หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคะแนนเครดิต คืออะไร และสำคัญอย่างไร แต่บางคนก็ทราบอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ตามการดำเนินการบางอย่างอาจทำให้คะแนนเครดิตของคุณจะเปลี่ยนไป ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อเครดิตของคุณ การใช้บัตรเครดิตนี่มีคะแนนด้วยเหรอ? หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า หมายถึงพอยต์สะสมเวลาใช้บัตรเครดิตเยอะๆ ใช่ไหม ยิ่งใช้เยอะ ก็ยิ่งได้คะแนนพอยต์เยอะหรือเปล่า แต่ไม่ใช่นะคะ

Credit Scoring หรือคะแนนเครดิต ที่จริงแล้วหมายถึง สิ่งที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถของเจ้าของบัตรเครดิตในการชำระหนี้ ซึ่งมักใช้พิจารณาเวลาเจ้าของบัตรเครดิตยื่นกู้ต่างหากล่ะคะ ดังนั้นจำไว้สำหรับคนที่มีบัตรเครดิตว่าคะแนนเครดิตนั้นสำคัญมากมาก

ทำไมต้องใส่ใจคะแนนเครดิต? เคยไหมคะ เวลาเราขอกู้อะไรสักอย่าง แล้วทางธนาคารขอดูคะแนน บัตรเครดิต เพื่อตัดสินใจว่าจะให้อนุมัติไหม และถ้าให้อนุมัติ จะให้เต็มวงเงินหรือเปล่า เวลาที่เราไปยื่นเรื่องทางธนาคารจะพิจารณาข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ มีภาระหนี้อยู่ไหม จะชำระหนี้ได้ทั้งหมดในช่วงเวลาไหน และหนึ่งในคะแนนเครดิต คือ พฤติกรรมการบริหารจัดการเงินผ่านบัตรเครดิตนี่ล่ะค่ะ หากผลรวมออกมาแล้ว คะแนนอยู่ในเกณฑ์ดี ก็จะได้รับการอนุมัติ

แต่ถ้าคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ธนาคารก็จะไม่ปล่อยเงินกู้ให้เราค่ะ เพราะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ทางธนาคารก็อาจจะไม่กล้าเสี่ยงปล่อยเงินกู้ให้แก่คนที่ไม่แน่ใจว่า จะสามารถชำระหนี้ในเวลาที่กำหนดได้ไหม คนที่มีบัตรเครดิตและบริหารเก่ง ๆ จะสามารถทำคะแนนเครดิตให้สูงขึ้นได้นะคะ หากเทียบกับคนที่ใช้จ่ายด้วยเงินสดตลอดเวลา คนเหล่านี้จะไม่มีสลิปหลักฐานว่า ในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เพราะฉะนั้น หากคุณมีบัตรเครดิต และใช้ดี ๆ บางทีอาจจะขอเงินกู้ได้ไวหรือได้จำนวนมากกว่าผู้ที่ใช้แต่เงินสดก็ได้ค่ะ ดังนั้นบทความนี้จึงจะมาบอกให้คุณคอยระวังตัวเอาไว้ถึงสิ่งที่ไม่ควรจะทำเพราะมันจะมีผลกระทบต่อคะแนนเครดิตของคุณได้ค่ะ

1. การยกเลิกบัตรเครดิต

1. การยกเลิกบัตรเครดิต

บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าบัตรเครดิตไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว หรือรู้สึกว่าไอเจ้าบัตรเครดิตเนี่ยแหละที่ทำให้คุณเก็บเงินไม่ได้สักที และถึงกับเป็นหนี้ คุณจึงคิดได้ว่าหากคุณชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและไม่สนใจที่จะเป็นหนี้อีกครั้ง การปิดบัญชีอาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นี่ก็เป็นความคิดที่ดีมาก

แต่ก่อนที่คุณจะยกเลิกไม่ใช้บัตรเครดิตแล้ว คุณควรทำให้แน่ใจว่าคุณไม่มียอดคงเหลือในบัตรอื่น ๆ ด้วย เหตุผลที่ปิดบัญชีบัตรเครดิตส่งผลกระทบต่อคะแนนเป็นเพราะคุณสูญเสียเครดิตที่มีอยู่ในบัญชีนั้น อย่างไรก็ตามหนี้คงค้างของคุณยังคงเหมือนเดิม ซึ่งอาจ ทำให้อัตราส่วนการใช้เครดิตของคุณเพิ่มขึ้นและคะแนนเครดิตของคุณจะลดลง การจะปิดหรือยกเลิกบัตรเครดิตนั้นก็ทำได้และดีแต่ต้องทำอย่างรอบคอบดูให้แน่ใจเพื่อจะไม่เสียผลประโยชน์นะคะ

2. รอจนถึงวันกำหนดชำระ

2. รอจนถึงวันกำหนดชำระ

การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตนั้นทุกๆเดือนจะมีวันกำหนดชำระ แต่นอกจากคุณจะพยายามไม่ชำระแต่จำนวนขั้นต่ำเท่านั้นคุณควรจะตววจเช็คคะแนนและวงเงินอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะได้ไม่เกินและสุดท้ายไม่สามารถชำระเต็มจำนวนจำได้ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนเครดิตของคุณด้วยค่ะ การรักษายอดบัตรเครดิตไว้ไม่เกิน 30% ของเครดิตที่มีอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คะแนนเครดิตลดลง ข้อควรระวัง อย่ารอจนถึงวันครบกำหนดชำระเงิน หากคุณรู้สึกว่าใช้เงินมากเกินไป สามารถเช็คยอดเงินคงเหลือ เพื่อป้องกัน ความผิดพลาดได้ เพราะคะแนนเครดิตนั้นสำคัญอยู่นะคะ

3. เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

3. เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

เป็นเรื่องธรรมดาที่คนใครอบครัวจะพึ่งพากันทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ และหากคุณมีเครดิตที่ดีสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทอาจขอให้คุณช่วยค้ำประกันสินเชื่อ การร่วมลงนามใน สัญญาเงินกู้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลายคนทุกวันนี้ทำกัน และคุณก็คงหนีไม่พ้อนที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่เขาเหล่านั้นจะมาขอความช่วยเหลือ

แต่ขอเตือนว่าถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะไม่อย่างนั้นเครดิตที่ดีที่คุณทำมาอาจจะเสียหายได้เพราะการที่คุณไปเป็นผู้ค้ำประกันอะไรอะไรต่างนั้นหมายความว่าคุณมีความรับผิดชอบต่อหนี้เท่ากันกับคนที่ไปกู้สินเชื่อมาไม่ว่าสินเชื่ออะไรก็ตาม ถ้าคนที่คุณร่วมลงทะเบียนสินเชื่อด้วยไม่ชำระเงินตามกำหนดคุณก็จะเสียเครดิตไปด้วย

และถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะสนิทกับคุณขนาดไหนก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะสามารถชำระหนี้ได้อย่างดีเสมอไปจึงควรระวังเอาไว้ดีที่สุดค่ะ เพราะมันจะสะท้อนให้เห็นในรายงานเครดิตของคุณซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตของคุณ ทั้งเครดิตบูโร และ คะแนนเครดิตจากบัตรเครดิตด้วยค่ะ

4. สมัครบัตรใหม่จากร้านค้า

4. สมัครบัตรใหม่จากร้านค้า

ทุกวันนี้ห้างร้านต่างๆก็ออกบัตรเครดิตมาให้ลูกค้าได้สมัครกันมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ไม่ใช่แค่สถาบันการเงินเท่านั้น และก็มีความน่าสนใจอย่างมากที่จะสมัครเพราะเมื่อมีบัตรเหล่านั้นแล้วสามารถซื้อของจากห้างสรรพสินค้านั้นได้ในราคาที่พิเศษใครก็อยากได้จริงมั้ย แต่คุณควรรู้ว่าการลงทะเบียนสำหรับบัตรใหม่อาจส่งผลเสียต่อคะแนนของคุณได้ บัญชีเครดิตใหม่คิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของ คะแนนของคุณ

ดังนั้น การเปิดบัญชีใหม่มากเกินไปภายในระยะเวลาอันสั้นอาจลดคะแนนเครดิตลง บัตรค้าปลีก มักจะมีอัตราดอกเบี้ยสูง ดังนั้นหากคุณไม่ชำระยอดคงเหลือการเปิดใช้บัตรนั้นอาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่าย  ควรหลีกเลี่ยงการกรอกใบสมัครทุกครั้งที่คุณได้รับบัตรเพียงเพื่อประหยัดเงินไม่กี่บาท ดังนั้นก่อนจะสมัครบัตรใหม่ควรดูก่อนว่าคุ้มค่าไหม คุณเองจำเป็นต้องใช้บริการของร้านค้านั้นมากน้อยและบ่อยแค่ไหนกัน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรสมัครเพราะเห็นแก่ส่วนลดเล็กน้อย และเสียคะแนนสำคัญไปค่ะ ได้ไม่คุ้มเสียนะคะ

5. ไม่เคยตรวจสอบคะแนนของตัวเอง

5. ไม่เคยตรวจสอบคะแนนของตัวเอง

บางครั้งคะแนนเครดิตของคุณอาจลดลงเนื่องจากข้อผิดพลาดในรายงานเครดิตของคุณ ดังนั้นถ้าคุณหมั่นตรวจเช็คคะแนนอยู่เรื่อยๆก็จะดี แต่ว่าถ้าหากคุณไม่ได้ตระหนัก ถึงปัญหาใด ๆ ปัญหาเล็ก ๆ อาจกลายเป็นปัญหา  จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบรายงานและ คะแนนของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่าอะไรก็ตามที่ผิดปกติบ้าง หรือการทำธุรกรรมแบบนี้แบบนั้นทำให้คะแนนลดลงหรือเพิ่มขึ้น การเช็คอยู่เสมอช่วยให้คุณรู้เรื่องนี้และสามารถจัดการกับคะแนนเครดิตได้ดีค่ะ  และไม่ต้องกังวลเพราะการตรวจสอบเครดิตของคุณจะไม่มีผลกับคะแนนของคุณเลย แต่กลับทำให้คุณระวังตัวมากขึ้นในการทำรายการต่างๆที่เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตของคุณค่ะ

6. ใช้บัตรเครดิตชำระเงินกู้

6. ใช้บัตรเครดิตชำระเงินกู้

ความตั้งใจที่จะจ่ายคืนหรือนำบัตรเครดิตไปจ่ายเพื่อชำระหนี้เหล่านี้หากเป็นเงินกู้แบบผ่อนชำระ เช่น สินเชื่อรถยนต์หรือการจำนองและมีการเปลี่ยนสถานะจากการชำระคืนเป็นชำระแล้ว คะแนนของคุณไม่ทราบทันทีว่ามีความหมายอย่างไรกับประวัติเครดิตของคุณมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ดังนั้น คะแนนเครดิตของคุณอาจลดลงชั่วคราวเนื่องจากการหยุดชะงักแต่ไม่ต้องกังวลในหนึ่งหรือสองเดือนคะแนนของคุณจะมีเสถียรภาพ บางครั้งคะแนนที่หายไปหรือลดลงก็เพราะมีการธุรกรรมบางอย่างที่ยังไม่สามารถอัพเดตได้เร็วทันในหรือทันที แต่ก็ต้องอาศัยการตรวจเช็คอยู่เสมอเพื่อจะรู้ว่าคะแนนหายไป และกลับมาอีกเมื่อไหร่ใช้เวลาเท่าไหร่ แต่ถ้าคะแนนหายไปเลยก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่หรือติดต่อสถาบันการเงินไปได้ค่ะ

7. ไม่สนใจเครดิต

7. ไม่สนใจเครดิต

การเงินในปัจจุบันนี้มีความจริงก็คือคุณต้องใช้เครดิตเพื่อสร้างประวัติเครดิตที่แข็งแกร่งนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นหนี้ แต่คุณสามารถใช้เครดิตได้อย่างรับผิดชอบ แต่ถ้าคุณหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงคุณจะประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินขั้นพื้นฐานที่แท้จริง

อธิบายมากขึ้นได้ก็คือว่า ถ้าคุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำธุรกรรมทางการเงินการสร้างเครดิตที่ดีเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำและจทอย่างนั้นได้ คือต้องเป็นหนี้แต่คุณก็ต้องควบคุมหนี้ที่มีให้ได้ แต่ถ้าคุณมีความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินได้ก็วิเศษเลยซึ่งทำได้ยากมาเหลือเกินมีน้อยคนนักที่ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเงินแบบนี้ แต่สมมุติว่าคุณทำได้คุณก็ไม่ต้องแคร์หรือสนใจเครดิตอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่ได้คุณก็ต้องเอาใจใส่คะแนนเครดิตของคุณไว้ให้ดีค่ะ

สรุป

สรุป

การไม่เข้าใจข้อมูลมากพอก็จะทำให้คุณตั้งคำถามขึ้นมาว่าคุณควรกังวลเกี่ยวกับคะแนนเครดิตของคุณหรือไม่? คะแนนเครดิตเพิ่มขึ้นและลดลงตลอดเวลาและความผันผวนเล็กน้อยไม่ควรกังวลมากเกินไปแค่สละเวลาสักหน่อยที่จะสนใจบ้าง แล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือ มุ่งเน้นไปที่การใช้เครดิตอย่างรับผิดชอบด้วยการรักษายอดคงเหลือของคุณให้ต่ำและจ่ายตรงเวลาเสมอและจ่ายเต็มจำนวนพยายามอย่าจ่ายขั้นต่ำ

การใช้บัตรเครดิตที่ดีและใช้แล้วมีคะแนนเครดิตที่ดี ต้อง มีการชำระครบตามจำนวน / ชำระตรงตามเวลาที่กำหนด / ใช้อย่างสม่ำเสมอแต่สมดุล สามอย่างนี้ถ้าคุณทำตามบัตรเครดิตใบเล็กๆนี้จะไม่สร้างปัญหาให้กับคุณแต่คุณจะได้ประโยชน์จากมันแทน ในโลกของการเงินนั้นรายรับและรายจ่ายจะเป็นตัวบ่งบอกพฤติกรรมทางการเงินของคุณได้เป็นอย่างดี การมีบัตรเครดิตก็จะเป็นหลักฐานสำคัญในการใช้จ่ายของคุณด้วยเมื่อไปติดต่อทำธุรกรรมทางการเงินทุกๆ เรื่อง

ดังนั้น เรื่องนี้จำสำคัญมากที่คุณจะเอาใจใส่เพื่อให้หลักฐานทางการเงินที่มีอยู่นั้นสวยงาม  7 พฤติกรรมที่นำมาฝากกันนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องระวังอย่างมาก ถ้าคุณทำตามรับรองว่าคุณจะรักษาคะแนนเครดิตรวมทั้งเครดิตทางการเงินของคุณให้สวยงามไว้ได้แน่นอนค่ะ