การคิดจะมีบ้านสักหลังในสมัยนี้ อาจก่อหนี้และเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายคนอยู่เหมือนกัน! ไม่ว่าจะมาจากความจำเป็น หรือสภาพการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราต้องสร้างหนี้ เช่น แต่งงาน มีลูก หรือต้องการขยับขยายครอบครัว หนึ่งในปัจจัยสี่ อย่างคำว่า ‘ที่อยู่อาศัย’ ก็ทำให้การมองหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้
ใครกำลังกังวลอยู่ว่า ‘สินเชื่อบ้าน’ ควรเริ่มต้นอย่างไรให้กู้ผ่าน ผ่อนต่อไปได้อย่างลุล่วง และวางแผนเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างฉลาด เพื่อจะทำให้การมีบ้านสักหลังก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา ลองมาดู 7 Tips ที่ MoneyDuck นำมาฝากกันได้เลย!
ความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยบ้าน
ลักษณะพิเศษของสินเชื่อบ้าน คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ยาวนาน โดยมากสุดอาจสูงถึง 30 ปี ก่อนขอกู้เราจะต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้ ถือเป็นหนี้ที่ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนชีวิตเลยทีเดียวกว่าจะผ่อนหมด จึงต้องพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านให้ดีและเหมาะกับเราที่สุด. โดยธนาคารจะมีวิธีคิดอยู่ 2 แบบ คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ ในช่วงเวลาที่กำหนด หรือช่วง 3 ปีแรกของการกู้ และ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ที่มักจะเปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของแต่ละธนาคาร และอ้างอิงจากดอกเบี้ย MLR , MOR และ MRR
โดยสินเชื่อบ้านยังเป็นการคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยในแบบลดต้นลดดอก แสดงว่า ถ้าเราจ่ายหนี้ในแต่ละงวดแบบเท่าๆกัน งวดแรกๆก็จะถูกจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย ยอดเงินต้นจะยังคงสูงเหมือนเดิม แต่เมื่อผ่อนไปสักระยะ จำนวนดอกเบี้ยก็จะค่อยๆลดลงตามจำนวนเงินต้น ดังนั้น ถ้าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของเราเพิ่มขึ้น เงินที่ต้องผ่อนในแต่ละงวดก็จะตัดเงินต้นได้น้อย เป็นเหตุให้ต้องเพิ่มจำนวนการผ่อนต่องวด หรือผ่อนนานขึ้นอีก. จึงต้องวางแผนในเรื่องนี้ให้ดี เพราะยิ่งผ่อนนานก็ยิ่งมีภาระดอกเบี้ย
รายได้ vs ค่าใช้จ่าย
ต่อมา คือ การเช็คสถานะทางการเงินของเรา ในเรื่อง ‘รายได้’ และ ‘ค่าใช้จ่าย’ เพื่อจะสามารถวางแผนการเงินได้ว่า ควรมีภาระหนี้แต่ละเดือนเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยทางที่ดีจะต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ สมมุติว่า มีเงินเดือน 45,000 บาท ก็จะต้องมีภาระหนี้ที่ผ่อนรวมกันแล้วไม่เกิน 18,000 บาท แต่ถ้ามีหนี้อื่นๆ เข้ามาเพิ่มอีก เช่น ค่าผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต ก็ยิ่งทำให้จำนวนวงเงินในการขอสินเชื่อบ้านของเราลดน้อยลงด้วย
สำรวจความสามารถในการกู้
พอเรารู้สถานะทางการเงินแล้ว ก็จะรู้ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือน จึงสามารถเลือกซื้อบ้านที่มีราคาเหมาะสมและไม่สร้างภาระหนักจนเกินไป โดยหลักในการประเมินวงเงินกู้ของธนาคารจะคิดคำนวณจากสูตร
วงเงินกู้ได้สูงสุด = (1,000,000 x ความสามารถในการผ่อนแต่ละเดือน) หารด้วย 8,000
เพราะธนาคารจะให้กู้ 1 ล้านบาท ในอัตราส่วนที่สามารถผ่อนได้ 8,000 บาทต่อเดือน ถ้าผ่อนได้ เดือนละ 10,000 บาท ก็จะกู้ได้สูงสุด 1,250,000 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังอาจมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเข้ามา เช่น ระยะเวลาในการผ่อนชำระ เรื่องอัตราดอกเบี้ย หรือการมีผู้กู้ร่วม ที่จะทำให้ความสามารถในการกู้ขึ้นเราเพิ่มมากขึ้นได้ โดยอาจสามารถเข้าไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ของธนาคาร
วางเงินดาวน์ให้เยอะ
การวางเงินสำหรับดาวน์บ้าน โดยมากจะอยู่ที่ 5 - 20% ของราคาบ้าน แล้วสัดส่วนที่เหลือค่อยไปทำการขอสินเชื่อจากธนาคาร. แต่ถ้าใครเลือกการจ่ายเงินดาวน์แบบน้อยสุด ถึงเราจะไม่ต้องใช้เงินสดของตัวเองมาก แต่ก็จะแลกมาด้วยภาระในการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ดังนั้น หากเลือกวางเงินดาวน์ให้เยอะขึ้นประมาณ 20 - 30% ขอราคาบ้าน ก็จะช่วยประหยัดในเรื่องอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านไปได้
ดังนั้น เพื่อจะสามารถมีเงินไปดาวน์บ้านได้ในระดับแสน เราจึงต้องวางแผนให้ดี อาจเริ่มโดยการแบ่งเงินไปลงทุนในทุกๆเดือน ให้มีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี เพื่อการเพิ่มระดับของเงินก้อน เพราะยิ่งเราวางจำนวนเงินดาวน์ได้มากเท่าไหร่ จำนวนเงินต้นก็จะลดลง และประหยัดดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายลงไปด้วย
โปะด้วยเงินก้อน
ในช่วงระยะเวลาการผ่อนบ้าน ถ้าเรามีจำนวนเงินก้อนเข้ามา การเลือกวิธีโปะหนี้ในจำนวนเงินที่มากขึ้น สลับกับการผ่อนตามอัตราขั้นต่ำในแต่ละเดือนที่ธนาคารกำหนด เช่น โปะด้วยเงินก้อน 1 แสนบาท ที่ได้มากจากการลงทุน หรือโบนัสในทุกๆ ปี เพื่อลดยอดเงินกู้ จากเดิม 1,250,000 ก็จะทำให้ยอดเงินกู้คงเหลือแค่ 1,150,000 ยอดการผ่อนชำระต่อเดือนก็จะลดลง และสามารถประหยัดดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายได้มากขึ้น. วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่มีรายได้พิเศษแบบก้อนใหญ่ปีละครั้ง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้จากสินเชื่อบ้านก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายกับสิ่งอื่นๆ
เพิ่มยอดผ่อน
วิธีชำระหนี้ในแต่ละเดือนให้มากกว่าอัตราขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดก็ยังเป็นทางออกที่ควรเดิน แม้ในช่วงการเริ่มต้นทำงาน หรือขอสินเชื่อบ้านในตอนแรก เราอาจยังไม่มีฐานเงินเดือนที่สูงมากนัก จึงเลือกระยะเวลาในการผ่อนนานที่ 25-30 ปี เพื่อการลดภาระค่าใช้จ่าย แต่หากเมื่อไหร่ที่ฐานเงินเดือนเราขยับ หรือมีช่องทางในการเพิ่มรายได้พิเศษ ก็ควรจะเพิ่มยอดผ่อนในแต่ละเดือนให้สูงขึ้นตาม เช่น วิธีการผ่อนแบบขันบันได เพราะยิ่งเราสามารถเพิ่มยอดผ่อนต่อเดือนได้มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น. วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่จัดสรรเงินแต่ละเดือนได้ดี ถึงจะนำมาจัดการหนี้สินเชื่อบ้านแล้ว ก็ยังมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายอย่างเพียงพอ
แผนการรีไฟแนนซ์
วิธีสุดท้าย หากเราผ่อนมาระยะนึงแล้วรู้ว่าหนี้สินเชื่อบ้านเริ่มเป็นภาระหนักที่เกินจะแบก หรือเคยติดต่อสาขาธนาคารที่ไปขอกู้ เพื่อเจรจาขอลดดอกเบี้ยไปแล้วแบบตรงๆ โดยใช้เหตุผลการเป็นลูกค้าชั้นดี จ่ายตรงไม่ล้าช้า หรือไม่มีประวัติหนี้เสีย แต่ก็ยังไม่ไหวกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในปัจจุบัน วิธีการขอสินเชื่อก้อนใหม่เพื่อมาจ่ายในหนี้ก้อนเดิม ด้วยแผนการรีไฟแนนซ์ ก็จะทำให้เราได้อัตราดอกเบี้ยในแบบที่ถูกลง เมื่อธนาคารพาณิชย์เริ่มทำการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว. แต่ก่อนทำการรีไฟแนนซ์จะต้องดูด้วยว่าเราจะคุ้มได้คุ้มเสียแค่ไหน ในเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมจากค่าดำเนินการ
คิดจะผ่อนบ้าน ต้องผ่อนหนักให้เป็นเบา ด้วยแผนการสู่อนาคต!
‘บ้าน’ หรือ 1 ในปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต จัดเป็นความฝันที่หลายๆคนต้องการเติมเต็ม ซึ่งหากมีหน้าที่การงานและรายได้ที่มั่นคงแล้ว การมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยขอกู้สินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ย่อมเป็นแผนการณ์ที่ดีเพื่อก้าวสู่อนาคต. แม้สินเชื่อนี้จะมีลักษณะพิเศษ คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานกว่าสินเชื่อประเภทอื่นๆ แต่การคิดจะผ่อนบ้านเราต้องรู้จัก ผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะยิ่งผ่อนนาน ก็ยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก จึงต้องหาวิธีในการปลดหนี้ให้เร็วที่สุด
หวังว่า 7 Tips ที่เราได้คุยกันไป จะช่วยลดภาระเรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของหลายคนได้อย่างฉลาดและรอบคอบมากขึ้น เพราะหากเกิดความผิดพลาดหรือไม่ได้วางแผนให้ดี ย่อมสร้างปัญหาตามมา ดังนั้น เราจะต้องศึกษาข้อมูลก่อนการกู้ซื้อบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระนั้นน้อยลงไปมากที่สุด ก็จะสร้างหนทางในการปลดหนี้ได้ดีกว่านั่นเอง!
รศลิน
เวลาที่ซื้อบ้านหลังใหม่ๆ แล้วทำสัญญากู้เงินจากธนาคารมาซื้อบ้าน เราเห็นว่าจ่ายค่อนข้างยาวเลยคะ อย่างเพื่อนที่เรารู้จัก ก็ผ่อนบ้าน ใช้เวลาผ่อนประมาณ30ปีเลยคะ ใช้เวลานานมาก ดังนั้นเพื่อนๆคนไหนที่คิดอยากจะมีบ้าน ต้องคำนวนให้ดีเลยนะคะ ว่าตลอดที่จ่ายเงินซื้อบ้าน มันทำให้เรามีภาระอะไรที่เพิ่มขึ้นไหม เพราะถ้าไม่เชคให้ดีๆ อาจไม่มีบ้านก็ได้นะคะ
-Patcharapa-
เรื่องบ้านเป็นเรื่องใหญ่หากใครคิดจะซื้อ เรื่องใหญ่เพราะว่าต้องผ่อนนาน มีวิธีที่จะวางแผนอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านถึง 7 วิธี ดีมากเลยค่ะที่มีบทความดีๆมาให้คำแนะนำกับคนที่อยากมีบ้านสักหลัง จะได้วางแผนเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องดอกเบี้ยกันได้ถูกทาง ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งต้องคิดให้ถี่ถ้วน เดี๋ยวหาเงินจ่ายไม่ทันค่ะ
Lulu
ถ้าบอกว่าผ่อนบ้านต้อง 30 ปีขึ้นไปคงไม่คิดที่จะผ่อน ก็อยู่กันไปตามมีตามเกิดนั่นแหละ คิดดูนะว่าทำงานมาทั้งชีวิตจะต้องมานั่งจ่ายหนี้แค่บ้านหลังเดียวเนี่ยนะ ไม่ไหวหรอก ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตเพื่ออะไรกันแบบนั้น เหนื่อยเกินไป เราไม่เคยคิดที่จะซื้อบ้านเลยค่ะ เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่มีปัญญา อีกอย่างเศรษฐกิจแบบนี้หาเงินก็ยากจะเอาเงินที่ไหนมานั่งจ่ายหนี้ได้
นเรศ
ดอกเบี้ยแบบคงที่ ก็จะส่งเยอะหน่อยละครับ ถ้าสามารถหาสินเชื่อบ้านได้เอง ผมอยากจะแนะนำครับว่า หาสินเชื่อแบบที่เป็นลดต้นลดดอกดีกว่าครับ ข้อดีคือเราสามารถจ่ายเป็นเงินก้อนเยอะๆได้เลยครับ แล้วดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วยครับ การเลือกสินเชื่อแบบนี้ทำให้เราสามารถจ่ายได้ไวกว่าปกติครับ แต่ก็ต้องขยันหาเงินหน่อยนะครับ