เคยรู้สึกมั้ย มีเงินเท่าไหร่ก็เก็บไม่อยู่ซักที? ยิ่งช่วงหยุดยาวทีไร เงินหมดไปกับสิ่งล่อตาล่อใจต่างๆ เงินเก็บแทบไม่ต้องพูดถึง สิ้นเดือนของหลายคนต้องหมดไปกับการจ่ายหนี้บัตรเครดิต หลายคนในทุกวันนี้พยายามเก็บออมเงินเพื่อหวังที่จะรวยและใช้ชีวิตสุขสบาย ซึ่งหลายคนมีเป้าหมายเช่นนี้ แต่ทำไมค่าใช่จ่ายเยอะเหลือเกิน!!! แต่เชื่อไหมว่า วิธีเก็บออมเงินที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงเพราะจริงๆแล้วรายจ่ายบางอย่างไม่ได้จำเป็นหรื อสำคัญ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้นี่แหล่ะที่เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เราต้องเป็นหนี้เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของใช้ รวมถึงค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็ล้วนนับรวมเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และทุกวันนี้วัตถุ สิ่งของต่างจะยิ่งมีราคาสูงเรื่อยๆ ซึ่งย่อมจะส่งผลให้รายรับของเราในบางคนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และส่งผลให้ต้องไปกู้ยืมคนอื่น จนอาจเป็นหนี้ได้ และอีกหลายๆคนก็เลือกทำงานหนักพยายามอย่างมากที่จะเก็บเงินให้ได้จำนวนมา กหรือหารายได้เสริมจากหลายช่องทาง แต่ก็ลืมไปว่าเพียงลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงก็ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว เดี๋ยวนี้อย่างที่พอจะทราบกันดีว่าปัจจุบันเศรษฐกิจแย่และของแพง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่ต้องออกจากงานเพราะบริษัทเลิกกิจการก็ได้ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่มันมีความเป็นไปได้อยู่ เราจึงต้องดูแลเรื่องการเงินของตัวเองให้มากขึ้นหน่อย และคงจะดีหากเราสามารถ ลดค่าใช้จ่าย ในบ้านรายเดือนลงได้ จะได้มีเงินเก็บออมไว้เยอะขึ้น ดั้งนั้นให้เรามาดูสาเหตุและวิธีที่ใช้ได้จริงด้วยกัน

reduce expenses

Gustavo Frazao/shutterstock.com

ทำไมเป็นเรื่องง่ายที่รายจ่ายจะมากกว่ารายรับ

ทำไมเป็นเรื่องง่ายที่รายจ่ายจะมากกว่ารายรับ

หลายคนทุกวันนี้ยังแยกไม่ออกว่ารายจ่ายที่จำเป็น กับรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนั้นต่างกันอย่างไร และมักจะยึดการใช้จ่ายเงินตามค่านิยมของสังคมเป็นหลัก มากกว่าจะใช้จ่ายโดยดูจากเงินที่ตัวเองมีอยู่จริง ๆ บางคนมีเงินเดือนน้อย แต่เลือกที่จะใช้ มือถือ เครื่องใช้ต่างๆที่มีราคาแพง ด้วยเหตุผลว่าเพื่อนๆและคนอื่นๆมีกันเราก็อย่างจะมีบ้างซึ่งเพื่อนทุกคนมี ทั้งๆ ที่ความจริงยังมีสมาร์ทโฟนราคาถูก ๆ อีกมากมาย กลับไม่ใช้หรือบางคน เลือกซื้อแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทั้ง ๆ

ที่ยังมีเสื้อผ้าโนเนมอีกหลายรายที่มีคุณภาพการตัดเย็บดีและดูดีเหมือนกับเสื้อผ้าแ บรนด์เนม แต่พวกเขาก็เลือกใช้แบรนด์เนมกัน ด้วยเหตุผลว่าเมื่อใส่ไปที่ไหนแล้ว มีแต่คนยกย่องและมีคนเข้าหาเพื่อจะโอ้อวด การใช้จ่ายอย่างเกินตัวโดยยึดตามกระแสสังคมเป็นหลักนี่เองที่ทำให้หลายคน ต้องประสบปัญหารายจ่ายมากกว่ารายได้ สุดท้ายก็จบลงด้วยการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อเอามาแทนรายจ่ายที่ตัวเองก่อขึ้นมาก่อนและการก่อหนี้ ก็ยิ่งกลายเป็นตัวซ้ำเติมปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายเพิ่มขึ้นไปอีก จึงเป็นเรื่องง่ายที่รายจ่ายจะมากว่ารายรับ ดังนั้นให้เรามาดู 2 สาเหตุที่รายจ่ายมากว่ารายรับต่อไปนี้... 1.พฤติกรรมการใช้เงิน เมื่อเรารู้แล้วว่าค่าใช้จ่ายของเราหมดไปกับอะไร เราก็ค่อยแก้ปัญหาโดยการปรับลดบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปเช่นในทุกวันตอนเ ช้าและเทียงเราต้องกินกาแฟสดราคาแก้วละ 25-45 บาททุกวันเราอาจจะลดให้เหลือสักวันละแก้วหรือถ้าจะให้ดีถ้าที่ทำงานมีน้ำร้อนเร าควรที่จะชงกินที่นั่น เพราะไม่เสียเงินเลย เราลองมาค่านวนค่ากาแฟที่เราซื้อดื่มทุกวันนี้ ในหนึ่งวันกิน 2 แก้วต่อวันเฉลี่ยวันละ 70 บาทท้งหมด 24 วันทำงานรวมเป็นเงิน 1,680 บาทลดลง 1 แก้วลดลงมาเหลือวันละ 1 แก้วต่อวัน 45 บาท 24 วันทำงานก็จะเป็นเงิน 1,080 บาทประหยัดไปได้ 600 บาท แก้วที่2 ก็ชงกินที่ทำงาน ประหยัดได้เยอะเลย!! 2. ไม่รู้จักควบคุมความต้องการของตัวเอง ความอยากของเราเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเงินไม่พอใช้เพราะเมื่อเราอยากได้เราก็จัดซื้ อ โดยที่เราซื้อโดยใช้เงินสำหรับกินประจำวันที่มีอยู่หรือ เงินที่ยืมมาซึ่งไม่ใช่เงินเก็บหรือเงินออมเราก็จะไม่มีเงินเพียงพอใช้แน่นอน และอีกอย่างใช้เงินกินที่มีอยู่มาซื้อของที่อยากได้ถ้าเราใช้เงินกินที่มีอยู่มาซื้อของ ที่อยากได้ซึ่งทำให้เดือนนั้นเราจะไม่มีเงินพอใช้ ทำให้อาจจะต้องยืมคนอื่น คนนั้น คนนี้เพื่อเอามากินแล้วพอถึงเดือนถัดไปก็ใช้คืน ทำให้เดือนถัดไปนั้นไม่พอใช้อีกก็ซื้ออีก แล้วก็ยืมอีก แล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น และเราจะกลายเป็นคนที่ชอบใช้เงินที่ยืมมาเพื่อซื้อของที่อยากได้ ยืมเงินในที่นี้หมายถึงยืมเพื่อนหรือบัตรเครดิตเพื่อจะนำมาซื้อของที่อยากได้ เป็นความต้องการส่วนตัวทั้งนั้นที่ไม่จำเป็น มันก็จะทำให้ในเดือนถัดไปนั้นเงินไม่พอใช้อีกแล้วก็ทำต่อไปเรื่อยๆเช่นกัน แต่สำหรับบัตรเครดิตอาจจะหนักกว่ายืมเพื่อน เราจะมีการคิดดอกเบี้ยที่มีเมื่อใจบักเซ็กพูดค่ะพูดซื้อของกินเพราะไม่พอใช้พูดไป จนเดือนต่อๆไป ไม่พอใช้จ่ายจนในที่สุดก็ต้องกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้คืนทำให้หนี้เพิ่มขึ้นห นักกว่าเดิม

เราจะสร้างนิสัยที่ดีได้อย่างไร

เราจะสร้างนิสัยที่ดีได้อย่างไร

การสร้างนิสัยที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากถ้าเราพยายามและตั้งใจจริงๆ การสร้างนิสัยที่ดีจะต้องมีการฝึกทั้ง ความคิด ความกระพฤติ ซึ่งต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของเรา แต่ส่วนมากแรกๆจะจริงจังในการลดรายจ่ายมากแต่พอช่วงหลังๆเราก็จะเริ่มไม่ทำ ตามเป้าหมายนั้น เพราะในรอบตัวเราทุกวันนี้มีสิ่งของ อาหาร และหลายอย่างที่ล่อตาล่อใจจึงยากจริงๆที่จะหักห้ามใจ แต่ความจริงแล้วชีวิตคนเราในบางครั้งอาจจะต้องการสิ่งเหล่านี้บ้างแต่ต้องไม่ใช่ ทำบ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น เราเห็นเสื้อผ้า หรือสิ่งที่ใช้ในทุกวัน สวยและราคาไม่แพง มีคุณภาพ เราอาจจะซื้อได้ แต่แค่ในบางครั้งหละ เราต้องรู้จักคงบคุมตัวเอง มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ที่จะไม่เอาความคิดของคนส่วนใหญ่ เช่นว่า ใช้ของแบรนด์เนมทุกอย่างและซื้อมาเพียงแค่มาอวดว่าใช้ของดีซึ่งอยากจะให้ผู้ค นในสังคมยอมรับ แต่ถ้าคิดดูดีๆไม่มีใครชอบให้ใครมาพูดโอ้อวดหรอก จริงไหม การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้เราไม่ดูเป็นผู้ใหญ่สักที นี่เป็นเพียงตัวอย่างสั้นๆจริงๆยังมีอีกมากแต่แค่นี้ทำให้เรารู้ว่าการซื้อของแพง ไม่ได้ทำให้เรามีความสบายใจเลย เพราะเราจะยิ่งเหนื่อยเพื่อจะได้สิ่งเหล่านั้นอีกแต่มันไม่จำเป็นนะสิ ฉะนั้นเราต้องกลับมาถามตัวเองแล้วว่า “เราจะสร้างนิสัยที่ดีได้อย่างไร?” ให้เรามาดูวิธีช่วยกันเถอะ

วิธีลดรายจ่าย

วิธีลดรายจ่าย

  1. จดบันทึกทุกการใช้จ่ายของเรา ในแต่ละเดือนเราจะไม่รู้ตัวว่าเราใช้เงินกับการซื้อของที่ไม่จำเป็น ดังนั้นควรตระหนักถึงทุกสิ่งที่เราจ่ายไป และจดบันทึกทุกอย่างที่ซื้อในแต่ละเดือนไว้ จากนั้นเราจะเห็นว่าควรตัดรายจ่ายด้านไหนออกไปในเดือนหน้า ถ้าไม่อยากจดลงกระดาษ ก็อาจจะหาแอปพลิเคชันออมเงินดีๆ ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว 2.งดการซื้อกาแฟ พยายามชงกาแฟดื่มเอง อย่างเช่น ไปข้างนอกบ้านเรารู้อยู่แล้วว่าต้องซื้อเครื่องดื่มหรือกาแฟที่เราต้องกินทุกวัน ดังนั้นก่อนออกบ้านเราก็ชงไปสักแก้ว เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเงิน มันไม่จำเป็น และถ้าเราทำงานในบริษัทกาแฟหรือเครื่องดื่มต่างจำเป็นและในบริษัทจะมีที่ชงกา

แฟ เราก็ดื่มที่นั่นไม่ต้องไปเสียเงินเปล่าๆ จะช่วยคุณประหยัดได้เดือนละหลายบาททีเดียว 3. ใช้การเดินแทนการขึ้นรถโดยสารหรือวินมอเตอร์ไซค์ นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว หลายคนก็ยังต้องใช้บริการรถสองแถว รถเมล์ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย ซึ่งบางครั้งเป็นระยะทางที่ไม่ไกลเกินไป เราสามารถเดินได้ ดังนั้น ลองเปลี่ยนมาบริหารร่างกายด้วยการเดินไปที่ทำงานในระยะที่เดินได้ดู นอกจากจะช่วยประหยัดค่าเดินทางแล้ว ยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย 4. ซื้อของราคาไม่แพง มีคุณภาพ มีร้านเสื้อผ้าหลายร้านที่มีเสื้อผ้า กระเป๋า หรือเครื่องใช้ต่างๆที่ดีๆสวยๆและราคาถูก ซึ่งบางทีก็แยกไม่ออกว่าเป็นของจริง และบางทีเป็นของแบรนด์แท้แต่เราอาจจะซื้อเป็นมือ2ก็ได้ ซึ่งคุณภาพดีอยู่ แต่จำไว้ว่าถูกก็จริงแต่จะไม่ซื้อเยอะ และไม่จำเป็นแล้วหรือไม่จริงลองหันไปมองร้านเสื้อผ้า กระเป๋า หรือเครื่องใช้จากร้านข้างทาง หรือร้านที่ไม่ดูหรูหราดู บางครั้งสินค้าเหล่านี้ก็มีคุณภาพและดีไซน์สวยงามไม่แพ้สินค้าแบรนด์เนมเลย และบางชิ้นก็เป็นของที่หาไม่ได้ตามห้างต่างๆ อีกด้วย ต่อจากนี้ยามที่คุณต้องการซื้อเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ของใช้ต่างๆ ให้ลองดูตัวเลือกที่เป็นร้านถูกๆ ไว้ก่อน 5. เก็บเหรียญใส่กระปุก เงินทอนที่ได้จากการซื้อสินค้าต่างๆ ให้นำเศษเหรียญเหล่านั้นใส่ลงในกระปุกให้หมดทุกครั้ง พอสิ้นเดือนลองเปิดออกมานับดูว่าได้เงินมากแค่ไหน เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะพบว่าตัวเองสามารถเก็บเงินได้มากกว่าที่คิดอีกด้วย ลองทำดูถ้าหยอดทุกครั้งได้ผลแน่นอน 6.เตรียมอาหารไว้ทีเดียวสำหรับหนึ่งสัปดาห์ เราสามารถใช้เวลาว่างในวันอาทิตย์เตรียมอาหารไว้สำหรับ 1 สัปดาห์ได้เลย โดยอาจทำหลากหลายเมนูใส่กล่องแล้วแช่แข็งเตรียมไว้ แล้วก็จะได้ควบคุมมื้อกลางวันของตัวเองอย่างอัตโนมัติ และไม่เผลอไปกินอาหารตามร้านข้างนอกในวันที่ขี้เกียจเตรียมอาหาร และรสชาติเป็นตามที่เราต้องการ ที่สำคัญช่วยประหยัดเวลาด้วยนะ

ประโยชน์ของการลดรายจ่าย

ประโยชน์ของการลดรายจ่าย

การลดรายจ่ายนั้น น่าจะง่ายกว่าการเพิ่มรายได้ และเป็นการบังคับตัวเองไปในตัว ให้คิดก่อนใช้ และไม่ฟุ่มเฟือยจนเกิดเหตุ โดยเราควรจะลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป วิธีการง่ายๆ ที่หลายๆ คนทำอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว นั่นคือ หาเงินออมจากการนำรายได้ที่มีทั้งหมด หักด้วยรายจ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนที่เหลือก็คือเงินออมของเรา แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่า การเพิ่มเงินออมนั้น มักมาจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะถ้าเรามีรายได้มากขึ้น ย่อมมีเงินเหลือเก็บมากขึ้นด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้ว การคิดแบบนั้นก็ถูกต้อง แต่ยังไม่หมายรวมทั้งหมดซะทีเดียว เนื่องจากเงินออมนั้น เกิดจาก รายได้ ลบ รายจ่าย ดังนั้นการเพิ่มเงินออมอีกทางหนึ่งนอกจากการเพิ่มรายได้ คือการลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้นั้น ตั้งอยู่บนทฤษฎีที่คนชอบพูดกันบ่อยๆ ว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ อย่างน้อยก็ต้องลงแรงกาย ถ้าเราไม่มีทุนทรัพย์ที่เพียงพอ เพื่อจะทำให้ความสามารถในการหารายได้เพิ่มมากขึ้น การลดรายจ่ายนั้น น่าจะง่ายกว่าการเพิ่มรายได้ และเป็นการบังคับตัวเองไปในตัว ให้คิดก่อนใช้ และไม่ฟุ่มเฟือยจนเกิดเหตุ โดยเราควรจะลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งมักเป็นวิธีที่ใช้กับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ ไม่สามารถที่จะเพิ่มปริมาณงานมากไปกว่านี้ได้แล้ว เพราะถ้าทำไปคงแย่ทั้งกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เราจึงมามองหาวิธีใหม่ คือการลดรายจ่าย โดยฉลาดซื้อ และฉลาดใช้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น เราจะทำให้รายจ่ายลดน้อยลงได้ถ้าพยายามตั้งใจจริงๆ และมีความคิด ความประพฤติที่เป็นผู้ใหญ่ เราก็จะสามารถทำได้แน่นอน เมื่อเราลองทำตามคำแนะนำที่กล่าวไปก็จะเห็นผลอีกอย่างว่าเราเป็นคนใช้เงินอย่า งฉลาดอีกด้วย ถึงจะยาก แต่ก็ต้องบังคับตัวเองเพื่อจะบรรลุเป้าหมายและเกิดผลดีทั้งในตอนนี้และอนาคตได้