เพื่อนๆทุกคนอาจจะงงกับหัวข้อนี้กันใช่ไหมล่ะครับและคงจะสนใจกันไม่น้อยสำหรับเพื่อนๆที่มีหนี้ถ้ามีหนี้แล้วสิ่งแรกไม่ใช่การชำหนี้แล้วให้ทำอะไร ต้องบอกว่าหัวข้อในวันนี้นั้นผมได้มาจากหนังสือ ชื่อ ว่า เมื่อเป็นหนี้สิ่งเร่งด่วนที่สุดไม่ใช่การใช้หนี้ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ธวัชชัย พืชผล เจ้าของเพจ วิชาอาแปะ สอนรวย ซี่งคุณ ธวัชชัย พืชผล หรือที่เรียกแทนตัวเองว่า อาแปะ เขาเคยมีประสบการณ์ในการเป็นหนี้ที่เกือบจะเอาตัวเองไม่รอดมาก่อน จึงได้เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาเขียนหนังสือเป็นการถ่ายทอดและแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อื่น ผมเลยอยากเอาสิ่งที่ คุณ ธวัชชัย พืชผล ได้แบ่งปันไว้ในหนังสือ มาแบ่งปันต่อให้กับเพื่อนๆว่าสิ่งสำคัญสิ่งแรกที่ต้องทำคืออะไรที่ไม่ใช่การชำระหนี้
สร้างความคิดที่ฉลาด
ในหนังสือมีคำแนะนำจาก อาแปะ หรือ คุณ ธวัชชัย ว่า ฉลาดคิด ปลดหนี้ง่าย เมื่อเป็นหนี้จริงอยู่ว่าก็ต้องใช้หนี้ แต่ก่อนจะใช้หนี้ เราต้องมีกิน มีใช้ มีเงินออมก่อน ก่อนที่จะไปใช้หนี้ ถ้าเราทำงานมาแล้วเอาทุกบาททุกสตางค์ไปใช้หนี้หมดเราจะเอาเงินที่ไหนมากินมาใช้ มีคำแนะนำอีกว่า ถ้าเป็นหนี้ให้เพื่อนๆลองนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆเป็นหนี้ ยกตัวอย่าง เป็นหนี้รถ เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นเลยก็คือ โดนยึดรถ เป็นหนี้บ้านเลวร้ายที่สุดก็โดนยึดบ้าน เป็นหนี้บัตรเครดิต แย่ที่สุดคือล้มละลาย แต่ทั้งหมดนี้คือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องใช้เวลาคือเป็นหนี้นานมากๆ เพราะฉะนั้นการสร้างความคิดที่ฉลาดนั้นก็คือการจัดสรรเงินให้ได้ อย่าเอาไปใช้หนี้หมด
ผมเคยได้ฟังประสบการณ์ของยามที่เก็บเงินล้านได้อยู่เป็นประสบการณ์ที่ผมประทับใจมากและคิดว่าเพื่อนๆน่าจะเอาไปปรับใช้ได้ คือ มีพี่ยามอยู่ท่านหนึ่งเขาทำงานมีเงินเดือนเดือนละ 15,000 แต่พ่อกับแม่เขามีหนี้ที่ดินอยู่บ้านนอกเป็นที่ดินที่ถูกเอาไปจำนองทำให้เขาต้องส่งเงินใช้หนี้ให้กับพ่อแม่เดือนละ 5,000 ซึ่งเป็นหนี้ที่ใช้เท่าไรก็ไม่หมดเพราะเงิน 5,000 ที่เขาส่งให้พ่อกับแม่ใช้หนี้นั้นเป็นแค่ส่งดอกเบี้ยเท่านั้น จนมาวันหนึ่งที่เขาคิดได้ว่าจะต้องมีกิน มีใช้ มีเงินออม ลงทุนก่อนจะใช้หนี้ เขาเลยตัดสินใจที่จะไม่ส่งเงินให้พ่อกับแม่เพื่อใช้หนี้แต่ถ้าไม่ส่งเงินที่ดินนั้นก็จะถูกยึดใช่ครับตอนแรกพ่อแม่เขาไม่ยอมเพราะมันเป็นที่ทำกินของพ่อแม่แต่พี่ยามเขาเชื่อว่าจะต้องมีเงินออมถ้าเขาส่งดิกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาทไปเรื่อยๆเขาไม่มีทางเก็บเงินได้เขาจึงปล่อยขายที่ดินนั้นแทนและเอาเงินก้อนที่ได้จากการขายที่ดินนั้นไปใช้หนี้และใช้เงินที่เหลือจากการขายที่ไปซื้อที่ใหม่ซึ่งอาจจะไม่ได้ที่ที่ใหญ่เท่าเดิมแต่ครอบครัวเขาก็ไม่มีหนี้ทำให้เงินที่เมื่อก่อนเขาต้องส่งให้พ่อแม่เดือนละ 5,000 บาททุกเดือนกลายมาเป็นเงินเก็บอย่างเดียวทำให้ตอนนี้เขามีเงินเก็บถึง ล้านบาท แล้วเพราะฉะนั้นประสบการณ์นี้ก็สอนเราเป็นอย่างดีว่าบางสิ่งที่เราเห็นว่ามันจำเป็นแต่ถ้าเราปล่อยวางเราอาจจะมีทางที่ดีกว่ารออยู่ก็ได้
สร้างสติ...อย่าเครียด
คำแนะนำต่อมาในหนังสือ ที่ คุณ ธวัชชัย พืชผล หรือ อาแปะ แนะนำเอาไว้ คือ ตั้งสติก่อน เพื่อนๆรู้กันไหมครับว่าสิ่งที่ทำให้คนเป็นหนี้มีแต่แย่กับแย่ลงเรื่อยๆจนไม่สามารถจะแก้ปัญหาหนี้สิ้นที่ตัวเองมีได้นั้นคือความเครียด ดั้งนั้นเพื่อนๆพอมีหนี้ ต้องสร้างสติขึ้นมา และห้ามเครียด เพื่อนๆต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดคือการหาเงินมากินมาใช้ภายในครอบครัว และเมื่อเพื่อนๆมีสติและไม่เครียดแล้วเพื่อนๆจะหาทางออกเจอและมีวิธีเก็บเงินไปใช้หนี้ได้ โดยให้เพื่อนใช้แนวคิดนี้ คือ มีหนี้ก็ต้องใช้ แต่จะใช้เมื่อไรนั้นค่อยว่ากันรอให้มีก่อน แม้ว่าจะต้องเป็นหนี้ไปหลายปี ต้องเสียดอกเบี้ยมากขนาดไหนก็ต้องยอม แต่ไม่ใช่เพิกเฉยต่อหนี้ไปเลยนะครับต้องมีการเจรจากับเจ้าหนี้อยู่เป็นระยะๆแต่ไม่ใช่มีเงินเท่าไรก็ใช้หนี้เท่านั้นแต่ใช้หนี้เฉพาะที่เพื่อนๆไหว ถ้าหากเจรจาแล้วเจ้าหนี้เรียกเกินกว่ากำลังที่เราจะจ่ายไหวก็บอกไปตรงๆไม่ต้องอายว่าผมไม่มีปัญญา เชื่อเถอะ เดี๋ยวเจ้าหนี้ก็ยอม ดังสุภาษิตไทยที่ว่า กำขี้ดีกว่ากำตด อย่าลืมว่าเพื่อนๆจะต้องมีสติเอาไว้นะครับ
วางแผนเก็บออม และวางแผนจ่ายหนี้ด้วย
ในหนังสือได้มีตัวอย่างที่ คุณ ธวัชชัย ยกตัวอย่างมาให้เข้าใจง่ายๆอยู่คือวิธีการวางแผนจัดสรรเงิน ตัวอย่างมีอยู่ว่า สมมุติเพื่อนๆได้เงินเดือนอยู่ที่ 100 บาท ให้เพื่อนทำการแบ่งไว้กินไว้ใช้ภายในครอบครัว 40 บาท เมื่อครอบครัวเพื่อนๆมีกินมีใช้แล้วอีก 10 ให้เพื่อนๆแบ่งไว้ใช้หาความสุขให้กับตัวเอง เหลืออีก 50 เงินจำนวนที่เหลือให้เพื่อนแบ่งเป็น สองส่วน คือ แบ่งไว้ใช้หนี้และแบ่งไว้เก็บออม โดย ให้เพื่อนๆแบ่ง 30 ไว้ใช้หนี้ และ แบ่ง 20 เอาไว้เก็บออม ถึงวิธีการวางแผนในตัวอย่างนี้จะไม่ทำให้หนี้ของเพื่อนๆหมดเร็วแต่รับรองได้ว่าเพื่อนจะเป็นคนที่มีหนี้ที่มีความสุขและไม่เครียด ให้เพื่อนๆเอาตัวเลขในตัวอย่างนี้เป็นเปอร์เซ็น แล้วเอาไปใช้กับรายได้ต่อเดือนของเพื่อนจริงๆ ลองดูนะครับ
เลียนแบบทัศนะ และการปฏิบัติของคนรวย
ในบทแรกๆของหนังสือ เมื่อเป็นหนี้สิ่งเร่งด่วนที่สุดไม่ใช่การใช้หนี้พูดเรื่องการมีความคิดแบบคนรวย โดย อาแปะ หรือ คุณ ธวัชชัย ได้เปรียบเทียบคนออกเป็น สามกลุ่ม คือ คนจน คนชั้นกลาง คนรวย อาแปะบอกไว้ว่า เมื่อคนเหล่านี้เจอสถานการณ์เหมือนๆกัน พวกเขาจะมีความคิดทัศนะและการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาแปะได้สรุปเอาไว้ถึงคนรวย ดังนี้ คือ คนรวยจะกล้าพูดคำว่า ไม่ คนรวยจะกล้าที่เปลี่ยนแปลง คนรวยจะขอร้องแทนที่จะบังคับ คนรวยรู้จังหวะในชีวิตตัวเอง และสิ่งเหล่านี้ที่คนรวยทำมันทำให้คนรวยมีชีวิตที่เป็นอิสระและได้ทุกสิ่งที่ต้องการเสมอ แต่ถ้าเพื่อนๆอยากรู้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้คงต้องไปหาหนังสือมาอ่านกันแล้วล่ะครับ
หาวิธีเพิ่มรายได้
ในหัวข้อนี้จะพูดถึง เรื่องเกี่ยวกับ คุณตอฮา ที่ คุณธวัชชัยนำมาเล่าเอาไว้ในหนังสือ ว่าเขามีวิธีหารายได้เพิ่มได้อย่างไร โดยผมจะนำเรื่องของ คุณตอฮา มาเล่าคร่าวให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า คุณตอฮาเป็นเจ้าของร้านขายของจัดตกแต่งสวน คุณต่อฮาเป็นร้านขายของจัดตกแต่งสวนรายใหญ่ย่านหนึ่งเลยก็ว่าได้ไม่ว่าใครในย่านนั้นก็ต้องรู้จักเขา จนอยู่มาวันหนึ่งคุณตอฮาเขาพบเห็นปัญหาของลูกค้าเขาว่าลูกค้าของเขาที่เป็นคนชอบสวนนั้นไม่มีเวลาที่จะดูแลสวนของตัวเองโดยลูกค้าเขามักจะหาบริการจ้างคนมาตัดหญ้าอยู่เสมอ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้คุณต่อฮา นั้นคิดไอเดีย ออกมาได้ว่าถ้าเขามีทีมงานที่รับตัดหญ้าตามบ้านนั้นจะเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เขามีอยู่นั้นคือธุรกิจขายจัดแต่งสวน เพราะในธุรกิจขายของจัดแต่งสวนเขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และไม่น่าเชื่อคุณตอฮา สร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาเป็นแสนจากการต่อยอดธุรกิจของเขา แต่รายละเอียดว่าคุณต่อฮา ทำอย่างไรถึงต่อยอดธุรกิจแล้วได้รายได้เพิ่มเป็นหลักแสน ต้องขอให้เพื่อนๆไปหาซื้อหนังสือมาอ่านกันเอาเองแล้วล่ะครับ
แค่เป็นหนี้ไม่ตายหรอกต้องทำตามวิธีเหล่านี้
เห็นกันไหมล่ะครับ ว่าการเป็นหนี้สิ่งแรกไม่ใช่การใช้หนี้ เหตุผลที่เป็นหนี้แล้วสิ่งแรกกลับไม่ใช่การใช่หนี้นั้นก็เพราะ หนี้ไม่มีทางทำให้คุณตายได้หรอกนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นหนี้กันแล้วก็อย่ากระวนกระวายจนเกินเหตุ ทำตามวิธีเหล่านี้ที่ผมนำมาจากหนังสือ เมื่อเป็นหนี้สิ่งเร่งด่วนที่สุดไม่ใช่การใช้หนี้ ดูนะครับ แต่ถ้าสนใจและอยากที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ก็ให้ลองไปหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูนะครับ ผมเชื่อว่ามันจะช่วยเพื่อนๆที่เป็นหนี้ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
มะลิ
เป็นหนี้เป็นสินใครๆก็ต้องเครียดนั่นแหละค่ะ แต่ยิ่งเครียดก็ใช่ว่าหนี้ที่เรามีมันจะหายไปเลย เราจะต้องมีสติอันนี้จริงนะ เพราะว่าหนี้สินที่มีถ้าเขาให้ผ่อนมันมีวันหมดก็เลยต้องเริ่มจากการวางแผน ถ้ามัวแต่เครียดกังวลและไม่วางแผนลงมือทำยังไงก็ไม่มีวันหมด แต่ทางที่ดีอย่ามีหนี้ตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า อย่างว่าไม่ว่าคนเราจะมีหนี้หรือไม่มีหนี้การทำบัญชีรายรับรายจ่ายและควบคุมเงินในกระเป๋าของเราเนี่ยเป็นสิ่งจำเป็น
เตงหนึ่ง
จริงครับ แค่เป็นหนี้ไม่ตายหรอก แต่ถ้าไม่ทำอะไร นั่งเครียดอยู่เฉยๆได้ตายจริงๆแน่ อย่างแรกเลยที่เราต้องทำคือมีสติลองคิดดูว่าต้องใช้หนี้ก้อนไหนก่อนเรามีเงินหรือว่ารายได้ที่เข้าในแต่ละเดือนเท่าไหร่มานั่งบริหารดีๆอดทนอาจจะต้องรัดเข็มขัดกันสักหน่อยแต่นี่ถ้าผ่อนไปเรื่อยๆยังไงก็มีวันหมดครับวางแผนดีๆสามารถเก็บออมได้เหมือนกันอาจจะทำงานอาชีพเพิ่มก็ได้ค่อยๆทำไปครับ
จิมมี่
ก็การวางแผนเป็นเรื่องสำคัญนะ คือคิดดูสิ ถ้าไม่ว่างแผน แล้วก็บริหารเรื่องเงินไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องเงินเนี่ยยิ่งจำเป็นต้องวางแผนอย่างถ้าคนเป็นหนี้การทำบัญชีรายรับรายจ่ายดูว่ารายได้ในแต่ละเดือนเท่าไหร่ มีหนี้อันไหนที่จำเป็นต้องใช้ก่อนมีหนี้อันไหน ที่สามารถ จ่ายได้ที่หลังก็ต้องวางแผนกันไป ถ้าไม่วางแผนเราจะมองไม่เห็นทางออกของปัญหาที่มีอยู่ได้เลยนะ
พีม
ถ้าทำได้ส่วนตัวคิดว่าจำเป็นต้องหารายได้เสริมด้วย ถ้าอยากจะใช้หนี้ให้เสร็จแล้วก็มีเงินใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ และชีวิตก็ ไม่เหนื่อยมากเกินไป การหางานเพิ่มหรือว่ารายได้เสริมก็เป็นเรื่องสำคัญ การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่เพียงแต่เราต้องรู้จักการชำระหนี้ให้เป็นประจำสม่ำเสมอแล้วก็รู้จักใช้เงินหรือว่าบริหารเงินที่เรามีให้ดีที่สุด
พักลม
@มะลิ เห็นด้วยเลยค่ะว่าต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองก่อนควบคุมเงินในกระเป๋าตังค์เราหลังจากนั้นก็ควบคุมสติทุกคนก็เป็นหนี้เหมือนกันทั้งนั้นแหละแต่ว่าใครจะสามารถผ่อนคลายแล้วก็หลับได้โดยไม่มีความเครียดอยู่ในหัวอันนั้นแหละเราคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะทุกคนก็ต่างต้องถูกแรงกดดันจาก ภาระหนี้สินของตัวเองอยู่แล้ว บทความนี้ก็ดีนะที่ช่วยให้ มีความคิดดีๆในเรื่องการชำระหนี้เนาะ
จันทร์ฉาย
อ่านแล้ว ก็บอกได้คำเดียวเลยคะ ว่าปลอบใจได้ดี แต่เอาจริงๆแล้วมีใครบ้างที่เป็นหนี้แล้วไม่เครียด อย่างช่วงนี้ด้วยคงเครียดกันเยอะมาก ไม่อย่างนั้น เขาไม่ฆ่าตัวตายเพราะเครียดเรื่องหนี้สินกันหลอก แต่ถ้าจะบอกว่านั้นเป็นแค่คนกลุ่มน้อย แต่เชื่อไหม ว่าไม่เป็นแบบนั้นหลอก ลองไล่ถามคนที่เรารู้จักเลลยดีกว่า มีหนี้แล้วมานั้งยิ้ม สบายๆ ก็ไม่ใช่
ส้มโอ
เครียดหน่ะมันต้องเครียดกันทุกคนอยู่แล้ว แต่เครียดไปก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ เอาเวลาไปคิดหาหนทางเพิ่มรายได้ให้ตัวเองดีกว่านะ ยิ่งคนที่มีหนี้ เราอยากจะเเนะนำเลยนะว่า ถ้าคุณยังไม่หยุดที่จะใช้มัน ยังสร้างหนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะยิ่งทำให้เป็นหนี้ไม่มีวันจบสิ้น ถึงคุณจะวางแผนไปยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ายังหยุดใช้ไม่ได้