อยากได้ประกันรถยนต์ราคาถูกต้องทำอย่างไรบ้าง?

ประกันรถยนต์ราคาถูก ประกันแถมฟรี และคุ้มค่าใครๆก็สนใจใช่มั้ยคะ? เมื่อพูดถึงประกันรถยนต์ถือเป็นเรื่องหนักสำหรับคนมีรถเหมือนกันนะคะ เพราะว่าปีๆหนึ่งเราต้องจ่ายค่าประกันเป็นหลักหมื่น ครั้นจะไม่ซื้อประกันรถยนต์เอาไว้เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะยุ่งยากและลำบากอีก แต่จะให้ดีและปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้ดีที่สุดค่ะ

จริงๆแล้วถ้าเราใช้เวลาเพื่อการหาข้อมูลเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์จากหลายๆบริษัท หรือสอบถามจากตัวแทนหรือโบรกเกอร์ เพื่อเปรียบเที่ยบราคา และเงื่อนไขในการคุ้มครอง วงเงิน และค่าเบี้ยประกัน รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆจะช่วยเพิ่มโอกาสได้เลือกและตัดสินใจในการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ได้ถูกใจและได้รับการคุ้มครองสูงสุดได้นะคะ

แต่ก็มีหลายคนที่ตัดสินใจผิดพลาดจากการซื้อประกันภัยรถยนต์โดยที่ไม่ได้เช็ค ราคาค่าเบี้ยประกัน ความคุ้มครอง และวงเงินที่ประกันรับผิดชอบและไม่ได้อ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ให้ชัดเจน ทำให้เสียทั้งเงิน และเสียเวลา

ในบทความนี้ ดิฉันได้นำข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาฝากเพื่อนๆได้อ่านกันก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์เพื่อจะได้ราคาถูก และได้รับการคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุดค่ะ เช่น เช็คประกันภัยที่มากับรถก่อนว่าเป็นประกันภัยประเภทไหน ?, ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ? มีใครที่จะใช้รถของเราบ้าง?,  เพราะถ้าขับคนเดียวการระบุชื่อในกรมธรรม์จะได้ลดค่าเบี้ยประกันไปได้อีก ,   เช็คค่า Deductible และค่า Excess ด้วยว่าเราจะจ่ายเท่าไหร่ ?,  เช็คด้วยว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุเราจะซ่อมห้างหรือซ่อมอู่จึงจะประหยัดและดีที่สุด  ดิฉันหวังว่าข้อมูลที่นำฝากจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้บ้างนะคะ.

ประกันภัยรถยนต์คืออะไร?

ประกันภัยรถยนต์ คือ การประกันความเสียหายที่เกิดจากการใช้รถยนต์โดยให้ความคุ้มครองต่อ ร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สินของผู้เอาประกัน และคู่กรณี และยังเป็นการจัดการกับความเสี่ยงด้านการเงินเมื่อประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย ประกันภัยรถยนต์ประเภทมี 2 ประเภท ภาคบังคับ หรือพ.ร.บ และภาคสมัครใจ การทำประกันภัยที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเจ้าของรถเองว่าจะทำหรื่อไม่ทำ และมีให้เลือกหลายประเภทด้วยกันเช่น ประกันภัยรถยนต์ประเภทที่  1 ,  ประกันภัยรถยนต์ประเภทที่  2 , ประกันภัยรถยนต์ประเภท  3 ,  ประกันภัยรถยนต์ประเภท  2+, ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจะให้ความคุ้มครองมากกว่า พ.ร.บ เพราะให้ความคุ้มครองทั้งตัวบุคคลภายในรถ และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงรถของผู้เอาประกันภัยด้วย ประกันภัยภาคสมัครใจนี้ยังให้ความคุ้มครองแตกต่างกันไปตามประเภทด้วย ส่วนเบี้ยประกันราคาก็ต่างกัน ยิ่งแพงการคุ้มครองก็มากขึ้นไปด้วย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมประกันภัยรถยนต์จึงต้องมีหลายประเภทด้วย ? เหตุผลก็เพราะความคุ้มครองและราคาที่ต่างกันนั่นเอง ประกันแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองอย่างไรบ้าง ? ให้เรามาดูกันทีละประเภทนะคะ เริ่มที่..

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุดแต่ก็ราคาแพงที่สุดด้วย ให้ความคุ้มครอง ทั้งรถของผู้เอาประกัน และรถของคู่กรณี คุ้มครอง ชีวิต การบาดเจ็บ ของผู้ขับขี่ และคู่กรณี รวมถึงบุคคลที่ 3  และยังคุ้มครองกรณีรถเกิดไฟไหม้และการสูญหายด้วย
 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2  รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลในรถบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้ที่เอาประกันคุ้มครองกรณีเกิดไฟไหม้และการสูญหายด้วย
 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก หรือคู่กรณี รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของคนขับและความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์จากการเกิดไฟไหม้และสูญหาย
 ประกันภัยรถยนต์ชั้น  2+ รับผิดชอบความเสียหายในกรณีเดียวกันกับประกันชั้น 2  แต่เพิ่มความรับผิดชอบในส่วนของความเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันเฉพาะกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้นและต้องมีคู่กรณีด้วย และเพิ่มความคุ้มครองกรณีรถหาย และรถไฟไหม้ด้วย
 ประกันภัยรถยนต์ชั้น  3+ รับผิดชอบต่อความเสียหายในกรณีเดียวกันกับประกันชั้น 3  แต่คุ้มครองรถยนต์คันที่เอาประกันในวงเงินจำกัด จะไม่คุ้มครองรถยนต์ที่เสียหายโดยที่ไม่มีคู่กรณี

เช็คประกันที่มากับรถป้ายแดง

เมื่อเราตัดสินใจซื้อรถป้ายแดง ส่วนใหญ่แล้วศูนย์จำหน่ายต่างๆ มักจะมีประกันแถมให้ฟรีด้วยนะคะ เช่นประกันภัยชั้น 1 นานถึง 1 ปี รถบางรุ่นอาจจะแถมประกันนานถึง 5 ปีก็มี ก่อนจะทำประกันภัยรถยนต์เราต้องเช็คให้ดีก่อนว่า ประกันที่แถมมากับรถนั้นเป็นประเภทไหน ? ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ?  เหมือนประกันทั่วๆไปหรือเปล่า ? มีกรมธรรม์ให้เราเก็บไว้มั้ย ?อย่างน้อยเราต้องตรวจดูตารางกรมธรรม์ด้วยในเรื่อง

• วงเงินคุ้มครองในกรณีที่รถยนต์เสียหาย ไฟไหม้ หรือสูญหาย

• วงเงินความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกกรณีเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สิน

• ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในกรณีที่เป็นคดีอาญา

ถ้าเราไม่เช็คให้ละเอียดเราอาจจะถูกหลอกก็ได้ เพราะเหล่าบริษัทขายรถยนต์เข้าใจ และจับจุดอ่อนของคนออกรถป้ายแดงว่า รถใหม่ต้องมีประกันชั้นหนึ่งเพื่อความสบายใจ อุ่นใจ เกิดอะไรขึ้นก็มีผู้รับผิดชอบ ไปชนก็มีคนซ่อมให้ จึงมักจะมีโปรโมชั่น ออกรถรุ่นนี้ในเดือนนี้ ฟรี ! ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นานถึง 2 ปี  เราอย่าเห็นแต่ประกันฟรีจนลืมนึกถึงความเป็นจริงที่ว่า บางครั้งประกันที่แถมให้เป็นประกันแบบถูกๆไม่ได้ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันที่เราซื้อเองจากบริษัทประกันภัยเอง เพราะความไม่รอบ และด้วยความเชื่อใจหลายคนกว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็ตอนที่เกิดอุบัติเหตุนั่นแหล่ะค่ะ

ประกันภัยที่แถมมานั้นเป็นประกันชั้น 1จริง แต่ให้ความคุ้มครองแค่บางกรณีเท่านั้น เพราะทางศูนย์จำหน่ายอาจจะขอซื้อประกันที่จ่ายเบี้ยที่ถูกลง เช่นไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ ไม่คุ้มครองผู้โดยสาร และไม่มีค่ารักษาพยาบาล หรือบางรายเจอประกันที่แถมมาโดยที่ไม่มีกรมธรรม์ให้เพราะเซลล์เอาเงินค่าเบี้ยประกันไปใช้ก่อน กรณีเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เราต้องเช็คให้ดีก่อนนะคะ ถ้าเราไม่แน่ใจเกี่ยวกับประกันที่แถมมา เราก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะเอาของแถมอย่างอื่นแทนมั้ย หรือว่าเลือกซื้อประกันจากบริษัทที่เราไว้ใจแทน เพื่อจะได้รับความคุ้มครองจริงๆคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป เพราะคำว่า “อุบัติเหตุ” มันไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และที่ไหน ถ้าเราเช็คแล้วประกันภัยที่แถมว่ามีครบทุกอย่างตามที่เราต้องการ ก็ดีเพราะช่วยเราประหยัดเงินไปเป็นหมื่นเลยทีเดียว.

เช็คว่ามีใครใช้รถเราบ้าง ?

การเช็คก่อนว่ามีใครใช้รถของเราบ้างจึงจำเป็น ? ถ้าเรามั่นใจว่าเราใช้รถคนเดียว ก็สามารถทำประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อได้เลย เพราะการระบุชื่อคนขับในประกันภัยจะทำให้เราจ่ายเบี้ยประกัยภัยที่ถูกกว่าไม่ระบุชื่อมาก การระบุชื่อจะเป็น 1-2 คนก็ได้นะคะ ส่วนลดที่จะได้รับก็จะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขับขี่รถด้วยค่ะ ถ้าระบุชื่อคนขับ 2 คนส่วนเบี้ยประกันที่ได้รับส่วนลดจะคิดจากผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยที่สุด หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการลดเบี้ยประกันเป็นแบบนี้

• อายุ 18-24 ปี ได้รับส่วนลด 5%
• อายุ  25-35 ปีได้รับส่วนลด 10%
• อายุ  36-50 ปี ได้รับส่วนลด 15%
• อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปได้รับส่วนลด 20%
 การระบุชื่อผู้ขับขี่ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นที่ไม่มีชื่อระบุไว้ในกรมธรรม์ขับรถของเรา เมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันภัยจะไม่รับผิดชอบนะคะเพราะประกันยังต้องจ่ายตามที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเจ้าของรถต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาทสำหรับทรัพย์สินของบุคคลภายนอกและจ่าย 6,000 บาทสำหรับค่าเสียหายรถยนต์ของเราเองที่ถูกชน.

เช็คค่า Deductible และค่า Excess

ค่าDeductible คือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันยอมจ่ายทุกครั้งที่มีการแคลมในอุบัติเหตุในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดและเป็นค่าเสียหายที่สามารถหักออกได้ การที่เรายอมจ่าย ค่า Deductible จะช่วยเราให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไปได้ตามจำนวนค่า Deductible ที่เราระบุเอาไว้ ถ้าเราจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเยอะจะทำให้การซื้อประกันได้ในราคาถูกด้วย ค่าเสียหายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเราเช่นกัน ถ้าเรามั่นใจว่าขับรถชำนาญ และมีประสบการณ์สูง การจ่ายค่า Deductible จะคุ้มค่ามากๆเลยนะคะซึ่งค่า Deductible มีตั้งแต่ 1,000 -5,000 บาท.

ค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ คือเงินที่ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ต้องจ่ายเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่อยู่นอกเหนือจากระบุไว้ในกรมธรรม์ และไม่มีคู่กรณี เช่น โดนชนแล้วหนี ถูกก้อนหินกระเด็นใส่ เหยียบตะปู ไม่สามารถระบุวันที่ เวลา สถานที่ได้ ค่าเสียหายส่วนแรกนี้จะขึ้นอยู่กับความเสียหายเป็นกรณีไป ส่วนมากค่าเสียหายส่วนแรกจะอยู่ที่ 1,000 บาท ไม่ว่าจะทำประกันภัยชั้นไหนก็ต้องจ่ายส่วนนี้โดยไม่มีข้อยกเว้นค่ะ.

เช็คการซ่อมห้างกับการซ่อมอู่อะไรดี

รถของคุณเป็นป้ายแเดงมั้ย ? ใช้มาแล้วกี่ปี ? ถ้ารถคุณใช้ยังไม่ถึง 7 ปีการซ่อมห้างเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ เพราะว่าการซ่อมห้างจะได้รับการบริการที่ดีกว่า ได้มาตราฐานเนื่องจาก ศูนย์บริการมีเครื่องมือที่ทันสมัย ครบวงจร อะไหล่เป็นของแท้จากโรงงาน พนักงานมีฝีมือ เมื่อซ่อมเสร็จมีการรับประกันงานซ่อมอีกด้วย การซ่อมห้างจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้น แต่คุณอาจจะต้องยอมจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นค่ะ.

ส่วนการซ่อมอู่ จะเหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปีขึ้นไป ส่วนเบี้ยประกันการซ่อมอู่นั้นก็จะถูกกว่าการซ่อมห้าง ประมาณ 30% แต่ก็ต้องเลือกอู่ประกันภัยในเครือบริษัทของประกันภัยจะดีที่สุด เพราะถ้าเราไปซ่อมอู่นอกหรืออู่ทั่วไปและมีการตีราคาเกินกว่าที่บริษัทประกันภัยกำหนดเอาไว้ เราจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินนั้นเองนะคะ.

เช็คให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจ

แน่นอนเมื่อพูดถึงประกันภัยรถยนต์คนที่มีรถต่างรู้ดีว่าจำเป็นขนาดไหนโดยเฉพาะรถใหม่เพื่อความปลอดภัย และอุ่นใจทุกการเดินทางเราก็อยากได้ประภัยที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมสูงสุดทั้ง ทั้งตัวผู้ขับขี่ รถยนต์ รวมถึงคุ้มครองคู่กรณีด้วย ถ้าเราเช็คดีๆหาข้อมูลประกันภัยรถยนต์จากหลายๆบริษัท และทำการเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกัน วงเงินคุ้มครอง และความคุ้มครองต่างๆเมื่อเกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล หรือกรณีเสียชีวิต การเช็คประกันหลายๆที่จะช่วยเราได้ข้อมูลที่หลากหลาย ทำให้ตัดสินใจเลือกประกันที่เราพอใจ และคุ้มค่าที่สุดโดยที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังค่ะ.