นักวิจัยพบว่าสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้คู่ชีวิตขัดแย้งกันเป็นส่วนใหญ่คือเรื่องเงินค่ะเป็นเรื่องที่ใหญ่และลุกลามเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงขั้นจะต้องหย่าร้างไปเลยทีเดียว และหลายๆคนหลายๆคู่ก็เจอกับปัญหาเหล่านี้ซึ่งยากที่จะรับสถานการณ์เช่น เรื่องทรัพย์สินเงินทองเมื่อคู่สมรสของเราก่อนนี่เราจะต้อง เข้าไปร่วมรับผิดชอบหรือเปล่า อย่างไรก็ดีการแต่งหน้าและการจดทะเบียนสมรสนั้นทำให้คุณและคู่ชีวิตของคุณได้รับสิทธิ ในทางกฎหมายต่างๆมากกว่าคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นเองค่ะอย่างเช่นเรื่องมรดกตกทอดซึ่งทรัพย์สินเรื่องบุตร ลูกๆของเราและมีอีกหลายอย่างมากมายซึ่ง มันต้องส่งผลภาระหนี้สินด้วย ดังนั้นในบทความนี้เราได้นำข้อมูลต่างๆให้คู่ชีวิตที่ยังสงสัยและไม่ได้คำตอบนั้นได้รับประโยชน์ด้วยกันและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ เมื่อเราเจอสถานการณ์แบบนี้ค่ะ
เมื่อคู่สมรสนั้นจดทะเบียนกัน
เมื่อเราจดทะเบียนสมรส และถูกต้องตามกฎหมายก็จะมีข้อดีดังต่อไปนี้ค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้สามีภรรยาต้องดูแลซึ่งกันและกันด้วยค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้ภรรยาสามารถใช้สิทธิ์ในการใช้นามสกุลของสามีได้หรือไม่ได้ก็ได้ค่ะ
การจดทะเบียนสมรส การจดทะเบียนสมรสทำให้ การจดทะเบียนสมรสทำให้ ฝ่ายหญิงที่เป็นต่างชาติมีสิทธิ์ขอถือเป็นสัญชาติไทย ตามกับคู่ของตัวเองก็ได้ แต่จะต้องเป็นในกรณีที่ตัวเองอยากจะถือสัญชาติไทยนะคะ
การจดทะเบียนสมรสสามีภรรยาจะมีสิทธิจัดการเรื่องสินสมรสร่วมกันได้เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาระหว่างคู่สมรสตั้งแต่วันที่ คู่ชีวิตจดทะเบียน สมรสแต่ถ้าหาก มีทรัพย์สินใดก็ขึ้นมาก็จะกลายเป็นสินสมรสทั้งหมดนั่นเองค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้สามีภรรยามีสิทธิ์ที่จะรับมรดกของคู่สมรสเมื่ออีกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เสียชีวิตจากไปก่อนนั้นเองค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้มีสิทธิ์ ได้รับเงินทางราชการนายจ้างยกตัวอย่างเช่นกรณี ที่คู่สมรสของคุณตายเพราะปฏิบัติหน้าที่ทางราชการหรือนายจ้าง หรือจากการทำงานต่างๆ และการรับเงินสงเคราะห์บุตรตามกฎหมายแรงงานค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้สามีภรรยา มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องค่าเสียหายต่างๆหรือค่าทดแทนต่างๆจากผู้ที่ทำให้คู่สมรสของตัวเองเสียชีวิตยกตัวอย่างเช่นสามีอาจจะถูกรถชนหรือภรรยาอาจจะประสบอุบัติเหตุ ก็สามารถที่จะเรียกค่าเสียหายถึงชีวิตกับผู้ขับรถชนได้ด้วยค่ะ การจดทะเบียนสมรสทำให้สามีหรือภรรยาสามารถหึงหวงคู่สมรสของตัวเองได้อย่างเปิดเผยหรือออกหน้าออกตาตามกฎหมายแต่ถ้าหากพบว่าคู่สมรสนั้นมีชู้ก็สามารถเรียกค่าเสียหายได้ทั้งจากคู่สมรสของตัวเองและเรียกค่าเสียหายจาก คนที่เป็นชู้ด้วยนั่นเองค่ะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้บุตรมีฐานะเป็นบุตรที่ชอบ ด้านกฎหมายจึงสามารถใช้นามสกุลของพ่อได้สมัครเข้าเรียนได้และอีกทั้งยังสามารถรับมรดกทรัพย์สินต่างๆจากผู้เป็นพ่อได้แต่ต้องเป็นบุตรที่มีสิทธิ์ตามชอบทำของแม่อยู่แล้วนะคะ
การจดทะเบียนสมรสทำให้ได้รับการผ่อนภาษีเงินได้ค่ะ
การจดทะเบียนสมรสเรื่องทำให้สามีภรรยาที่ทำผิดต่อกันเช่นสามีลักขโมยเงินของภรรยาหรือว่าภรรยาบุกเข้าบ้านสามีผู้ที่ทำผิดไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายนะคะ
การจดทะเบียนสมรสก็ยังทำให้สามีหรือภรรยาฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายผู้สมรสของคุณได้อย่างเช่นภรรยาโดนกระชากกระเป๋าไปสามีสามารถแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีกับคนร้ายได้หรือว่าสามีโดนพูดจาดูหมิ่น ต่างๆก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทจากฝ่ายตรงข้ามได้เลยค่ะ
ดังนั้นพี่ก็เป็นข้อดีต่างๆนะคะของคนที่แต่งงานและมีทะเบียน สมรสถูกต้องตามกฎหมายค่ะต่อไปนี้เราจะมาดูความหมายของคำว่าสินสมรสด้วยกันค่ะ
ความหมายของคำว่า สินสมรส
ความหมายของคำว่าสินสมรสก็คือ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส หรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรม หรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรม หรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัวค่ะ
หากปรากฏภายหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว สามีได้นำสินสมรสไม่ว่าอะไรก็ตามยกให้ผู้อื่นเช่นนี้ ภริยาสามารถเรียกร้องคืนได้เพราะภริยามีสิทธิ์ครึ่งหนึ่งในสินสมรส การสมรสหรืการแต่งงานเมื่อมีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายหลังจากงานแต่งงาน สามี-ภรรยาจะมีความสัมพันธ์ในเรื่องทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส โดยสามี-ภรรยาเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่าง ๆ ร่วมกัน สามี-ภรรยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกัน หรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีการจัดการสินสมรสที่สำคัญ ๆนั่นเองค่ะ
หนี้ที่ต้องรับผิดชอบร่วม
นี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องร่วมรับผิดชอบก็คือหนี้สินที่อีกฝ่ายได้ก่อไว้ถึงแม่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ก่อไว้ ก็จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
หนี้สินเกี่ยวกับการจัดบ้านเรือนและหาสิ่งจำเป็นให้กับครอบครัว หนี้สินเกี่ยวกับการจัดบ้านเรือนและหาสิ่งจำเป็นให้กับครอบครัวดูแล เลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวและการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพค่ะ
หนี้สินที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส
หนี้สินที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าการงานของสามีและภรรยาที่ทำด้วยกันค่ะ
หนี้สินที่สามีหรือภรรยาก่อนขึ้นเพื่อประโยชน์ของฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งให้สัตยาบันค่ะ
แต่ในส่วนของหนี้สินที่อีกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กล่าวไว้แต่ว่าพวกคุณทั้งสองคนไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ไม่จำเป็นจะต้องไปมีส่วนร่วมช่วยเรื่องหนี้สินต่างๆของอีกฝ่ายที่ได้ก่อไว้ค่ะ
หนี้ที่ไม่ต้องรับผิดชอบร่วม
มีหลายกรณีที่ไม่ใช่หนี้ร่วม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
-
- ภาระหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้คัดค้านในการค้ำประกัน แต่ก็ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- คู่สมรสฝ่ายหนึ่งกู้เงินมาเพื่อการพนันขันต่อ ไม่ได้นำมาเพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับครอบครัว ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- เงินกู้ที่คู่สมรสผ่ายใดผ่ายหนึ่งไปกู้เพื่อใช้จ่ายขณะแยกกันอยู่ โดยที่ไม่ได้แบ่งให้อีกฝ่ายหรือให้เป็นการเลี้ยงดูอีกฝ่าย ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- หนี้ที่เกิดจากการที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่ง ก่อขึ้นเพื่อมอบให้กับบุคคลที่สามที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือชู้ ด้วยความพิศวาสสเน่หา ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- ภาระหนี้บัตรเครดิตส่วนตัวของคู่สมรส ที่ใช้จ่ายเพื่อเรื่องส่วนตัวของคู่สมรส ไม่ถือเป็นหนี้ร่วม
หากคู่สมรสเสียชีวิต
เมื่อฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต สินสมรสจะถูกแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน โดยครึ่งหนึ่งถือเป็นทรัพย์สินส่วนของคุณ อีกส่วนถือเป็นทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตและถือเป็นมรดกที่คุณจะได้รับตามกฎหมาย เจ้าหนี้สามารถทวงถามหนี้กับส่วนที่เป็นมรดกนี้ได้เท่านั้น ภายในระยะเวลา 1 ปีหลังจากคู่สมรสเสียชีวิต โดยการชำระหนี้นั้นหากภาระหนี้มีมากเกินกว่าจำนวนมรดก เจ้าหนี้มีสิทธิ์รับเอาเพียงส่วนที่เป็นมรดกเท่านั้น จะเรียกร้องเกินกว่านั้นไม่ได้นะคะ
อีกเรื่องหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับหนี้บัตรเครดิตในกรณีที่ตายไปแล้วก็คือ เรื่องของอายุความ ตรงนี้กฏหมายกำหนดไว้ว่า หากลูกหนี้ตาย เจ้าหนี้ต้องฟ้องร้องภายใน 1 ปี(โดยไม่ต้องถึงกำหนดชำระหนี้) หากไม่ฟ้องร้องจะถือว่าขาดอายุความ สำคัญตรงไหน ตรงที่ว่าหากเกิน 1 ปีแล้ว เจ้าหนี้ไม่มาฟ้องเอาเงินที่ค้างไว้ เค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องให้ทายาทของผู้ตายนำเงินมรดกมาชำระหนี้ได้อีก ซึ่งหากเจ้าหนี้มาฟ้องร้องให้เราจ่ายเงินหลังจากหมดอายุความไปแล้ว เราก็สามารถเอาเรื่องนี้ไปอ้างกับศาลได้ ถ้าหากเราเป็นหนี้แล้วตายไป เจ้าหนี้ก็สามารถทวงเงินกับทายาทได้เพียงแค่เท่ากับมรดกที่ได้เท่านั้น หากเกินกว่านั้นก็ไม่ต้องจ่าย ส่วนอายุความที่เจ้าหนี้จะฟ้องร้องเรียกเงินจากลูกหนี้ที่ตายไปแล้วคือ 1 ปี ถ้าเกินกว่านี้ก็หมดสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำว่าหากมีหนี้ก็ควรจะต้องบอกคนในครอบครัวให้รู้แต่เนิ่นๆ อย่าปิดบังกัน เพราะความตายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน แต่มีหนี้แล้วต้องชำระเป็นเรื่องแน่นอน
สรุป:คู่สมรสจำเป็นต้องใช้หนี้แทนกันหรือไม่
ก็จะมี สิ่งที่คู่สมรสกับต้องใช้หนี้ร่วมกันและไม่ใช้หนี้ร่วมกันได้ก็จะมีดังนี้ สิ่งที่ต้องใช้หนี้ร่วมกัน
-
- หนี้เกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดูตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว และการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ
-
- หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส เช่น หนี้ค่าจ้างต่อเติมซ่อมแซมบ้านที่เป็นสินสมรส หนี้เงินกู้ยืมมาเพื่อไถ่ถอนบ้านหรือที่ดินที่เป็นสินสมรส ฯลฯ
-
- หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกัน เช่น การเปิดร้านหรือกิจการค้าด้วยกัน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในกิจการค้า เช่น ค่าสินค้า ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่า เป็นต้น
-
- หนี้ที่สามีหรือภรรยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว การลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ที่คู่สมรสของตนเป็นผู้กู้ หรือการให้ความยินยอมด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือในการที่คู่สมรสเป็นผู้กู้ในสัญญากู้ เป็นต้น
ตัวอย่างที่ไม่จำเป็นจะต้องร่วมรับผิดชอบหนี้สินทุกอย่างของคู่สมรส
-
- ภาระหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้คัดค้านในการค้ำประกัน แต่ก็ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- คู่สมรสฝ่ายหนึ่งกู้เงินมาเพื่อการพนันขันต่อ ไม่ได้นำมาเพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับครอบครัว ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- เงินกู้ที่คู่สมรสผ่ายใดผ่ายหนึ่งไปกู้เพื่อใช้จ่ายขณะแยกกันอยู่ โดยที่ไม่ได้แบ่งให้อีกฝ่ายหรือให้เป็นการเลี้ยงดูอีกฝ่าย ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- หนี้ที่เกิดจากการที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่ง ก่อขึ้นเพื่อมอบให้กับบุคคลที่สามที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือชู้ ด้วยความพิศวาสสเน่หา ถือว่าไม่เป็นหนี้ร่วม
-
- ภาระหนี้บัตรเครดิตส่วนตัวของคู่สมรส ที่ใช้จ่ายเพื่อเรื่องส่วนตัวของคู่สมรส ไม่ถือเป็นหนี้ร่วม
ดังนั้น เมื่อคุณทั้งสองคนคิดที่จะมีครอบครัว เมื่อคุณทั้งสองคนคิดที่จะมีครอบครัว หรือก่อนที่จะแต่งงานพวกคุณจะต้องคำนึงและคิดให้ดีก่อนว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องระวังอย่างเช่นเรื่องหนี้สินเมื่ออีกฝ่ายได้ก่อไว้นี่ก็อาจจะต้องถามตัวเองด้วยว่ามันจะทำให้มีผลกระทบต่อครอบครัวคู่สมรสและความสงบสุขหรือเปล่าเมื่อเราคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้เรา และคนในครอบครัวของเรามีความสงบสุขค่ะ
Pingpong
การที่จะแต่งงานมันก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะไปสร้างหนี้โดยที่เราไม่รู้ แล้วเราต้องมาร่วมชดใช้ด้วย อันนี้รู้สึกแย่นะถ้าเป็นอย่างงั้น ไม่ค่อยได้คุยกันหรือแอบโกหกก็อย่าไปแต่งเลยค่ะ เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ ก่อนจะแต่งงานคงจะต้องเลือกแล้วเลือกอีก ยิ่งคนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ด้วย ยิ่งทำให้ต้องระวัง
เพียงขวัญ
จะเห็นว่าตามกฎหมาย ถ้าเป็นหนี้ที่มาจากเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวต้องรับผิดชอบร่วมกัน มันก็ตามนั้นเนอะ เพราะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ถ้าเป็นหนี้ส่วนตัวก็ต้องของใครของมันไปจัดการเอง อันนี้พอจะเข้าใจได้ เรื่องเงินนี่เรื่องใหญ่ ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ก่อนแต่งงานคงต้องดูวิธีใช้เงินของอีกฝ่ายด้วยว่ามากหรือน้อย
น้ำฝน
ถือว่าเป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่น่าปวดหัวมากสำหรับคนที่แต่งงานแล้วไม่รู้ว่า คู่สมรสของตัวเองมีหนี้สินติดตัวมาหรือเปล่า เพราะการที่จดทะเบียนสมรสแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อหนี้สินที่ติดตัวมาด้วย กลัวว่าเป็นคนที่จะไม่ได้ทำหนี้แต่ต้องมาใช้หนี้แทน บทความนี้ทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะว่ามีกรณีไหนบ้างที่เราต้องคิดถึงก่อนจะแต่งงานเกี่ยวกับหนี้สิน
Jirasuda
รู้กฎหมายมีชัยไปกว่าครึ่ง..เกี่ยวกันมั้ย แต่เราไม่เคยรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการเงินในชีวิตคู่เท่าไหร่นะ ยิ่งเรื่องการชดใช้หนี้เนี่ยไม่รู้เลยค่ะ ดีที่มาเจอบทความนี้ คนที่ยังไม่ได้แต่งงานต้องมาอ่านกันก่อนเลยนะ จะได้เข้าใจตรงกันค่ะ คนที่แต่งงานแล้วยิ่งต้องรู้เลยล่ะจะได้ไม่มีปัญหาภายในครอบครัว เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะคะ
สายธาร
เป็นไงละบรรดาสามีทั้งหลาย จะมาบอกไม่ได้นะว่า ต้องช่วยจ่ายหนี้ให้ ตอนกู้ก็ไม่บอกเรา แล้วตอนจะจ่ายก็จะมาให้เราช่วยจ่ายแบบนี้มันไม่ได้นะคะ อย่ามาขู่กันง่ายๆนะคะ แต่ถ้าเป็นหนี้ที่ร่วมกันก็ยินดีคะ ไม่ได้ว่าอะไร ช่วยกันได้คะ ไม่มีปัญหา แล้วถ้า เรามีปัญหากันละคะ เรื่องทรัพย์สิน เงินทองนี่เราจะทำกันยังดีละคะแบ่งกันยังไง
เพรียว
อ่านไว้เป็นความรู้ค่ะ เผื่อวันหนึ่งสามีชั้นเป็นอะไรขึ้นมาจะได้รู้ว่าเราต้องทำยังไงเพราะกู้ซื้อบ้านซื้อรถเป็นชื่อสามีทั้งหมด รู้ไว้จะได้เตรียมตัวใจได้ถูก สรุปว่าก็มีโอกาสที่เราในฐานะภรรยาต้องรับผิดชอบแทนอยู่เหมือนกันนะคะ แต่กยังไม่ชัดเจนเลยค่ะข้อมูลที่บอกในนี้ อยากให้ชัดเจนมากกว่านี้ สงสัยชั้นคงต้องไปหาอ่านในเว็บอื่นๆบ้างแล้ว
Looktarn
เรื่่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆนะ ก่อนจะแต่งต้องดูให้ดีๆเลยว่าฝ่ายชายเป็นหนี้บ้างหรือเปล่า ใช้เงินเป็นยังไง ไม่งั้นถ้าจดทะเบียนสมรสไปแล้วนี่แย่เลยนะ ต้องมานั่งร่วมรับผิดชอบด้วยเนี่ย แต่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัญญาก่อนการสมรสนะ แต่รายละเอียดเราก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เท่าที่รู้คร่าวๆมาคือส่วนใหญ่คนนิยมทำกันเยอะเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สวยสวย
คนมีคู่นี้ก็ลำบากเนาะถ้าเกิดว่าเราเลือกคู่สมรสอีกฝ่ายผีพนัน ใช้เงินแบบไม่คิดเราเองก็จะลำบากไปด้วย แสดงว่าการเลือกคู่สมรสสำคัญมาก แต่ข้อดีคือมีคนร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยได้ถ้ามีปัญหาเรื่องเงินอีกคนก็ช่วยได้แต่การหาคู่ดีๆแบบที่จะเพอร์เฟคเหนือยาก ทำให้เราคิดว่าอยู่เป็นโสดต่อไปแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกันรับผิดชอบเงินของตัวเอง ถ้าเราไม่สร้างหนี้เราเองก็อยู่แบบมีความสุขได้
มีน
น่ากลัวเหมือนกันนะคะสำหรับหนี้สินสมรส ที่เกิดขึ้นทั้งที่เราไม่รู้ก่อนแต่งงาน แล้วทั้งที่เกิดขึ้นในตอนที่หลังจากแต่งงานแล้วก็เกิดหนี้สิน ตอนทำให้เกิดหนี้สินก็สะดวกอยู่หรอกค่ะแต่ตอนใช้คืนเนี่ยลำบากไม่มีใครอยากใช้คืน แต่ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าในกรณีที่เราตั้งใจจะทำให้เกิดหนี้สินแล้ว ในตอนหลังแต่งงานเราก็ต้องเป็นผู้ที่ร่วมรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วย
ธนโชติ
หมายถึง มีปัญหากันจนต้องหย่าร้างใช่ไหมครับ สินสมรสทั้งหมด ต้องแบ่งครึ่งครับ ส่วนมรดกที่ตกสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น อันนี้แบ่งให้ไม่ได้ครับ แบ่งได้กรณีเดียวเลยครับ คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากได้ เราขายต่อให้ครับ อันนี้แบ่งได้ครับ อย่าถึงขั้นต้องหย่ากันเลยนะ มีอะไรค่อยๆคุยกันครับ อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผลครับ
กิตติธัช
แต่งงานแล้วก็ต้องยอมรับแล้วละครับ ถ้าเป็นหนี้สินก็ต้องมาช่วยกันแล้วละครับ ตอนที่ผมแต่งงานกับภรรยาของผม เขายังเป็นหนี้ กู้ยืมเงินที่เรียนอยู่เลยครับ แต่เราก็ไม่ได้บอกนะครับว่าหนี้ของคุณ คุณต้องหาจ่ายเอง ไม่เลยครับ ผมช่วยภรรยา ปลดเงินก้อนนี้เลยครับ เมื่อเราช่วยกัน เราก็มีอนาคตที่สวยงามเลยครับตอนนี้เราสองคนไม่มีหนี้สินอะไรแล้วนะครับ เพราะเราช่วยกัน