ในปัจจุบันคือระบบเศรษฐกิจถือว่าไม่ได้ดีมากนัก ค่าครองชีพก็สูง ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะกันเงินจากการทำงานเก็บออม หรือสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือแม้แต่จะคิดที่จะเก็บออมไว้สำหรับอนาคตก็ทำได้ยาก จะทำให้หลายคนอยากที่จะหาช่องทางอื่นเพื่อเป็นทางออกประเทศของรายได้เสริม นอกจากงานประจำที่ทำอยู่แล้ว และเนื่องจากโดยปกติแล้วต้องใช้เวลาและกำลังในการทำงาน จึงต้องการงานที่ไม่ต้องลงแรง หรือเสียเวลาทำมากหรือใช้เวลาว่างมาทำได้ และให้ผลตอบแทนหรือรายได้จำนวนหนึ่ง อาจไม่ได้หวังมาก แต่ก็พอที่จะเก็บออมหรือกันไว้เป็นเงินฉุกเฉินได้ หลายคนจึงมองถึงรูปแบบรายได้ที่มีเรียกว่า Passive Income
Passive Income คืออะไร?
Rei Imagine/shutterstock.com
คือ การให้เงินทำงานแทนตัวเอง เกิดจากสินทรัพย์ที่เราสร้างหรือสะสมมา จนกระทั่งมันสามารถสร้างรายได้ หรือก็คือเป็นรายได้จากการลงทุนในทรัพย์สิน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก, แทบไม่ต้องใช้เวลาทำงาน, ความเสี่ยงต่ำ, ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตลอด และสามารถสร้างรายได้ได้ตลอดเวลา หรือพูดง่ายๆคือ Passive Income ไม่ต้องทำงาน เงินก็มีไหลเข้ามา และจะได้รับผลตอบแทนมากขึ้นเมื่อมีทรัพย์สินมีจำนวนมากขึ้น เป็นทางเลือกช่องทางในการหารายได้ที่หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากในปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าเดินทางค่าบริการ ซื้อสินค้าหลายๆอย่างก็มีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายๆคนรู้สึกว่าเงินเดือน ในแต่ละเดือนไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน หรือมีพอที่จะเก็บไว้ใช้ซื้อของที่ตัวเองต้องการ ดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคารก็ดูไม่มากเท่าไหร่ หลายคนจึงคิดอยากจะหาช่องทาง ที่จะเพิ่มค่ารายได้ เพื่อจะมีเงินใช้จ่ายได้มากขึ้น หรือเก็บเงินไว้สำหรับอนาคตให้ได้มากๆ
ช่องทางการหารายได้แบบ Passive Income มีอะไรบ้าง
การลงทุนในทรัพย์สินทางการเงิน
wrangler/shutterstock.com
ทรัพย์สินทางการเงินเป็นทรัพย์สินทรัพย์สภาพคล่องที่ไม่มีตัวตน หรือจับต้องไม่ได้ แบ่งได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงระดับของผลตอบแทนที่จะได้รับซึ่งก็คือโอกาสที่ราคาของทรัพย์สินนั้นจะเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงในแต่ละช่วง ซึ่งหลักๆที่หลายคนรู้จักก็จะเป็นพวกเงินสด ตราสารหนี้ และหุ้นสามัญ
- เงินสด เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องของมูลค่าของเงินหรือปัญหาอัตราเงินเฟ้อ มูลค่าของเงินก็จะยังคงที่อยู่เหมือนเดิม ซึ่งหลายคนก็นิยมที่จะนำเงินเข้าฝากธนาคารเพื่อที่จะได้รับดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลตอบแทน
- ตราสารหนี้ มีหลายประเภทคือ ตราสารหนี้ของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน เป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องน้อยกว่าเงินฝากจึงทำให้อัตราตอบแทน ของตราสารหนี้นั้นสูงกว่าของเงินฝาก ที่หลายคนรู้จักคือพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งปกติแล้วถ้าผู้ออกตราสารหนี้เป็นรัฐบาลหรือบริษัทที่มีความมั่นคงมีชื่อเสียงปกติแล้วก็จะเสนออัตราผลตอบแทนที่ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ออกตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงมีชื่อเสียงน้อยกว่า ซึ่งให้ผลตอบแทนคือดอกเบี้ยรับ ส่วนลดรับ และกำไรที่เกิดจากส่วนต่างของราคาตราสารหนี้
ดอกเบี้ยรับคือ ผู้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ จะรับดอกเบี้ยเป็นประจำ ตลอดอายุของตราสารหนี้ หรือช่วงที่ลงทุนในตราสารหนี้ แล้วเมื่อ หมดอายุหรือครบกำหนดอายุของตราสารหนี้แล้วก็จะได้รับเงินทุนคืน ส่วนลดรับคือ คนที่ซื้อ ตราสารหนี้ในราคาที่ต่ำกว่าจำนวนเงินหน้าตั๋วแต่จะไม่รับดอกเบี้ยระหว่างที่ถือตราสารหนี้ เช่นตราสารหนี้ระบุไว้ที่หน้าตัวว่าราคา 1,000 บาท แต่ผู้ซื้อซื้อได้ในราคา 900 บาทและเมื่อถือตราสารหนี้จนครบกำหนดก็จะรับเงินคืนจำนวน 1,000 บาทเท่ากับว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 100 บาท ส่วนต่างราคาของตราสารหนี้คือ เมื่อทำการขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนดอายุของตราสารหนี้หรือครบกำหนดการไถ่ถอน ถ้าไม่ขายตราสารหนี้จนวันครบอายุไถ่ถอนกำไรหรือขาดทุนจากส่วนต่างของราคาของตราสารหนี้จะไม่เกิดนั้นเอง ซึ่งการที่เราจะได้รับผลตอบแทนหรือกำไร ก็คือการที่เราจะต้องขายตราสารหนี้นั้นในราคาที่สูงกว่าที่เราซื้อมา
-
หุ้นสามัญ เป็นการลงทุนด้วยทรัพย์สินทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เงินฝากและหุ้นกู้ แต่จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวที่สูงกว่า ได้ผลตอบแทนเกิดจาก 2 ส่วนคือกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาขายและเงินปันผล โดยในระยะสั้นราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างทั้งข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบเข้ามาแต่ในระยะยาวหุ้นมักขึ้นกับผลประกอบการของบริษัทซึ่งกรณีนี้จะส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลด้วย
-
เงินสกุลต่างประเทศ เป็นทรัพย์สินทางการเงินที่นำมาใช้ลงทุนได้เนื่องจากการถือเงินสกุลต่างประเทศไว้ ในบางช่วงสามารถทำกำไรหรือขาดทุนได้ ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนของเงินว่าจะขึ้นหรือลง โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินต่างประเทศนั้นเปลี่ยนไป อย่างเช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ปริมาณการค้าระหว่างประเทศ หรือกระแสเงินไหลเข้าออกระหว่างประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูง ซึ่งทำให้การคาดคะเนอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนแบบนี้ทำได้ยาก
-
สัญญาอนุพันธ์ คือสินทรัพย์ทางการเงินที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามทรัพย์สินอย่างหนึ่ง ซึ่งในทางการเงินเรียก ทรัพย์สินหลักนั้นว่าทรัพย์สินอ้างอิง และการเปลี่ยนแปลงของราคาสัญญาณอนุพันธ์นั้นมักจะเป็นแบบทวีคูณกับราคาทรัพย์สินอ้างอิง ทำให้การลงทุน แบบนี้มีความเสี่ยงสูงมาก คืออาจจะทำให้ขาดทุนมหาศาลก็ได้ แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งทรัพย์สินที่นำมาใช้เป็นทรัพย์สินอ้างอิงของสัญญาอนุพันธ์ แทบจะครอบคลุมทรัพย์สินทุกประเภท
-
กองทุนรวม คือการออมทรัพย์สินทางการเงินหลายอย่างมารวมกัน แล้วแบ่งเป็นหน่วยย่อยๆเพื่อให้นักลงทุนเลือกซื้อได้ด้วยเงินที่น้อยลง จากกองทุนรวมนั้น มีหลากหลายประเภท ระดับความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ก็จะ เปลี่ยนแปลงไปตามประเภทของทรัพย์สินและกองทุนรวม
การปล่อยอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
อสังหาริมทรัพย์ ตามกฎหมายได้แก่ ที่ดิน และทรัพย์สินอื่นที่ติดอยู่กับที่ดิน ที่มีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นเช่นอาคารบ้านเรือน ที่ดินหมายถึง พื้นดินทั่วไป ซึ่งรวมทั้งภูเขา ห้วยหนองคลองบึง เกาะและที่ชายทะเลด้วย ทรัพย์สินที่ติดกับที่ดินคือ ต้นม้ยืนต้น สิ่งก่อสร้างบนที่ดิน ตัวอาคาร เช่น บ้าน โรงงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม หรือหอพัก ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เป็นตัวช่วยในการ ลงทุนแบบ Passive Income ได้ รายการที่นักลงทุน มีอสังหาริมทรัพย์ในจำนวนที่มากเกินกว่าจะใช้ในการเป็นที่อยู่อาศัย ในส่วนที่เกินมานั้นจึงปล่อยให้ผู้อื่นเข้ามาเช่า เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าเช่า เป็นค่าตอบแทน โดยส่วนที่สามารถให้เช่าได้ ก็จะมี ที่ดินเปล่า ตัวอาคาร บ้านเช่า ห้องเช่า เป็นต้น โดยการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจำเป็นที่จะต้อง มีสัญญาการเช่า โดยสัญญาเช่า เป็นเหมือน การที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีพันธะต่อกัน เช่นผู้เช่ามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเช่าส่วนผู้ให้เช่าก็ต้องให้สิทธิ์ในการครอบครองที่ระบุไว้ในสัญญาเช่ากับผู้เช่า เงินในสัญญาเช่าจะต้องระบุ จำนวนเงินที่ผู้เช่าต้องจ่ายเป็นค่าเช่า ระยะเวลาของสัญญาเช่า และสิทธิ์ในการกระทำต่อ อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เช่าได้ทำการเช่า ซึ่งสัญญาเช่าจะเป็นหลักฐานในการที่ผู้ให้เช่าจะใช้เพื่อเรียกร้องให้ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าตามสัญญา หรือใช้ในการฟ้องเพื่อขับไล่ผู้เช่าที่ไม่ทำตามสัญญาการเช่า หรือฟ้องเพื่อรับค่าชดเชยเมื่อมีการทำผิดสัญญาการเช่าที่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์จำเป็นที่จะต้องป้องกันความผิดพลาดต่างๆอย่างเช่นการละเลย การทำสัญญาเช่า ไม่ได้ตรวจสอบความพร้อมทางการเงิน ไม่ได้คัดกรองผู้เช่า หรือรอแค่รับเงินเป็นเดือนโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งจะทำให้ผู้เช่าเอาเปรียบได้ ดังนั้นควรที่จะต้องตรวจสอบและคำนวณว่าควรจะตั้งราคาค่าเช่าเท่าไหร่ถึงจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เช่นคำนวณงบประมาณหรือต้นทุนในการก่อสร้างหรือในการที่เราซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น รวมถึงคำนวณค่าภาษีที่ต้องจ่ายก่อนที่จะทำการให้เช่า การทำแบบนี้จะทำให้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้ขาดทุนในการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
การซื้อธุรกิจเฟรนไชน์
แฟรนไชส์ คือชื่อเรียกรูปแบบการทำธุรกิจ ที่มีส่วนประกอบหลัก 3 อย่างคือ
- ต้องมีผู้ซื้อและผู้ขายแฟรนไชส์ ซึ่งมีการตกลงร่วมกันในการทำธุรกิจร่วมกัน
- ต้องมีเครื่องหมายการค้าหรือบริการ
- ต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนจาก ผู้ซื้อแฟรนไชส์ให้กับผู้ขายแฟรนไชส์ ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างน้อย 2 อย่างคือ ค่าใช้เครื่องหมายการค้า และค่าตอบแทนผลระหว่างดำเนินการ หรือก็คือแบ่งเปอร์เซ็นต์จากกำไรในการขายสินค้าหรือบริการของแฟรนไชส์นั้น
เจ้าของสิทธิ์ Franchisor เป็นผู้คิดค้นวิธีการทำธุรกิจซึ่งทำให้ธุรกิจนั้นมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ จากนั้น ก็ขายสิทธิ์การดำเนินการขายชื่อของสินค้าตัวเองให้กับคนอื่น เช่นคิดค้นสูตรอาหารและเมื่อขาย จะมีชื่อเสียง ก็ขยายสาขาและขายแฟรนไชส์ให้กับผู้อื่นนำเป็นชายนั้นไปประกอบการต่อ โดยที่มีสูตรอาหารและวิธีการขายหรือรูปแบบร้านในลักษณะเดียวกัน โดยเจ้าของสิทธิ์จะเป็นผู้กำหนดราคาและรูปแบบต่างๆของการขายด้วย แล้วจะรับ ค่าตอบแทนเป็น ค่าซื้อสิทธิ์ หรือเปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้า ผู้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจ Franchise fee เป็นผู้รับสิทธิ์หรือซื้อสิทธิ์ และทำตามระบบที่เจ้าของสิทธิ์ได้จัดเตรียมไว้ให้ เช่นสินค้าที่ขาย ราคา รวมทั้งใช้ชื่อทางการค้า หรือเครื่องหมายการค้าแบบเดียวกัน ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าของสิทธิ์
การทำลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญาคือ ผลงานหรือผลผลิตที่เกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นหรือ สร้างสรรค์ของเรา ทรัพย์สินที่จะสามารถจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาได้ต้องมีหลักเกณฑ์ดังนี้
- ต้องเป็นงานที่แสดงออกให้เห็นถึงความคิด
- ต้องเป็นงานที่มาจากความคิดสร้างสรรค์จากตัวเราเอง
- เป็นงานที่เห็นได้ชัดว่ามีการทุ่มเทกำลัง ความรู้ ความสามารถ และความตั้งใจวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์ออกมา
- งานต้องมีลักษณะตามประเภทของงานที่กฎหมายลิขสิทธิ์ได้รับรอง
- ต้องเป็นงานที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี
การจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาทำให้เรามีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวที่จะเป็นเจ้าของ หรือมีสิทธิ์ที่จะกระทำการใดๆ กับงานที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นมา เช่น ผลิตขึ้นมาขาย หรือใช้เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำผลงานของเรา ไปใช้หรือทำการใดๆเพื่อหาค่าตอบแทน กำไรหรือผลประโยชน์อื่นๆที่เราไม่ได้รับ
สรุป
Passive Income เป็นทางเลือกหรือเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น โดยที่เราแทบไม่ต้องใช้เวลาหรือกำลังในการทำงานนั้น แต่ ต่อเนื่องจาก Passive Income มีหลายประเภท เพื่อที่จะทำให้เราได้รับผลตอบแทนกลับมาจำเป็นที่จะต้องศึกษา และหาข้อมูล ของงานประเภทนั้นๆก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการขาดทุนหรือมีปัญหา ดังนั้น เมื่อได้ข้อมูลและวางแผนอย่างดีแล้ว Passive Income จะถือเป็นทางเลือกในการหารายได้ที่ดีทีเดียว
เผด็จ
Passive Income บางธุรกิจก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย อาจจะดีในยุคก่อนแต่ยุคนี้อาจจะไม่ดี ควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับยุค เช่น การเล่นหุ้น การลงทุนอาจจะมีความเสี่ยง ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีพอ ถ้าเป็นมือใหม่ควรหาหุ้นที่เป็นบริษัทใหญ่ๆที่มีความมั่นคงมากที่สุด และเลือกซื้อหน่วยลงทุนเอาไว้ เพื่อรอรับเงินปันผล ถึงจะไม่เยอะแต่็ได้อย่างสม่ำเสมอ
น้องทราย
ถ้าได้ทำ passive income สักอย่างคงจะดีนะคะ แต่เราจะไปถึงจุดนั้นได้มั้ยละเนี่ย ให้เงินทำงานแทนเราน่ะ ส่วนตัวชอบเรื่องธุรกิจแฟรนไชส์ ถ้าทำในสิ่งที่โดนใจคนกินหรือคนใช้ได้นี่สบายเลย เวลาเราไปซื้อของกินแล้วเห็นว่าเป็นแฟรนไชส์ก็รู้สึกทุกครั้งว่าคนที่เป็นเจ้าของนี่เก่งนะ ทำของกินของตัวเองออกมาให้คนชอบคนต้องมากินได้ขนาดนี้
วิชิตร
ใครๆก็ชอบนะครับคือการให้เงินทำงานแทนตัวเอง แต่จำเป็นต้องมีเงินนะครับและจำเป็นต้องมีการลงทุนที่คาดว่าจะได้รับผลกำไรด้วยPassive Income ลงมือ แต่ไม่ลงแรง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราจะสามารถวางแผนเพื่อให้เงินของเรางอกเงยขึ้นมา ซึ่งบทความนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่จะใช้เงินทำงานแทนเรา เพื่อเราจะได้เบาแรงแล้วก็นอนอยู่บ้านเพื่อรับเงินอย่างเดียวได้ครับ
Tawira
"ลงมือ แต่ไม่ลงแรง" แต่ถ้าไม่มีเงินก็ทำไม่ได้นะครับ กว่าจะทำ passive income ได้สักอย่างผมคงต้องหาเงินทุนก่อน ถึงจะมีเงินเอาไปลงทุนกับกองทุนอะไรสักอย่างได้ แต่ในเบื้องต้นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนนั้นก่อนด้วยล่ะ ไม่งั้นก็จบเหมือนกันล่ะครับ ต้องสะสมประสบการณ์การทำงานในหลายๆด้านก่อนจะไปถึงจุดนั้นได้นะครับ
ตาเต่า
การลทุนแบบให้เงินหารายได้แบบนี้ มันน่าจะทำได้นะ แต่สำหรับคนที่มีเงินทุนมากๆเท่านั้นแหละ คน หาเช้ากินค่ำอย่างเราคงทำไม่ได้หลอก ทุกวันต้องมีเงินหมุนไม่อย่างนั้นก็ไปต่อไม่ได้ คนที่ทำแบบที่ว่าในบทความนี้ ต้องมีความนิ่งเรื่องของการเงินแน่นอน แต่ถือว่าเป็นแรงพักดัน และเป็นช่องทางครับ ถ้าใครสนใจ ก็เป็นอีกทางเลือกครับ
แลนด์
แล้วก็กำลังสนใจการทำแบบนี้อยู่นะ Passive Income ตอนนี้ก็กำลังเก็บเงินแล้วก็เรียนรู้การลงทุนไปด้วยอยู่อย่างที่เราสนใจก็คือหุ้นสามัญ ความเสี่ยงสูงหน่อยแต่ก็ได้ผลตอบแทนที่ดีแถมเป็นหุ้นระยะยาวด้วย แต่ว่าก็ต้องเก็บเงินก่อนสักช่วงแรกตอนนี้เราก็เลยสนใจจะลงกองทุนรวมข้อความเสียงมันต่ำ แล้วเราก็มีโอกาสเรียนรู้การลงทุนในระหว่างนี้ด้วยเงินของเราก็ไม่ได้ไปกองในธนาคารเฉยๆ
มะม่วงจอมไทย
ฉันว่าการลงทุนแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ เราสามารถได้เงินมาโดยไม่ต้องเหนื่อยมากแถมยังได้เรื่อยๆด้วย แต่ถ้าหากจะทำก็คงต้องศึกษากันไว้บ้างสักนิดไว้เป็นความรู้ก่อนจะลงทุนก็เป็นวิธีที่ดีนะคะ ถ้าใครอยากทำฉันแนะนำให้มาอ่านบทความนี้เลยค่ะ เพราะบทความนี้ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้นและสามารถตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยค่ะ
โรบอท
ตอนนี้ผมว่า Passive Income ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดคือธุรกิจแฟรนไชส์นะ แต่ก็ต้องเลือกให้ดีๆด้วยนะครับ ไม่ใช่ทุกแฟรนไชส์จะโอเคนะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงเยอะในช่วงแรกๆที่ลงทุน อีกอย่างไม่ต้องเหนื่อยที่จะต้องสร้างแบรนด์ ทำการตลาด แต่กำไรอาจจะไม่ได้เยอะเพราะต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ตรงนี้ก็ต้องมานั่งคำนวณดูว่าจะคุ้มไหม....
มิ้น
ใครๆก็ชอบเหรอครับถ้าใช้เงินทำงานแทน แต่จำเป็นต้องมีปัจจัยสำคัญก็คือต้องมีเงินทุน และช่องทางการลงทุนที่จะสามารถช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากถ้าต้องการที่จะทำงานโดยไม่ต้องลงแรง มีทางเลือกหลายอย่างเหมือนกันนะคะที่จะใช้เงินทำงานแทนเรา จะทำแบบนั้นได้ต้องอยู่ในวัยเกษียณ ไม่จริงหรอกค่ะตั้งแต่ตอนที่มีเงินทุนต่างหาก
จินธพัตร
นี่ถ้า ภรรยาผมไม่สอน ภาษาอังกฤษให้ผม ผมไม่มีทางเข้ามาอ่านบทความนี้แน่นอนครับ เอาแบบเข้าใจง่ายๆเลยนะครับ ตั้งชื่อ ไทยคำ อังกฤษคำ แบบนี้ จะพลาดคนที่สนใจเรื่องแบบนี้แน่นอนครับ ทำไมไม่ตั้ง ชื่อบทความเป็นภาษาไทยไปเลย ถ้าให้ผมตั้งนะ ผมจะตั้งชื่อบทความนี้ว่า "สร้างรายได้แม้ไม่ลงมือทำ" แบบนี้น่าจะเข้าท่ากว่านะครับ