เวลาที่เปลี่ยนของยุคสมัยนี้ทำให้หลายๆอย่างเปลี่ยนไปด้วยแม้แต่ในวงการการทำธุรกิจค้าปลีกก็ต้องมีการปรับตัวเปลี่ยน และปรับตัวอย่างมากเพื่อหนีปัญหาเศรษฐกิจที่กดดันพร้อมทั้งมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ๆเสมอเพื่อดึงดูดลูกค้า ธุรกิจค้าปลีกในยุคใหม่นี้ต้องมีการเอาใจใส่ในรายละเอียดของการขาย การตลาดมากยิ่งขึ้น และต้องคำนึงถึงความแข็งแรงแข็งแกร่งของพื้นฐานธุรกิจโดยเฉพาะเรื่องของเงินทุนเพื่อธุรกิจจะได้ดำรงไปอย่างยาวนานเติบโตต่อเนื่องไม่สะดุด แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่ไปเร็วจนแทบจะตามไม่ทันนี้ก็ทำให้การทำธุรกิจค้าปลีกนั้นทำได้ยากมากขึ้นเพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปจึงต้องปรับตัวตามให้ทันให้ได้

คุณอาจจะสงสัยว่าธุรกิจค้าปลีกนั้นเป็นอย่างไร? ธุรกิจค้าปลีกก็คือ กิจการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้า หรือการบริการโดยตรงต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น ร้านของชำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย ร้านซ่อมรถ ร้านขายอุปกรณ์ไอที ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่และรายย่อยต่างๆ เป็นต้น นี่คือตัวอย่างของร้านค้าที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าธุรกิจค้าหลีกนั่นเองค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นธุรกิจที่เป็นที่นิยมสร้างขึ้นมาไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนแบบไหนก็สามารถเปิดกิจการร้านค้าแบบนี้ได้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าตอนนี้ในยุคนี้การทำธุรกิจค้าปลีกต้องไปในทางไหนถึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้และเป็นการทำธุรกิจอย่างฉลาด บทความนี้จะมาให้ข้อมูลเหล่านี้ เช่น  มารู้จักกับ New Retails รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ / ธุรกิจ Online ต้องไปพร้อมกับ Offline / จะพาธุรกิจ Online ไปทางไหนดี? / ถ้าคุณกำลังคิดจะทำธุรกิจค้าปลีกอยู่ก็ควรหาข้อมูลเหล่านี้เอาไว้เพื่อดำเนินธุรกิจอย่างฉลาดค่ะ

มารู้จักกับ New Retails รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ

มารู้จักกับ New Retails รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ

New Retails คือ การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่มีระบบออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องช่วยให้การทำธุรกิจนั้นก้าวทันยุคสมัยในโลกตอนนี้ ซึ่งประกอบด้วย 3 สิ่งต่อไปนี้คือ 1. Digital Content / 2. Big Data / 3. Logistic เรามาดูกันว่า 3 สิ่งนี้คืออะไรค่ะ

  1. Digital Content เป็นการขายของออนไลน์ที่แตกต่างจากการทำธุรกิจสมัยเก่า ทำธุรกิจค้าปลีกแบบนี้ต้องมีการโฆษณาสินค้าที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นเพราะลูกค้าจะเห็สินค้าจากรูปภาพ หรือวิดีโอเท่านั้นดังนั้นการโปรโมทผ่านรูปภาพ หรือวิดีโอนั้นต้องชัดเจน สวยงาม น่าดึงดูดใจ เป็นการเล่าเรื่องราวของสินค้าผ่านรูปภาพ หรือตัวอักษรที่ลุกค้าจะเข้ามาดูและอ่านรายละเอียดสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ได้มาสอบถามหรือดูสินค้าของจริงจากร้านค่ะ ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจแบบเก่ายังไม่มีความรู้ความสามารถทางนี้เท่าที่ควรแต่เพื่อความสำเร็จต้องมีการปรับเปลี่ยนค่ะ
  2. Big Data การทำธุรกิจยุคใหม่ผ่านทางออนไลน์นั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำก็คือ การเก็บข้อมูลของลูกค้าเอาไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้าในการซื้อสินค้าและการบริการครั้งต่อๆไป และนำข้อมูลตรงนี้มาปรับเปลี่ยนการขาย และการตลาดของธุรกิจของคุณค่ะ
  3. Logistic ธุรกิจค้าปลีกแบบใหม่ แบบออนไลน์นั้นจะเน้นความสะดวกสบายให้ลูกค้าโดยการส่งสินค้าหรือบริการถึงที่ หรือในที่ที่ลูกค้าสะดวกและต้องการซึ่งต่างจากการขายสินค้า หรือบริการในแบบเก่าๆที่ลูกค้าต้องเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ประกอบการแบบเก่าต้องพร้อมปรับเปลี่ยนไม่อย่างนั้นธุรกิจของคุณจะอยู่ยากในยุคนี้ค่ะ
 นี่ก็คือการทำธุรกิจค้าปลีกแบบใหม่ๆให้เข้ากับยุคนี้ที่ผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องยกเลิกวิธีแบบเก่าไปซะหมด เพราะอะไรเรามาดูกันต่อค่ะ

ธุรกิจ Online ต้องไปพร้อมกับ Offline

ธุรกิจ Online ต้องไปพร้อมกับ Offline

เรามาดูความแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจค้าปลีกในแบบ Online และ Offline กันค่ะ  Online Marketing การทำธุรกิจแบบนี้เป็นการใช้สื่อโซเชียลใช้โลกอินเทอร์เน็ตเพื่อโฆษณาสินค้า และมีกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าส่วนมากเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังการซื้อมากกว่า ซื้อง่ายขายเร็ว ซื้อเก่งช้อปเก่งจึงเกิดกำไรมากกว่า และมีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Facebook / Page ต่างๆ / Line / Email  เป็นต้นค่ะ ซึ่งช่องทางเหล่านี้ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าขายของได้เร็วมากกว่าประหยัดเวลาการทำมาหากินไปได้เยอะเพราะเหมือนยกร้านค้ามาตั้งไว้ในบ้านของลูกค้าเลยค่ะ ไม่ว่าจะนั่ง หรือนอนก็สามารถซื้อของได้แล้วตอนนี้ แต่ต้องระวังที่จะไม่โฆษณาสินค้าเกินจริงมากเกินไปเพราะเมื่อสินค้ามาถึงมือลูกค้าแล้วไม่ได้สวย หรือคุณภาพดีตามรูปภาพที่ใช้โฆษณาจำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในการซื้อสินค้าครั้งต่อไป หรือคุณอาจจะเสียลูกค้าไปได้เลยค่ะ ต้องระวังมากๆเรื่องนี้ เพราะลูกค้ามักจะคาดหวังจะได้ของที่ดีอยู่แล้ว

Offline Marketing การทำธุรกิจค้าปลีกแบบเก่ามีหน้าร้านลูกค้าต้องเดินทางมาซื้อด้วยตัวเอง ไม่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมาเป็นตัวช่วยทุกอย่างทำด้วยตัวเองเหมือการขายของอยู่ที่ร้านปกติ แต่จะมีแผนการโฆษณาดังนี้ ทางวิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ป้ายประกาศต่างๆ และเป็นการขายของแบบเจาะจงพื้นที่อย่างชัดเจน ไม่ขยายวงกว้างสักเท่าไหร่ แต่การทำธุรกิจแบบนี้จะมาความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า เพราะลูกค้าได้เห็นสินค้าด้วยตัวเอง ได้มีการพูดคุยต่อรองราคาด้วยตัวเองก่อนซื้อค่ะ

ตอนนี้คุณคงเห็นแล้วว่าความแตกต่างของการทำธุรกิจค้าปลีกแบบเก่า และแบบใหม่เป็นอย่างไร แต่ถ้าคุณมีธุรกิจค้าปลีกการที่ยังคงทำแบบเก่าพร้อมๆกับการปรับเปลี่ยนนำแบบใหม่เข้ามาใช้ด้วยก็จะดีมากกว่า เพราะสังคมทุกวันนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตบนโลกโซเชียล 100% ยังคงมีผู้สูงอายุคนที่ซื้อของ และใช้บริการแบบเก่าอยู่กาที่คุณยังคงทำธุรกิจสองแบบควบคู่กันไปคุณจะได้ลูกค้าทั้งสองกลุ่มคือ คนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่า ช่วยให้ธุรกิจของคุณสมบูรณ์มากกว่าค่ะ

จะพาธุรกิจ Online ไปทางไหนดี?

จะพาธุรกิจ Online ไปทางไหนดี?

การทำธุรกิจออนไลน์ก็ต้องมีกลยุทธ์ที่ต้องกลั่นกรองเหมือนกันเพราะอะไรที่ได้มาง่ายๆก็ไม่ได้ง่ายเสมอไปนะคะ ซึ่งจะเอากลยุทธ์ของการเปิดร้าค้าออนไลน์มาฝากกัน 3 วิธีคือ 1. การเตรียมหน้าร้านให้น่าสนใจ 2. การเปิดร้านออนไลน์หลายสาขา และหลายภาษา 3. การทำร้านค้าให้น่าเชื่อถือสำคัญมาก มาดูข้อมูลไปทีละอย่างด้วยกันค่ะ

  1. การเตรียมหน้าร้านให้น่าสนใจ คือคุณต้องมีไอเดียความคิดสร้างสรรค์อาจจะลองคิดว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณอยากเห็นอะไรในหน้าร้านค้าออนไลน์แบบไหนที่ทำให้อยากซื้ออยากติดตาม อาจจะมีข้อมูลที่ชัดเจน มองเห็นง่ายๆ เลือกหาได้ง่ายไม่ซับซ้อน และการเลือกสีก็สำคัญต้องเลือกสีให้เหมาะกับสินค้าของเราด้วยค่ะ ตัวอย่างเช่น ถ้าขายสินค้าเพื่อสุขภาพอาจจะใช้สีเขียว หรือสีฟ้า และถ้าขายสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าผู้หญิงก็อาจจะเป็นสีชมพู หรือสีม่วงเป็นต้นค่ะ เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาติดตามร้านของเราค่ะ
  2. การเปิดร้านค้าออนไลน์หลายสาขา และหลายภาษา เช่นคุณมีร้านค้าออนไลน์ใน Facebook ก็เปิดด้วยใน Instagram หรือเปิดในเว็บไซด์ด้วยแต่อาจจะต้อลงทุนมากหน่อยกับการเปิดเว็บไซด์แต่จะสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะการทำอย่างนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถหาร้านของคุณเจอได้ในหลายช่องทาง คล้ายกับการเปิดร้านแบบออฟไลน์ที่มีหน้าร้านแต่มีหลายสาขาไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอนั่นแหละค่ะ ยกตัวอย่างเหมือน ร้าน 7/11 ร้านบะหมี่ชายสี่หมี่เกี๊ยว เป็นต้น การเปิดร้านออนไลน์ก็เช่น เรื่องของภาษาก็เหมือนกันถ้าคุณมีการอธิบายขายสินค้าในภาษาอื่นด้วยก็จะได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นมาเช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนที่น่าจะเป็นไปได้ที่ได้ลูกค้าเหล่านี้ค่ะรับรองว่ายอดขายพุ่งแน่ๆ
  3. การทำให้ร้านค้าน่าเชื่อถือสำคัญมาก ความน่าเชื่อถือสำคัญมากอย่างที่ยอกถ้าร้านไหนมีการเปิดเว็บไซต์ก็เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณไม่มีความน่าเชื่อถือก็จะมาจากการให้บริการ และคุณภาพของสินค้าของคุณที่ส่งถึงมือลูกค้านั่นเอง ถ้ามันดีแล้วลูกค้าบอกว่าดีก็ส่งผลดี แต่ถ้าไม่ดีแล้วลูกค้ามีการคอมเม้นท์ผ่านทางโซเชียลแบบนั้นก็แย่เลย เพราะคนทุกวันนี้เชื่อรีวิวมากๆ อะไรดีไม่ดีก็ดูจากการีวิวเนี่ยแหละค่ะ คุณจึงต้องเอาใจใส่เรื่องคุณภาพ และการบริการให้ดีค่ะ เพื่อร้านค้าออนไลน์ของคุณจะไปรอดไปรุ่ง

ข้อมูลที่รวบรวมมาจากทุกช่องทางช่วยธุรกิจของคุณได้แน่นอน

ข้อมูลที่รวบรวมมาจากทุกช่องทางช่วยธุรกิจของคุณได้แน่นอน

ตอนนี่คุณทราบแล้วแล้วว่าธุรกิจค้าปลีกในยุคใหม่นี้ต้องดำเนินการไปอย่างไร? และไปทางไหน?เพื่อจะประสบความสำเร็จได้ จริงอยู่ที่โลกทุกวันนี้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาให้เราต้องปรับเปลี่ยนตาม แต่การเก็บวิธีเก่าเอาไว้บ้างก็ยังคงเป็นประโยชน์อยู่ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็คือประสบการณ์จากอดีตช่วยพัฒนาอนาคตให้ดีขึ้นนะคะ ดังนั้นการจะทำธุรกิจค้าปลีกต้องอาศัยความรู้จากรอบด้านทั้งเก่าและใหม่เพื่อจะอยู่รอด แล้วต้องคอยติดตามข่าวสารหาข้อมูลจากร้านค้าปลีกจากทั่วทุกมุมโลกด้วยเพื่อสร้างอะไรใหม่ให้กับกิจการของตัวเองให้น่าสนใจ แล้วเมื่อถึงวันที่เราไม่ต้องทำอะไรแบบเดิมๆอีกต่อไปการที่คุณพร้อมจะรับอะไรใหม่ๆตั้งแต่ตอนนี้จะช่วยให้คุณทิ้งการทำธุรกิจแบบเก่าไปได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะในอนาคตร้านค้าปลีกทุกร้านอาจจะไม่ต้องมีหน้าร้าน และไม่ต้องทำธุรกิจแบบเก่าอีกต่อไปแล้วก็ได้ค่ะถ้าดูจากสถานการณ์ของโลกเราทุกวันนี้ กับความก้าวหน้าทาเทคโนโลยีที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหยุดพัฒนาทั้งหมดนี้มีผลต่อการทำธุรกิจทุกรูปแบบไม่ใช่เฉพาะการทำธุรกิจค้าปลีกเท่านั้นนะคะ นี่คือสิ่งที่จ้องจับตามองค่ะ