แนวทางความสำเร็จของธุรกิจในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา และไม่มีแนวทางความสำเร็จไหนที่เป็นสูตรสำเร็จที่วางใจได้ว่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะต่อให้ธุรกิจนั้นมั่นคง มีเงินทุนสนับสนุนเพียงพอแต่ก็ไม่ได้การันตีว่าธุรกิจนั้นจะเติบโตได้ในอนาคต แต่ธุรกิจที่มีพื้นฐานบนความเสี่ยงแถมไม่มีความพร้อมมากพอทั้งเงินทุนและเรื่องอื่นๆอาจจะมีโอกาสเติบโตได้มากกว่า และนี่คือการทำธุรกิจในปัจจุบันนี้ที่ทำให้หลายคนต้องสับสน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับความแปลกใหม่นี้ให้ได้เพื่อธุรกิจจะอยู่รอด สิ่งที่ก่อให้เกิดความแปลกใหม่นั่นก็คือ การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของสังคมทำให้ความต้องการเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นธุรกิจต่างๆจึงเกิดสภาวะที่เรียกว่า Disruption ซึ่งทำให้ธุรกิจในแบบเดิมๆนั้นไม่สามารถประสบความสำเร็จ หรือเติบโตได้อีกต่อไปนอกเสียจากว่าจะสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมา

บทความนี้อยากจะชวนคุณมาทำความรู้จักกับคำว่า Disruption ในเชิงธุรกิจให้มากขึ้น โดยเฉพาะนักธุรกิจจำเป็นต้องรู้จักคำนี้ให้มากขึ้นเพราะว่านี่คือสิ่งที่จะเข้ามาทำให้การบริหารการบริการ และ การดำเนินธุรกิจแบบเดิมๆต้องเปลี่ยนแปลง แล้วถ้าธุรกิจไหนที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็จะโดน Disruption เล่นงานแน่ๆ!!! เพื่อจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ต้องฝึกวิชาการเอาตัวรอดจาก Disruption กันสักหน่อยในบทความนี้ก็มีวิชาการเอาตัวรอดมาฝากกันด้วยค่ะ

มารู้จักกับ Disruption ให้มากขึ้น

มารู้จักกับ Disruption ให้มากขึ้น

Disruption ถ้าจะแปลคำนี้ตรงๆตัวก็คือ การหยุดชะงัก แต่เมื่อมาพูดถึงคำนี้ในแง่ของธุรกิจก็คือ การหยุดชะงักของสิ่งเดิมๆแต่เป็นการพัฒนาและสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมา ดังนั้นในช่วงที่ Disruption เกิดขึ้นกับธุรกิจตอนนี้จึงทำให้ธุรกิจต่างๆต้องสร้างสิ่งใหม่ๆและพัฒนาจากสิ่งเดิมๆให้น่าสนใจ และตอบสนองความต้องการของสังคมในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด และ Disruption นี่แหละคือบททดสอบสำคัญที่ธุรกิจทั้งหลายที่อยากอยู่รอดต้องตอบโจทย์ให้ได้ แต่การตอบโจทย์อะไรสักอย่างอย่างเราก็ต้องใช้วิชาความรู้ที่มีให้เกิดประโยชน์ด้วย มาดูกันว่าวิชาความรู้ที่เราควรจะมีเพื่อตอบโจทย์ของ Disruption ให้ได้นั้นมีอะไรบ้าง? และต้องทำอย่างไรบ้าง?

ต้องใช้วิชาตัวเบา

ต้องใช้วิชาตัวเบา

มาเริ่มต้นเรียนรู้กันที่วิชาแรกกันเลยเพื่อจะตอบโจทย์บททดสอบของ Disruption ให้ได้ คือ วิชาตัวเบา นั่นเองค่ะ วิชานี้ไม่ได้มาจากวิชาการต่อสู้ของจีนโบราณแต่อย่างใด แต่ที่เรียกคล้ายๆกันก็เพราะว่ามีความหมายตามตัวอักษรในแง่ของธุรกิจเลยก็คือ ต้องทำตัวให้เบาที่สุดซึ่งเป็นการทำตัวให้เบาทางการเงินนั่นเอง แต่เราจะทำให้การเงินของธุรกิจเบาลงได้เราก็ต้องควบคุมงบการเงินของธุรกิจได้ด้วย และจะควบคุมงบการเงินได้ก็ต้องรู้จักการเงินของธุรกิจเป็นอย่างดี โดยพิจารณาจากรายรับ และรายจ่าย ฟังดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ใช่นะคะ เพราะการรู้จักรายรับรายจ่ายเท่านั้นไม่พอเราต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า รายรับได้รับมาจากแหล่งไหนมากที่สุด? และจากแหล่งไหนน้อยที่สุด? แล้วรายรับนั้นมากกว่ารายจ่ายหรือไม่? ส่วนเรื่องของรายจ่ายก็ต้องคิดว่าธุรกิจของเรามีรายจ่ายเท่าไหร่? รายจ่ายไหนที่สำคัญ และ รายจ่ายไหนที่ไม่สำคัญ? หรือรายจ่ายมากกว่ารายรับหรือไม่? นี่คือกระบวนการที่จะทำให้เรารู้จักการเงินของธุรกิจและควบคุมได้ค่ะ เมื่อควบคุมได้การเงินธุรกิจของเราจะเบาลงเพราะเราจะสร้างรายรับให้มากกว่ารายจ่ายได้นั่นเอง แต่กลับกันถ้าไม่รู้จักการเงินของธุรกิจ และควบคุมไม่ได้ก็มีโอกาสที่ธุรกิจจะมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ และนั่นทำให้ธุรกิจเกิดภาระที่หนักจนไปไม่รอดค่ะ ดังนั้นก่อนที่เราจะสามารถพัฒนาสิ่งใหม่ๆได้เราต้องทำยังไงก็ได้ให้การเงินของธุรกิจมีสภาพคล่องก่อนนะคะ วิชาตัวเบาจึงเป็นขั้นแรกที่สำคัญมาก

ต้องใช้วิชาความเร็ว

ต้องใช้วิชาความเร็ว

วิชาต่อไปที่เราต้องเรียนรู้และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ คือ วิชาความเร็ว ในเมื่อการแข่งขันของธุรกิจมีมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นใครที่เร็วกว่าก็จะชนะ แล้วความเร็วก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ตอบสนองความต้องการของสังคมในปัจจุบันมากที่สุดด้วย สังคมในปัจจุบันต้องการความเร็วเป็นหลักไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามในชีวิต อย่างเช่น การเดินทาง การท่องเที่ยว การกินอยู่ การช้อปปิ้ง การเรียนรู้เรื่องต่างๆ ทุกอย่างทั้งหมดนี้ใครเร็วกว่าก็จะเป็นตัวเลือกที่ถูกเลือกมากกว่าจากสังคมในทุกวันนี้ค่ะ เราสังเกตง่ายๆจากพฤติกรรมของผู้คนที่มีสมาร์ทโฟนเป็นตัวเชื่อมของการดำเนินชีวิตแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนก่อนนอนก็ยังใช้สมาร์ทโฟนเพื่อทำสิ่งต่างๆ ทั้งหาข้อมูล ช้อปออนไลน์ ทำธุรกรรมทางการเงิน และซื้อนู่นซื้อนี่ก็ทำผ่านสมาร์ทโฟนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงบอกได้เลยว่าวิชาความเร็วคือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้และต้องพัฒนาขึ้นมาให้มีอยู่ในธุรกิจของเราให้ได้ นักธุรกิจทุกวันนี้จึงต้องทำงานหนักกว่าเมื่อก่อนและใช้ทุกเวลาให้คุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์สังคมในปัจจุบันให้ทันค่ะ เพราะความต้องการของสังคมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ต้องใช้วิชาล่องหน

ต้องใช้วิชาล่องหน

วิชาที่สำคัญวิชาสุดท้ายที่อยากมาบอกกัน คือ วิชาล่องหน วิชานี้เราต้องสร้างให้เกิดขึ้นกับสินค้า และบริการของธุรกิจเราให้ได้ ล่องหนในที่นี่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจของเราจะหายตัวได้ แต่หมายความว่าสินค้า และบริการของเราต้องไปถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วเปรียบเสมือนหายตัวได้นั่นเองค่ะ เพราะสังคมทุกวันนี้เลือกซื้อสินค้า และบริการที่มาถึงมืออย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เสียเวลาพวกเขามากที่สุด ธุรกิจไหนที่สามารถทำได้และตามทันความต้องการแบบนี้รับรองว่าอยู่รอดแน่นอนค่ะ และดูเหมือนว่าวิชาล่องหนนี้ยังต้องพัฒนาทักษะมากขึ้นไปอีกในอนาคตเพราะความต้องการของผู้คนอาจจะต้องการความเร็วที่มากขึ้นกว่านี้อีกในอนาคต จึงประมาทไม่ได้ค่ะต้องพร้อมพัฒนาอยู่เสมอ

วิชาเหล่านี้รู้แล้วต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน...อย่าไปเกี่ยงกับคนอื่น

วิชาเหล่านี้รู้แล้วต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน...อย่าไปเกี่ยงกับคนอื่น

ตอนนี้เราก็ได้พิจารณาวิชาต่างๆมามากพอสมควรแล้วเพื่อจะนำมาตอบโจทย์บททดสอบของ Disruption ในปัจจุบันนี้ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของเรา แต่อยากให้จำไว้เรื่องหนึ่งว่าวิชาเหล่านี้ไม่เน้นว่าเราต้องแข่งขันกับธุรกิจของคนอื่นๆมากนัก แต่เน้นการเอาชนะความผิดพลาดและจุดอ่อนของธุรกิจของเรามากกว่าค่ะ เพราะการเอาชนะข้อท้าทายที่ธุรกิจของเรามีนั้นยากกว่าการเอาชนะธุรกิจของคนอื่นๆมากนัก และนี่คือสิ่งที่ Disruption ทำให้เกิดขึ้น นั่นคือบททดสอบของการสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ๆในธุรกิจของเรา ที่เราต้องตอบโจทย์ให้ได้ค่ะ เริ่มที่ตัวเราเองก่อนเลยค่ะ ใครเริ่มก่อนก็เติบโตก่อนแน่นอน