หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ว่าในชีวิตของเรามีความเสี่ยงมากขึ้น! หลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ทั้งในเรื่องของสุขภาพ การเงิน เศรษฐกิจ และการลงทุน ตอนนี้เราอยู่ในยุค New Normal จริงๆ เพราะพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการลงทุน
จากประสบการณ์ใหม่นี้เพื่อนๆที่เป็นนักลงทุนทั้งหลาย รวมถึงเพื่อนๆที่คิดจะลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้คงจะต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น เพราะความไม่แน่นอนยังมีสูง สิ่งที่สามารถทำได้ คือติดตามข่าวสาร ค่อยๆปรับตัว และหาโอกาสในการลงทุนต่อไปค่ะ
ในบทความนี้ดิฉันได้นำข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้อย่างไรไม่ให้พังหลังโควิด? มาฝากให้เพื่อนๆได้อ่านเผื่อจะได้เป็นแนวทางในการลงทุนได้ปลอดภัยมากขึ้น สิ่งที่เราต้องสนใจคือ ทิศทางการลงทุน, ความเชื่อมั่น, ความน่าสนใจและความปลอดภัย, รวมถึงการลงทุนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? ขอเพื่อนๆค่อยๆอ่านไปทีละข้อพร้อมๆกันเลยนะคะ
ทิศทางการลงทุน
กองทุนรวมตราสารหนี้ คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล คือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล ส่วนหุ้นกู้ คือตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน ทิศทางการลงทุนในตราสารหนี้เกี่ยวข้องกับ อัตราดอกเบี้ยในตลาด อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว และอายุของตราสารหนี้ด้วยค่ะ
การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านก็ยังถือว่ามีความมั่นคงและวางใจได้ เพราะราคาตราสารหนี้สัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีความผันผวนไม่มาก แต่พอเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนขึ้นลงทุกวัน ตามหุ้น น้ำมันดิบ และทองคำ ในต้นปี 2562 อัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้อย่างพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.08% ต่อปี แต่ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมากลับลดลงต่ำสุดถึง 0.68% ต่อปีเลยทีเดียว
ถึงแม้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.5 % ต่อปี และสร้างความมั่นใจในตลาดจนทำให้ภาพรวมของตราสารหนี้มีความนิ่งมากขึ้นก็ตาม แต่เราก็ยังชะล่าใจไม่ได้อยู่ดีแหล่ะค่ะ ตราบใดที่สถานการณ์โควิดยังไม่คลี่คลายอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทางที่ดี ระวัง เอาไว้จะดีกว่านะคะ!
ความเชื่อมั่น
จากสถานการณ์ในตอนนี้ถ้าคิดถึงการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ก็ยังถือได้ว่า ความผันผวนของราคาตราสารหนี้ยังต่ำกว่าหุ้นอยู่นะคะและยังตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนที่ต้องการความแน่นอนได้อยู่ค่ะ
ล่าสุดสภาพัฒน์พึ่งประกาศตัวเลข GDP ของไตรมาส 1/2563 ว่าติดลบ 1.8% ถือได้ว่าลบหนักสุดในรอบ 8 ปีเลยทีเดียว ! ซึ่งทำให้เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทที่ออกตราสารหนี้บางรายได้รับผลกระทบด้วย ถ้ากระทบมากอาจจะให้ระดับความน่าเชื่อของตราสารหนี้ของรายนั้นลดลงแน่นอนค่ะ
เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ นักลงทุนน่าจะติดตามข่าวสารการเงิน เศรษฐกิจ อย่างใกล้ชิดก็ดีนะคะ และที่สำคัญควรจะกระจายสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม และลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของตัวเองด้วยนะคะ
มีความน่าสนใจและความปลอดภัย
ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทุกคนต่างให้ความสนใจ และตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยเอาใจใส่ในการรักษาความสะอาดกันมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนเข้าใจดีว่า ชีวิตของเรามีความเสี่ยงทุกวัน! การลงทุนก็มีความเสี่ยงตามไปด้วย ทั้งในด้าน ราคา ที่ขึ้นลงตามภาวะของตลาด ความน่าเชื่อถือ หรือโอกาสที่ผู้ออกตราสารหนี้จะผิดนัดชำระหนี้ สภาพคล่อง ทำให้ขายตราสารหนี้ได้ช้าและไม่ได้ราคาเพราะปริมาณการซื้อจายในตลาดลดลง
การลงทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้ เพื่อนๆต้องเข้าใจ ภาวะอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ก่อน ว่าอยู่ในระดับต่ำหรือสูง? และแนวโน้มอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง? ซึ่งจะช่วยเราตัดสินใจได้ว่า ควรลงทุนตราสารหนี้แบบไหน? หรือควรจะลงทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้หรือไม่?
เพื่อนๆคนไหนที่ถือตราสารหนี้ที่มีอายุ 2-3 ปี และ 5 ปีอยู่ในตอนนี้ ถ้าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มไม่ลดลงแล้ว จะต้องมาคิดถึงการลดความเสี่ยงในด้านราคา โดยเปลี่ยนมาถือตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปีแทนน่าจะปลอดภัยกว่า! และที่สำคัญหมั่นตรวจสอบงบการเงินของบริษัท อ่านรายงานล่าสุดของบริษัทจัดเครดิตเรตติ้ง เพื่อจะรู้ว่ามีการปรับเปลี่ยนมุมมองของตราสารหนี้ที่เราถืออยู่หรือไม่?
การลงทุนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
การพิจารณาการลงทุนครึ่งปีหลังที่ผ่านก็จำเป็นมาก รายงานจากหลายแหล่งมีการคาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะยังอยู่อีกนาน และหลายประเทศกลับมามีการแพร่ระบาดรอบ 2 อีก! งั้นก็แสดงว่าการลงทุนยังมีความผันผวนอยู่ วิกฤติโควิดส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆมากน้อยขนาดไหน? ในไตรมาสที่ 2 เราคงจะได้เห็นตัวเลข GDP ที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้รู้ได้ว่าการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจให้กลับไปเหมือนเดิมจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่?
ส่วนงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1 /2563 มีการเปิดเผยออกมาว่าผลประกอบการของหลายบริษัทลดลง โดยเฉพาะธุรกิจสายการบิน และโรงแรม ในครึ่งปีหลังนี้สิ่งที่ต้องติดตามน่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจจริงๆ ว่าผลจะออกมาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้หรือไม่ ? ถ้าตัวเลขออกมาเป็นที่น่าพอใจ โอกาสฟื้นตัวก็เป็นไปได้สูง ถ้าใครลงทุนได้ถูกจังหวะก็จะปลอดภัย และได้กำไรแน่นอนค่ะ
จะลงทุนทั้งที่เลือกให้ดีๆไปเลย
เหตุผลที่หลายคนเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ก็เพราะลงทุนในระยะสั้นก็ได้ ระยะยาวก็ดี ให้ผลตอบแทนก็ได้มากกว่าเงินฝาก มีความเสี่ยงต่ำ กระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดี หรือจะขายก่อนครบกำหนดก็ยังได้ เหตุผลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หลายคนหันมาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พอมาถึงปีนี้วิกฤติโควิดส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ด้วย ถ้าใครสนใจจะลงทุนกองทุนตราสารหนี้ให้ปลอดภัยต้องเลือกดีๆ ! โดยจะต้องดูทิศทางการลงทุน ความเชื่อมั่นของบริษัทที่ออกตราสารหนี้ ความน่าสนใจและความปลอดภัย รวมไปถึงผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเราตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนตราสารหนี้ประภทไหน หรือจะลงทุนดีหรือไม่? โดยเฉพาะในช่วงนี้ค่ะ
น้องสุวนันท์
มาจนถึงตอนนี้หลายคนก็ยังได้รับผลกระทบจากโรคระบาด อาจยังไม่ค่อยกล้าลงทุนอะไรมากมายด้วยซ้ำ แต่เราก็เห็นหลายบทความที่พูดถึงเทคนิคการลงทุนต่างๆ หรือแนะนำว่าควรลงทุนกับอะไรดี จริงๆแล้วการลงทุนบางอย่างก็ยังถือว่าดีและสามารถทำได้อยู่ใช่มั้ยคะ หากท่านใดเป็นนักลงทุนเข้ามาอ่าน ก็ขอแนะนำด้วยค่ะว่าตอนนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
EGG
@น้องสุวนันท์ การลงทุนมันก็มีหลายแบบนะคะมันไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่ในบทความนี้ดูเหมือนจะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับกองทุนรวม เรามีความรู้สึกว่าการลงทุนในกองทุนรวมเนี่ยคือจะต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะเหมือนกันในการลงทุน อีกอย่างนึงถ้าลงทุนระยะสั้นก็ไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่หรอกนะ การลงทุนในกองทุนแบบนี้ต้องใช้ระยะเวลารอคอยยาวนานมากถึงจะเห็นผล ถ้าใครหวังรวยในระยะสั้นก็คงจะผิดหวัง
นัทธนันท์..นะคะ
เรื่องการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไม่มีคามรู้หรือไม่เคยลงทุนกับกองทุนอะไรมาก่อน เราว่าการตัดสินใจจะยากพอสมควรนะคะ แต่ก็ดีที่มีบทความนี้มาแนะนำกันก่อน เผื่อว่าใครสนใจก็ลองอ่านรายละเอียดดู สำหรับคนที่เคยลงทุนทางนี้มาก่อนแล้ว คงพอจะมองออกอยู่บ้างอะนะ อย่างเรานี่ก็ขออ่านข้อมูลเพื่อเป็นความรู้เฉยๆก่อนละกันค่ะ
bobow
ถ้าพูดถึงกองทุนตราสารหนี้ ก็เป็นการลงทุนที่ไม่ได้เสี่ยงมากสักเท่าไหร่นะ คนที่ไม่ต้องการลงทุนแล้วได้ความเสี่ยงมากๆก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ถ้าจะหวังรวยมันคงยากนิดนึง เพราะกองทุนที่มีความเสี่ยงไม่มากมักจะให้ผลตอบแทนที่น้อย ไม่ได้เหมือนกับกองทุนที่มีความเสี่ยงมากอันนี้จะให้ผลตอบแทนสูง ....