แต่ละคนก็มีแผนการดูแลตัวเองยามเกษียณต่างกันไป แต่การดูแลตัวเองในช่วงเกษียณที่ดีที่สุดน่าจะมาพร้อมกับสิ่งจำเป็นในชีวิตที่มีพร้อมแล้วทุกอย่าง ส่วนมากก็คือทรัพย์สินนี่แหละโดยเฉพาะการมีบ้าน จึงเกิดคำพูดที่ว่ายามแก่เฒ่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอต้องมีบ้านด้วย เพราะบ้านคือสิ่งจำเป็นที่อยุ่ในปัจจัย 4 ของชีวิตมนุษย์เราการที่คุณมีบ้านในตอนที่แก่เฒ่าแล้วทำงานไม่ได้แล้วนั้นจะดีมากขนาดไหน แต่ถ้ากลับกันคุณทำงานไม่ไหวแล้วแต่ยังต้องเช่าบ้านผ่อนบ้านอยู่แล้วจะไหวได้อย่างไร? ดังนั้นบทความนี้จึงจะมาแนะนำการเกษียณที่มั่นคง มีทั้งเงิน มีทั้งบ้าน และที่สำคัญมีความสบายใจมาให้คุณได้เลือกกันค่ะ
ยามแก่เฒ่าหลายคนอาจจะบอกว่าไม่ต้องการอะไรแล้วเดี๋ยวก็ตาย แต่มันก็ไม่จริงเสมอไปคนแก่ก็อยากจะอยู่ในบ้านที่สะดวกสบายและสบายใจมีลูกมีหลานอยู่พร้อมหน้า ดังนั้นเพื่อให้คุณมีทุกอย่างอย่างที่บอกมาการเริ่มวางแผนอนาคตในวัยเกษียณตั้งแต่ตอนนี้นับว่าดีที่สุด จึงจะมาแนะนำการสินเชื่อ Home for Life จากแสนสิริและจากธนาคารออมสินให้คุณได้พิจารณากันค่ะ เราจะมาดูข้อมูลเหล่านี้เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจของคุณค่ะ เช่น Home for Life ซื้อบ้านโดยขอสินเชื่อจากธนาคารดีอย่างไร? / Home foe Life เหนือกว่าสินเชื่อบ้านอื่นๆอย่างไร? / การดำเนินงานของ Reverse Mortgage การสนใจวางแผนสำหรับวัยเกษียณนั้นต้องรีบตัดสินใจจะรอช้าไม่ได้เพราะเวลาทุกวันนี้ผ่านไปเร็วคุณอาจจะแก่โดยไม่ทันรู้ตัวนะคะเตือนเอาไว้ก่อน
Home for Life ซื้อบ้านโดยขอสินเชื่อจากธนาคารดีอย่างไร?
การขอสินเชื่อจากแสนสิริและธนาคารออมสินที่มีชื่อว่า Home for Life นั้นคือการรวมสินเชื่อเคหะมั่วไปแบบปกติที่เราต้องเอาบ้านเป็นหลักประกันกับธนาคารเอาไว้ แล้ววค่อยทำตามขั้นตอนการผ่อนเงินกู้ให้กับธนาคารจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา แต่เมื่อมีการผ่อนจนครบแล้วจะสามารถขอกู้สินเลื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุได้เมื่อมีการผ่อนบ้านหมดแล้ว และจากนั้นธนาคารจะมีประเมินราคาเพื่อให้เงินกู้กับเราก้จเป็นการกู้เงินแบบย้อนกลับโดยมีบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน จากนั้นการจ่ายเงินที่เรากู้จะไม่ได้มาเป็นก้อนแต่จะมาเป็นเงินบำนาญที่ค่อยๆทยอยให้เราเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำค่ะ และเราเองก็ยังมีสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นอยู่จนกว่าจะครบกำหนดสัญญาเมื่อธนาคารได้จ่ายเงินที่เรากู้ครบแล้วบ้านนั้นจึงจะตกเป็นของธนาคารไปซึ่งตอนนั้นไม่ว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้วก็ตะเป็นไปตามนั้นค่ะ พูดง่ายๆวิธีนี่คือผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้กู้และผู้ให้กู้กับธนาคารนั่นเอง
Home for Life เหนือกว่าสินเชื่อบ้านอื่นๆอย่างไร?
ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครของสินเชื่อ Home for life นี้ที่แตกต่างจากสินเชื่อบ้านอื่นๆ คือ เราสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในโครงการแสนสิริได้ง่ายมากขึ้น ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม และยังได้สิทธิพิเศษอัตราการผ่อนบ้านที่น้อยกว่า เช่น วงเงินกู้ 1,000,000 บาท ระยะเวลาการผ่อนชำระนานถึง 30 ปี อัตราผ่อนต่องวดเพียง 6,000 บาทเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขของสินเชื่อที่จะหักเงินต้นออก 10% ก่อนจะนำไปเข้าโปรแกรมคำนวณผ่อนตามปกติหมายความว่าเงินต้นของเราลดลงจากเดิม 10% นั่นเองค่ะ ทำให้คุณมีเงินเหลือเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวมากขึ้นเพราะโดยส่วนมากการของสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านนั้นไม่ว่าจะระยะเวลาการผ่อนชำระนานแค่ไหนก็มีค่าผ่อนแต่ละงวดไม่ต่ำว่า 9,000 บาทขึ้นไปค่ะ จึงเรียกได้ว่าว่าเป็นสินเชื่อที่เหมาะกับคนที่วางแผนจะเกษียณโดยเฉพาะค่ะ
การดำเนินการของ Reverse Mortgage
มาดูในส่วนของขั้นตอยและกระบวนการกู้เงินและผลประโยชน์ที่จะได้รับกันบ้างค่ะอาจจะมีรายละเอียดที่คุณอาจจะงงอยู่บ้างแต่เมื่อใช้เวลาศึกษาดูสักหน่อยก็คงเข้าใจได้ไม่ยากนะคะ เริ่มจากถ้าผู้กู้อายุครบ 60 ปี แต่ผ่อนสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิมไม่ครบ (บ้านยังไม่ปลอดภาระหนี้) สามารถเข้าสู่กระบวนการ Reverse Mortgage แล้วขอเบิกเงินงวดแรก 10% จากธนาคารออมสินเพื่อนำไปปิดบัญชีสินเชื่อที่เหลืออยู่ได้ด้วย จากนั้นธนาคารจะจ่ายเงินให้ตามวงเงินกู้ที่อนุมัติ ตัวอย่าง วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ธนาคารจะจ่ายเงินงวดแรกให้ 100,000 บาท ต่อด้วยรายเดือน 1,500 - 14,500 บาท (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการกู้จะได้รับเงินกี่งวด) จนครบตามสัญญา
ส่วนกรณีสัญญาสิ้นสุดจะเกิดได้ 2 กรณี คือ
- ผู้กู้มีชีวิตครบตามเวลาที่ระบุในสัญญา จะสามารถเลือกได้ 3 แนวทาง
- ผู้กู้สามารถอาศัยอยู่ในบ้านต่อไปโดยไม่ได้รับเงินต่อจนเสียชีวิต
- ผู้กู้ทำเรื่องขอกู้เพิ่มจากธนาคาร
- ผู้กู้หรือทายาทสามารถนำเงินมาไถ่บ้านคืน
- ผู้กู้เสียชีวิตก่อนเวลาที่ระบุในสัญญา จะสามารถเลือกได้ 2 แนวทาง
- ทายาทสามารถนำเงินมาไถ่บ้านคืนจากธนาคาร
- ทายาทเลือกยกบ้านหลังนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร แล้วธนาคารนำขายทอดตลาด
สรุปได้ว่าก่อนอายุ 60 ปี การมีเงินอย่างเดียวโดยที่ไม่มีบ้านคงไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นการเลือกสินนี้ก็จะทำให้มีบ้านและเมื่อถึงวัยเกษียณจะมีบ้านอย่างเดียวก็ไม่ดีเช่นกันต้องมีเงินด้วย ดังนั้นสินเชื่อนี้จะสามารถทำให้บ้านของคุณเปลี่ยนกลายมาเป็นเงินบำนาญได้แล้วคุณก็ยังมีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นอยู่ค่ะจนครบกำหนดที่ธนาคารจ่ายเงินกู้ให้คุณครบ แยกเป็นขั้นตอนที่แตกต่างระหว่างสินเชื่อปกติกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุดังนี้
สินเชื่อที่อยุ่อาศัยทั่วไป = หลักประกัน - เงินกู้ - ธนาคาร – กรรมสิทธิ์
สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ = เป็นเจ้าของบ้านโครงการแสนสิริและได้อัตราการผ่อนที่น้อยกว่าปกติ – สามารถใช้ชิวตามความต้องการได้มากกว่าในช่วงวัยทำงาน - มีรายได้ที่เป็นหลักประกันจนถึงอายุ 85 ปี – สามารถมีสิทธิ์อยู่อาศัยในบ้านได้ตลอดชีวิต – ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน - ผู้กู้หรือทายาทสามารถไถ่ถอนบ้านได้ทุกช่วงเวลา เมื่ออายุครบ 60 ปี = ธนาคารประเมินราคาบ้านเพื่อใช้วางเป็นหลักประกันกับธนาคารออมสิน - ระยะสัญญาสูงสุด 25 ปี - วงเงินกู้สูงสุด 10,000,000 บาท
การสินสุดสัญญามีได้ 2 กรณี คือ
- ผู้กู้มีชีวิตครบตามสัญญา : อาศัยต่อไป - ทำเรื่องขอกู้เพิ่ม – นำเงินมาไถ่บ้านคืน
- ผู้กู้เสียชีวิตก่อนครบสัญญา : ทายาทนำเงินมาไถ่บ้านคืน - ยกบ้านให้ธนาคารขายทอดตลาด
วัยเกษียณมาเร็วกว่าที่คิด อย่าคิดว่ามีเวลาเตรียมตัวทั้งชีวิต
อย่าคิดว่ามีเวลาเตรียมตัวทั้งชีวิตนะคะ เวลานั้นผ่านไปเร็วถ้าคุณยังไม่แผนหรือไม่ทราบว่าเกษียณแบบไหนนี่ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ถือว่าพิเศษมาก ทำให้คุณสามารถเกษียณได้อย่างสบายใจ มีทั้งเงิน มีทั้งบ้านด้วย และยังมีเงื่อนไขพิเศษอีกมากมายด้วย ดังนั้นสินเชื่อนี้จึงเหมาะมากกับคนวัยทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่รู้จักการวางแผนและอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง และอยากสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวและมีเงินเหลือเก็บมากขึ้นแม้ต้องผ่อนบ้านก็ตาม แนวทางของสินเชื่อนี้มุ่งเน้นให้คุรคิดจะพึ่งพาตัวเองแม้ยามแก่เฒ่าไม่เป็นภาระให้ลูกหลานค่ะลองศึกษาหาข้อมูลดูนะคะ
Kittinan
น่าสนใจมาก ดีเลยๆ...เดี๋ยวจะไปบอกให้พ่อแม่ทำสินเชื่อตัวนี้ไว้ดีกว่า ตอนนี้เรายังเด็กทำไม่ได้แต่ในอนาคตคงน่าจะผ่อนแทนพ่อแม่ได้ ชอบตรงสินเชื่อนี้ที่บอกว่า ถ้าผู้กู้เสียชีวิตก่อนครบสัญญา : ทายาทนำเงินมาไถ่บ้านคืน - ยกบ้านให้ธนาคารขายทอดตลาด อย่างน้อยถ้าเราผ่อนไม่ไหวเราก็ยังขายบ้านได้ ไม่เป็นไร...ไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตต่อไป
วรวุฒิ
สินเชื่อบ้านตัวนี้น่าจะน่าสนใจผมก้อ่านข้อมุลของเค้ามาเยอะพอสมควรคิดไว้ว่าเมื่อพร้อมใช้ไปใช้บริการเค้าหน่อยเพราะเงื่อนไขโดนใจผมมากที่สุด ใครๆก็อยากมีบ้านนะเมื่อนึกถึงช่วงตอนแก่ขึ้นมา ผมก็หนึ่งในนั้นที่คิดอยากมีบ้านตอนแก่ แต่ไม่ง่ายเลยนะแต่ใครพร้อมก่อนก็อยากสนับสนุนเช็คดูเงื่อนไขของ Home for life นะ โครงการเค้าดี
วายุ
เป็นอีกสินเชื่อหนึ่งที่น่าสนใจนะครับสินเชื่อ Home for Life ทำให้คนที่วางแผนสำหรับการเกษียณก็มีเงินใช้ในบั้นปลายของชีวิต เพียงแค่มีบ้านเป็นของตัวเอง ก็สามารถนำมาเป็นเงินทุนในการใช้ชีวิตช่วงบั้นปลาย แต่สำหรับผมคิดว่าให้ถือว่าเป็นแนวทางสุดท้ายดีกว่าครับ ถ้าตอนนี้ยังอายุไม่มากก็ให้ทำการออมเงินโดยใช้กองทุนรวมไปก่อนก็ได้
Chaiyakorn
เท่าที่อ่านดูน่าสนใจนะครับ ถ้าเราสามารถมีบ้านอยู่และมีเงินใช้ด้วยตอนที่เราเกษียณแล้วมันจะดีมากเลย ขอถามนิดนึงว่าสินเชื่อ Home for life มีเฉพาะบ้านของโครงการแสนสิริเท่านั้นมั้ยครับ? ผมก็เคยห่วงแต่เรื่องค่าใช้จ่ายตอนเกษียณ ไม่รู้ว่ามีสินเชื่อเรื่องที่อยู่อาศัยแถมยังมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายด้วย ดีที่บทความนี้ให้ข้อมูลมา ขอบคุณมากครับ
น้องบ่าว
นั้นสิครับ สินเชื่อแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ เห็นแต่ โครงการแสนสิริเท่านั้น ที่มีออกมา แล้วถ้าเราซื้อบ้านจากโครงการหมู่บ้านทั่วไปเราสามารถเข้าโครงการแบบนี้ได้ด้วยไหม ไม่ใช่อะไรหลอกนะ เพราะเห็นว่าดอกเบี้ย มันไม่แพงมาก ก็น่าสนใจนะ ถ้ามันสามารถใช้สินเชื่อแบบนี้กับโครงการบ้านอื่นๆได้ เราว่าคนน่าจะสนใจทำกันมากๆเลย
ใบไผ่
ข้อเสนอฟังดูดี แต่ดูดีๆก็เท่ากับเสนอให้เราเป็นหนี้ตอนแก่นั่นเอง นี่เราสรุปในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่านะ แต่เราว่าไม่นะมันคือความจริงต่างหาก แก่แล้วยังต้องขอสินเชื่อเนี่ยนะ ยังต้องจัดการอันนั้นอันนี้ตามเงื่อนไข เราคนนึงหล่ะไ่เอาด้วยแก่แล้วขอให้สบายใจกว่านี้ดีกว่า ปลูกผักเก็บกินดีกว่า ใช้ชีวิตชนบทดีกว่าเยอะ
ริมรั้ว
ตามที่เราเข้าใจอ่านแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าขายบ้านของเราเองให้ธนาคารแบบผ่อนจ่าย ทำให้เรายังอยู่ที่บ้านหรือคอนโดต่อไปได้ แล้วตอนช่วงเกษียณก็จะมีเงินใช้...ไม่รู้เราเข้าใจถูกไหม?? ฟังดูแล้วเหมือนน่าจะโอเค นะ แต่จะดีหรอถ้าจะให้พ่อแม่ของเราเป็นหนี้ยามชรา แถมถ้ามีเงินไม่พอหนี้ก็จะตกช่วงมาถึงเราอีก… ดูไปแล้วธนาคารเหมือนจะได้เปรียบยังไงไม่รู้สินะ....
สิน
บริการที่ดีนะครับสำหรับสินเชื่อHome for Life ช่วยเราสามารถที่จะผ่อนชำระงวดบ้านกับทางธนาคาร แล้วเมื่อตอนชำระหมดแล้วเรายังสามารถขอสินเชื่อจากบ้านในช่วงที่เราอายุมาก เพื่อจะมีเงินมาใช้จ่ายในช่วงที่เกษียณนั่นเอง โดยจะมีการทยอยให้เหมือนกับเงินบำนาญ เมื่อเราเสียชีวิตไปแล้วบ้านก็จะกลายเป็นของธนาคาร ทำไมไม่เอาบ้านไปขายแล้วเอาเงินก่อนดีกว่าละครับ
น้องไลล่า
ที่อ่านมา ตามที่เราสรุปและเข้าใจ คือสินเชื่อตัวนี้ เขาจะให้เราก็ต่อเมื่อจ่ายบ้านหมดแล้ว คือเราต้องเอาบ้านหลังนี้ไปเข้ากับสินเชื่อตัวนี้อีกที ตามความคิดเรา มันก็คือการจำนองบ้านใช้ไหม แล้วทางธนาคารก็จ่ายเงินให้เราทุกๆเดือนแทนที่จะจ่ายให้เป็นก้อนเดียว ตามที่เราเข้าใจแบบนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องไหมคะ หรือว่ายังไง
น้ำตาล
เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีบ้านและต้องการที่จะมีเงินบำนาญใช้จ่ายในวัยเกษียณนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วฉันคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีครอบครัวหรือไม่มีญาติ ต้องการที่จะไม่ต้องเป็นภาระใครในช่วงวัยเกษียณ ก็สามารถที่จะวางแผนการกู้ซื้อบ้านไว้เพื่อ ขอรับสินเชื่อHome for Life ในตอนที่ตัวเองอยู่ในวัยเกษียณหรืออายุมากขึ้นค่ะ
Kun
@น้ำตาล สินเชื่อแบบนี้มันเป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆหรอครับ? แทนที่เราจะมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ต้องเป็นหนี้อะไรเลย มีเงินน้อยก็ใช้น้อยมีเยอะก็ใช้เยอะ แต่นี่เรากลับจะต้องเอาบ้านไปเข้าธนาคารเพื่อเอาเงินมาใช้ในยามเกษียณไม่รู้นะผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสินเชื่อนี้อย่างชัดเจน คือลงมาอ่านแค่ comment น่ะยังไม่ได้อ่านบทความเดี๋ยวขอตัวไปอ่านก่อนแล้วกันนะครับ
อุเทน
อ่านดูแล้ว ที่บอกว่า "เลือกดูแลตัวเองยามเกษียณอย่างฉลาดด้วยสินเชื่อ Home for Life" จริงๆจะให้บอก เราว่าไม่น่าจะใช้นะครับ อย่าลืมนะครับว่า มันเป็นสินเชื่อครับ นั้นแสดงว่าเราก็ต้องหาเงินมาจ่าย ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก มันก็เป็นการสร้างหนี้ครับ ถ้าบอกว่า เอาเงินไปลงทุน แบบนี้สิครับค่อยเข้าท่าหน่อยครับ แบบนี้ไม่เห็นด้วยครับ
ไออุ่น
@อุเทน ทำไมดิฉันคิดเหมือนคุณเลยคะ ถ้าจะวางแผนเกษียณอย่างมั่นคงมีความสุขไม่เดือดร้อนลูกหลานจริงๆ ดิฉันคิดว่าการซื้อประกันชีวิตจะดีที่สุด โดยเฉพาะประกันชีวิตที่มีเงินบำนาญให้ เราจะเกษียณอายุได้ตรงเวลาไม่เหนื่อยทำงานตอนแก่ ไม่ลำบากลูกหลานต้องมาคอยเลี้ยงด้วย สินเชื่อ Home for life อันนี้ สิ่งที่คุณบอกมันเป็นสินเชื่อ ก็จะเดือดร้อนกันไม่จบไม่สิ้น