อย่าคิดว่าเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ไกลตัวของคุณนะ เพราะว่าไม่ใช่เลย ภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศนั้น เกี่ยวข้องถึงคุณทุกคน เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายต่างๆของคุณ เกี่ยวข้องสินค้าต่างๆที่คุณต้องซื้อต้องกินต้องใช้ทั้งนั้น รวมไปถึงเศรษฐกิจจะมีผลไปจนถึงการงานอาชีพ รายได้ของคุณด้วยนะรู้มั้ย? ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้เลยนะคะว่าเกี่ยวโยงกันไปทั้งหมด และทั้งหมทั้งมวลที่เกี่ยวข้องนี้ก็ควรจะเป็นเหตุผลให้ คุณเปิดหูเปิดตา รับฟังข่าวสารเรื่องเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้บ้าง เรื่องที่ต้องสนใจ คือ เศรษฐกิจของประเทศตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง? เศรษฐกิจของประเทศนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างไรในอนาคต? และให้คุณติดตามข่าวสารใหม่ที่อัพเดตอยู่ตลอดด้วยนะคะเพื่อจะได้ไม่ตกข่าว

บทความนี้จะมาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าว และช่วยคุณให้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศทั้งก่อหน้านี้ และตอนนี้ เรื่องที่นำมาให้อ่านวันนี้ก็คือ สถิติล่าสุดของรายได้ทั้งคนรวย และคนจนที่แตกต่างกันมาก, แบงค์ไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากหนี้ NPL, ธนาคารกสิกรใช้กลยุทธ์ดันยอดการใช้งานบัตรเครดิต, มอเตอร์ เอ็กซ์โป เร่งการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น มาดูกันนะคะว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวคุณเลย

สถิติล่าสุดของรายได้ทั้งคนรวย และคนจนที่แตกต่างกันมาก

สถิติล่าสุดของรายได้ทั้งคนรวย และคนจนที่แตกต่างกันมาก

รู้หรือไม่ว่ารายได้ของคนรวย และคนจนนั้นที่ว่าแตกต่างกันมากเนี่ยมันต่างกันเท่าไหร่ ขอตอบเลยว่าแตกต่างกันมากถึง 22 เท่า เลยนะคะ ซึ่งนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้จาก คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สคช. นั่นเอง ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา พูดง่ายๆคือแตกต่างกันมากในประวัติการณ์ก็ว่าได้ค่ะ คือต่างๆมากๆๆจนไม่รู้จะพูดยังไงดี และจากการวิเคราะห์ก็มีการคาดว่ารายได้ที่แตกต่างกันมาเหลือเกินนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปเร็วมากของโลก ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถมีโอกาสมากกว่าที่จะสร้างรายได้ที่มากกว่า ซึ่งมีการบอกสถิติอย่างละเอียดไว้อย่างนี้ว่า

  • กลุ่มประชาชนที่มีรายได้สูงสุดของประเทศไทย 10% กลุ่มแรกมีรายได้มากกว่ากลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยต่ำสุดมากถึง 22 เท่า
  • กลุ่มประชาชนที่มีรายได้สูงสุด 10% กลุ่มแรกมีการครอบครองที่ดินมากถึง 5% ของที่ดินทั้งหมดในประเทศไทย
  • บัญชีเงินฝากของธนาคาร 1% ของบัญชีทั้งหมดมีเงินฝากรวมกันแล้วมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของเงินฝากทั้งหมดรวมกัน
  • กลุ่มประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,644 บาทต่อเดือน ลดลงจาก 1 ล้านคนในปี 2557 เหลือ 4.85 ล้านคน ในปี 2558 มีสัดส่วนที่ลดลง 10.53% เหลือ 7.2%
  • กลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงที่จะกลับไปยากจนอีกจะมีความเป็นไปได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คิดเป็น 40% ของกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยที่สุด

ดังนั้นทางคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ชี้ว่า ช่องว่างที่มีระหว่างคนรวยกับคนจนจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในปีต่อๆไป ถ้าไม่มีนโยบายเข้ามาแก้ไขโดยด่วน แถมยังมีความเหลื่อมล้ำกันทางสังคมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลเสียต่อระบบการศึกษา สุขภาพ ของประชาชนในประเทศไปด้วย และกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยก็จะไม่ต้องกลับไปยากจนอีกถ้าทางภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยสนับสนุนแรงงานและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาอย่างจริงจังต่อเนื่อง และลงมือช่วยเหลือทันทีค่ะ เห็นมั้ยว่าเรื่องนี้ใกล้ตัวคุณมากๆ เพื่อที่ตอนนี้และในอนาคตลูกหลานของคุณจะอยู่ในฐานะทางสังคมแบบไหนคุณต้องสนใจตั้งแต่ตอนนี้แล้วค่ะ

แบงค์ไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากหนี้ NPL

แบงค์ไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากหนี้ NPL

มีผลการประเมินของบริษัทหนึ่งที่ชื่อว่า ฟิทซ์ เรทติ้งส์ ได้ประเมินการดำเนินงานของธนาคารดังนี้ที่บอกว่า มีความเชื่อว่าธนาคารพานิชย์ในแต่ละแห่งตั้งแต่ปี 2560 จะมีการดำเนินงานที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ และธนาคารเหล่านี้จะดำเนินงานอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมากจากหลายๆปัจจัยที่จะเกิดขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ อย่างเช่น ความกดดันจาก ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของการผิดนัดการชำระหนี้ของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้า SME ค่ะ แต่จากการประเมินก็ได้บอกอีกว่า ธนาคารพานิชย์แต่ละแห่งจะยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้แม้มีภาวะต่างๆเข้ามาสร้างแรงกดดัน และจะเป็นการดำเนินงานและการบริหารที่ยังเป็นไปด้วยดีอยู่ แม้จะมีความผันผวนของค่าเงินและมีอัตราของค่าเงินที่ดูจะอ่อนลง แต่เมื่อมองไปในภาพรวมก็ถือว่ายังโอเคอยู่ ซึ่งบริษัทที่ทำการประเมินนี้ก็ยังคงเชื่อมั่นในการทำงานของธนาคารพานิชย์แต่ละแห่งอยู่ว่าไม่ว่ายังไงทางรัฐบาลก็จะคอยสนับสนุนและช่วยเหลือธนาคารพานิชย์เหล่านี้ไปตลอดค่ะ

เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคุณเพราะคุณเองก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการธนาคารพานิชย์แห่งใดแห่งหนึ่งแน่นอน จึงต้องรู้เรื่องนี้เอาไว้บ้างนะคะ

ธนาคารกสิกรใช้กลยุทธ์ดันยอดการใช้งานบัตรเครดิต

ธนาคารกสิกรใช้กลยุทธ์ดันยอดการใช้งานบัตรเครดิต

มีข้อมูลจากรองกรรมการผู้จัดการของธนาคารกสิกรออกมาเปิดเผยว่า ทางธนาคารกสิกรได้มีการจัดกิจกรรมสำหรับบัตรเครดิตกสิกรเพื่อให้ลูกค้าได้รับปนะโยชน์เพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปีของทุกๆปี เพื่อตอบโจทย์ช่วงแห่งเทศกาล เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการจับใช้สอยของลูกค้ามากขึ้น รวมไปจนถึงการใช้บัตรเครดิตเพื่อการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งการผลักดันนี้ทำให้ยอดการใช้บัตรเครดิตในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมามีการเติบโตมากถึง 20%  และมีการคาดการณ์ว่าจะมีเงินหลั่งไหลเข้ามาอีกมาในธนาคารกสิกรนี้สูงสุดอยู่ที่ 97,000 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือเพิ่มขึ้น 7% นั่นเอง เมื่อเที่ยบช่วงก่อนปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมที่ทางธนาคารกสิกรนำมาใช้เพื่อเป็นกลยุทธ์เรียกลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมีดังนี้คือ

  • สิทธิ์พิเศษบิน 2 จ่ายแค่ 1 สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสารชั้นธุรกิจ ของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ ไปยัง 38 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทาง ทั้งในยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
  • Celebration Around the word รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15,000 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยเป็นสกุลเงินต่างประเทศ พิเศษยิ่งกว่าสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดกสิกรไทยเป็นเงินสกุลต่างประเทศสูงสุด 100 คนแรก ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 – 31 มกราคม 2560
  • รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% เมื่อจองตั๋วเครื่องจากสายการบินไทยผ่าน Com และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อซื้อสินค้าปลอดอากรบนเครื่องบิน
  • รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Air Asia X หรือเมื่อซื้อสินค้าปลอดอากรบนเครื่องบิน
  • และมีโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย เช่น โปรโมชั่นซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือโปรโมชั่นซื้อกระเช้าของขวัญในราคาพิเศษ เป็นต้น

และถึงแม้กิจกรรมบางอย่างจะหมดอายุไปแล้วเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้ แต่นี่แสดงให้เห็นว่าในฐานะผู้บริโภคคุณมีจะมีสิทธิพิเศษอีกมากมาย รวมทั้งตอนนี้ที่ทางธนาคารพานิชย์หลายต่อหลายแห่งคงออกมาใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า และอาจจะให้มากกว่ากิจกรรมของธนาคารกสิกรที่ยกตัวอย่างมาให้ดูกันอีกค่ะ ให้คุณคอยติดตามดูนะคะสำหรับใครที่มีบัตรเครดิต เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิ์

มอเตอร์ เอ็กซ์โป เร่งการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น

มอเตอร์ เอ็กซ์โป เร่งการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น

มอเตอร์ เอ็กซ์โป เป็นอุตสหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในประเทศไทยของเราที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนนี้ ทำให้ธุรกิจอยู่ในภาวะถดถอยและชะลอตัวอย่างมาก เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่แย่ลงเมื่อรับบาลเริ่มมนโยบายรถคันแรกออกมาให้ประชาชน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้มีการสำรวจว่าสถาบันการเงินหลายแห่งได้มียอดการปล่อยเงินกู้รถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมายที่ควรจะเป็น เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงด้วยรวมถึงเพราะมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยเงินกู้เพื่อป้องกันหนี้เสียทำให้มีผู้ใช้บริการน้อยลง หรือผู้ที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้น้อยลงไป

ในส่วนของ มอเตอร์ เอ็กซ์ โป ก็ต้องพยายามอย่างมากที่จะให้ธุรกิจทรงตัวต่อไปโดยจัดแคมเปญที่น่าสนใจ มีสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารธนชาติ โครงการผ่อนดีได้ดี ฟรีดอกเบี้ย 1 ปี มีนโยบายว่าถ้าลูกค้าผ่อนดีตรงตามกำหนดระยะเวลาจะคืนดอกเบี้ยให้ 1 ปี ส่วนแคมเปญของธนาคารกรุงศรีก็คือ มีการจัดโปรโมชั่น ดาวน์น้อย ผ่อนสบาย ไม่ต้องมีคนค้ำประกันสำหรับผู้เช่าซื้อที่มีสัญชาติไทย ดาวน์เริ่มต้นเพียง 5% ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 84 เดือนสำหรับลูกค้ากรุงศรี นิว คาร์ และกรุงศรี นิง คาร์ จิ๋ว จิ๋ว นอกจากนั้นก็ยังมีโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินอีกหลายแห่งมากมายที่ทยอยกันออกมาจัดกิจกรรมและแคมเปญเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เลือกกันเยอะแยะไปหมด นี่ก็เป็ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ธุรกิจต่างๆต้องอกมาง้อผู้บริโภคให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้บริษัทจะสูญเสียกำไรก็ตาม

สรุป

สรุป

ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านผ่านมาของประเทศเรา ซึ่งก็จำเป็นที่คุณต้องรู้ไว้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ส่งผลเรื่อยๆมาจนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ด้วย ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ ในปี 2562 นี้ก็จะมีความเคลื่อนไหวดังนี้ค่ะ เศรษฐกิจโดยรวมมีการขับเคลื่อนที่ดีอยู่ แต่ในส่วนของการส่งออกสินค้ามีการลดลงอยู่บ้าง เพราะเกิดการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน แต่เมือ่ทรงตัวแล้วก็กลับมาการส่งออกสินค้าที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากทางสหรัฐ ในส่วนของทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศนั้นก็มีการทยยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ช้าๆ มีผลจากภาวะทางการเมืองที่ยังไม่คงที่ แต่ทางภาครัฐก็ให้การสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นทำให้เศรษฐกิจด้านนี้ไม่ซบเซาเท่าไหร่นัก ในส่วนของเศรษฐกิจของภาคเอกชนก็ยังเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องอยู่ และยังมีการลงทุนข้ามชาติมากขึ้น เช่นมีนายทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้นในบ้านเราในแบบที่ถูกต้องตามกฏหมายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว และอุตสหกรรม ดังนั้นเมื่อสรุปแล้ว เศรษฐกิจของปรเทศไทยเราในปี 2562 นี้คาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งยังเป็นอัตราการเติบโตที่ยังมีศักยภาพอยู่แม้จะมีการชะลอตัวลงบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังต้อระวังภาวะความเสี่ยงต่างๆจากประเทศโดยรอบที่จะมีผลกระทบต่อบ้านเราอยู่ คุณที่เป็นคนไทยก็ยังต้องรอรับความเสี่ยงไปด้วยดังนั้นควรจะติตามข่าวสารทางเศรษฐกิจกันเอาไว้บ้างก็จะดีมากค่ะ