หนึ่งสิ่งที่ทำให้นักลงทุนทั้งหลายมักจะลงทุนผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จ ก็มักจะเกิดจากการเริ่มต้นเล่นหุ้นโดยไม่รู้จักตัวเองว่าเป็น “นักเทรดหุ้น สายไหน” บางคนเป็นคนใจเย็น รับความเสี่ยงได้สูงแต่กลับซื้อมาขายไปในระยะสั้น บางคนชอบซื้อขายรายวัน รับความเสี่ยงได้น้อย ก็ชอบถือหุ้นคอยจนถึงราคาที่ตั้งใจไว้ เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่ขัดกับสไตล์ตัวเอง ในระยะสั้นอาจได้ผลตอบแทนบ้าง แต่ในระยะยาวก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ในแบบที่คุณต้องการ

ดังนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนหุ้น นักลงทุนทั้งหลายควรทำความเข้าใจนิสัยตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร รูปแบบการเทรดแบบไหนที่ใช่เรา ถ้าเรามีความเข้าใจสไตล์การลงทุนก็จะช่วยให้เราลงทุนได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมและเลือกซื้อหุ้น รวมถึงเลือกกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น

5 สายนักเทรดหุ้นแบบไหน...ที่ใช่คุณ

https://img.moneyduck.com/article_attachment/1653484464-online-business-financial-funds-pen-technology.jpg

รู้จัก 5 สายหลักของนักลงทุนในหุ้น มาดูซิว่าเราชอบลงทุนแนวไหน

นักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)

สายนี้จะมีสไตล์การลงทุนที่ไม่ผาดโผน เน้นการดูพื้นฐานหุ้นที่สนใจเป็นหลัก ถ้าเช็คแล้วหุ้นไหนสุขภาพแข็งแรงสายนี้ก็พร้อมลุย หลักการในการลงทุน คือ ประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นก่อนเข้าซื้อหุ้น และจะเข้าซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อราคาลงไปถึงจุดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued) แต่จะอดทนรอเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 30%

ยกตัวอย่าง Warren Buffet ก็เป็นหนึ่งในนักลงทุนสายนี้ โดยเขาเป็นนักลงทุนหุ้นอันดับต้น ๆ ของโลก เลือกวิธีเข้าเป็นหุ้นส่วนของกิจการ และจะถือหุ้นนานตราบเท่าที่พื้นฐานของกิจการยังดี และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนสายเทคนิค หรือสายกราฟ (Technical)

สายนี้จะมีความแพรวพราวในการอ่านกราฟและเชื่อในดัชนีทั้งหลาย โดยไม่สนใจดูปัจจัยพื้นฐาน เชื่อว่าข้อมูลทุกอย่างได้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้นแล้ว โดยจะเลือกหุ้นที่ราคากำลังจะขึ้น หรือเพิ่งขึ้น และไม่ซื้อหุ้นที่เป็นขาลงเด็ดขาดถ้ามีสัญญาณเมื่อไรก็พร้อมซื้อ - ขายในทันทีนักลงทุนในกลุ่มนี้จะมีความเชื่อว่าหุ้นที่จะวิเคราะห์ทางเทคนิค ต้องมีแนวโน้ม (Trend) และปริมาณซื้อ - ขาย (Volume) ร่วมกับการดูดัชนี้ชี้วัดอื่น ๆ โดยหุ้นนั้นจะต้องมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น และมีปริมาณการซื้อขายที่มากผิดปกติ แสดงว่าหุ้นตัวนั้นกำลังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนทั้งหลาย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีอ่านกราฟ

นักลงทุนสายผสมผสาน (Hybrid)

สายนี้จะผสมเอาสายพื้นฐานและสายเทคนิคมารวมกัน โดยใช้ทั้งปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยเทคนิค และปัจจัยสนับสนุนมาประกอบการตัดสินใจลงทุน ถ้าพื้นฐานหุ้นดีแล้วก็จะมาดูปัจจัยทางเทคนิคอีกทีว่าโอเคไหม ถ้าสองข้อนี้ผ่านสายนี้ก็พร้อมเทรด ตัวอย่าง ของการลงทุนแบบผสมผสาน เช่น หลักการเลือกหุ้นโดย William O’Neil นักลงทุนแนวหน้าของโลก โดยได้คิดค้นหลักการ CAN SLIM มาเป็นตัวช่วยในการคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีแบบผสมผสาน มาเลือกหุ้นน่าลงทุน

การเลือกหุ้นให้ได้ผลดีนั้นต้องวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคมารวมกัน (Fundamental & Technical Analysis) คือ นอกจากต้องเป็นบริษัทที่ดี จังหวะซื้อขายต้องเหมาะสมด้วย

นักลงทุนสายออมแบบ DCA (Passive)

สายนี้จะเน้นการลงทุนแบบสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายเป็นจำนวนเงินที่ลงทุนมากกว่า โดยเฉลี่ยความเสี่ยงกันไปในแต่ละรอบการลงทุนนั่นเอง ซึ่งการ DCA คือรูปแบบหนึ่งของการลงทุน ซึ่งจะลงทุนอย่างสม่ำเสมอในสินทรัพย์ที่เราเลือกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนเป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันในทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าสินทรัพย์ลงทุนที่เลือกไว้จะราคาขึ้น - ลง ณ เวลานั้น ด้วยการทำแบบนี้ จะทำให้ราคาของสินทรัพย์ที่ได้ในภาพรวมนั้นก็จะเฉลี่ย ๆ กันไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมที่ใช้สร้างวินัยการลงทุนกัน เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาจับจังหวะการลงทุน แต่อยากลงทุนระยะยาว และมีวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DCA

นักลงทุนสายตามกระแส (Trend)

สายนี้จะเน้นตามกระแสที่คนส่วนใหญ่ลงทุน หุ้นตัวไหนมาสายนี้ก็จะซื้อ เพราะเชื่อในแนวโน้มที่ดีจากการลงทุนของคนหมู่มาก จะเล่นหุ้นตามข่าว ตามคำแนะนำนักเทรดหุ้น โดยไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม แต่เชื่อในแนวคิดคนส่วนใหญ่ พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีแนวทางการลงทุนเป็นของตนเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีในการเป็นนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ หากคุณเป็นนักลงทุนในแนวนี้อยู่ บอกเลยว่ายากที่จะคว้าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน ขอแนะนำให้หาแนวทางการลงทุนของตัวเองจะดีที่สุด

รวม ๆ แล้วก็คือ การจะก้าวสู่การเป็นนักเทรดหุ้นที่ประสบความสำเร็จ เราควรทำความรู้จักตัวเองให้ดีว่าชอบลงทุนสไตล์ไหน เพราะถ้าหากเราเข้าใจตัวเอง เราก็จะได้ไปศึกษาหาความรู้ในแบบที่เราถนัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องหลงทางอยู่กับการลงทุนที่ไม่ตอบโจทย์ ซึ่งนอกจากจะยากที่จะประสบความสำเร็จแล้ว ยังเสียเวลาและเสียเงินทุนของเราด้วย ถ้าหากใครคิดยังไงก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนักลงทุนสายไหน ลองเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก MoneyDuck ฟรี ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย