ก่อนที่เราจะไปรู้เรื่องราวของการกู้เงินในระบบและนอกระบบเราไปดูความหมายของการกู้ยืมเงินกันก่อนนะคะ การกู้ยืมเงิน คือ การที่คนคนนึงมีเงินไม่พอสำหรับจะใช้จ่ายหรือลงทุนทำอะไรบางอย่างจึงต้องมีการเอาเงินจากคนอื่นหรือจากสถาบันทางการเงินมาใช้จ่ายหรือลงทุนก่อนแต่ก็เป็นการเอาเงินคนอื่นมาโดยมีสัญญาชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรและมีกำหนดในสัญญาชัดเจนว่ะจต้องคืนเงินที่ยืมไปนั้น โดยที่เป็นสัญญาแบบนี้นะคะ คือ สัญญาที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้กู้ ได้กำหนดไว้จากบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้กู้ เพื่อผู้กู้จะได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้สอยตามความต้องการของผู้กู้และผู้กู้ตกลงว่าจะคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้ให้กู้ตามเวลาที่กำหนดไว้ โดยผู้กู้ยินยอมเสียดอกเบียให้แก่ผู้ให้กู้ตามอัตราและจำนวนที่ตกลงกันไว้เป็นการตอบแทน และการกู้ยืมเงินในทุกวันนี้ก็มีแพร่หลายมากขึ้นในสภาพเศรษฐกิจที่แย่ลงและฝืดเคืองแบบนี้ทำให้หลายๆคนหันมาใช้บริการการกู้ยืมเงินกันมากขึ้นโดยเฉพาะนักธุรกิจที่กู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินในจำนวนที่มากๆโดยใช้ทรัพย์สินมาเป็นหลักทรัพย์รับประกันเพื่อนำเงินนั้นไปลงทุนหรือต่อยอดในธุรกิจของตน และ แม้แต่ตัวบุคคลเองก็นิยมการกู้ยืมเงินเช่นกันเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือลงทุนเล็กๆน้อยๆเพราะราบรับหรือเงินเดือนไม่เพียงพอที่จะใช้จ่าย ดังนั้น การกู้เงินจึงมีสองประเภทด้วยกันดังหัวเรื่องนี้ คือ การกู้เงินในระบบและการกู้เงินนอกระบบ เรามาดูข้อมูลกันเลยค่ะ

loan

Pormezz/shutterstock.com

การกู้เงินในระบบคืออะไร?

การกู้เงินในระบบคืออะไร?

การกู้เงินในระบบก็จะมีหลายรูปแบบ การทำสินเชื่อก็เป็นการกู้เงินในระบบอย่างหนึ่งเหมือนกันนะคะ และทุกๆอย่างก็จะเป็นระบบระเบียบ ตรวจสอบได้ เพราะเมื่อเราต้องการกู้เงินในระบบเราก็จะต้องไปกู้เงินกับสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดี ก็คือธนาคารต่างๆหรือเครือของธนาคารต่างที่แยกออกมาเป็น การใช้บ้านเพื่อกู้เงิน หรือ การใช้รถเพื่อกู้เงิน หรือใช้ที่ดินใช้ธุรกิจของเราหรือเงินในบัญชีของเราการเข้าออกของเงินในบัญชีของเราเป็นต้น ดังนั้นการกู้เงินในระบบอาจจะดูยากกว่าการกู้เงินนอกระบบพอสมควรแต่ก็สบายใจกว่านะคะ เพราะเราจะมีความมั่นใจมากกว่าและเป็นการตกลงกันอย่างดีและการกู้ยืมเงินในระบบเป็นการกู้เงินที่ถูกต้องตามกฏหมายและมีกฏหทายรองรับเมื่อเกินปัญหาขึ้นมาในภายหลัง

การกู้เงินในระบบมีลักษณะอย่างไร?

การกู้เงินในระบบมีลักษณะอย่างไร?

ลักษณะโดยรวมของการกู้เงินในระบบก็จะประมาณนี้เพราะก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้กับใคร ธนาคารมักจะไปใช้บริการบริษัทที่ชื่อว่าเครดิตบูโรเพื่อตรวจดูประวัติการชำระสินเชื่อต่างๆ ถ้าชื่อเราขึ้นในเครดิตบูโรว่ามีการค้างชำระ โอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้นั้นยากอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งในระบบของเครดิตบูโรนั้นก็จะขึ้นโชว์ทั้งหมดว่าปัจจุบันเราผ่อนชำระอะไรอยู่บ้าง ดังนั้นก่อนไปกู้เงินต้องพยายามเคลียร์รายการผ่อนชำระอื่นๆให้หมดก่อน เพื่อที่จะได้ไม่กระทบวงเงินที่จะอนุมัติ สำหรับเจ้าของกิจการ การเดินบัญชีถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะเดินบัญชีให้สวยๆมีเงินเข้าอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน คนที่เดินบัญชีได้ดีมีเงินเข้าตลอดก็มีโอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้สูงกว่าคนที่การเดินบัญชีไม่ค่อยสวยติดๆขัดๆ ซึ่งนี่ก็เป็นการเริ่มต้นวางแผนการเงินในบัญชีของเราถ้าใครอยากจะกู้เงินในระบบจากสถาบันการเงินต่างๆ เพราะหลายคนก็อาจจะประสบปัญหาและบ่นๆกันว่า กู้เงินไม่ผ่าน และบ่นว่าทั้งทั้งที่ทางสถาบันทางการเงินนั้นขอเอกสารเยอะแยะมากมายไปแล้วทำไมมันดูเยอะแยะยุ่งยากไปหมด เหตุผลง่ายๆก็คือทางสถาบันทางการเงินหรือธนาคารเค้าก็แค่อยากจะมั่นใจว่าตนที่มาขอเงินกู้นั้นจะมีปัญญานำเงินที่กู้ไปได้นั้นมาคืนเขาได้จริงไม่ใช่แค่ลมปากเท่านั้นเพราะส่วนมากเงินที่มาขอกู้ไปนั้นก็ถือว่ามีจำนวนมากอยู่คงจะเป็นจำนวนหลักหมื่นแสนหลักหลักล้านประมาณนั้น ฟังดูแล้วก็ไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะคะ แต่จากข้อมูลเบื้องต้นที่ให้ไปถ้าใครทำตามได้ก็คงจะไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ถ้าเรามีเอกสารพร้อม ประวัติดียังไงก็คงผ่านได้ฉลุยธนาคารอนุมัติแน่ๆ แต่เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นดีกว่าเพื่อจะมั่นใจและไม่เสียเวลามากเกินไปเกี่ยวกับการเตรียมเอกสาร เพื่อจะไม่เป็นอย่างนั้นเราต้องรู้ก่อนว่าธนาคารหรือสถาบันทางการเงินนั้นเขาจะขอดูเอกสารหรือข้อมูลอะไรของเราบ้างค่ะ

ทำประวัติเราให้ดีก่อนทำการกู้เงิน

ก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้กับใคร ธนาคารมักจะไปใช้บริการบริษัทที่ชื่อว่าเครดิตบูโร เพื่อตรวจดูประวัติการชำระสินเชื่อต่างๆของตัวเราว่าเรามีประวัติเป็นอย่างไรบ้าง จ่ายช้ามั้ย หรือว่ามีติดค้างมีไม่จ่ายบ้างมั้ย ถ้าชื่อเราขึ้นในเครดิตบูโรว่าค้างชำระ บอกเลยนะคะว่าโอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้นั้นยากอยู่เหมือนกัน เพราะตอนนี้เคสเข้ามาขอกู้เงินกับธนาคารเป็นจำนวนมาก ดังนั้นถ้าเกิดว่ามี 2 คน คนนึงไม่มีสถานะขึ้นในเครดิตบูโร กับอีกคนมีประวัติเสียอยู่ ธนาคารก็คงเลือกอนุมัติเงินกู้ให้กับคนที่ประวัติสวยๆน่าจะดีกว่าแน่นอน

การเดินบัญชีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการกู้เงิน

สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเรานะไม่น่าจะมีปัญหาในข้อนี้สักเท่าไหร่เลยแหละ เพราะว่ายังไงก็จะมีเงินเดือนเข้ามาในบัญชีทุกๆเดือนอยู่แล้ว แล้วถ้าจะให้ดีเลยก็น่าจะมีเงินฝากเหลือนอนนิ่งอยู่ในบัญชีด้วยโดยที่ไม่ได้ถอนออกไปใช้จนหมด แบบฝากเข้าปุ้ปถอนหมดปั้ปแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ถ้าเป็นแบบนั้นธนาคารก็จะไม่ค่อยมั่นใจกับเราเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเป็นสำหรบนักูรกิจหรือเจ้าของกิจการ การเดินบัญชีเป็นเรื่องสำคัญมากๆที่จะต้องตกแต่งบัญชีให้สวยๆมีเงินเข้าอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน คนที่เดินบัญชีได้ดี มีเงินเข้าตลอดตลอด ก็มีโอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้สูงขึ้น เพราะธนาคารจะมองว่าลูกหนี้มีเงินจำนวนมากพอที่นำมาทยอยคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้

การประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเราเองให้ดีดี

จากประสบการณ์ของใครๆหลายๆคนที่ได้กู้เงินซื้อบ้านกับธนาคารและได้คุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่แจ้งว่าจะอนุมัติเงินให้ไม่เกิน 40 % ของรายได้ นั่นหมายความว่า เลาที่เราผ่อนชำระในแต่ละเดือน เงินที่ผ่อนชำระคืนให้กับธนาคารนั้นต้องไม่เกิน 40 % ของรายได้ที่เราได้รับในแต่ละเดือน โดยทั่วไปถ้าเป็นการขอกู้เงินไปซื้อบ้าน การกู้ทุกๆ 1,000,000 บาท มักจะต้องผ่อนชำระคืนธนาคาร 7,000 บาท ต่อเดือนเป็นระยะเวลา 30 ปี นั่นแปลว่าถ้าเรามีรายได้ 50,000 บาท วงเงินที่เราจะสามารถขออนุมัติกับธนาคารได้จะได้ประมาณ 3,000,000 บาท นั่นเอง

ผ่อนสินค้าหรือเป็นหนี้อื่นๆให้น้อยที่สุดก่อนไปขอกู้เงิน

ในระบบของเครดิตบูนั้น ก็จะขึ้นโชว์ทั้งหมดว่าปัจจุบันเราผ่อนชำระอะไรอยู่บ้าง แน่นอนว่าถ้าเราผ่อนสินค้าอื่นๆอยู่ ธนาคารก็จะนับรวม 40 % ในข้อ 3 ด้วย ดังนั้นก่อนไปกู้เงินต้องพยายามเคลียร์รายการการผ่อนชำระอื่นๆให้หมดก่อน เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับวงเงินอนุมัติ

เตรียมเอกสารในการขอกู้เงินให้พร้อม

สิ่งที่มีปัญหากันมากที่สุดของคนที่ไปขอกู้เงินกับทางธนาคาร ก็คือ เอกสารไม่สมบูรณ์ ทางที่ดีที่สุด เราควรที่จะเดินเข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารเลยเป็นดีที่สุดว่าถ้าต้องการขอกู้เงินเนี่ยต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วก็จดมาให้ครบเพื่อจะกลับมาเตรียมให้ครบด้วย เพราะเวลาที่เราไปยื่นแล้วเอกสารไม่ครบก็จะยิ่งทำให้ขั้นตอนการอนุมัตินั้นช้าเข้าไปอีก หรืออาจถูกปฎิเสธเลยก็ได้ และการถูกปฎิเสธรอบนึงแล้วจะทำให้กรขอครั้งต่อไปทำได้ยากขึ้นไปอีก

การกู้เงินนอกระบบคืออะไร?

การกู้เงินนอกระบบคืออะไร?

เงินกู้นอกระบบ หรือ หนี้นอกระบบ คือ หนี้ทั้งในรูปแบบของตัวเงินและสิ่งของที่ผู้ให้กู้ไม่อยู่ในระบบสถาบันการเงินหรือธนาคาร โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง รวมถึงแหล่งการเงินที่เกิดขึ้นตามความจำเป็นและสภาพแวดล้อมโดยไม่มีระเบียบกฎหมายกฎเกณฑ์ไม่มีการติดตามและควบคุมจากทางราชการ นอกจากนี้ยังหมายถึงหนี้ที่เกิดจากสิ่งของหรือวัตถุผิดกฎหมายด้วย เช่น หนี้ที่เกิดจากการพนันหรือหนี้ที่เกิดการจากยาเสพติด เป็นต้น ประเภทของหนี้นอกระบบ ก็มี 2 แบบ คือ

หนี้ระยะสั้น (รายวัน)

หนี้ระยะสั้น หรือ หนี้รายวันมีหลายรูปแบบ เช่น เงินสด ทองคำ หรือสินค้าอื่นๆ มีการเก็บดอกเบี้ยรายวันโดยบวกทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ด้วยกัน

หนี้ระยะยาว (รายเดือน/รายปี)

หนี้ระยะยาวเป็นการปล่อยเงินกู้ระยะยาวมากกว่า 1 เดือนขึ้นไปไปจนถึงรายปี และเก็บดอกเบี้ยรายเดือนจนกว่าจะมีเงินก้อนมาใช้คืนกรณีที่ยอดเงินสูงมากจะมีการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น โฉนดที่ดิน รถ หรือบ้าน ก็ได้ ตามที่ตกลงกัน จะเห็นได้ว่าเงินกู้นอกระบบนั้นแตกต่างอย่างมากกับเงินกู้ในระบบดูเหมือนไม่มีอะไรน่าไว้ใจได้เลยแต่ทำไมหลายคนถึงต้องเลือกทางนี้ เหตุผลหลักๆคือ เรื่องความสะดวกและรวดเร็วนั่นเอง การกู้เงินนอกระบบเป็นวิธีการที่สามารถหาแหล่งเงินได้ง่าย ไม่ยุ่งยากมากขั้นตอนเหมือนกับการกู้เงินกับสถาบันทางการเงินในระบบ อีกทั้งยังไม่ต้องห่วงเรื่องเงื่อนไขเงินขั้นต่ำด้วย แต่ก็มีผลเสียที่ต้องแลกมาเพื่อให้ได้มาซึ่งความง่ายคือ ความสี่ยง

การกู้เงินนอกระบบมีลักษณะอย่างไร?

การกู้เงินนอกระบบมีลักษณะอย่างไร?

การกู้เงินนิกระบบนั้นมีความเสี่ยงหลายอย่างถึงแม้จะง่ายสะดวกรวดเร็วและมีข้อควรระวังหลายอย่างเลยล่ะ มาดูข้อควรระวังกันเมื่อจะกู้เงินนอกระบบ

ดอกเบี้ยสูง

ถึงแม้ว่าการกู้เงินนอกระบบจะใช้ข้อความโฆษณาในลักษณะ เงินด่วนดอกเบี้ยถูก อะไรแบบนี้แต่ในความเป็นจริงจะคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตตราที่กฎหมายกำหนด ( นั่นคือเกินร้อยละ 15 หรือร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ) จนดอกเบี้ยอาจสูงถึง 30% ต่อปีหรือมากกว่าก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ดอกลอย

ถ้าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ทั้งจำนวนได้ในคราวเดียวกัน จะสามารถชำระได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น และในกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกทำให้ยอดหนี้สูงขึ้น ภาระทางการเงินก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว เมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็จะทำให้ทรัพย์สินถูกเปลี่ยนมือหรือถูกยึดได้ในที่สุด

ไม่มีสัญญาชัดเจน

การทำสัญญาเงินกู้นอกระบบนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ค่อยมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน และผู้กู้ก้ไม่สามารถต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ด้วย มีเพียงแค่คำโฆษณาที่ชักจูงผู้คนเท่านั้น ผู้กู้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายด้วย ซึ่งในขณะที่การกูเงินในระบบแม้จะใช้เอกสารและขั้นตอนที่มากกว่า แต่มีความน่าเชื่อถือและสามารถสร้างความมั่นใจในการชำระหนี้ให้กับผู้กู้ได้มากกว่า

เกิดภัยคุกคาม

ในกรณีลูกหนี้ผิดนัดการจ่ายเงินมักจะมีการข่มขู่ คุกคาม หรือทำให้อาย ในหลายกรณีมีการทำร้ายร่างกายด้วย หรือพยายามทำลายทรัพย์สินด้วย สรุปคือการกู้เงินนอกระบบนั้นไม่ปลอดภัยเลย จึงอยากจะบอกวิธีหนีห่างจากการเป็นหนี้นอกระบบมาให้ด้วยค่ะ

  • แก้ที่ต้นเหตุโดยการวางแผนการเงินล่วงหน้า ใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ใช้เงินเกินตัว
  • อย่าลืมประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองก่อนเริ่มสร้างหนี้ใหม่
  • ศึกษารายละเอียดผู้ให้กู้ และเงื่อนไขการชำระเงินหรืออัตราดอกเบี้ยให้ดี รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดสัญญาเงินกู้ให้ดี เช่น จำนวนเงินกู้ วงเงินกู้ ดอกเบี้ย เป็นต้น
  • อย่าเชื่อคำโฆษณาที่กล่าวเกินจริง ควรพิจราณาให้ดีก่อนตัดสินใจ
  • หากจำเป็นต้องกู้เงิน ให้เลือกกู้ในระบบ เพราะมีหน่วยงานภาครัฐคอยดูแลดอกเบี้ยและสัญญามีความชัดเจน

จึงอยากจะแนะนำคนที่จำเป็นจะต้องเป็นหนี้จริงตามนี้นะคะ และการกู้เงินนอกระบบเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น หากคุณกู้เงินนอกระบบมาแล้วให้จัดการชำระหนี้โดยเร็วที่สุด แต่การแก้ปัญหาการเงินในระยะยาวนั้นจะต้องเริมต้นจากการศึกษาความรู้การเงิน ฝึกนิสัยการใช้เงิน รู้จักปะหยัดอดออม ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ด้วยความคิดและนิสัยการเงินที่ถูกต้องจะสามารถแก้ไขปัญหาการเงินในระยะยาวได้ค่ะ ดังนั้นขอให้ทุกคนไม่ตกเป็นเหยื่อของหนี้นกระบบนะคะ เพราะปัญหาหนี้นอกระบบนั้นเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจหนึ่งที่ส่งผลกระทบในระดับประเทศด้วยปัญหาทางการที่รุมเร้าทำให้หลายคนเลือกแก้ปัญหาด้วยการกู้เงินนอกระบบ จนเกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงภัยคุกคามถูกเจ้าหนี้ตามตัวถึงบ้านหรือที่ทำงานซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ถ้าใครจำเป็นจะกู้เงินก็ควรจะกู้เงินในระบบจะดีกว่ากันมากเลยค่ะ ถึงแม้จะยุ่งยากและต้องเตรียมเอกสารหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ความพร้อมของเราแต่นั่นก็เป็นหลักฐานหรือเหตุผลว่าเราพร้อมและสามารถกู้เงินได้และจะไม่มีปัญหาทางการเงินตามมาแม้เราจะเป็นหนี้ก๋ตามเพาะเราได้วางแผนการเงินอย่างดีแล้วก่อนจะทำการกู้เงินและเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่างๆด้วยถึงแม้ก็มีปะสบการณ์จากคนที่กู้เงินในระบบแล้วมีปัญหาไม่สามารภผ่อนเงินคืนได้แล้วกลายเป็นบุคคลล้มละลายแต่ก็เป็นส่วนน้อยนะคะแต่บุคคลเหล่านั้นก็มีความปลอดภัยในชีวิตจากเจ้านหนี้นอกระบบที่ทวงหนี้แบบอันตรายอย่างที่เราเคยเห็นในข่าวกันค่ะ