ก่อนลงมือทำอะไรสักอย่าง ข้อมูลจะต้องแน่นพอ! สิ่งนี้นำมาใช้ได้เช่นกันกับ ‘การขอกู้สิน’ เพราะสำหรับบางคน ยิ่งสมัครบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกปฏิเสธบ่อยขึ้นให้เจ็บใจไปอีก ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้?! ไหนบอกว่ากู้ผ่านง่าย ทำไมฉันกู้ไม่ผ่านล่ะ!
มาค่ะ.. มาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยข้อมูลแน่นๆ กันดีกว่า กับ 5 เทคนิคในการขอกู้สินเชื่อแบบสุดชิล ที่บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำ ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีโอกาสได้รับการอนุมัติที่สูงขึ้น และรู้ทันว่าธนาคารมักจะมองเราที่ตรงไหน เพื่อขอกู้แบบผ่านฉลุยสักทีและมีเงินมาเติมเต็มความฝันของเราได้เร็วขึ้น!
มีวงเงินเหมาะสมกับรายได้
สิ่งแรก คือ จำนวนรายได้ของเราว่ามีความสัมพันธ์กับวงเงินที่ทำการขอสินเชื่อไปรึป่าว เพราะธนาคารจะต้องทำการประเมินสัดส่วนรายได้ของผู้ขอสินเชื่อ ว่ามีความมั่นคงแค่ไหน เมื่อรวมกับภาระหนี้สินเดิม จะเหมาะสมกับวงเงินที่ขอสินเชื่อหรือไม่. โดยอาจจะต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่า สินเชื่อบางแห่งอาจจะไม่ได้อนุมัติวงเงินให้เต็มที่ 100 % เราจึงต้องมีเงินออมมาเสริมทัพให้ได้อย่างน้อย 20% ของวงเงินที่ต้องการไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด
เช่น ถ้าเรามีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ก็จะขอสินเชื่อได้ไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ แต่ถ้ามีรายได้มากกว่าสามหมื่นขึ้นไป ก็จะขอสินเชื่อได้ถึง 5 เท่าของรายได้ ดังนั้น แสดงว่าวงเงินที่เราขอกู้ จะต้องสัมพันธ์กับจำนวนรายได้ของเราด้วย จะได้ไม่ถูกปฏิเสธการขอสินเชื่ออยู่ร่ำไป เพราะจะเป็นการขอเกินกว่าวงเงินที่ได้กำหนดไว้ อ้อ..และต้องขอสินเชื่อรวมกันได้ไม่เกิน 3 ที่ด้วยนะคะ เขาเช็คได้แหละจะบอก!!
จัดสรรหนี้ให้ดี
เกริ่นไปบ้างว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินเขาจะดูภาระหนี้สินเดิมของเรา ดังนั้น หนี้ปัจจุบันจะต้องรวมกันไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน จึงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ตัวเลขสวยๆ และมีโอกาสที่การขอสินเชื่อครั้งนี้จะอนุมัติได้สูงขึ้น เพราะว่าเปอร์เซ็นต์ของหนี้รวม ก็คือ สัญญาณที่บ่งบอกว่าเรามีความสามารถในการจัดสรรหนี้และผ่อนชำระได้จริงรึป่าว ถ้ายอดหนี้มีเยอะ ก็แสดงว่าเงินมักจะตึงมือเราจนเกินไป ไม่พอมีเหลือจ่าย และเสี่ยงผิดชำระในที่สุด
ถ้าเรามีภาระหนี้สินเดิมมาก ธนาคารก็อาจจะปล่อยให้กู้สินเชื่อยาก จึงต้องสร้างประวัติการชำระหนี้ให้ดี และลดหนี้ที่มีอยู่ลงไปเรื่อยๆ. โดยไม่ลืมว่า ธนาคารทุกแห่งจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ ก็จะต้องทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร จาก บริษัท ข้อมูลเครดิต แห่งชาติแน่นอน พอประวัติเราโชว์หราขึ้นมา ก็รู้หมดว่ามีหนี้กี่ขดกี่ก้อน ดังนั้น จะต้องโชว์ฝีมือเรื่องการจัดสรรหนี้ให้ดี แสดงให้ธนาคารเห็นว่า เรามีประวัติในการชำระหนี้ดีมาตลอดนะ ชำระตรงเวลา ไม่จ่ายช้า หรือค้างจ่ายเท่าไหร่เลย ก็ยิ่งแสดงว่าเรามีวินัยทางการเงินสูง และมีแนวโน้มที่จะชำระคืนได้อย่างครบถ้วนและตรงเวลาค่ะ
หมุนเวียนเงินในบัญชี
เรื่องการสร้างเงินให้หมุนเวียนในบัญชีก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งถ้าใครเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าขยันสร้างโอกาสในการอนุมัติ ด้วยการรับและจ่ายเงินผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ เช่น Promptpay โอนผ่าน QR Code และบัตรต่างๆ ธนาคารก็จะยิ่งเห็นที่มาที่ไปของตัวเลข ว่าเราเป็นผู้ประกอบกิจการจริง มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าออกชัดเจนและสม่ำเสมอ ไม่ได้มีแค่การรับเงินสดเข้าบัญชีเพียงอย่างเดียว โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อก็จะสูงขึ้น
ถ้าเป็นพนักงานประจำก็ต้องสร้างประวัติการเงินที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นสลิปเงินเดือน หรือหลักฐานที่มาของรายได้ที่ชัดเจน รายการในบัญชีที่เตรียมมามีความเคลื่อนไหวที่ไม่ผิดปกติ มีจำนวนเงินออม เงินฝากที่ดูต่อเนื่อง. หรือถ้าเป็นอาชีพอิสระ เราทำงานแบบไม่มีสลิปเงินเดือน ก็ควรมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ขอกู้แห่งนั้น อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี มีรายรับ-รายจ่ายที่หมุนเวียน เขาจะได้สามารถตรวจสอบประวัติทางการเงินของเราได้อย่างชัดเจน
ทิ้งช่วงให้เป็น!
และที่บอกไปในคำนำ ทำไมบางคน ยิ่งสมัครบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกปฏิเสธบ่อยขึ้นให้เจ็บใจไปอีก?! คำตอบก็คือ เราควรจะสมัครแค่ 1 ครั้ง ต่อ 1 เดือน ถึงจะดีที่สุด! หากขอสินเชื่อบ่อยเกินกว่านั้น จะเป็นการส่งสัญญาณให้ธนาคารจับได้ว่าเราอาจกำลังมีปัญหาหนักทางการเงิน ร้อนเงินมาก รอไม่ไหวแล้ว!! ธนาคารก็จะยิ่งไม่มั่นใจในตัวเราเข้าไปอีก ใครที่บอกว่าขอไปบ่อยๆ เผื่อลุ้น จริงๆแล้ว มันไม่ใช่! เพราะทุกข้อมูลในการสมัครของเราจะถูกบันทึกไว้และแสดงให้เห็นในแต่ละที่ จึงยิ่งส่งผลต่อการขอกู้สินเชื่อในครั้งถัดๆ ไป
ขอแนะนำเลยว่าสำหรับคนที่เดินเกมส์ผิดและพึ่งมาอ่าน ถ้าคุณเคยโดนปฏิเสธสินเชื่อ ขอให้ใจเย็นหน่อย ทิ้งช่วงไปก่อนอย่างน้อย 3 เดือน แล้วค่อยขอกู้ใหม่ เพราะถ้าเราสมัครใหม่ตอนนี้ทันที ไม่เว้นเลย ข้อมูลที่สถาบันการเงินจะใช้คิดเป็นคะแนนเพื่อพิจารณาการขอสินเชื่อ ก็จะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ มีโอกาสจะโดนปฎิเสธอยู่ ดังนั้น อดใจรออีกสักนิด ไปจัดสรรหนี้ให้ดี เพิ่มเงินหมุนเวียนในส่วนของรายได้ เราก็จะมีคะแนนที่ดีขึ้นและโอกาสในการขอสินเชื่อคราวหน้าก็จะง่ายขึ้นค่ะ
ศึกษาหลักเกณฑ์ในการอนุมัติของแต่ละที่
SET หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เคยแนะนำไว้ใน ‘เงินทองต้องวางแผน’ ว่า หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารต่างๆ มักจะดูคุณสมบัติของตัวผู้กู้ ด้วย 5C คือ
- Character หรือ ตัวผู้กู้ เช่น อายุ อาชีพ ความมั่นคงของรายได้ และประวัติการชำระหนี้ 2
- Capacity หรือ ความสามารถในการชำระหนี้ จะต้องมีสัดส่วนเงินงวดต่อรายได้สุทธิไม่เกิน 33%
- Capital หรือ เงินทุนส่วนตัวสำหรับเงินดาวน์ประมาณ 10-20%
- Collateral หรือ หลักประกัน เช่น สังหาริมทรัพย์/อสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง และผู้กู้ร่วม
- Condition หรือ เงื่อนไขอื่นๆ เช่น นโยบายในการปล่อยสินเชื่อ หรือข้อกำหนดขอเงินกู้
ดังนั้น จึงต้องศึกษาหลักเกณฑ์ในเบื้องต้นว่าเรามีคุณสมบัติพร้อมรึยัง. และสิ่งที่เป็นปัญหากันบ่อยที่สุด คือ เรื่องเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าใครไม่แน่ใจตรงไหน ก็ขอให้เดินเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคารตรงๆเลย ว่าเราจะมาขอกู้สินเชื่อนะ จะต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติม จดมาให้ครบ และยื่นไปให้หมด เพราะถ้ายื่นเอกสารไม่ครบ ขั้นตอนในการอนุมัติสินเชื่อก็จะช้าลง หรืออาจถูกปฏิเสธออกมาจะยุ่งไปใหญ่!
การขอสินเชื่อให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี ต้องมีที่มา และเตรียมได้ไม่ยาก!
และนี่ คือ 5 เทคนิคที่เราสามารถเตรียมที่มาในการขอสินเชื่อของเราให้ผ่านได้อย่างลุล่วงไปด้วยดี เห็นมั๊ยละค่ะว่าแต่ละข้อทำได้ไม่ยากเลยด้วยซ้ำ คือ มีวงเงินการขอสินเชื่อที่เหมาะสมกับรายได้ จัดสรรหนี้ให้ดี มีการหมุนเวียนเงินในบัญชี ทิ้งช่วงให้เป็น และศึกษาเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อในแต่ละที่ แค่เราเตรียมให้ครบทุกจุด ข้อมูลแน่นๆแบบนี้ดีเสมอ
เพราะเรื่องหลักๆ ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องการจากตัวผู้ขอกู้สินเชื่อ ก็หนีไม่พ้นเรื่องความมั่นคงของรายได้ ประวัติทางการเงิน และประวัติเครดิตบูโรว่ามีหนี้เสียมาก่อนรึป่าว เราจึงต้องเคลียร์ตัวเองให้เอี่ยมที่สุด จะได้ไม่กระทบต่อวงเงินที่ได้ขออนุมัติไปค่ะ. และเมื่อได้รับการปล่อยกู้สินเชื่อแล้ว ก็อย่าลืมรักษาวินัยที่ดีทางการเงินต่อไป จะได้สามารถชำหนี้ได้อย่างครบถ้วนและตรงเวลา เป็นลูกหนี้ที่ดีต่อสถาบันการเงิน แล้วโอกาสในการขอกู้สินเชื่อครั้งต่อไปในอนาคตก็จะมีคะแนนนำสูง อนุมัติผ่านง่ายเลยล่ะ!
บอกเล่าความคิดเห็นและสิ่งที่คุณรู้ที่นี่