อย่าคิดว่าเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศนั้นเป็นเรื่องที่อยู่ไกลตัวของคุณนะ เพราะว่าไม่ใช่เลย ภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศนั้น เกี่ยวข้องถึงคุณทุกคน เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายต่างๆของคุณ เกี่ยวข้องสินค้าต่างๆที่คุณต้องซื้อต้องกินต้องใช้ทั้งนั้น รวมไปถึงเศรษฐกิจจะมีผลไปจนถึงการงานอาชีพ รายได้ของคุณด้วยนะรู้มั้ย? ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้เลยนะคะว่าเกี่ยวโยงกันไปทั้งหมด และทั้งหมทั้งมวลที่เกี่ยวข้องนี้ก็ควรจะเป็นเหตุผลให้ คุณเปิดหูเปิดตา รับฟังข่าวสารเรื่องเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้บ้าง เรื่องที่ต้องสนใจ คือ เศรษฐกิจของประเทศตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง? เศรษฐกิจของประเทศนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างไรในอนาคต? และให้คุณติดตามข่าวสารใหม่ที่อัพเดตอยู่ตลอดด้วยนะคะเพื่อจะได้ไม่ตกข่าว
บทความนี้จะมาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าว และช่วยคุณให้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศทั้งก่อหน้านี้ และตอนนี้ เรื่องที่นำมาให้อ่านวันนี้ก็คือ สถิติล่าสุดของรายได้ทั้งคนรวย และคนจนที่แตกต่างกันมาก, แบงค์ไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากหนี้ NPL, ธนาคารกสิกรใช้กลยุทธ์ดันยอดการใช้งานบัตรเครดิต, มอเตอร์ เอ็กซ์โป เร่งการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น มาดูกันนะคะว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวคุณเลย
สถิติล่าสุดของรายได้ทั้งคนรวย และคนจนที่แตกต่างกันมาก
รู้หรือไม่ว่ารายได้ของคนรวย และคนจนนั้นที่ว่าแตกต่างกันมากเนี่ยมันต่างกันเท่าไหร่ ขอตอบเลยว่าแตกต่างกันมากถึง 22 เท่า เลยนะคะ ซึ่งนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้จาก คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สคช. นั่นเอง ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา พูดง่ายๆคือแตกต่างกันมากในประวัติการณ์ก็ว่าได้ค่ะ คือต่างๆมากๆๆจนไม่รู้จะพูดยังไงดี และจากการวิเคราะห์ก็มีการคาดว่ารายได้ที่แตกต่างกันมาเหลือเกินนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปเร็วมากของโลก ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถมีโอกาสมากกว่าที่จะสร้างรายได้ที่มากกว่า ซึ่งมีการบอกสถิติอย่างละเอียดไว้อย่างนี้ว่า
- กลุ่มประชาชนที่มีรายได้สูงสุดของประเทศไทย 10% กลุ่มแรกมีรายได้มากกว่ากลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยต่ำสุดมากถึง 22 เท่า
- กลุ่มประชาชนที่มีรายได้สูงสุด 10% กลุ่มแรกมีการครอบครองที่ดินมากถึง 5% ของที่ดินทั้งหมดในประเทศไทย
- บัญชีเงินฝากของธนาคาร 1% ของบัญชีทั้งหมดมีเงินฝากรวมกันแล้วมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของเงินฝากทั้งหมดรวมกัน
- กลุ่มประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,644 บาทต่อเดือน ลดลงจาก 1 ล้านคนในปี 2557 เหลือ 4.85 ล้านคน ในปี 2558 มีสัดส่วนที่ลดลง 10.53% เหลือ 7.2%
- กลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงที่จะกลับไปยากจนอีกจะมีความเป็นไปได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คิดเป็น 40% ของกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยที่สุด
ดังนั้นทางคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ชี้ว่า ช่องว่างที่มีระหว่างคนรวยกับคนจนจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในปีต่อๆไป ถ้าไม่มีนโยบายเข้ามาแก้ไขโดยด่วน แถมยังมีความเหลื่อมล้ำกันทางสังคมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลเสียต่อระบบการศึกษา สุขภาพ ของประชาชนในประเทศไปด้วย และกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยก็จะไม่ต้องกลับไปยากจนอีกถ้าทางภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยสนับสนุนแรงงานและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาอย่างจริงจังต่อเนื่อง และลงมือช่วยเหลือทันทีค่ะ เห็นมั้ยว่าเรื่องนี้ใกล้ตัวคุณมากๆ เพื่อที่ตอนนี้และในอนาคตลูกหลานของคุณจะอยู่ในฐานะทางสังคมแบบไหนคุณต้องสนใจตั้งแต่ตอนนี้แล้วค่ะ
แบงค์ไทยจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากหนี้ NPL
มีผลการประเมินของบริษัทหนึ่งที่ชื่อว่า ฟิทซ์ เรทติ้งส์ ได้ประเมินการดำเนินงานของธนาคารดังนี้ที่บอกว่า มีความเชื่อว่าธนาคารพานิชย์ในแต่ละแห่งตั้งแต่ปี 2560 จะมีการดำเนินงานที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ และธนาคารเหล่านี้จะดำเนินงานอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมากจากหลายๆปัจจัยที่จะเกิดขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ อย่างเช่น ความกดดันจาก ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของการผิดนัดการชำระหนี้ของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้า SME ค่ะ แต่จากการประเมินก็ได้บอกอีกว่า ธนาคารพานิชย์แต่ละแห่งจะยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้แม้มีภาวะต่างๆเข้ามาสร้างแรงกดดัน และจะเป็นการดำเนินงานและการบริหารที่ยังเป็นไปด้วยดีอยู่ แม้จะมีความผันผวนของค่าเงินและมีอัตราของค่าเงินที่ดูจะอ่อนลง แต่เมื่อมองไปในภาพรวมก็ถือว่ายังโอเคอยู่ ซึ่งบริษัทที่ทำการประเมินนี้ก็ยังคงเชื่อมั่นในการทำงานของธนาคารพานิชย์แต่ละแห่งอยู่ว่าไม่ว่ายังไงทางรัฐบาลก็จะคอยสนับสนุนและช่วยเหลือธนาคารพานิชย์เหล่านี้ไปตลอดค่ะ
เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคุณเพราะคุณเองก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการธนาคารพานิชย์แห่งใดแห่งหนึ่งแน่นอน จึงต้องรู้เรื่องนี้เอาไว้บ้างนะคะ
ธนาคารกสิกรใช้กลยุทธ์ดันยอดการใช้งานบัตรเครดิต
มีข้อมูลจากรองกรรมการผู้จัดการของธนาคารกสิกรออกมาเปิดเผยว่า ทางธนาคารกสิกรได้มีการจัดกิจกรรมสำหรับบัตรเครดิตกสิกรเพื่อให้ลูกค้าได้รับปนะโยชน์เพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปีของทุกๆปี เพื่อตอบโจทย์ช่วงแห่งเทศกาล เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการจับใช้สอยของลูกค้ามากขึ้น รวมไปจนถึงการใช้บัตรเครดิตเพื่อการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งการผลักดันนี้ทำให้ยอดการใช้บัตรเครดิตในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมามีการเติบโตมากถึง 20% และมีการคาดการณ์ว่าจะมีเงินหลั่งไหลเข้ามาอีกมาในธนาคารกสิกรนี้สูงสุดอยู่ที่ 97,000 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือเพิ่มขึ้น 7% นั่นเอง เมื่อเที่ยบช่วงก่อนปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมที่ทางธนาคารกสิกรนำมาใช้เพื่อเป็นกลยุทธ์เรียกลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมีดังนี้คือ
- สิทธิ์พิเศษบิน 2 จ่ายแค่ 1 สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสารชั้นธุรกิจ ของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ ไปยัง 38 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทาง ทั้งในยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
- Celebration Around the word รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15,000 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยเป็นสกุลเงินต่างประเทศ พิเศษยิ่งกว่าสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดกสิกรไทยเป็นเงินสกุลต่างประเทศสูงสุด 100 คนแรก ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 – 31 มกราคม 2560
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% เมื่อจองตั๋วเครื่องจากสายการบินไทยผ่าน Com และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อซื้อสินค้าปลอดอากรบนเครื่องบิน
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน Air Asia X หรือเมื่อซื้อสินค้าปลอดอากรบนเครื่องบิน
- และมีโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย เช่น โปรโมชั่นซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือโปรโมชั่นซื้อกระเช้าของขวัญในราคาพิเศษ เป็นต้น
และถึงแม้กิจกรรมบางอย่างจะหมดอายุไปแล้วเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้ แต่นี่แสดงให้เห็นว่าในฐานะผู้บริโภคคุณมีจะมีสิทธิพิเศษอีกมากมาย รวมทั้งตอนนี้ที่ทางธนาคารพานิชย์หลายต่อหลายแห่งคงออกมาใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า และอาจจะให้มากกว่ากิจกรรมของธนาคารกสิกรที่ยกตัวอย่างมาให้ดูกันอีกค่ะ ให้คุณคอยติดตามดูนะคะสำหรับใครที่มีบัตรเครดิต เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิ์
มอเตอร์ เอ็กซ์โป เร่งการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น
มอเตอร์ เอ็กซ์โป เป็นอุตสหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในประเทศไทยของเราที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนนี้ ทำให้ธุรกิจอยู่ในภาวะถดถอยและชะลอตัวอย่างมาก เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่แย่ลงเมื่อรับบาลเริ่มมนโยบายรถคันแรกออกมาให้ประชาชน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้มีการสำรวจว่าสถาบันการเงินหลายแห่งได้มียอดการปล่อยเงินกู้รถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมายที่ควรจะเป็น เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงด้วยรวมถึงเพราะมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยเงินกู้เพื่อป้องกันหนี้เสียทำให้มีผู้ใช้บริการน้อยลง หรือผู้ที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้น้อยลงไป
ในส่วนของ มอเตอร์ เอ็กซ์ โป ก็ต้องพยายามอย่างมากที่จะให้ธุรกิจทรงตัวต่อไปโดยจัดแคมเปญที่น่าสนใจ มีสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารธนชาติ โครงการผ่อนดีได้ดี ฟรีดอกเบี้ย 1 ปี มีนโยบายว่าถ้าลูกค้าผ่อนดีตรงตามกำหนดระยะเวลาจะคืนดอกเบี้ยให้ 1 ปี ส่วนแคมเปญของธนาคารกรุงศรีก็คือ มีการจัดโปรโมชั่น ดาวน์น้อย ผ่อนสบาย ไม่ต้องมีคนค้ำประกันสำหรับผู้เช่าซื้อที่มีสัญชาติไทย ดาวน์เริ่มต้นเพียง 5% ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 84 เดือนสำหรับลูกค้ากรุงศรี นิว คาร์ และกรุงศรี นิง คาร์ จิ๋ว จิ๋ว นอกจากนั้นก็ยังมีโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินอีกหลายแห่งมากมายที่ทยอยกันออกมาจัดกิจกรรมและแคมเปญเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เลือกกันเยอะแยะไปหมด นี่ก็เป็ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ธุรกิจต่างๆต้องอกมาง้อผู้บริโภคให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้บริษัทจะสูญเสียกำไรก็ตาม
สรุป
ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านผ่านมาของประเทศเรา ซึ่งก็จำเป็นที่คุณต้องรู้ไว้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ส่งผลเรื่อยๆมาจนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ด้วย ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ ในปี 2562 นี้ก็จะมีความเคลื่อนไหวดังนี้ค่ะ เศรษฐกิจโดยรวมมีการขับเคลื่อนที่ดีอยู่ แต่ในส่วนของการส่งออกสินค้ามีการลดลงอยู่บ้าง เพราะเกิดการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน แต่เมือ่ทรงตัวแล้วก็กลับมาการส่งออกสินค้าที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากทางสหรัฐ ในส่วนของทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศนั้นก็มีการทยยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ช้าๆ มีผลจากภาวะทางการเมืองที่ยังไม่คงที่ แต่ทางภาครัฐก็ให้การสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นทำให้เศรษฐกิจด้านนี้ไม่ซบเซาเท่าไหร่นัก ในส่วนของเศรษฐกิจของภาคเอกชนก็ยังเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องอยู่ และยังมีการลงทุนข้ามชาติมากขึ้น เช่นมีนายทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้นในบ้านเราในแบบที่ถูกต้องตามกฏหมายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว และอุตสหกรรม ดังนั้นเมื่อสรุปแล้ว เศรษฐกิจของปรเทศไทยเราในปี 2562 นี้คาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งยังเป็นอัตราการเติบโตที่ยังมีศักยภาพอยู่แม้จะมีการชะลอตัวลงบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังต้อระวังภาวะความเสี่ยงต่างๆจากประเทศโดยรอบที่จะมีผลกระทบต่อบ้านเราอยู่ คุณที่เป็นคนไทยก็ยังต้องรอรับความเสี่ยงไปด้วยดังนั้นควรจะติตามข่าวสารทางเศรษฐกิจกันเอาไว้บ้างก็จะดีมากค่ะ
อาคม
สถานการณ์ของเศรษฐกิจในช่วงสิบปีที่กล่าวมานั้นทำให้เราเห็นถึงความเป็นไปของเศรษฐกิจไทยด้วย เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยในการลงทุนและการวางแผนที่จะไปต่อทางธุรกิจว่าจะไปทางไหน แล้วสำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือการลงทุนใหม่ๆ ก็จำเป็นต้องคิดถึงความเสี่ยงถ้าเช็คจากสภาพของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ในขั้นที่เสียงน่าดูเลยครับ
Saranya
ตอนนี้เข้าสู่ปี 2563 มาเกินครึ่งปีแล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจบ้านเราเป็นยังไงบ้างไม่รู้นะในแง่ของสถิติต่างๆ เจอพิษโควิด-19เข้าไปสั่นสะเทือนไปทุกวงการค่ะ ตอนที่มีวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ว่ามันรุนแรงขนาดไหน แต่ตอนนี้บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ไม่คิดว่าจะได้เจอเลย ยังดีที่พอมีงานทำอยู่บ้าง
ถนอมจิตร
ช่วงปีนี้ ยอดอะไรๆ ก็น่าจะตกหมดแล้วละ ดูจาก สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนเลยนะ ไม่ต้องไปดูแบบที่เขามารายงานให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง เราว่าความเป็นอยู่ของผู้คน น่าจะให้คำตอยกับเราดีที่สุดแล้วละ ว่า บ้านเราจะเป็นยังไงไปตลอดปีนี้ แล้เราคิดว่าไม่ใช่จะแค่ปีนี้เท่านั้น เราว่า ยังจะได้รับผลกระทบไปยังต้นปีหน้าด้วย
เววี่
เราก็ติดตามาตลอดนะกับเศรษฐกิจตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนตอนนี้เริ่มเบื่อแล้วค่ะ เบื่อติดตามเพราะมันเดิมๆ แย่ลงเรื่อยๆ ติดตามมากเกินก็เครียดเปลืองสมอง ตอนนี้ไปติดตามดูซีรี่ย์มากกว่าเบาสมองดี เรื่องข่าวสารก็ดูบ้าง ฟังบ้างพอประมาณ เพราะฟังมากๆเราก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี ทำได้แค่ทำให้ตัวเราเองมีความสุขสบายใจก็พอ
แบรี่
ผมว่าเศรษฐกิจแย่ลงแย่ลงทุกปีนะ ถ้ามีเศรษฐกิจด้านใดด้านหนึ่งฟื้นฟูกำลังดีขึ้น ก็มักจะมีเศรษฐกิจอีกด้านลดตัวลงอยู่เสมอ แต่ถ้ามองภาพรวมแล้วปีก่อนๆเศรษฐกิจไทยก็ยังโอเคอยู่การส่งออกก็ยังดี แต่ผมว่าตั้งแต่เจอพิษเศรษฐกิจจากการระบาดของ covid 19 เข้าไปเศรษฐกิจจะที่ไหนจะของประเทศอะไร ผมว่าได้รับผลกระทบและก็ทรุดตัวลงทั้งนั้นแหละครับ
แสนรัก
ช่างมันเถอะค่ะ....จะเศรษฐกิจปีไหนไหนมันก็ตกลงมาเรื่อยๆ เราเครียดจนเราตอนนี้เราไม่เครียดแล้วค่ะ เพราะว่าไม่ได้ติดตามข่าวสารมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองดีกว่าแทนที่จะมานั่งเครียดเรื่องเศรษฐกิจ เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ แต่เราก็คิดในแง่ดีนะว่าหลังจากโควิดมันอาจจะดีขึ้นก็ได้
เมธัส
เราจะไม่สนใจเรื่องของ เศรฐกิจโดยรวมของประเทศทีเดียว เลยก็ไม่ได้นะครับ เพราะถ้าเราเลิกที่จะสนใจ มันจะทำให้เราได้รับผลกระทบแบบที่ไม่ทันตั้งตัวได้นะครับ ติดตามข่าวสารได้ครับ แต่อย่ามากจนเกินไปครับ เอาแค่ที่เราอยากรู้ข้อมูลพอครับ อย่างเข้าไปอ่านในเวบที่เป็นแบบเจาะจงเท่าที่เราต้องการทราบข้อมูล มันก็จะลดความเครียดของเราได้นะครับไม่ต้องไปรับทุกเรื่อง
สมชาย
ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจจะเป็นยังไง การประหยัดอดออมก็จะช่วยให้เราสามารถรอดวิกฤตช่วงเวลาดังกล่าวไปได้ครับ แล้วที่สำคัญก็คือเราต้องรู้จักวิธีการทำอาหาร เพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นการเลือกหาวัตถุดิบที่ราคาถูกและดี เป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับเราเลยไม่ใช่แค่คิดจะมีเงินหรือร่ำรวยอย่างเดียวครับ ถึงแม้ว่าหุ้นจะตกแต่ถ้ามีข้าวกินก็จะอยู่ได้
ทิพธัญญา
ได้เข้ามาอ่านข้อมูลเรื่องแบบนี้ย้อนหลังก็ดีเหมืนกันนะคะ มันช่วยให้เราตัดสินใจที่จะทำอะไรๆได้ง่ายขึ้นคะ เมื่อเราเอามาเทียบกับในช่วงปี 63-64 จะเห็ฯได้ว่า เรื่องของเศรษฐกิจบ้านเรา ไม่ได้มีอะไรที่ขยับตัวที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเลยคะ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้ด้วย ทุกอย่าง ดิ่งลงไปมากจริงๆคะ เมื่อได้ข้อมูลแบบนี้แล้ว เราคิดว่าการลงทุนในช่วงนี้น่าจะชลอๆก่อนดีกว่าคะ
Saranya
สถานการณ์เศรษฐกิจในตอนนี้ ในปี 2021 นี้ ดิฉันคิดว่า น่าจะเป็นไปในทิศทางทิศใต้นะคะ คือตกต่ำลงเรื่อยๆค่ะ ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นทิศเหนือ จริงๆแล้วเศรษฐกิจบ้านเราหรือแม้แต่กระทั่งทั่วโลกก็ไม่แน่นอนมาตั้งนานแล้วนะ พอมาอ่านบทความนี้ก็คือใช่เลย เพื่อจะดีขึ้นก็ดันมาเจอโรคระบาดอีก จะว่าไปก็กังวลแล้วก็เครียดอยู่เหมือนกันนะคะ