คุณเคยไหมที่ต้องเผชิญกับปัญหาเงินขาดมือ? ปัญหานี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนจริงๆเพราะอะไร? เพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินอย่าไม่มีการควบคุม หรือเพราะการเป็นหนี้ หรือเพราะรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย ทั้งหมดเป็นสาเหตุของปัญหาเงินขาดมือได้ทั้งนั้น แล้วถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นมากับตัวคุณหล่ะคุณจะแก้ไขอย่างไรให้ปัญหามันจบไม่ใช่เป็นการสร้างปัญหาอย่างต่อเนื่องแทน เพราะการแก้ปัญหาทางการเงินนั้นต้องแก้อย่างถูกวิธีอย่างฉลาดเท่านั้นไม่อย่างนั้นจะติดกับดักของการเป็นหนี้ได้ง่ายๆ เพราะเมื่อไหร่ที่คนคนหนึ่งเจอกับสถานการณ์เงินขาดมือสิ่งแรกที่คิดได้ตอนนั้นคงหนีไม่พ้นการหยิบยืมเงินจากคนอื่นๆแน่ๆ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกวิธีเอาซะเลยยิ่งเป็นการหยิบยืมเงินจากการปล่อยกู้เงินด่วนในรูปแบบต่างๆเช่น การกู้เงินนอกระบบ นั่นเป็นการแก้ปัญหาที่อันตรายมากซึ่งจะกลับทำให้ปัญหาเงินขาดมือนั้นกลับกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมโดยที่คุณไม่รู้ตัว

เมื่อมองเห็นถึงการแก้ไขปัญหาเงินขาดมือที่หลายคนมักจะไปผิดทางแล้วผู้เขียนจึงอยากจะเอาบทความนี้มาแนะนำการแก้ปัญหาเงินขาดมืออย่างถูกวิธีอย่างฉลาดและปลอดภัยมาให้ได้อ่านกันเผื่อว่าจะช่วยให้หลายๆคนได้หลุกพ้นจากปัญหาแทนที่จะเป็นการเพาะเชื้อปัญหาเอาไว้แทนค่ะ วิธีการแก้ไขปัญหาเงินขาดมืออย่างฉลาดนั้นมีวิธีดังนี้ ใช้ทรัพย์ที่มีเพื่อขอสินเชื่อ / กดเงินสดจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด / กู้เงินจากการทำประกันชีวิต นี่คือวิธีแก้ปัญหาเงินขาดมือที่คนที่มีปัญหานี้สามารถนำไปใช้และได้ผลที่ดีสามารถจบปัญหาได้และปลอดภัยด้วยค่ะ

ใช้ทรัพย์ที่มีเพื่อขอสินเชื่อ

ใช้ทรัพย์ที่มีเพื่อขอสินเชื่อ

ถ้าคุณเกิดสถานการณ์เงินขาดมือขึ้นมาจริงๆคงไม่มีทางเลือกมากนักคุณอาจจะต้องยอมเสียสละทรัพย์สินบางอย่างเพื่อเอามาเป็นหลักประกันในการที่จะมีเงินสดใช้อยู่ในมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีข้อเสนอเยอะแยะมากมายที่สามารถเลือกได้ให้เหมาะกับคุณ แถมยังปลอดภัยมากกว่าการไปกู้เงินนอกระบบตั้งหลายเท่า ทรัพย์สินที่คุณใช้เพื่อเป็นหลักประกันก็ปลอดภัยและยังสามารถกลับมาอยู่ในมือคุณได้เหมือนเดิมด้วย ทรัพย์สินที่ว่านี้ก็คือ บ้าน หรือรถ เป็นต้น ทรัพย์สินเหล่านี้สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นเงินสดให้คุณได้มีเงินติดมือได้ไม่เดือนร้อนค่ะ โดยถ้าเอาบ้านมาเป็นทรัพย์สินที่จะมายื่นให้กับสถาบันการเงินประเมินราคาแล้วคุณก็จะได้รับเงินสดจากราคาประเมินทรัพย์สินประมาณ 70 – 80 % ของราคาประเมินนั้นค่ะ ซึ่งอัตราดอกเบี้นตอนนี้อยู่ที่ 7.5 % ต่อปีค่ะ และเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเป็นการผ่อนระยะยาวซึ่งอำนวยความสะดวกให้คุณได้อยู่ในสภาพการเป็นหนี้ที่ไม่อึดอัดมากเกินไปนะคะ โดยอยู่ที่ระยะเวลประมาณ 15 ปีเลยทีเดียว  ส่วนถ้าเอารถมาเป็นทรัพย์เพื่อขอสินเชื่อคือจะได้รับเงินสดจากราคาประเมินประมาณ 80% ของราคาที่ประเมินออกมา อัตราดอกเบี้ยแบบ Flat Rate อยู่ที่ 13% แต่ถ้าเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่ 23% และมีระยะเวลาการผ่อนชำระที่ 12 – 60 เดือนค่ะ ก็ถือว่าไม่หนักหนาเกินไปถ้าเทียบกับการนำทรัพย์สินมาเป็นตัวช่วยให้คุณมีเงินติดตัวบ้าง ซึ่งทางสถาบันการเงินก็จำเป็นต้องการทรัพย์สินของคุณมาเป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณจะสามารถชำระหนี้ได้ก็เท่านั้นค่ะ ถ้าเกิดปัญหาเงินขาดมือก็ต้องยอมสละทรัพย์บางอย่างนะคะ

กดเงินสดจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด

กดเงินสดจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด

การกดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดมาก่อนเมื่อเจอปัญหาเงินขาดมือก็ถือว่าปลอดภัยไม่ยุ่งยากเพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แต่การกู้เงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดนี้ก็อาจจะต้องยอมรับกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่พอสมควรอยู่ที่ 20 – 28 % ค่ะ ซึ่งจะมีการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันนี้เรากดเงินออกไปเลยค่ะ แล้วอีกอย่างที่คุณจะต้องเสียเมื่อกู้เงินจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดคือเมื่อกดเงินจะมีการคิดค่าธรรมเนียม 3% ค่ะ ถึงแม้การกู้เงินแบบนี้จะสะดวกรวดเร็วง่ายดายไม่ต้องหลักค้ำประกันอะไรแต่สุดท้ายคุณต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากอยู่ ก็ขอให้เลือกตัวช่วยนี้มาเป็นตัวช่วยสุดท้ายจะดีกว่าค่ะเพื่อจะได้ไม่เครียดมากเกินไปนะคะ

กู้เงินจากการทำประกันชีวิต

กู้เงินจากการทำประกันชีวิต

ตัวช่วยนี้คุณอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนก็ได้ว่าเมื่อคุณชำระเบี้ยประกันไปแล้ว 2 ปี คุณสามารถนำกรมธรรม์นั้นมาขอกู้เงินได้ด้วย สมมุตว่าในกรมธรรม์มีการระบุว่าคุณจะได้รับเงินประกัน 1 ล้านบาทก็สามารถนำหลักฐานส่วนนั้นมากู้เงินได้ประมาณ 90,000 บาทค่ะ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้นจะมีการระบุไว้ที่กรมธรรม์ด้วยค่ะ ซึ่งแต่ละปี หรือแต่ละกรมธรรม์ก็แตกต่างกันไปลองเปิดกรมธรรม์ของคุณขึ้นมาดูกันบ้างนะคะ แต่ก็ดูเหมือนว่าการกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมากเป้นทางเลือกที่น่าสนใจและเป็นตัวช่วยที่น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเงินขาดมือได้ดีเลยทีเดียว ถ้าหากว่าคุณมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพราะเงินขาดมือจริงๆนะคะ แต่สิ่งที่คุณจะต้องเสียผลประโยชน์ก็คือจำนวนเงินที่คุณกู้เงินโดยใช้กรมธรรท์ถ้ามากเกินไปคุณจะเสียสิทธิประโยชน์จากประกันที่คุณทำไว้ได้ค่ะ ก็คือประกันที่คุณทำไว้คุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันชีวิตตัวนั้นอีกต่อไป นี่คือสิ่งที่คุณต้องระวังเมื่อเลือกตัวช่วยนี้ในการแก้ปัญหาเงินขาดมือค่ะ

เมื่อเงินขาดมืออย่าเลือกผิดทางจะเกิดปัญหาใหญ่กว่าเดิม

เมื่อเงินขาดมืออย่าเลือกผิดทางจะเกิดปัญหาใหญ่กว่าเดิม

ปัญหาการเงินนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะปัญหาเงินขาดมือที่เป็นปัญหาหลักๆ ซึ่งทำให้หลายคนต้องตกอยู่ในสภาพเป็นหนี้ แต่คุณคงเห็นแล้วว่าบางครั้งเราก็จำเป็นที่จะต้องเป็นหนี้แต่เราจะเลือกเป็นหนี้อย่างไรให้ถูกทางไม่อึดดัดจนเครียดเกินไปและเลือกการเป็นหนี้ที่เหมาะสมกับปัญหาของเราจริงๆ บทความนี้ก็แนะนำ 3 ตัวช่วยของการเลือกเป็นหนี้ที่คุณจำเป็นและเลือกได้เพื่อแก้ปัญหาเงินขาดมือไปก่อน แต่แทนที่จะมารอแก้ไขปัญหาการป้องกันน่าจะดีมากกว่าจริงไหม? ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากเจอกับปัญหาเงินขาดมือก็ควรตั้งใจเก็บออมเงิน และมเงินออมฉุกเฉินเอาไประมาณ 5-7 ของรายได้ของคุณต่อเดือนจะดีมากถ้ามีแบบนั้นรับรองว่าเมื่อเจอปัญหาเงินขาดมือคุณจะไม่ต้องไปเป็นหนี้แน่นอนแต่สามารถนำเงินออมฉุกเฉินออกมาใช้ก่อนได้ค่ะ การจะเก็บเงินออมฉุกเฉินได้ต้องแยกเงินออมส่วนนี้ออกมาต่างหากแล้วตั้งใจมีวินัยจริงที่จะไม่แตะต้องเงินส่วนนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆนะคะ เพียงแค่เท่านี้คุณก็ไม่ต้องเป็นหนี้ไม่ต้องหยิบยืมเงินจากที่ไหนทั้งนั้นเมื่อเจอกับสถานการณ์เงินขาดมือแต่สามารถเอาเงินเก็บของตัวเองมาใช้แทนไปก่อน เงินสำรองฉุกเฉินจึงสำคัญมากที่คุณทุกคนต้องมี และต้องวางแผนเพื่อจะมีให้ได้แล้วการเงินขิงคุณจะมั่นคงมากขึ้นแม้เจอปัญหาก็ผ่านไปได้ด้วยเงินออมนี่แหละ