หลายๆคนในทุกวันนี้ก็หาทางเลือกที่จะช่วยลดความเสี่ยงกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอด้วยการซื้อประกันสุขภาพกัน ซึ่งหากจะบอกว่าประกันสุขภาพที่เหมาะสมที่สุดควรจะต้องเป็นแบบไหน หรือแผนไหนกันนั้น? ตรงนี้ก็ขอให้เข้าใจตรงกันไว้เลยค่ะว่า การที่จะบอกว่าประสุขภาพแบบไหนเหมาะสมกับตัวเองที่สุดนั้น มันขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆที่มี และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไปค่ะ ทั้งนี้ประกันสุขภาพที่ดีและเหมาะสมก็ควรจะมีความครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ตั้งแต่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆไปจนถึงขั้นที่เข้าข่ายทุพพลภาพ หรือไม่สามารถกลับใช้ชีวิตตามปกติกันได้เลยทีเดียว นี่ถึงจะเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ซื้อและนับว่าดีที่สุดค่ะ แต่จะว่าไปแล้วการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่สามารถครอบคลุมทั้งหมดได้นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องๆง่ายเลยหากเราเองไม่มีความรู้อะไรติดเอาไว้บ้าง ในวันนี้จึงขอนำทุกท่านมาเรียนรู้กับข้อแนะนำดีๆในการเลือกซื้อประกันสุขภาพกันค่ะ กับ “ประกันสุขภาพกับข้อแนะนำที่ควรรู้.. ที่ก่อนซื้อจำเป็นต้องใส่ใจ” จะมีเรื่องอะไรที่ต้องรู้กันบ้างนั้น ก็ขอไปติดตามต่อกันได้เลย
เบี้ยประกัน
อันดับแรกเลยเห็นทีจะต้องยกให้เป็นเรื่องของ “เบี้ยประกัน” ค่ะ เบี้ยประกัน คือ เงินที่เราจ่ายไปให้กับบริษัทประกันฯเพื่อแลกกับความคุ้มครองค่ะ โดยทั่วไปแล้วนั้นอัตราเบี้ยประกันจะแตกต่างกันไปตามอายุ เพศ อาชีพ และประวัติสุขภาพที่ผ่านมาค่ะ อีกทั้งมักจะถูกปรับเพิ่ม-ลดไปตามแต่ละช่วงอายุ ซึ่งปกติแล้วเบี้ยประกันในช่วงอายุของเด็ก และผู้สูงวัยมักจะมีอัตราเบี้ยประกันที่สูงกว่าในช่วงวัยอื่นๆ เนื่องจากมีอัตราความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่นๆนั่นเองค่ะ ในส่วนของลักษณะเบี้ยประกันสุขภาพนั้นก็จะเป็นการซื้อความคุ้มครองแบบปีต่อปี จึงทำให้ไม่มีมูลค่าใดๆเกิดขึ้นในกรมธรรม์ หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นเบี้ยที่จ่ายทิ้งปีต่อปี เหมือนกับการซื้อประกันรถยนต์นั่นเองค่ะ ซึ่งแม้จะไม่มีการเคลมสินไหมก็จะไม่ได้รับเงินคืนใดๆกลับมาค่ะ ยกเว้นในแผนประกันสุขภาพบางแผนที่อาจมีการระบุไว้ในกรมธรรม์ถึงการคืนค่าเบี้ยในกรณีต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากตัวแทน หรือบริษัทประกันค่ะ
หลายๆท่านอาจคงคิดสงสัยถึงค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมของตนเองว่าควรจะอยู่เท่าไหร่? ตรงนี้ก็อยากจะขอแนะนำว่าไม่ควรจะเกิน 10 - 15% ของรายได้รวมของเราต่อปีค่ะ เช่น หากเรามีเงินเดือนที่ 15,000 บาท หรือ 180,000 ต่อปี การซื้อประกันสุขภาพก็ควรจะมีค่าเบี้ยอยู่ในช่วง 18,000 – 27,000 ต่อปีก็จะถือว่าเหมาะสมค่ะ ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่าเบี้ยประกันสุขภาพจะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุของเราด้วย ดังนั้นเบี้ยประกันเหมาะสมจึงไม่ควรจะมีผล หรือต้องทำให้กระแสเงินสดที่มีในปัจจุบันของเราเกิดสภาพฝืดเคืองค่ะ เพราะหากเบี้ยประกันที่เราจ่ายต่อปีมีราคาสูงไป พอไม่นานเราอาจรู้สึกว่าเป็นภาระการเงิน ซึ่งก็จะพาให้เลิกต่ออายุกรมธรรม์ และทำให้เราไม่ได้รับความคุ้มครองที่ต่อเนื่องได้ค่ะ
วงเงินคุ้มครอง
เนื่องจากเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากจริงๆว่าจะเกิดขึ้นแบบไหน? หรือเมื่อไหร่? อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในปัจจุบันก็าแนวโน้มที่สูงต่อเนื่องขึ้นทุกวัน การจะซื้อประกันสุขภาพให้กับตัวเองทั้งทีจึงต้องให้ความสำคัญและคำนึงถึงเรื่องวงเงินคุ้มครองเป็นอย่างยิ่งค่ะ ควรเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ให้วงเงินคุ้มครองที่ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด เพื่อที่ในคราวที่ต้องเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ไม่ต้องคอยมาพะวงหน้าพะวงหลังกับเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้น จนอาจพาให้ต้องสะดุดเรื่องเงิน ต้องไปหยิบยืม หรือเดือดร้อนเงินในส่วนอื่นๆของเราในภายหลังได้ค่ะ และเพื่อที่เราจะซื้อประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับเราได้นั้น เราก็ควรจะสำรวจไปถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เรามีในปัจจุบันด้วยว่าอยู่ที่ระดับไหน? สามารถครอบคุลมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ประมาณเท่าไหร่? เพื่อที่จะใช้ในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อวงเงินคุ้มครองเพิ่มเติมได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดค่ะ ไม่ซื้อน้อยไปจนต้องควักเงินจ่ายส่วนเกินเองในภายหลัง หรือไม่มากไปจนกลายเป็นภาระหนักในการจ่ายค่าเบี้ยแต่ละปีได้ค่ะ
ความเสี่ยง
อีกเรื่องที่จำเป็นต่อการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพนั่นก็คือเรื่องของความเสี่ยงค่ะ ความเสี่ยงในที่นี้ก็คือความเสี่ยงของตัวเราเองที่เราเองควรประเมินก่อนการตัดสินใจว่าจะซื้อประกันสุขภาพแบบไหนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นประวัติสุขภาพที่ผ่านมาของเรา โรคประจำตัว หรือแม้แต่มรดกที่ไม่มีใครอยากจะได้อย่างโรคทางกรรมพันธุ์ค่ะ สืบเนื่องจากว่าประกันสุขภาพแต่ละแบบและของแต่ละบริษัทก็จะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป เราจึงจำเป็นต้องประเมินถึงความเสี่ยงที่มีของตัวเองให้ดีก่อนที่จะเลือกซื้อประกันสุขภาพในแบบใด เพื่อที่เราจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับความเสี่ยงนั้นๆที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ค่ะ มิเช่นนั้นหากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเราอาจไม่รับความคุ้มครองหรือค่าชดเชยใดๆจากประกันสุขภาพที่เราซื้อไว้ก็เป็นได้ เนื่องจากในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุไว้ว่าจะให้ความคุ้มครองกับโรคนั้นๆนั่นเองค่ะ
การคุ้มครอง
เนื่องจากการเจ็บป่วยในแต่ละครั้งที่อาจเกิดขึ้นนั้นมีได้ตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ที่เพียงไปโรงพยาบาลแล้วรับยากลับมาทานไม่กี่วันก็จะหาย (OPD) ไปจนถึงการเจ็บป่วยจนถึงขั้นที่อาจต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (IPD) ค่ะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเจ็บป่วยในขั้นใดๆนั้น หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองกันทั้งนั้นจริงไหมคะ? แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นเราทุกคนไม่สามารถหลบหลีกความเจ็บป่วยกันไปได้ หรือแม้แต่จะเจ็บป่วยขั้นไหนก็ยังไม่สามารถเลือกได้เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นประกันสุขภาพที่เราจะซื้อให้กับตัวเองจึงควรจะต้องมีการคุ้มครองที่ให้ความครอบคลุมกันตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กๆน้อยอย่าง (OPD) ไปจนถึงการเจ็บป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (IPD) ถึงจะเป็นประกันสุขภาพที่สร้างความอุ่นใจ และเป็นประกันสุขภาพที่สมบูรณ์แบบที่สามารถช่วยเราในทุกๆสถานการณ์ได้อย่างแท้จริงค่ะ
โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้
สำหรับคำแนะนำที่ควรรู้ในข้อสุดท้ายก่อนการตัดสินใจจะซื้อประกันสุขภาพที่เราจะหยิบขึ้นมาบอกกันนี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับข้ออื่นๆเลยนั่นก็คือ โรงพยาบาลที่สามารถรักษาได้นั่นเองค่ะ เพราะการเจ็บป่วยอาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ ทุกที่ และทุกเวลา ดังนั้นประกันสุขภาพที่เราจะตัดสินใจซื้อจึงควรมีโรงพยาบาลในเครือที่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด เพื่อที่จะสร้างความอุ่นใจและมั่นใจให้กับเราได้จริงๆว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน? เมื่อไหร่? เราก็จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุด โดยที่ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ไม่ต้องเดือดร้อนหาเงินจากตรงไหนไปสำรองจ่าย แล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกในภายหลังให้วุ่นวายค่ะ
ประกันสุขภาพทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับชีวิต
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “ประกันสุขภาพกับข้อแนะนำที่ควรรู้” เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ คงช่วยให้ทุกท่านได้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะสมและคุ้มค่าให้กับตัวเองได้ดีกันมากขึ้น อย่างไรเสียหากในวันนี้ท่านใดยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดีกันอยู่ หรือคิดว่าตัวเองมีสวัสดิการกันอยู่แล้ว ก็ขออย่าเพิ่งมองข้าม หรือมองว่าการซื้อประกันสุขภาพให้กับตัวเองเป็นเรื่องไกลตัวกันไป เพราะเรื่องของการโรคภัยไข้เจ็บมันไม่เข้าใครออกใคร ถึงจะแข็งแรงดีแค่ไหน ก็คงต้องมีบางสักคราที่ถึงคราวต้องเจ็บต้องป่วยกันบ้างล่ะ จะป่วยเล็กป่วยใหญ่ก็ว่ากันไปอีกที แต่จะดีกว่าไหมถ้าให้ประกันสุขภาพมาเป็นตัวช่วยแบกรับความเสี่ยงตรงนี้แทนเรา? เพราะไม่ว่าจะป่วยไหนๆ เราก็สามารถอุ่นใจได้เสมอ ไม่ต้องคอยหวาดผวาไปกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่จะเข้ามาซ้ำเติมในวันที่เราเจ็บป่วยอ่อนแอต้องล้มหมอนนอนเสื่อค่ะ
แดดิไลออน
ตอนนี้บทความนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองต้องกลับไปคิดถึงเรื่องเบียประกันดีดีก่อนซื้อประกันก็อย่างที่บอกแหละว่าต้องคำนวณดีดีจริงๆไม่งั้นก็ถ้าจ่ายเบี้ยประกันไม่ครบตามที่บริษัทเรียกร้องเราก็ไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่เค้าบอกไว้แล้วก็โลกในการคุ้มครองก็มีจำกัดซื้อประกันอย่างเดียวก็ขอบคุณบทความนี้. พี่อธิบายภาพรวมของการทำประกันได้อย่างละเอียดขอบคุณมากๆนะขอให้ทำบทความแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเนี่ย
ธนาnat
ประกันสุขภาพ หลายคนอยากมีครับเพราะช่วยได้มากเมื่อต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย ยิ่งแบบที่เรียกว่า "เหมาจ่าย" คือ คุ้มครองค่าใช้จ่ายหลายๆรายการยิ่งอยากมีสักฉบับ แต่ค่าเบี้ยประกันแต่ละปีนี่สิ มันแพงใช่เล่น แม้ว่าอยากจะได้ประกันสุขภาพมากแค่ไหน การพิจารณารายละเอียดหลายๆอย่างตามที่บทความนี้บอกมาก็สำคัญ อย่ารีบร้อนครับ
อลงกรณ์
ประกันสุขภาพเป็นตัวที่เราต้องเปรียบเทียบให้ดีๆครับ เพราะว่าบางตัวจ่ายค่าเบี้ยเท่ากันนะครับ แต่การคุ้มครอง อาจจะต่างกันครับ อย่างเช่น ที่เราต้องดูคือ เรื่องของค่าห้องพยาบาลครับ เพราะว่าบางเจ้าอาจได้ไม่มากครับ แล้วถ้าสมมุติว่าไปเจอการคุ้มครองที่ค่าห้องไม่พอนี่เราต้องควักจ่ายเพิ่มเลยนะครับ ต้องเลือกให้ดีๆนะครับ
SuSu
ก่อนตัดสินใจว่าจะทำประกันสุขภาพของบริษัทอะไร ทำประกันสุขภาพแผนไหน ดูก่อนนะคะว่าคุณสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไหนได้บ้าง อยู่ใกล้แถวบ้านคุณหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาที่ต้องไปหาหมอ ขับรถกันไกลกว่าจะไปถึงโรงพยาบาลที่ร่วมกับบริษัทประกัน อย่างนั้นมัยจะยุ่งนะคะ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ บางคนก็ลืม ไม่ได้นึกถึงนะ