พูดถึงความฝันหลังจากเรียนจบเริ่มทำงานหาเงินเองได้แล้วต้องพูดถึงการมีบ้านเป็นของตัวเอง การสร้างครอบครัว แต่งงานออกบ้านออกเรือน ถ้าคิดจะแต่งงานคงจะอาศัยรวมกับพ่อแม่มันก็คงจะเป็นอะไรที่อึดอัด
อาจจะทำให้มีปัญหาในอนาคตกับศรีภรรยาเราได้แล้วไหนจะการมีลูกๆอีกบางคนว่าแผนที่จะมีลูกด้วยแล้วบางคนก็คิดจะมีมากว่า 1 คนอีกการจะเช่าอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดอยู่ก็คงจะคับแคบคงต้องวาดฝันวางแผนบ้านที่มีมากกว่าหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำมีห้องนั่งเล่นมีห้องครัวแล้วหนีไม่พ้นต้องเป็นบ้านที่มีบริเวณและมีห้องสำหรับลูกๆอาจจะเป็นบ้านในโครงการต่างๆที่มีส่วนกลางมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีบ้านที่สวยงามนั้นคือบ้านในฝันของหลายๆคนเพราะคนที่คิดจะสร้างครอบครัวคงจะต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว แต่ต้องบอกว่าบ้านนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาไม่ใช่ถูกๆเลยนะครับ
ถ้าคิดจะซื้อด้วยเงินสดคงจะต้องใช้เวลาในการเก็บเป็นปีหรืออาจจะเป็นสิบปีถ้าเพื่อนๆไม่ได้เป็นคนมีเงินถุงเงินถัง หรือที่บ้านไม่ได้มีฐานะคอยสนับสนุน ดังนั้น การจะซื้อบ้านเองได้ก็คงต้องหวังพึงการบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การใช้บริการสินเชื่อธนาคารเพื่อซื้อบ้านหรือสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะเป็นการกู้ระยะยาวเป็นหลายสิบปี โดยเราจะต้องทำการผ่อนชำระกับธนาคารทุกๆเดือนๆไปเรื่อยๆสมมุติเพื่อนๆกู้จากธนาคารมา 1,000,000 บาท เพื่อนจะต้องทำการผ่อนธนาคารประมาณ 6,000 บาทต่อเดือน จะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยที่ทางธนาคารคิดกับเรา ถ้าลองคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 6 % ต่อปี เป็นระยะเวลา 30 ปี มาลองคิดคำนวณตัวเลขกันคร่าวๆ เอา 6,000 บาท x ด้วย 12 เดือน จะได้เท่ากับ 72,000 บาท เท่ากับว่าเพื่อนๆจะต้องทำการผ่อนชำระ 72,000 บาทต่อปี แล้วถ้าเพื่อนๆเอา 72,000 x 30 ปี จะได้เท่ากับ 2,160,000 บาท แต่อย่าลืมเพื่อนกู้มาแค่ 1,000,000 บาท
แต่ต้องจ่ายผ่อนชำระคืนธนาคารเป็นเงิน 2,160,000 บาท ส่วนต่างตรงนี้เรียกว่าคือดอกเบี้ย ซึ่งหมายความได้ว่าเพื่อนๆจะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นที่เพื่อนๆทำการกู้มาซื้อบ้านก็ไม่ผิดนัก จะให้เพื่อนๆมาทำความเข้าใจกันก่อนตรงนี้ว่า เวลาที่เพื่อนๆทำการผ่อนชำระรายเดือนให้กับธนาคารเงินต้องนี้ จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกจะเป็นในส่วนของดอกเบี้ย ส่วนที่สองก็จะเป็น การชำระเงินต้น พูดให้เห็นภาพกันเลย งวดแรกที่เราผ่อนชำระคือ 6,000 บาท โดยที่ตอนนี้เราเป็นหนี้ธนาคารอยู่ที่ 1,000,000 บาท ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6 % ต่อปี จะมีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 1,000,000 เพื่อนๆก็จะต้องเอาภาระดอกเบี้ย 1,000,000 x 6 % / 12 เดือน จะได้เท่ากับ 5,000 บาท
แปลว่าเงินที่เพื่อนๆจ่ายให้ธนาคารไปจะเป็นการชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท แล้วชำระเงินต้น 1,000 บาทเท่านั้นเอง ส่วนเดือนที่ 2 เพื่อนก็จะต้องจ่ายเหมือนเดิมอีกคือ 6,000 บาท แต่ภาระดอกเบี้ยจะเหลือ 990,000 เพื่อนก็เอา 990,000 x 6 % / 12 เดือน ก็จะได้เท่ากับ 4,950 บาท แล้วจะไปชำระคืนเงินต้นที่ 1,050 บาท เพื่อนๆจะเห็นได้ว่าช่วงแรกของการผ่อนชำระเงินกู้บ้าน หรือสินเชื่อที่อยู่อาศัย นั้นมากกว่า 70 – 80 % ของเงินผ่อนจะเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งหมดทำให้ยอดหนี้รวมของเพื่อนๆที่อยู่กับธนาคารนั้นลดลงไปอย่างช้าๆ ทำให้ภาระดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้นไปด้วย แล้วถ้าเป็นแบบนี้เราจะผ่อนยังไงให้หมดภายใน 10 ปี วันนี้เลยจะมาพูดถึง การโปะ มันคืออะไรยังไง และการรีไฟแนนซ์ทำกันยังไง
การโปะเงินต้น
การโปะเงินต้น เป็นวิธีที่จะทำให้ภาระดอกเบี้ยของเพื่อนๆลดลงและทำให้เพื่อนๆสามารถที่จะปิดหนี้ได้เร็วมากขึ้น หรือเรียกอีกอย่างก็คือ การชำระคืนในแต่ละเดือนให้มากกว่าเงินงวดปกติ สมมุติขึ้นมาอีกกรณีหนึ่ง คือถ้าเพื่อนๆผ่อนบ้านอยู่เดือนล่ะ 5,000 บาทต่อเดือน ก็ให้เพื่อนจ่ายเงินชำระให้มากกว่าหรือเรียกอีกอย่างคือโปะเงินเพิ่มเข้าไปให้มากกว่า 5,000 บาทต่อเดือนเงินในส่วนที่เหลือที่จ่ายมากกว่า 5,000ก็จะไปทำการหักที่เงินต้นล้วน 100 % ยอดหนี้ของเพื่อนๆก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วจะทำให้เพื่อนๆโดนคิดดอกเบี้ยน้อยลง คิดง่ายๆคือถ้าเพื่อนจ่ายเป็น 2 เท่าจากยอดที่ทำการตกลงกับทางธนาคารเอาไว้ก็จะทำให้เพื่อนๆผ่อนบ้านหมดภายใน 10 ปี ได้อย่างง่ายดาย จากเดิมที่เคยว่างเอาไว้ว่าผ่อน 30 ปี ซึ่งเร็วขึ้น 20 ปีเลยทีเดียว
รีไฟแนนซ์
รีไฟแนนซ์บ้าน เป็นอีก วิธีหนึ่งที่จะทำให้ภาระดอกเบี้ยเราลดลงได้เป็นอย่างดีเลยเพราะเดี๋ยวนี้เวลาที่เพื่อนทำการกู้ขอสินเชื่อจากธนาคารจะมีช่วงที่เรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่น ดอกเบี้ยต่ำ เป็นช่วงระยะเวลา 2 – 3 ปีแรก หลังจากช่วง 2 – 3 ปีผ่านก็จะหมดโปรโมชั้นแล้วจะต้องกลับมาจ่ายดอกเบี้ยเต็มๆอีกครั้ง หลักการของการรีไฟแนนซ์ก็คือหลังจากที่หมดช่วงโปรโมชั่น 2- 3 ปีแรกแล้วนั้นก็ให้เพื่อนๆติดต่อ ธนาคาร หรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่มีโปรโมชั่น ดอกเบี้ยต่ำเพื่อทำการขอสินเชื่อหรือกู้ใหม่แล้วนำเงินที่กู้มานั้นไปปิดหนี้กับที่เดิมเพื่อให้เพื่อนได้รับช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำไปเรื่อยๆได้นั้นเอง ณ ปัจจุบันดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่นช่วงนี้ก็จะอยู่ราวๆแถวๆ 3.5 % โดยเฉลี่ย แต่ถ้าหมดช่วงโปรแล้วดอกเบี้ยก็จะดีดขึ้นกลายเป็นประมาณ 5 – 6 % นั้นเอง วิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน
แนะนำว่าเป็นวิธีการที่ควรจะทำเป็นอย่างมากเพราะการที่ให้เพื่อนๆแค่ทำการย้ายที่กู้ที่ขอสินเชื่อใหม่ไปเรื่อยๆก็ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยของเพื่อนๆด้วยการที่เพื่อนๆผ่อนชำระด้วยเงินจำนวนเท่าเดิมแต่เพื่อนๆสามารถรักษาช่วงโปรโมชั่นได้ตลอดก็จะทำให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นจากเดิม 30 ปี จะเหลือประมาณ 20 ปี เท่านั้นเอง แต่ถ้าเราเอาวิธีการโปะเงินต้น 1 เท่า เข้ามาด้วยแถมรไฟแนนซ์มีโปรโมชั่นตลอดก็จะทำให้เพื่อนผ่อนบ้านหมดได้ภายใน 8 – 9 ปี เท่านั้น ทำตามหัวเรื่องของวันนี้ได้สำเร็จ
ลักษณะการผ่อน
ระยะเวลาในการผ่อน
ผ่อนตามแผน
30 ปี
ผ่อนตามแผน + โปะเงินต้น 1 เท่า
10 ปี
ผ่อนตามแผน + รีไฟแนนซ์เรื่อยๆ (ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่น)
ประมาณคร่าวๆ 19 – 20 ปี
ผ่อนตามแผน + โปะเงินต้น 1 เท่า + รีไฟแนนซ์เรื่อยๆ (ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่น)
ประมาณคร่าวๆ 8 -9 ปี
เป็นยังไงกันบ้างพอเพื่อนๆได้รู้ถึงวิธีการที่จะสามารถทำให้ผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆแล้ว ก็คงที่อยากจะรีบไปกู้เงินขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกันมาซื้อบ้านลงหลักปักฐานกันแล้วใช่ไหมครับ แต่พอจะไปกู้เงินซื้อหรือขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยก็เกิดปัญหาหรือคำถามขึ้นมาทันทีเลย นั้นก็คือ จะไปกู้หรือขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับที่ธนาคารไหนดี จะมาแนะนำเพิ่มเติมอีกนิดล่ะกันนะครับ หลักการเลือกว่าเพื่อนๆจะเลือกขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคารไหนนั้นง่ายมากๆคือธนาคารไหนที่ให้ดอกเบี้ยเพื่อนถูกๆต่ำๆก็เลือกธนาคารนั้นเลยครับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยต่ำๆถูกๆบ้างเพื่อนก็คงจะต้องเดินเข้าไปสอบถามหลายๆธนาคารเองนะครับ
เพราะบางช่วงบางธนาคารก็จะมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากหรือมีโปรโมชั่นที่ต่ำมากต่ำถึง 0.5 – 1 % ต่อปีก็เคยมีมาให้เห็นกันมาแล้ว แต่การดูดอกเบี้ยที่ไหนต่ำที่ไหนถูกเนี้ยเพื่อนจะต้องดู ดอกเบี้ยเฉลี่ย ตลอดช่วงเวลาก่อนที่เพื่อนจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้อีกรอบ ไม่ใช่ดูแต่ดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่นนะครับ มีอีกนิดนึง สำหรับเพื่อนๆที่บริษัทใหญ่ๆอยู่บางทีอาจจะมีสวัสดิการร่วมกับธนาคารในเรื่องของการกู้ซื้อบ้านอยู่ก็ได้ ให้เพื่อนๆลองปรึกษาฝ่ายบุคคลดูถ้ามีให้แนะนำพิจารณาจากสวัสดิการของเพื่อนๆก่อนเพื่อนอาจจะได้โปรโมชั่นพิเศษที่ได้ดอกเบี้ยถูกกว่าการไปขอสินเชื่อเอาเองแล้วก็อาจจะอนุมัติง่าย อนุมัติเร็ว กว่าก็เป็นได้ หวังว่าข้อมูลที่นำมาให้กับเพื่อนคงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะบ้านคือปัจจัย 4 ขแงมนุษย์แล้วบ้านที่เป็นของตัวเองเป็นซื้อของเพื่อนๆเองคงเป็นอะไรที่น่าภูมิใจและคิดว่าเป็นความฝันของใครหลายๆคน
Toptim
ถ้าเป็นเราเราว่าเราไม่เลือกการรีไฟแนนซ์นะ เดี๋ยวระยะเวลาจะนานขึ้น เราว่าเราเลือกโปะเงินต้นดีกว่า เรากำลังคิดว่าจะแบบนั้นแหละ ตอนนี้ผ่อนบ้านอยู่ แล้วก่อนซื้อบ้านเราเก็บเงินทุนไว้เอยะอยู่เหมือนกันก่อนซื้อบ้านทำให้เราไม่มีปัญหาเมื่อผ่อนมีเงินเหลือทุกๆเดือนมากพอควร นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาโปะเงินต้นได้แล้วเราจะโปะทันทีน่าจะผ่อนบ้านหมดเร็วกว่าการีไฟแนนซ์
Prinya
มีทางเป็นไปได้นะครับที่จะช่วยให้เราสามารถผ่อนชำระบ้านให้หมดก่อน 10 ปี บทความนี้แนะนำวิธีที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์ หรือการโปะเงินต้นช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงก็สามารถทำได้ด้วย สำหรับคนที่คิดอยากจะผ่อนชำระหรือการซื้อบ้าน เป็นประโยชน์มากเลยครับก็สามารถมีบ้านของตัวเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่อนชำระยาวถึง 10 ปีด้วย
สามารถ
ใครที่อยากจะมีบ้างคิดถึงการผ่อนชำระเอาไว้แล้วเราก็ คิดถึงสินเชื่อเลยครับ ช่วยให้เราสามารถมีบ้านได้อยู่ก่อนที่เราจะจ่ายเงินทั้งหมดและทำการผ่อนทีหลังได้ แล้วจำเป็นต้องเลือกสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกด้วยนะครับ ก็ขึ้นอยู่กับกำลังการจ่ายของเราด้วย บทความนี้ทำให้เรา ได้รู้วิธีการที่จะผ่อนบ้านยังไงให้หมดภายใน 10 ปีดีเหมือนกันครับ
^^ชื่นมื่น^^
จะเป็นไปได้จริงๆเหรอะคะที่ผ่อนบ้านได้หมดภายใน 10 ปีเนี่ย ปกติผ่อนกันยาว 20-30 ปีเลยนะ ถ้าวางแผนดีๆก็ไม่แน่เนอะ มีคำแนะนำมาให้แล้วด้วย ใครๆก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเองแต่มันเป็นของชิ้นใหญ่ซื้อสดก็ใช้เงินเยอะ ซื้อเงินผ่อนก็เยอะเหมือนกัน แถมยังต้องผ่อนนานด้วย ถ้าใครผ่อนหมดได้ภายใน 10 ปีจริงๆละก็ เก่งมากเลยค่ะ
ปิงปอง
ใครอ่านแล้ว ตาลายเหมือนผมบ้างครับ หรือว่าผมแพ้ตัวเลขครับ พอเห็นแล้ว ตาลายมากเลยครับ สรุปอ่านแล้วเอาไว้เป็นแค่ความรู้ได้ครับแต่เอาไปใช้ไม่ได้ครับ คนที่ไหนครับ ที่ สามารถโป๊ะค่าบ้าน เท่าตัวได้ ถ้ามีมากขนาดนั้นไม่หาซื้อบ้านเงินสดไปเลยจะดีกว่าไหม แต่ถ้าผ่อนจบ 30ปี น่าจะใช่อยู่เพราะว่ามันสามารถทำได้จริงๆมากกว่า
กล้วยหอม
มันก็เป็นไปได้ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ด้วยนะคะ คนที่จะปลดหนี้บ้านได้เร็วขนาดนั้นคงต้องมีรายได้ดีมากและบริหารเงินอย่างดีมากเลยนะคะ ต้องมีการบริหารเงินดีตั้งแต่ก่อนซื้อบ้านแล้วด้วย เพราะระหว่างการผ่อนบ้านจะต้องมีช่วงติดขัดกันบ้างแหละ แต่คนที่มีเงินสำรองพร้อมจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำได้ตามที่บทความนี้บอกค่ะ
Fern
เพื่อนๆคนไหนเงินเดือนน้อยแต่กำลังคิดอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองอย่าเพิ่งหมดหวังและกลัวว่าจะผ่อนไม่ได้นะคะ เราแนะนำให้อ่านในบทความนี้ก่อน https://moneyduck.com/th/articles/117-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-15000/ แล้วค่อยมาอ่านในบทความนี้ต่อค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้น.....
สวยสวย
ตอนนี้ก็กำลังคิดจะซื้อบ้านอยู่ค่ะกำลังเก็บเงินต้นไว้เยอะๆอยู่ว่าจะไปขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารอยู่ที่ 1 แล้วก็กำลังดูข้อมูลการรีไฟแนนซ์บ้านด้วย อยากจะรู้ด้วยว่ารีไฟแนนซ์กับที่ไหนดี พ่อต้องผ่อนบ้านไปสองสามปีก่อนถึงจะรีไฟแนนซ์ได้ ถ้าทำตามแผนที่ว่ามาแล้วผ่อนบ้านได้หมดใน 10 ปีนี้จะดีมากๆเลย เพราะเราเคยเห็นบางคนผ่อนบ้านที 30 ปีเลยนะ
ลอย
หมดเร็วได้ครับสำหรับหนี้สินผ่อนชำระบ้าน หางานเสริมทำไปเลยและเก็บเงินเยอะๆพอเก็บเงินได้แต่ละเดือนก็โปะเงินต้นเข้าไป วิธีนี้ไม่ช้าก็เร็วครับหมดแน่นอน ทำงานเพิ่มขึ้นได้เงินเพิ่มขึ้นเดี๋ยวเอาไปโปะอย่างอื่นครับเอามาปลูกตรงนี้ก่อน ค่าบ้านหมดเมื่อไหร่ค่อยคิดหาหนี้เพิ่มเติมเอาไปทำอย่างอื่นต่อ เพราะว่านี่เป็นวิถีชีวิตของผมครับ
ธนโชติ
จ่ายหมดภายในสิบปี โห่ส่งแต่ละเดือนเยอะเลยนะครับ ไม่นาจะไหวนะครับสำหรับผม ผมมีลูกที่กำลังเรียน สามคน แถม ตอนนี้ก็เอาชื่อภรรยาไปถอยรถยนต์ด้วยครับ คิดว่า ส่ง ตามปกติดีแล้วละครับ ไม่เครียดและไม่กดดันดีครับ ยังไงก็เป็นบ้านของเราครับ ต่อให้ส่งกี่ปีก็ตาม แต่ที่ทำได้น่าจะถ้าได้เงินพิเศษมาก็ไปจ่ายเพิ่มเท่านั้นครับ