ถ้าให้พูดถึง 2 อย่างนี้อาจจะดูเหมือนว่าหลายๆคนจะรู้จักและคุ้นเคยกับคำว่าหุ้นมากกว่ากองทุนรวมใช่มั้ยคะ? แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองอย่างนี้ก็มีความเหมือนที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ วันนี้จึงอยากเอาข้อมูลและรายละเอียดมาให้ได้อ่านเป็นเกร็ดความรู้และเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนที่สนใจเรื่องการลงทุนกันอยู่บ้างนะคะ เรื่องหลักๆที่จะเอาฝากกันก็คือ เรื่องของกองทุนรวมคืออะไร และหุ้นคืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างกับการลงทุนในสองอย่างนี้ ทุกคนก็จะได้เห็นถึงความแตกต่างของสองอย่างนี้น่าจะชัดเจนมากขึ้นค่ะ

กองทุนรวมคืออะไร?

mutual fund

designer491/shutterstock.com

กองทุนรวม (Mutual Fund) เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ลดความเสี่ยงและเป็นการลงทุนอันดับต้นๆแรกๆที่จะช่วยต่อยอดความมั่นคงทางการเงินของคุณได้ เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ใช้เงินลงทุนไม่มากถ้าคุณมีเงินน้อยแต่อยากที่จะลงทุน ช่วยลดความเสี่ยงที่งเนน้อยๆของคุณจะไม่หายไปจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการเงินของคุณ ประเภทของกองทุนรวมก็จะมีดังนี้ค่ะ

  • กองทุนรวมตลาด
  • กองทุนรวมตราสารหนี้
  • กองทุนรวมผสม
  • กองทุนรวมตราสารทุน
  • กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ

ข้อดีของการลงทุนแบบกองทุนรวม

ข้อดีของการลงทุนแบบกองทุนรวม

การลงทุนกองทุนรวมมีมืออาชีพ

นี่เป็นข้อดีที่ดีมากเพราะกองทุนรวมนั้นมีมืออาชีพคอยให้การดูแลการลงทุนของคุณ คุณเองไม่ต้องไปใช้เวลา หรือเสียเวลากับการไปติดต่อ หรือทำธุรกรรมอะไรใดๆก็ตามทั้งสิ้นหลังจากที่ได้ลงทุนไปแล้ว แค่รอติดตามผลอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มักจะตรวจอบผลประโยชน์หรือกำไรที่คุณจะได้รับนั้นผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่างๆผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ด้วย เป็นกาลงทุนที่สะดวกมากจริงๆค่ะ

การลงทุนกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่มาก

คุณสามารถเริ่มต้นการลงทุนตั้งแต่หลักพันขึ้นไป ก็แล้วแต่ว่าคุณไปใช้บริการของสถาบันการเงิน หรือธนาคารไหนก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่เงือ่นไขและสัญญาของที่นั้นๆ และแต่ละที่ก็มีกองทุนรวมหลายๆประเภทให้คุณได้เลือกให้เหมาะสมกับตัวคุณและเงินของคุณค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมในแบบ พันธบัตร ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือจะเป็น Go Inter หรือจะเลือกแบบการลงทุนเพื่อประหยัดภาษี ทั้งหมดนี้นั้นมีให้เลือกในการลงทุนกับกองทุนรวมทั้งสิ้น และยังมีให้เลือกระยะเวลาด้วยนะคะ ก็จะมีการลงทุนในระยะสั้นและในระยะยาวให้เลือกกันด้วยค่ะ ตามความสะดวกใจของคุณแต่ละคนไปค่ะ

การลงทุนกองทุนรวมช่วยลดความเสี่ยง

อย่างที่บอกไปว่าการลงทุนในกองทุนรวมนั้นใช้เงินไม่มาก เมื่อใชเงินไม่มกแล้วก็ยังลดความเสี่ยงที่คุณจะสูยเสียเงินจำนวนน้อยนั้นไปอีกด้วยค่ะ เพราะว่าตามชือ่นะคะ บอกว่ากองทุนรวมดังนั้นกองทุนรวมจะนำเงินของผู้ที่ลงทุนมารวมกันเพื่อให้เป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ แล้ะวจึงค่อยนำเงินนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์ หรือในรายการทรัพย์สินประเภทอื่นต่อไป ซึ่งช่วยในการกระจายการลงทุนเพิ่มผลประโยชน์และช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้นค่ะ นี่ก็คือข้อดีฉบับคร่าวๆที่เอามาฝากให้คุณได้อ่านกันนะคะ ซึ่งดูแล้วก็มีข้อดีที่ง่ายๆสะดวกต่อการลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดมากกว่าการลงทุนในแบบอื่นๆ และทำให้คุณไม่ค่อยจะต้องมาเสียเวลา หรือเงินก้อนใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับจะเป็นการเพิ่มเงินน้อยๆที่คุณมีให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงแม้จะทีละเล็กทีละน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีการเพิ่มมีแต่จะลดว่ามั้ยคะ? คิดว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยนะคะ แต่ข้อเสียหล่ะจะมีบ้างหรือเปล่า ขอบอกเลยค่ะว่ามีเช่นกัน เรามาดูข้อเสียของกองทุนรวกันค่ะ

ข้อเสียของการลงทุนแบบกองทุนรวม

ข้อเสียของการลงทุนแบบกองทุนรวม

การลงทุนกองทุนรวมเราไม่มีสิทธิ์จัดการเงินลงทุนเอง

มันก็เหมือนกับว่าคุณส่ง้งินไปให้อยู่ในความดูแลของคนอื่น เหมือนการส่งลูกไปโรงเยนในระหว่างอยู่ที่โรงเรียนทางโรงเรียนก็เป็นคนดูแลลูกๆของคุณ ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมก็เหมือนเอาเงินที่เป็นเหมือนลูกไปให้ทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินดูแลนั่นเอง ซึ่งถ้าการดูแลเงินขิงเขานั้นไม่ค่อยถูกใจคุณสักเท่าไหร่หรือไปลงทุนในส่วนของทรัพย์ที่เราไม่เห็นด้วยเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เยอะค่ะ

การลงทุนกองทุนรวมเก็บค่าธรรมเนียมแพง

คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหมคะ? กองทุนรวมในแบบ Active ตัวนี้ก็จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงอยู่ เพราะว่าอะราถึงเก็บแพง ก็เพราะว่ากองทุนตัวนี้ต้องการเอาชนะเกณฑ์มาตรฐาน จึงจะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการลงทุน กองทุนรวมแบบ Active นั้นคือ กองทุนที่ผู้ถือหุ้นจะต้อพยายามเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ได้ตั้งไว้ เช่น เซ็ต 100 , เซ็ต 50 เป็นต้น คือต้องพยายามเล่นหุ้นในกองทุนรวมนี้ให้ได้ผลกำไรมากๆมากกว่าตลาดเท่าไหร่ได้ยิ่งจะได้ผลตอบแทนมากเท่านั้นจึงจะเป็นกองทุนรวม Active ที่ดีค่ะ

การลงทุนกองทุนรวมราคาของกองทุนรวม ( NAV ) ไม่อัพเดตแบบ Real-time

ซึ่งจะไม่เหมือนการลงทุนแบบอื่นๆเช่นการลงทุนในหุ้น ที่เราจะสามารถเห็นตัวเลขอยู่เสมอๆ เราสามารถดูและเช็คตัวเลขขึ้นลงได้ในการลงทุนกับหุ้น แต่กงทุนรวมนั้นเราไม่ค่อยจะเห็นตัวเลขแบบละเอียดสักเท่าไหร่ แต่ที่เราจะสามารถเห็นได้ คือ ราคาของ ( NAV ) ที่จะเปลี่ยนไปวันละหนึ่งครั้งเท่านั้นค่ะ

การลงทุนกองทุนรวมมีการซื้อ/การขาย ที่ทำได้ช้ากว่าการที่คุณลงทุนเองในตลาดหุ้น

อันเนื่องมาจาก ราคา (NAV) จะมีการอัพเดตตอยหมดวันนั้นๆ ดังนั้นเราสามารถซื้อหรือทำการลงทุนต่อได้ก็ต่อเมื่อหมดวันนั้นแล้วเท่านั้น และในแต่ละกองทุนก็จะมีเวลาปิด/เปิดการซื้อขายที่ไม่เท่ากันอาจจะทำให้คุณเช็คได้ยากหน่อย จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีๆค่ะ สรุปว่าการลงทุนในกองทุนรวมนั้นก็ถือเป็นการลงทุนที่เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่รายได้น้อยงบน้อย ไม่มีความสามารถและประสบการณ์แต่ก็อยากประสบความสำเร็จก็ควรจะเลือกทางนี้ แต่อย่างว่ามีข้อดีก็มีข้อเสีย แต่เพื่อเราจะไม่ให้ข้อเสียนี้มาทำร้ายเงินของเรามากเกินไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะศึกษาหาข้อมูลอย่างดี และคอยติดตามผลของเงินลงทุนที่ลงไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยไปเลยแบบนั้นก็แย่หน่อยนะคะ

หุ้นคืออะไร?

stock

Jirapong Manustrong/shutterstock.com

สั้นๆง่ายๆเลยนะคะ หุ้น คือความเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกแบ่งขายออกมาเพื่อให้มีการร่วมลงเงินร่วมกันเพื่อส่งเสริมกิจการร้านค้า หรือธุรกิจประเภทอื่นๆนั่งเองค่ะ และบทความนี้ที่เอามาฝากให้ได้อ่านกันก็จะมีข้อมูลที่ดีสำหรับนักลงทุนไม่ว่าหน้าใหม่หน้าเก่าเพื่อเลือกอย่างดีมีข้อมูลที่ดีในการลงทุน เรามาดูถึงทั้งข้อดีและข้อเสียของการเล่นหุ้นกันค่ะ

ข้อดีของการลงทุนแบบหุ้น

ข้อดีของการลงทุนแบบหุ้น

การลงทุนแบบหุ้นเริ่มต้นด้วยเงินไม่มาก

สามารถเริ่มการลงทุนด้วยเงินในหลักร้อยหลักพันได้นี่ก็คล้ายๆกับการลงทุนแบบกองทุนรวมค่ะ ซึ่งการลงทุนในหุ้นนั้นก็ไม่ใช่การทำธุรกิจของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องไปใช้เงินสำหรับเปิดธุรกิจในหลักแสนหลักล้าน ดังนั้นการลงทุนในแบบหุ้นก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ

การลงทุนแบบหุ้นมีสภาพทางการงเนคล่องกว่าการทำธุรกิจด้วยตัวเอง

การลงทุนในหุ้นนั้นเปิดโอกาสให้เราในหลายๆด้านและเราสามารถเลือกการลงทุนได้ในหลายๆแบบได้แทบจะตลอดเวลา ถือได้ว่ามีสภาพคล่องตัวที่สูงมาก ถ้าในฐานะที่คุณเป็นนักลงทุนการลงทุนในหุ้นนั้นทำให้คุณสามารุเลือกได้ว่าจะลงทุนในธุรกิจอะไรแบบไหนตามความชอบได้ และสามารุที่จะขายหุ้นที่ซื้อหรือลงทุนไปได้ด้วยเมื่อไม่ต้องการแล้วซึ่งง่ายกว่าการที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจเองและอยากจะจบหรือปิดกิจการในแบบที่จะได้ทุนคืนนั้นค่อนข้างจะทำได้ยากกว่าการซื้อขายหุ้น จึงค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าค่ะ

การลงทุนหุ้นเราไม่ต้องบริหารธุรกิจเอง

เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของกิจการร้านค้า หรือบริษัทได้โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลาในการทำงานลงมือลงแรงเอง เราแค่ลงเงินเท่านั้นการบริหารจัดการก็ยังเป็นหน้าที่ของเจ้าของกิจการตัวหลักอยู่เพียงแต่เราได้เป็นส่วนหนึ่งเพราะเราเอาเงินขิงเรานั้นไปช่วยสมทบสนับสนุนกิจการของคนอื่นให้เติบโตมากขึ้นเท่านั้น และเราก็ยังไปผลกำไรตอบแทนด้วยซึ่งผลกำไรตัวนี้จะมาจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับสัญญาข้อตกลงที่เราทำในตอนแรกค่ะ

การลงทุนหุ้นสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี

ถ้าคุณได้เลือกหุ้นที่คุณจะลงทุนไว้อย่างดีแล้วและเป็นธุรกิจที่เติบโตมั่นคง ก็จสร้างผลกำไรผลประโยชน์ให้คุณอย่างต่อเนื่องคุณสามารถรับผลตอบแทนในระยะยาวได้เลย โดยหลักการของหุ้นนั้นจะมีการให้ผลตอบแทนใน 2 แบบด้วยกัน คือ ผลกำไรจากส่วนต่างราคา ผลกำไรจากเงินปันผล นี่ก็คือข้อดีต่างที่คุณจะได้เมื่อลงทุนในหุ้นค่ะ

ข้อเสียของการลงทุนแบบหุ้น

ข้อเสียของการลงทุนแบบหุ้น

ข้อเสียของการลงทุนไม่ว่าแบบใดก็ตามรวมถึงการลงทุนในหุ้นด้วยนั่นก็คือ ความเสี่ยง ดังนั้นการเล่นหุ้นจะมีความเสี่ยงในหลายๆทางหลายๆแบบ วันนี้จะเอาความเสี่ยงมาให้อ่านกัน 2 แบบด้วยกันค่ะ คือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ และความเสี่ยงทางการเงินค่ะ

ความเสี่ยงทางธุรกิจ

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจนั้นๆ เช่นก็คือ โครงสร้างของธุรกิจ และรายได้รายรับของธุรกิจ ซึ่งสิ่งที่จะมาทำให้ธุรกิจเกิดความไม่มั่นคงนั่นก็คือ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงงาน สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อธุรกิจได้ทั้งนั้น และสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีก คือ การเปลลี่ยนแปลงทางสังคม เทคโนโลยี การเมือง กฏระเบียบต่าง สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นเกิดดความเสี่ยงขึ้นได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ธุรกิจที่คุณได้ลงทุนไปนั้นจะได้รับกระทบมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่ว่า ภายในตัวของกิจการธุรกิจเองเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ค่อนข้างยากที่เราจะตรวจสอบหรือหาข้อมูลได้อย่างละเอียด

ความเสี่ยงทางการเงิน

เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วๆไป เพราะในหลายๆกิจการธุรกิจย่อมมีการกู้หนี้ยืมสิ้นไม่ว่าจะเป็นจากธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินอื่นๆ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่ากิจการธุรกิจนั้นๆมีการก่อหนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้ามีหนี้มากก็มีความเสี่ยงมากเพราะกิจการนั้นต้องมีภาระหนี้สิ้นที่ต้องชำระในจำนวนมาก และอีกความเสี่ยงทางการเงินหนึ่งก็คือ การที่กิจการได้ผลกำไรไม่เพียงพอต่อรายจ่ายหรือต้นทุนการดำเนินงานค่ะ นี่ก็คือข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในแบบหุ้นนะคะ

ข้อแตกต่างระหว่างกองทุนรวมกับหุ้น

what is difference

your/shutterstock.com

หลักเกณฑ์หลักการก็ไม่ค่อยจะต่างสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าคุณเป็นใครก็สามารถที่จะลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมได้ทั้งนั้น แต่กองทุนรวมนั้นมักจะอยู่ในระบบซะมากกว่า เช่นในสถาบันทางการเงินหรือธนาคารที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง แต่การลงทุนในหุ้นนั้นก็มีทั้งในและนอกระบบ อาจจะเป็นการลงทุนหุ้นกับสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงในตลาดหุ้น หรืออาจจะลงทุนหุ้นกับธุรกิจขนาดย่อมอื่นๆก็เป็นได้ค่ะ