สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต ทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องการเงินของเพื่อนๆและแน่นอน ถ้าหากทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือแล้วนั้น สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดนั้นย่อมบ่งชี้ว่าแต่ละเครื่องมือนั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เพื่อนๆหลายๆคนเลือกที่จะขอสินเชื่อส่วนบุคลแต่ก็มีเพื่อนๆอีกหลายๆคนเหมือนกันที่ใช้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลจะมาในรูปแบบของเงินสดที่โอนเข้าบัญชีโดยตรงหลังจากทำการขอสินเชื่ออนุมัติ บัตรเครดิตจะมาในรูปแบบของบัตรที่ธนาคารออกมาให้ลูกค้าที่มีรายรับเข้าเกณฑ์โดยวงเงินที่ให้มากับบัตรจะอยู่ที่ประมาณ3เท่าจากยอดเงินเดือน ซึ่งนำมารูดซื้อของ เดินทางท่องเที่ยว ซื้อของออนไลน์ ซื้อสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บเงินนานถึงจะซื้อได้ บัตรเครดิตสามารจ่ายชำระได้โดยที่ผู้ถือบัตรยังไม่ต้องชำระเงินในทันที แต่สามารถไปชำระได้ในเดือนหน้าหรือจะทำการผ่อนชำระก็ได้ ส่วนข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือใช้ไปเงินหมุนเวียนในธุรกิจกิจการของเพื่อนๆได้ หรือจะใช้ยามฉุกเฉิน ต่อเติมบ้าน เที่ยวพักผ่อน หรือซ่อมรถ จ่ายค่าเทอมของลูก ปัจจุบันการขอสินเชื่อก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกต่อไป แต่เพื่อนๆเองจะต้องมีเงินหมุนเวียนเข้าออกในบัญชีธนาคารทุกเดือน ก็สามารถทำเรื่องของสินเชื่อได้

สินเชื่อส่วนบุคคล คือ

personal loan

personal loan

การกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน เมื่อคุณต้องการเงินก้อนใหญ่ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือจะต่อยอดธุรกิจกิจการ ใช้จ่ายหมุนเวียน ซ่อมรถ ซ่อมบ้าน จ่ายค่าเทอม ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ตามแต่ เพื่อนๆก็จะสามารถขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้ ซึ่งวงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยนั้นธนาคารจะเป็นคนกำหนดเอง โดยพิจราณาจากรายได้ต่อเดือน ณ ปัจจุบัน และประวัติการชำระหนี้ของเพื่อนๆที่มีอยู่ สินเชื่อของประเทศไทยจะเป็นสินเชื่อแบบไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน หมายความว่าเพื่อนๆไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือมีบุคคลค้ำประกันใดๆทั้งสินในการกู้เงิน โดยจะมีเงินก้อนโอนเข้าบัญชีเพื่อนๆทันทีหลังจากการอนุมัติผ่านของการขอสินเชื่อ เพื่อนๆจะต้องทั้งทยอยผ่อนชำระคืนเป็นงวด งวดละเท่าๆกันจนครบจำนวนมีระยะเวลาในการชำระที่ชัดเจน 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน แล้วแต่เพื่อนๆจะกำหนด

บัตรเครดิต คือ

credit card

credit card

บัตรที่ทำให้เพื่อนๆสามารถกู้เงินจากสถาบันทางการเงินมาใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า อาหาร เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ล่วงหน้า และเพื่อนๆยังสามารถใช้บัตรเครดิตชำระค่าบริการต่างๆ เช่น การจองเที่ยวบิน ค่าน้ำมัน และจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆซึ่งเพื่อนๆบางท่านก็ใช้จ่ายไปกับของแบรนด์เนมราคาแพงๆ ที่อาจจะต้องใช้เวลาในการเก็บเงินก้อนนั้น นานถึงจะสามารถซื้อได้ เหมือนเป็นการใช้เงินในอนาคตของเพื่อนๆได้เพราะเพื่อนๆนั้นจะยังไม่ต้องจ่ายเงินในทันที แต่เลื่อนไปชำระในเดือนถัดไป เป็นแบบผ่อนชำระ ซึ่งการผ่อนจ่ายที่หลังนี้เพื่อนๆจะต้องเสียดอกเบี้ยให้กับผู้ให้บริการด้วย

ความแตกต่างระหว่าง สินเชื่อส่วนบุคคล กับ บัตรเครดิต

ความแตกต่างระหว่าง สินเชื่อส่วนบุคคล กับ บัตรเครดิต

บัตรเครดิตจะมาในรูปแบบของสินเชื่อเงินสดในรูปแบบบัตรที่สามารถรูดใช้จ่ายก่อนได้ด้วยเครดิตที่สถาบันการเงินให้มาในวงเงินของบัตรเครดิตแล้วค่อยมาผ่อนชำระในภายหลังหรือผ่อนจ่ายรายเดือนได้ สินเชื่อส่วนบุคคล จะมาในรูปแบบของเงินก้อนเงินสดโอนเข้าบัญชีเพื่อนทันทีที่อนุมัติ โดยทางสถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยในเงินก้อนก้อนนั้นทันทีตั้งแต่วันแรกที่โอน แล้วจะมีการผ่อนชำระเป็นงวด งวดละเท่าๆกัน โดยระยะเวลาเพื่อนๆสามารถกำหนดได้ ตั้งแต่ 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน แล้วแต่เพื่อนๆ

สินเชื่อดีกว่าอย่างไร

สินเชื่อดีกว่าอย่างไร

เป็นคำถามที่เพื่อนๆหลายๆคนสงสัยว่า ทำไมหลายคนถึงขอสินเชื่อส่วนบุคคล แทนบัตรเครดิต คำตอบง่ายมาก คือสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นสินเชื่อที่กำหนดระยะเวลาชำระได้แน่นอนชัดเจน ด้วยอัตตราดอกเบี้ยที่คงที่แต่บัตรเครดิตนั้นต่างออกไป วันนี้จึงนำข้อมูล สินเชื่อส่วนบุคคลที่ดีกว่าบัตรเครดิตอย่างไรบ้างมาฝากเพื่อนๆกัน จะได้หายสงสัยกันพร้อมแล้วไปกันเลย

ดอกเบี้ยถูกกว่า

ข้อดีที่ใครก็ต้องชอบของสินเชื่อส่วนบุคคลคืออัตราดอกเบี้ยที่คงที่หรือการคิดดอกเบี้ยแบบตายตัว จะเพิ่มหรือลดลงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าทำสัญญากู้สินเชื่อไปแล้ว มีกำหนด 10 ปี คิดดอกเบี้ยในอัตตรา 7 % ต่อปี อยู่มาได้ 1 ปี สถาบันทางการเงินที่เป็นเจ้าหนี้เรา จะไปเปลี่ยนสัญญากู้สินเชื่อเป็นคิดอัตตราดอกเบี้ย 9 % ต่อปี แบบนี้ไม่ได้ เป็นดอกเบี้ยตายตัว

คิดอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนมาขอสินเชื่อแทนที่จะไปสมัครบัตรเครดิต คือสินเชื่อส่วนบุคคลมีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และมีการจ่ายค่างวด งวดละเท่าๆกัน ตัวอย่างเช่น ค่างวด งวดละ 3,000 บาท ผ่อน 24 เดือน เป็นต้น

ใช้จ่ายได้ตามเงื่อนไข

การขอสินเชื่อ จะช่วยให้ผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อสามารถนำเงินสดที่ได้รับ ไปใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ในการขอสินเชื่อ เช่น สินเชื่อซื้อบ้าน โดยที่ไม่ต้องใช้เงินสดแบบก้อนในการซื้อ แต่ผู้ขอสินเชื่อซื้อบ้านก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระค่างวดรายเดือนทุก ๆ เดือน เป็นระยะเวลาหลายปี นอกจากสินเชื่อประเภทบ้าน ก็ยังรวมถึงสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจของตนเองและสถาบันการเงินก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประกอบการที่ยื่นกู้เพราะเนื่องจากว่าเงินกู้นั้นสูงและมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่ออื่น ๆ แต่การขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะต้องมีการประกอบธุรกิจตามที่สถาบันการเงินกำหนด และมีกำไรต่อมีตามที่สถาบันการเงินกำหนดด้วย อีกทั้งต้องไม่มีประวัติที่การเงินที่ไม่ดี จึงจะสามารถทำการยื่นขอสินเชื่อได้