ในปัจจุบันหลาย ๆ คนให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตให้ได้เร็ว ๆ และรีบประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เพราะต้องการมีรายได้ที่มั่นคง และต้องการหารายได้หลายทาง รวมถึงต้องการมี Passive Income ทุก ๆ เดือน เรามาดูวิธีการสร้างPassive Incomeจากการลงทุน กันเลย

ชี้เป้า แนวทางในการสร้าง Passive Income จากการลงทุน

ชี้เป้า แนวทางในการสร้าง Passive Income จากการลงทุน

อยากพักเงิน อยากสร้างผลตอบแทน มาดู 9 แนวทางในการสร้าง Passive Income จากการลงทุน ทั้งแบบความเสี่ยงต่ำและสูง มาเลือกกันตามความเสี่ยงที่รับได้ ไปดูกัน

1. ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

เป็นการลงทุนในระยะยาว ซึ่งผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่า เช่น ซื้อบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หรือ คอนโดมิเนียมมาปล่อยเช่า รวมถึงการสร้างอพาร์ทเม้นท์แล้วปล่อยเช่า โดยได้รับค่าเช่าทุกเดือน ซึ่งเป็นผลตอบแทนในระยะยาว และมีความเสี่ยงต่ำ โดยที่กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นของเราอยู่

2. ฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล

เนื่องจากบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัลจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าออมทรัพย์ปกติ จึงเป็นการเก็บเงินออมทุก ๆ เดือนที่ให้ผลตอบแทนในเกณฑ์พอใช้ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มออมเงินแบบ Passive Income จึงแม้จะเป็นการลงทุนแบบออมเงินที่ให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก แต่ปลอดภัยในเงินต้น และมีสภาพคล่อง

3. ซื้อตราสราหนี้ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้

การลงทุนประเภทนี้คล้ายกับผู้ซื้อเป็นเจ้าหนี้ โดยบริษัทเป็นผู้ขายหุ้น และรัฐบาลเป็นลูกหนี้ ที่เรียกว่า หุ้นกู้เอกชนหรือพันธบัตรรัฐบาล โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินตอบแทนเป็นดอกเบี้ยให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเมื่อครบตามระยะสัญญาที่ระบุไว้

4. ซื้อหุ้นหรือกองทุนรวม

การลงทุนประเภทนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงไปจนถึงสูงมาก แต่ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น ยิ่งผลตอบแทนสูงก็มีความเสี่ยงสูง จึงควรนำเงินเย็นมาซื้อการลงทุนประเภทนี้ โดยปกติแล้วการลงทุนประเภทนี้จะไม่มีกำหนดเวลาในการถือครอง ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาหุ้นที่ถือในช่วงเวลานั้นขึ้นสูงกว่าราคาที่ซื้อพอสมควร อยากจะขายก็สามารถขายได้เลยทันทีทันใด เพราะราคาหุ้นจะขึ้น-ลงตลอดเวลา ณ ช่วงเวลาทำการซื้อขายหุ้น โดยผู้ขายเสียค่าธรรมเนียมการขายให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่ดูแลหุ้นให้ และบางหุ้น บางกองทุนรวม มีเงินปันผลให้ด้วย

5. นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักที่รายได้ดีมาก สำหรับคนที่มีคอนเนชั่นกว้างขวาง มีความรู้ด้านอสังหา และชื่นชอบอาชีพบริการและการขาย โดยอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์นี้มีข้อดี คือ ไม่ต้องลงทุนมาก แต่อาจต้องใช้ทักษะการพูด การนำเสนอที่ทำให้ลูกค้าสนใจและเชื่อถือ ทักษะเจรจาต่อรองกับตัวลูกค้าและเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงต้องมีความรู้ในอสังหาและบริเวณพื้นที่ที่จะขาย อาจต้องมีการแต่งตัวให้อยู่ดี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

6. การเป็นอินฟลูเอนเซอร์บน Social Media

บางคนมีความสามารถในความถนัดเฉพาะ เช่น การทำอาหาร การแต่งหน้า ประกอบกับเป็นคนกล้าแสดงออก ทำให้สามารถสร้างตัวตนบนโลก Social Media ได้ ในโลกปัจจุบันมีผู้คนใช้ Social Media กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น Youtube, Facebook, TikTok, Twitter หรือ Instagram เป็นต้น โดยอินฟลูเอนเซอร์ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อสื่อ ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไร ก็จะกลายเป็นกระแส มีคนพูดถึงเสมอ

7. ซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์

ข้อดีของประกันแบบสะสมทรัพย์ คือ คุณจะได้ความคุ้มครองแบบประกันชีวิตและได้ดอกเบี้ยคืนบางส่วน และเมื่อครบอายุตามสัญญาก็จะได้รับเงินฝากคืนทั้งก้อน ส่วนข้อเสีย คือ ประกันแบบสะสมทรัพย์มีระยะเวลาสัญญาหลายปี ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการเงินให้ดี เพราะจะได้ส่งเบี้ยประกันครบทุกงวด มิฉะนั้นจะถูกยกเลิกกรมธรรมได้

8. ค่าลิขสิทธิ์ในการใช้สินทรัพย์ทางปัญญา (Royalty Fee)

เป็นเงินที่คุณได้จากการขายไอเดีย แฟรนไชส์ หรือระบบแพลตฟอร์มให้แก่ลูกค้า โดยการลงทุนทำงานเพียงครั้งเดียว เพื่อสร้างทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นมา

9. ค่าสมัครรับข้อมูล (Subscription Fee)

คุณสามารถหารายได้จากการสร้าง Content น่าดึงดูดในรูปแบบวิดีโอ บทความความรู้ รายงาน หรือการสัมมนา โดยเรียกเก็บค่าสมาชิกจากลูกค้าเป็นรายเดือนหรือรายปี เพื่อเข้าไปอ่าน Content ก็จะทำให้สร้าง Passive Income ทุก ๆ เดือนได้แล้ว

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5 อาชีพเสริม ที่นี่

เมื่อทราบแนวทางการสร้าง Passive Income จากการลงทุน โดยที่ไม่ต้องทำงานประจำกันแล้ว ก็เริ่มวางแผนและลงมือทำงานหรือลงทุนกันได้เลย ถ้ามีวินัย ขยัน มีไอเดีย รู้จัดอดออมก็สามารถสร้าง Passive Income กันได้เลย ถ้าอยากได้คำแนะนำทางด้านการเงินสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้นะคะ