ปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ล้วนแล้วมีฐานะปานกลางไปจนถึงต่ำหาเช้ากินค่ำกันสักส่วนใหญ่ทำให้ไม่แปลกเลยที่จะเป็นหนี้กันสักส่วนใหญ่ และก็มีหลายคนที่ไม่มีความสามารถที่ควบคุมภาวะหนี้ได้หรือเรียกว่าไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ที่ตัวเองก่อได้ ทำให้มีการขาดส่ง เบี้ยวหนี้ จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง และแน่นอนเมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้ประวัติทางการเงินเสีย ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีเครดิต และส่งผลต่ออนาคตในการขอยื่นกู้สินเชื่อใหม่ๆไม่ได้รับการอนุมัติหรือขอยื่นกู้ไม่ผ่าน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า ติดเครดิตบูโร หรือ ติดแบล็กลิสต์ แต่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการแก้ไขหรือทางออก ที่จะกู้เครดิตกลับคืนมา
สิ่งที่ต้องทำเลยก็คือ พยายามสะสางหนี้ที่มีอยู่ให้หมด เพราะทางเครดิตบูโรมีการเก็บประวัติย้อนหลังเป็นเวลา 36 เดือนจากงวดล่าสุด ในส่วนของรายงานเครดิตบูโรจะบันทึกตั้งแต่งวดแรกที่ผิดชำระ และจะแสดงผลว่าค้างชำระแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยมีกำหนดวันพ่วงเข้ามาด้วย และจะเพิ่มจำนวนวันขึ้นเรื่อยๆหากยังไม่มีการชำระหนี้เข้ามา เมื่อใดที่ชำระหนี้ก็จะไปหักลบกับหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน และลดจำนวนวันลงตามหนี้แต่ละงวดที่ชำระเข้าไป หากมีการชดใช้หนี้ตรงเวลาก็จะเกิดการบันทึกประวัติใหม่แทนที่ประวัติเก่าที่เคยทำเสียไว้ เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนครบ 3 ปี ประวัติเครดิตก็จะกลับมาน่าเชื่อถืออีกครั้ง
เปลี่ยนความเข้าใจใหม่การติดเบล็กลิสต์ไม่มีจริง
ส่วนใหญ่แล้วคนที่ไม่สามารถที่จะควบคุมภาวะหนี้หรือไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ทำให้ต้องเบี้ยว จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ขาดส่ง แค่นี้ก็มักจะทำให้เกิดความกังวลอยู่แล้วและยิ่งเมื่อได้รับโทรศัพท์จากบริษัททวงหนี้ โทรมาขู่อีกว่า คุณติดเบล็กลิสต์จากการไม่จ่ายหนี้ ที่ทำให้ลูกหนี้อย่างเราที่มีความกังวลเป็นทุนเดิมกลัวเข้าไปอีกว่าถ้าหากติดแบล็กลิสต์หรือติดเครดิตบูโรแล้ว จะไม่สามารถทำธุรกรรมหรือกู้สินเชื่อใด ๆ ได้อีกตลอดชีวิต อย่าเพิ่งตกใจและให้ตั้งสติกันก่อนสักนิดนึงอย่าพึงตื่นตูมไปตามบริษัททวงหนี้ที่โทรมาขู่ เพราะการติดแบล็กลิสต์หรือการติดเครดิตบูโรนั้นไม่มีอยู่จริง อาจจะมีแต่ถ้าติดแล้วสามารถที่จะกู้คืนได้ไม่ใช่ติดแล้วติดเลยติดไปตลอดชีวิต
คำว่าแบล็คลิส ไม่มีอยู่ในรายงานข้อมูลเครดิต แต่หมายถึงว่า บุคคลนั้นมีประวัติการชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามปกติ เลยระยะเวลาที่กำหนด และค้างจ่ายนานหลายงวด ส่งผลให้เมื่อมีการขอสินเชื่อใหม่ แล้วไม่ได้รับอนุมัตินั้นมาจาก สถาบันการเงินเข้าไปตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าสมควรอนุมัติการปล่อยสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิตหรือไม่ หากในประวัติพบว่ามีการผิดนัดชำระอยู่บ่อยครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงการขาดความน่าเชื่อถือ มีโอกาสสูงมากหากปล่อยสินเชื่อไปแล้วจะไม่ได้คืน
และถ้ามีการโทรมาจากบริษัททวงหนี้ โดยการขู่เรื่องการติดเบล็กลิสต์หรือติดเครดิตบูโรซึ่งทำให้ลูกหนี้เข้าใจผิด ถือว่ามีความผิดมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะในปัจจุบันนี้มีพระราชบัญญัติทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 คุ้มครองอยู่
เครดิตบูโรคืออะไร?
เครดิตบูโร หรือ รายงานข้อมูลเครดิต เป็นเหมือนกับสมุดพกรายงานพฤติกรรมการใช้และการชำระสินเชื่อทั้งหมดของเรา โดยข้อมูลและประวัติการชำระหนี้ของเราก็จะถูกเก็บรวบรวมโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) หรืออีกชื่อก็คือ เครดิตบูโรนั้นเอง โดยวิธีการเก็บบันทึกประวัติการชำระหนี้ของเราวิธีการของ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด จะทำการเก็บบันทึกเฉพาะประวัติแต่งวดล่าสุดย้อนหลังเป็นจำนวน 36 งวด หรือระยะเวลาประมาณ 3 ปี โดยการที่ได้รับข้อมูลจากทางธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้ในประเทศไทย ไม่ได้มีการขึ้นบัญชีดำหรือทำการติดเบล็กลิสต์ลูกหนี้รายใดรายหนึ่งดังที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดกัน และการที่ขอสินเชื่อใหม่แล้วไม่ได้รับการอนุมัตินั้นไม่ใช่เพราะคุณนั้นถูกขึ้นบัญชีดำหรือติดเบล็กลิสต์แต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะผู้ที่จะให้สินเชื่อกับคุณนั้นเขาเข้าไปเช็คข้อมูลไปตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ของคุณ จากเครดิตบูโร หรือ ก็คือเข้าไปเช็คประวัติใน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด นั้นเอง และเห็นว่าเรานั้นมีการผิดนัดชำระหนี้หรือมีการชำระหนี้ที่ล่าช้าอยู่บ่อยครั้ง มีความเสี่ยงหากอนุมัติให้เราผ่านมีสิทธิ์ที่จะผิดนัดชำระหนี้หรือมีการชำระหนี้ที่ล่าช้าเหมือนในประวัติที่ผ่านมา เลยทำให้เราขอสินเชื่อไม่ผ่าน
เครดิตบูโรมีข้อมูลอะไรบ้าง?
อย่างที่บอกไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้าว่าเครดิตบูโร นั้น เป็น บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลเครดิต กจะมีแค่ข้อมูลเครดิต โดยเครดิตบูโรก็จะแบ่งข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน ข้อมูลบ่งชี้ ข้อมูลบ่งชี้ก็จะป็นข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับตัวลูกค้า ประกอบไปด้วย ชื่อ-สกุล เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งกับสถาบันการเงิน วันเดือนปีเกิด อาชีพ สถานภาพการสมรส ของลูกค้าเท่านั้น โดยจะไม่สามารถเก็บข้อมูลอื่นๆ เช่น ลักษณะทางร่างกาย หรือประวัติคดีอาญา ข้อมูลสินเชื่อ ข้อมูลสินเชื่อก็อย่างเช่นประวัติการชำระหนี้จำแนกเป็นรายบัญชีที่มีอยู่ในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก โดยมีข้อมูลที่สำคัญดังนี้ สรุปข้อมูลบัญชีสินเชื่อ ซึ่งจะบอกว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีจำนวนบัญชีที่ใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลหรือโต้แย้งกี่บัญชี ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ ชื่อผู้ให้สินเชื่อ วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินที่ใช้ไป สถานะของบัญชี เช่น ปกติ ปิดบัญชี พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ รายละเอียดการชำระหนี้ ซึ่งจะแสดงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ทั้งที่ชำระตรง ชำระล่าช้า หรือผิดนัดชำระข้อมูลอื่นๆ เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่เปิดบัญชี วันที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้
จะมีประวัติที่ดีทางการเงินอีกครั้งได้อย่างไร?
เมื่อรู้แล้วว่าเครดิตบูโลคืออะไร และก็เข้าใจกันแล้วว่าไม่มีการขึ้นบัญชีดำหรือติดเบล็กลิสต์ใครเป็นรายบุคคล และก็รู้วิธีการเก็บข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโรแล้วว่าเก็บข้อมูลแล้วดูย้อนหลังได้กี่งวดหรือประมาณกี่ปี สิ่งที่จะต้องทำเพื่อที่จะฟื้นฟูประวัติและกลับมามีประวัติที่ดีทางการเงินก็แค่ ทำการชำระหนี้ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ให้หมด โดยที่จะต้องไม่มีการล่าช้าหรือผิดนัดชำระอีกอย่างเด็ดขาดย้ำว่าห้ามมีการผิดนัดชำระหนี้หรือชำหนี้ล่าช้าอีกเด็ดขาด เมื่อสามารถที่จะทำการชำระหนี้ได้ตรงตามเวลาแล้วประวัติการชำระเงินดีใหม่ๆก็จะค่อยๆเข้าไปแทนที่ประวัติเสียเก่าๆที่เคยมีอยู่ เมื่อชำระหนี้ตรงกำหนดครบ 3 ปี ประวัติเครดิตหรือประวัติทางการเงินก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมพอไปขอกู้สินเชื่อใหม่ๆถ้าผู้ให้กู้สินเชื่อไปเช็คเครดิตบูโรก็จะไม่เจอประวัติการชำระหนี้ช้าหรือการชำระหนี้ที่ไม่ดี จะเจอก็แต่การชำระหนี้ดีตรงเวลาเขาก็จะอนุมัติให้เราได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีเงินชำระหนี้ต้องทำอย่างไร?
ถ้าเป็นหนี้แล้วไม่มีเงินชำระ อย่างที่บอกตอนแรก ถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเลย เบี้ยวก็จะกลายเป็นคนมีประวัติเสียเรื่องการชำระเงินหรือก็คือติดเครดิตบูโร ต้องมานั่งเสียเวลาสร้างเครดิตขึ้นมาใหม่อีกใช้เวลาอย่างน้อยก็ 3 ปีขั้นต่ำ สิ่งที่คนที่ไม่มีเงินชำระหนี้จะต้องทำถ้าไม่อยากเสียประวัติตือการเข้าไปคุยกับทางธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ให้เข้ากับสภาพการเงินของเราทางธนาคารก็จะปรับโครงสร้างหนี้ให้เราพอจ่ายไหวไปตลอดรอดฝั่ง อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะมันจะมีแต่เรื่องแย่ๆตามมา
สรุป
อยากหลุดพ้นจากการติดแบล็กลิสต์ กลับมามีประวัติทางการที่ดีก็ง่ายๆ ทำการชำระหนี้ให้ตรงเวลาไม่มีการล่าช้าหรือผิดนัดเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ก็จะเครดิตบูโรที่ดีโชว์ให้กับสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆทำให้สามารถที่จะกู้สินเชื่อใหม่ๆได้ง่าย และสำหรับคนที่ไม่มีเงินชำระหนี้หรือคนที่ควบคุมสภาวะหนี้ตัวไม่ไหวหรือจ่ายหนี้ไม่ไหวแนะนำให้เข้าไปปรึกษาธนาคารขอปรับโครงสร้างหนี้ใหม่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องติดเครดิตบูโรหรือมีประวัติเสียในเรื่องของการชำระหนี้
มาณี
โอเคครับ....ผมอ่านแล้วก็อุ่นใจว่าอีกสามปี สถานะทางการเงินผมจะดีขึ้นแล้วสามารถที่จะทำธุรกรรมการเงินได้เพิ่ม ตอนแรกที่ติดเครดิตบูโรก็เครียดมากไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา แล้วจะขอกู้หรือทำธุรกรรมการเงินที่อื่นๆได้ไหม พออ่านแล้วก็เข้าใจมากขึ้น ในสามปีนี้ผมคงต้องพยายามจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาเพื่อรักษาประวัติตัวเองครับ
Tongkanlong
ถ้าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือว่าแก้ไขข้อมูลคงทำไม่ได้หรอกครับ สิ่งที่เราทำได้ก็คือพยายามที่จะจัดการหนี้ให้หมดหรือพยายาม ชำระหนี้สินตามระยะเวลาที่ทางธนาคารกำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นจากสินเชื่อหรือบัตรเครดิต เพราะว่าถึงแม้เราจะไม่สามารถใช้หนี้ทั้งหมดได้ แต่เราก็สามารถสร้างประวัติในการผ่อนชำระที่ดีได้ ผมคิดว่ามาพัฒนาจุดนี้ก่อนก็ได้ครับ
น้ำตาล
เพื่อที่จะสามารถมีเครดิตที่ดีทั้งเครดิตบูโรและเครดิตการใช้บัตรเครดิตที่ดี จำเป็นต้องมีการสร้างเครดิตใหม่ๆ ก็คือการผ่อนชำระหรือการจ่ายคืนให้กับสินเชื่อหรือบัตรเครดิตให้ตรงต่อเวลา เมื่อเราทำแบบนี้มากกว่า 3 ปี ก็จะช่วยให้เรามีประวัติเครดิตที่ดีเมื่อไปขอสินเชื่อที่ไหนเขาก็จะไว้ใจเราอนุมัติให้ใช้บริการได้ ดังนั้นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ
Rawisuda
ถ้าไม่อยากมีประวัติกับเครดิตบูโรก็ต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลาและตามที่กำหนดค่ะ หากมีชื่อติดไปแล้วพอชำระหนี้หมดชื่อนั้นจะอยู่ต่อไม่กี่ปีก็ถูกลบออกค่ะ ถ้าไปขอสินเชื่อหรือขอกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินก่อนที่ชื่อจะถูกถอดออกก็อาจจะมีปัญหานิดหน่อยเพราะเขาจะพิจารณามากขึ้น หรือไม่ก็ต้องรอให้ชื่อถูกถอดออกก่อนจะได้ไม่มีปัญหาค่ะ
ใจสลายยามฝนตก
ดีมากเลยครับทุกอย่างที่บอกมา ผมสบายตัวไปครับ ทำงานจนอายุ จะ40ปีแล้วครับ ยังไม่มีบัตรเครดิต หรือ ติดบูโรเลยครับ ถือว่ารอดตัวไปครับ เพื่อนๆครับเรื่องการเป็นหนี้ ถ้าเราได้เป็นแล้ว มันถอนตัวยากนะครับ ยากกว่าอดอาหารอีกนะครับ ยังไงก่อนที่คิดจะเป็นหนี้ นั่งลงก่อนสักนิดนะครัย คิดให้ดีก่อนครับว่าสามารถจ่ายคืนได้ไหม แล้วค่อยเป็นหนี้ครับ
ชมพู่
อยากมีเครดิตดีอีกครั้งก็ต้องไปจัดการหนี้ที่ค้างอยู่ไงคะไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย แต่ใครที่ไม่มีเงินจัดการหนี้ค้างก็ต้องทำใจจนกว่าจะมีเงินนั่นแหละค่ะ หรือถ้าคุณมีโอกาสนะที่จะกู้เงินอีกครั้งจริงๆก็ต้องรักษาการชำระที่ดีเอาไว้อย่าให้ค้างอีกจนได้ นั่นก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมีเครดิตที่ดีอีกครั้ง เราเข้าใจตรงกันนะจ้ะ
ฝน
ถ้าอย่างนั้นดีกว่าถ้าเป็นคนที่ชำระงวดหรือว่าหนี้ที่มีทุกเดือน ไม่ค้างชำระดีกว่าเนาะ คิดดูสมมุติว่าถ้ามีประวัติชำระค้างมานานแล้วต้องไปจ่ายทีเดียวเพื่อที่จะลบประวัติแบล็คลิสเนี่ย เราว่ามีได้เป็นลมน่ะ ยิคนที่ค้างค่าบัตรเครดิตติดทีเป็นแสนสองแสนเนี่ยเหนื่อยนะใช้หนี้ เราคิดว่าใช้เงินสดน่าจะดีกว่า หรือถ้าใช้บัตรเครดิตจริงๆก็ต้องระวัง ยังไงไม่มีนี่แหละดีที่สุดชีวิตนี้
KITTY Kat.
คนที่ติดแบล็คลิสก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำธุรกรรมทางการเงินอะไรไม่ได้เลยนะคะ อย่าเพิ่งหมดหวังคะ ยังมีบัตรบางประเภทที่เปิดโอกาสให้คนติดแบล็คลิสต์สามารถสมัครได้ บางธนาคารเขามีแคมเปญสินเชื่อสำหรับคนที่ติดแบล็คลิสโดยเฉพาะ แต่ต้องเป็นคนที่ใช้หนี้หมดแล้วนะ แต่ยังมีชื่อค้างอยู่ในระบบ บางคนคิดว่าอาจจะต้องรอถึง 3 ปีถึงจะทำธุรกรรมได้ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วค่ะ
คณุตม์
ใช้เวลาตั้งสามปีเลยเหรอครับ ถึงจะเคลีย ประวัติเสียได้ นานเอาเรื่องเลยนะครับ สามปีนี่ถ้าเกิดมีปัญหาเรื่องเงินขึ้นมาลำบากเลยนะครับ จะไปขอสินเชื่อกับอะไรจากธนาคารก็ยากจริงๆเลยนะครับโอกาสที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ มันยากมากจริงๆนะ ต้องรักษาให้ดีนะครับเรื่องประวัติการเงินของเรา ส่งให้ครบนะครับอย่าไปจ่ายขั้นต่ำเลย
สมยศ
ก็ต้องสร้างประวัติที่ดีใหม่นะสิครับ พยายามเคลียร์หนี้สินที่มีบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลให้มีเครดิตที่ดี เพราะเมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีการนับรวมเครดิตที่ดีของเราที่มีเพิ่มเข้ามา เพราะว่าจะเข้าไปลบหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเองนั้นทำไม่ได้หรอกครับ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนหรือการใช้งานที่น่าเชื่อถือกับทางสถาบันการเงินที่ต้องเข้าการเข้ามาดูข้อมูลการใช้เครดิตของเราครับ
SISI
จริงๆเอาไม่ต้องติดแบล็คลิสหรอกนะ แค่แบบไม่ต้องเป็นหนี้ก็พอ เอาง่ายๆเลยว่าถ้าใครคิดอยากจะใช้บัตรเครดิต คุณต้องมีการศึกษาให้ดีว่าดอกเบี้ยเป็นยังไง จ่ายช้าแล้วจะเจออะไรบ้าง ส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตมากจะไม่ค่อยรู้หรอกว่าบัตรเครดิตเขาคิดดอกเบี้ยกันยังไง การละเลยจุดสำคัญแบบนี้แหละมันก่อให้เกิดหนี้ได้จากการไม่ระวังตัวของเราเอง