานานอาจไม่กังวลว่าจะขับรถชนอะไรต่อมิอะไรเหมือนมือใหม่หัดขับ หลายคนจึงเลือกประกันรถชั้น 2+ แต่ต้องตระหนักไว้ว่า จะได้รับความคุ้มครองเมื่อขับรถชนกับรถเท่านั้น ส่วนความเสียหายอื่นๆที่ไม่ได้เกิดจากรถชนรถ (ชนถังขยะ ชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ไม่มีคู่กรณี) ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองนะจ้ะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะคุ้มครองชีวิตและร่างกายของบุคคลที่อยู่ในรถ ความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ขับขี่และบุคคลที่อยู่ในรถ และรวมถึงคุ้มครองรถที่ทำประกัน ทั้งไฟไหม้ รถหาย

ประกันภัยชั้น 3+

ประกันรถยนตร์ชั้น 3+ คุ้มครองอุบัติเหตุรถชนกับรถเท่านั้น คุ้มครองความเสียหายของร่างกายและทรัพย์สินคู่กรณีและคุ้มครองทั้งรถของเราและรถคู่กรณี และพึงจำไว้ว่า…จะไม่คุ้มครองกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีรวมทั้งกรณีรถหาย หรือไฟไหม้ ก็ไม่คุ้มครอง

ประกันชั้น 3

ประกันชั้นนี้เน้นเบี้ยประกันถูก คุ้มครองความเสียหายร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี แต่ไม่คุ้มครองรถของผู้ที่ทำประกัน (ก็เจ้าของรถ เราไง) และจะไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้

***ความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันภัยอาจไม่เหมือนกันตามกรมธรรม์ที่ได้รับแจ้งหรือระบุไว้ ผู้ทำประกันต้องอ่านและทำความเข้าใจแล้วเปรียบเทียบดู

โปรโมชั่นต่าง ๆ

โปรโมชั่นต่าง ๆ

บางบริษัทก็มีข้อเสนอทั้งลดเบี้ยประกัน ทั้งแจกทั้งแถม ไม่ว่าจะส่วนลดเติมน้ำมัน คะแนนสะสม หรือส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus-NCB) ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ ส่วนลดกลุ่ม ส่วนลดจากตัวแทนหรือนายหน้า หรือการผ่อน0% นาน…เท่านั้นเท่านี้ ก็ว่ากันไป.

ประกันเฉพาะกลุ่ม

ประกันเฉพาะกลุ่ม

บางบริษัทได้มีการออกกรมธรรม์แบบเฉพาะกลุ่มขึ้นมา เช่น การประกันภัยกลุ่มรถกระบะ การประกันภัยกลุ่มรถอีโคคาร์ การทำประกันภัยรถเฉพาะกลุ่มนี้จะทำให้ได้ราคาเบี้ยประกันที่ถูกลง และอาจจะคุ้มหรือเหมาะสมกับการคุ้มครองตามประเภทของแผนประกันด้วย

บริการเสริมอื่นๆ

บริการเสริมอื่นๆ

ตัวเลือกที่ช่วยตัดสินใจซื้อประกันภัยที่น่าสนใจสำหรับบางคน เช่นประกันภัยชดเชยค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ, ค่าเดินทางไม่มีรถใช้, บริการรถยกลากช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง, รถถูกขโมย, รถหาย, น้ำท่วม, ไฟไหม้, มีบริการให้รถเอาไปใช้ขับระหว่างรอซ่อม ตัวเลือกเหล่านี้ก็เป็นตัวช่วยพิจารณาซื้อประกันด้วย

บริการเคลม ประกันรถยนต์

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1661242515-red-luxury-sedan-road.jpg

เคลมแห้ง

เคลมแห้ง คือ การเคลมประกันรถยนต์ที่ผู้ทำประกันภัยทำเรื่องเคลมด้วยตัวเอง เช่น เมื่อรถมีรอยบุบ ขีดข่วนที่ผู้ทำประกันภัยอาจขับรถชนนั่นนี่เป็นแผลไม่ใหญ่ แล้วโทรแจ้งกับตัวแทนประกัน แล้วฝ่ายรับแจ้งจะบอกขั้นตอนที่คุณต้องทำตามความคุ้มครองของ กรมธรรม์ และถ้าต้องนำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการ ผู้เอาประกันภัยควรนำเอกสารต่างๆ ไปให้ครบ เช่น ใบขับขี่ กรมธรรม์และสำเนาทะเบียนรถ ไปให้พร้อม

เคลมสด

เคลมสด คือ ทางบริษัทประกันจะส่งพนักงานเคลมมาที่เกิดเหตุรถชนกันและยังมีผู้เสียหายอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งการเคลมนี้ รถยนต์ที่เอาประกันจะได้รับใบหลักฐานในการใช้ติดต่อเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น (เรียกว่าขอเคลม) แล้วหลังจากนั้นก็นำรถไปซ่อมศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมของบริษัทประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

อ่านเพิ่มเติมข้อควรรู้ก่อนเคลม ที่นี่

หลายคนบอกว่า รายละเอียดเรื่องประกันภัยมีเยอะ อ่านแล้วปวดหัว(อันนี้ก็จริง!) แต่อ่านเยอะๆ แล้วทำความเข้าใจในตอนแรกก่อนตัดสินใจซื้อประกันช่วยได้! ดีกว่ามานั่งเสียใจเสียดายเสียรู้บริษัทประกันภัยทีหลัง แล้วต้องมานั่งปวดหัวหลายเท่าจากการทำประกันไม่รอบคอบ และข้อมูลในการเปรียบเทียบเรื่องเกี่ยวกับประกันสมัยนี้หาง่าย ช่วยในการตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้อย่างรอบคอบกว่าสมัยก่อน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ที่นี่