การวางแผนทางการเงินก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเตรียมความพร้อมนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในชีวิตของเราได้ซึ่ง เราต้องเริ่มจากการปลูกฝังนิสัยทางการเงิน จากการออมและก็การใช้เงินอย่างสมดุลและสมเหตุผลด้วย ตั้งแต่วัยเด็ก เราก็ได้รับการบ่มเพาะวินัยทางการเงิน จากพ่อแม่แต่เมื่อเข้าสู่วัยทำงานก็จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการวางแผนการเงิน รายได้ให้เพียงพอกับ การออมเงิน ตามเป้าหมายแล้วก็รายจ่ายรายรับต่างๆของเรา อย่างเหมาะสม
เมื่อจำเป็นต้องดูแลตัวเองและคนในครอบครัว การทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบและยังมีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นมาอีก เราต้องทำให้ การวางแผนทางการเงินมีความสำคัญมากขึ้นที่ส่งผลกับตัวเองและครอบครัวอย่างมากเพราะเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว ที่จะทำให้ครอบครัว มีความมั่นคงได้ ถึงแม้จะเกษียณอายุไปก็ยังต้องวางแผนทางการเงินเขาว่า เป็นวัยที่มีรายได้ลดน้อยลงด้วยแต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมและยังมีอยู่เรื่อยๆหรืออาจจะสูงขึ้น ในหลายๆอย่าง เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือรายรับรายจ่ายของลูก ถ้าหากเราไม่มีการวางแผนที่ดี ก็จะทำให้เกิดปัญหา
ดังนั้น เราต้องทดลองทำแบบประเมินความรอบรู้ทางการเงินของเราเพื่อดูว่าปัจจุบันเรามีความมั่นคงและความสามารถทางการเงินมากน้อยขนาดไหนและมีทักษะความมั่นคงทางการเงิน อย่างไร ในส่วนบุคคลและความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เพียงพอหรือไม่ เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนต่างๆในการ การต่อไปนะคะ
ดังนั้นให้เรามาดูกันว่าการวางแผนทางการเงินนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง ให้เรามาดูด้วยกันดังนี้ค่ะ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การวางแผนเกษียณอายุ ที่นี่
ประเมินฐานะเพื่อวางแผนการเงิน
ก่อนอื่นให้เรา มาดูว่าฐานะการเงินของเราเป็นอย่างไร เราต้องประเมินฐานะทางการเงิน ที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีอยู่แต่ว่าเป็นความ มั่งคั่งสุทธิ ซึ่งจะสามารถประเมินได้จากการจัดทำบัญชีของเรา ทรัพย์สินหนี้สินดังนั้นให้เรามาคำนวณด้วยการดังนี้ค่ะ
สิ่งที่เราควรทำก็คือคุณควรจดบันทึกเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายในชีวิตประจำวันของคุณ ว่าคุณจ่ายอะไรไปบ้างหรือว่าซื้ออะไรไปบ้าง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถมองเห็นถึงการประพฤติของคุณพฤติกรรมทางการเงินของคุณนั้น จะถูก ชี้แจงออกมาว่าคุณเป็นคนอย่างไรแต่ละรายการจะถูกแจกแจงออกมาอย่างชัดเจน จะทำให้คุณตระหนักว่าค่าใช้จ่ายไหนที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปหรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อมัน คุณก็จะสามารถที่จะตัด ไปได้ เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือค่าบัตรเครดิต หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ท่องเที่ยว ดูหนัง หรือค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ
หลังจากทราบแล้วจึงค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของคุณให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนเงินออมการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น รวมทั้งยังทราบว่ารายได้ทางใดน้อยเกินไปจะสามารถหาได้เพิ่มอีกได้หรือไม่ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าเราควรเพิ่มหรือว่าควรลดลงไป
หากประเมินค่าใช้จ่ายที่มีในแต่ละเดือนแล้วพบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เน้นหนักไปที่การชำระหนี้สิน เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่ารถ หรือค่าบัตรเครดิต คุณอาจวางแผนลดภาระเหล่านี้ เช่น การรีไฟแนนซ์ โดยการกู้เงินก้อนใหม่ที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อนำไปชำระหนี้ก้อนเก่าที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ก็จะช่วยให้ภาระและค่างวดลดลง สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญคืออัตราดอกเบี้ยที่แต่ละสถาบันการเงินนำเสนอ รวมถึงรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ระยะเวลาปลอดหนี้ เป็นต้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวคุณเองนั่นเองค่ะ
นอกจากจะต้องลดภาระและค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว การเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ การบริหารเงินออมจะช่วยให้สร้างรายได้มากขึ้น แทนที่จะฝากเงินไว้ที่ธนาคารเพียงอย่างเดียว ก็เปลี่ยนวิธีมาลงทุนในลักษณะต่างๆ ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ เช่น ประกันแบบออมทรัพย์ ตราสารทางการเงินต่างๆ หรือกองทุนรวม เป็นต้น
หากคุณเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษี อย่าลืมใช้สิทธิประโยชน์จากค่าลดหย่อนภาษีด้วยนะครับ สิทธิประโยชน์พื้นฐานเหล่านี้ เป็นสิ่งที่จะช่วยลดรายจ่าย และเพิ่มเงินออมของคุณอีกทางหนึ่งค่ะ
วางแผนการเงินให้เหมาะกับความสามารถทางการเงิน
เราควรมีการตั้งเป้าหมายและเวลาที่กำหนดเพื่อจะทำให้เป้าหมายของเรานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น นี่รวมถึงการจัดลำดับ ของความสำคัญของเป้าหมายให้สอดคล้องกับความสามารถทางการเงินของเราด้วย ในแต่ละช่วงเวลานั้นๆ เช่นหากในขณะนี้เรามีรายได้น้อยหรือภาระทางการเงินมาก ก็อาจเลื่อนเป้าหมายที่ไม่สำคัญออกไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญหรือเร่งด่วนก่อน
ควรนำ “สิ่งที่จำเป็นต้องมี” มากำหนดเป็นเป้าหมายก่อน “สิ่งที่อยากได้” โดยเป้าหมายที่ดี ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เฉพาะเจาะจง ควรเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนไม่คลุมเครือ มีความเฉพาะเจาะจงว่าเราควรทำอะไรและทำสิ่งนี้เพื่ออะไร
- ความพอประมาณ สิ่งนี้ สามารถวัดผล เป็นตัวเลขหรือจะเป็นเงินก็ได้เช่นกัน เพื่อเราจะได้รู้ว่าความก้าวหน้าหรือความพัฒนาของเราใกล้ถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง
- ความสามารถที่จะทำได้ เราจะสามารถทำสำเป้าหมายเร็จได้และรู้วิธีที่จะทำให้สำเร็จ
- ทำได้จริง จะต้องเป็นสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานความจริง
- จัดเวลาที่แน่นอน ก็คือมีกรอบเวลาที่แน่ชัด ว่าจะเริ่มทำเมื่อไหร่ใช้เวลานานเท่าไรจนถึง เป้าหมาย โดยแบ่งเวลาเป็นระยะสั้น ภาคกลางและระยะยาว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่มักจะผิดพลาดในเรื่องนี้ เช่น ไม่เคยรู้เลยว่าตอนเกษียณเราควรต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ หรือ ถ้าจะส่งลูกเรียนเราควรต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ เป็นต้น
ซึ่งข้อนี้ ก็อยากให้ทุก ๆ ท่านจัดลำดับเป้าหมายตามความสำคัญ และ ตามระยะเวลาด้วย เช่น ถ้าเป้าหมายระยะยาวเกินกว่า 10 ปีนี้ เรามีเรื่องอะไรที่กังวล อาจจะเป็นเรื่องการเกษียณอายุ หรือการเก็บเงินให้ลูก เป็นต้น หรือถ้าเป้าหมายระยะกลาง ๆ ได้แก่ ต้องการแต่งงานในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ อยากซื้อบ้านใหม่ใน 3 ปี ควรต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ดี เป็นต้น
ข้อนี้คือส่วนสำคัญมาก ๆ ของแผนการเงินแบบองค์รวมเช่นกันเพราะในชีวิตของคนเราทุก ๆ คนอาจจะต้อง ประสบกับเรื่องไม่คาดฝัน ทั้งอาจจะใหญ่บ้าง รุนแรงบ้าง เช่น ไฟไหม้โรงงาน รถชน รถหาย เป็นโรคร้ายแรง หรือ กลายเป็นคนพิการทุพพลภาพ หรือ อาจจะเล็กน้อยบ้าง เช่น หกล้ม รถเฉี่ยว ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งความเสียหายดังกล่าวนั้น ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วไม่มีผลกับสถานะการเงินของเรา ก็แสดงว่าเราวางแผนดีแล้ว แต่ถ้ามันเกิดกับเราแล้วมีผลทำให้การเงินของเราเสียหาย ก็แสดงว่าแผนการเงินของเราน่าจะยังจัดการเรื่องนี้ไม่ดี
ดังนั้นการจัดการที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ก็คือการโอนความเสี่ยงให้บริษัทประกันรับผิดชอบไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประกันรถ ประกันไฟไหม้บ้าน ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และ ประกันโรคร้ายแรง ซึ่งก็ควรจัดให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของเราด้วย ไม่ทำมากเกินไปจนจ่ายเบี้ยไม่ไหว หรือ ทำน้อยเกินไปจนไม่สามารถช่วยอะไรได้หากต้องเจอเหตุการณ์ร้ายแรงจริง ๆค่ะ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เป้าหมายทางการเงิน ที่นี่
จัดวางแผนสู่เป้าหมาย
ดังนั้น มันสามารถ นำเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งถ้ามั่นใจว่าได้ ก็ขอแสดงความยินดีว่าคุณเริ่มเข้าใจคำว่าวางแผนการเงินดีขึ้นแล้วครับ แต่ถ้าใครยังตอบไม่ได้หรือไม่มั่นใจ ก็ควรต้องรีบกลับไปตรวจสอบแผนการเงินของตัวเองแล้วว่าเราต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เราต้องไปลงทุนตรงไหนเพิ่ม หรือ เราต้องลดค่าใช้จ่ายในส่วนไหนหรือไม่ ควรมีการจัดทำแผนการบริหารเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น เราจะใช้จ่ายเงินอย่างไร หารายได้เพิ่มเติมจากแหล่งไหน หรือนำไปลงทุนอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยต้องจัดสรรระยะเวลาของแผนให้สัมพันธ์กับรายได้และภาระทางการเงิน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ และไม่กดดันตัวเองจนเกินไปนั่นเองค่ะ
เคร่งครัดกับเป้าหมาย
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นและมีวินัย เพราะหากขาดการปฏิบัติที่จริงจังและต่อเนื่อง ก็ยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้ ควรวางแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายรับ โดยพิจารณาว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีอะไรบ้าง แล้วกันรายรับส่วนหนึ่งไว้สำหรับเงินออมและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก่อน หากพบว่ารายรับไม่เพียงพอก็ควรหาทางลดรายจ่ายหรือเพิ่มรายได้ ควรเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน มีเงินออมเผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉินที่ครอบคลุมรายจ่ายประจำอย่างน้อย 6 เดือน
รวมทั้ง ตรวจสอบสวัสดิการและประกันสุขภาพที่มีอยู่ว่าครอบคลุมแค่ไหน หากไม่เพียงพอ การทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งพิจารณาเรื่องความไม่แน่นอนของรายได้ในอนาคต ก่อนตัดสินใจกู้ยืมเงินทุกครั้งอาจหาแหล่งรายได้เสริมหรือนำสินทรัพย์ที่มีไปลงทุนให้งอกเงยขึ้น
ตรวจสอบวางแผนการเงินอยู่เสมอ
ดังนั้นเป็นการดีที่จะ ควรหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือไม่หากไม่ก็ต้องหาสาเหตุว่า เกิดจากตัวเราหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ทำให้ไม่เป็นไปตามแผน แล้วปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดวินัยทางการเงินและมีความมั่นคงทางการเงินอย่างแน่นอนค่ะ
ถ้าหากเรารู้ล่วงหน้าว่าจำเป็นจะต้องใช้เงินมากเราควรที่จะวางแผนทางการเงินในการเก็บเงินไว้แต่เนิ่นๆบริหารเงิน เอาให้มันมากขึ้นเช่นไปฝากธนาคารซื้อพันธบัตรซื้อประกันสะสมทรัพย์ ซื้อกองทุนรวม ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเราก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจรูปแบบการออมและรวมทั้งความเสี่ยงทั้งติดตามข่าวภาวะเศรษฐกิจต่างๆที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเราด้วย เช่น ภาวะการเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
แล้วถ้าหากคุณใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลควรใช้อย่างมีวินัยด้วยนะคะ แล้วถ้าหากคุณใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลควรใช้อย่างมีวินัยด้วยนะคะจัดเก็บใบเสร็จเพื่อที่จะ ตรวจสอบอยู่เสมอและจ่ายเงินตรงตามเวลากำหนด ถ้าจะไม่ได้ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็นนั่นเองค่ะ การก่อหนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหากมีการบริหารจัดการที่ดี และเลือกก่อหนี้ที่มีประโยชน์ เช่น การกู้ซื้อบ้านหรือกู้เพื่อประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม ควรประเมินความสามารถในการชำระคืนก่อน โดยภาระการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหนี้ทุกประเภทในแต่ละเดือนรวมกัน ไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน
หากมีหนี้สินเกินตัว ก็ต้องพยายามปลดหนี้ด้วยการประหยัด ทยอยผ่อนชำระ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบและหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ที่สำคัญไม่ควรก่อหนี้เพิ่ม หากไม่สามารถชำระคืนได้ ก็ควรหารือกับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกร่วมกัน นะคะ และหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเพื่อครอบครัวและระบบทางการเงินของคุณจะมีฐานที่มั่นคงและไม่เกิดปัญหาค่ะ หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
Phatra
ผมมีชอบเก็บเงินและเป็นคนชอบวางแผนเงิน ทุกครั้งที่เงินเดือนออกมักจะจัดระบบระเบียบเงินในแต่ละเดือน แยกประเภทค่าใช้จ่าย และแยกเป็นส่วนเงินเก็บ เพราะว่าอยากออมไว้ในการที่จะเอาไปลงทุนสักก้อนนึง ส่วนอีกก้อนนึงจะเอาไว้ซื้อบ้านในอนาคตเลยต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่ตอนนี้ครับ ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำงานเลยคิดว่ายังมีโอกาสเก็บเงินได้อีกเยอะ
เปียโน
ถึงยังไม่รู้ว่าจะซื้อหรือเอาเงินไปลงทุนอะไร หากมีรายได้แล้วก็ควรแบ่งเก็บไว้เลยค่ะ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น มีเงินสำรองไว้มันดีกว่าอยู่แล้ว บทความนี้แนะนำดีมากเลยค่ะ เราว่าเรื่องการมีวินัยสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าขาดการมีวินัยที่ดีจะสำเร็จยาก การเอาชนะใจตัวเองนี่ยากที่สุดแล้ว แต่ก็ต้องพยายามกันต่อไปค่ะ
น้ำฝน
สรุปแล้วการวางแผนการเงินถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องให้ไว้เป็นอันดับแรกในชีวิตเลยนะคะ เพราะว่าถ้าเราไม่มีการวางแผนทางการเงินผลเสียตามมาก็คือเราจะเป็นหนี้สินแล้วก็ไม่รู้ว่า ค่าใช้จ่ายที่เราหาในแต่ละคืนเดือนจะเพียงพอต่อการใช้จ่ายไหม แล้วชีวิตของเราก็จะเป็นคนที่ไม่รู้จักวางแผนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยตามสภาพการโดยที่ไม่วางแผนค่ะ
เรนโบว์
อยากประสบความสำเร็จทางการเงินต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างดีค่ะ วางแผนแล้วต้องทำตามด้วยไม่งั้นก็ไม่เกิดผล มีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้อ่านให้ศึกษากัน ดีมากนะคะ เพราะปกติคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้คิดวางแผนเรื่องการใช้เงินเป็นเรื่องเป็นราว อาจจะแค่คิดว่าต้องซื้อของอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ เงินที่มีพอจ่ายมั้ย ประมาณนี้ค่ะ
กล้วยหอม
ก็จริงอย่างที่บทความนี้บอกนะคะ การจะเก็บออมเงินได้นั้นจะต้องมีการวางแผนจัดการกับการเงิน อย่างดีและตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับความเป็นจริง อย่างเช่น ถ้าเรามีเงินเดือนไม่ได้มากแล้วเราเก็บอย่างเดียวก็จะทำให้เรามีชีวิตที่ทุกข์ทรมานคือจะไม่ได้ใช้เงินเลย แต่ถ้าเราใช้อย่างเดียวก็จะไม่มีเงินเก็บเลย ก็ทำให้ทุกข์ทรมานไปอีกแบบนึงเหมือนกัน พูดง่ายๆว่าต้องมีการวางแผนจัดการที่ดีให้ตรงกับตัวเราถึงจะเก็บออมได้สำเร็จ
น้ำส้ม
ใช่ๆ ตั้งเป้าหมายแล้วต้องคอยทบทวนเป้าหมายด้วย ว่าตอนนี้ไปถึงเป้าหมายของเราหรือยัง ยิ่งเรื่องการเก็บเงินด้วย ต้องคอยเชค เป้าหมายดีๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง อาจเป็นไปได้นะที่วางเป้าหมายไว้แล้วบางช่วงของเวลา มันไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ อันนี้ก็ต้องมานั้งดูแล้วละว่าอะไรคือปัญหา แล้วพยายามอุดรอยรั่วนั้น
ปูนิ่ม
ชอบที่บอกว่า เป้าหมายควรจะทำได้จริง และจะต้องเป็นสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานความจริง อันนี้ถูกต้องเลยค่ะ อย่างเช่น บางคนเงินเดือนน้อยแต่ออมเยอะมากจนไม่มีเหลือได้ใช้เลย...หรือบางคนไม่ดูเงินเดือนตัวเองเห็นคนอื่นออมเยอะก็ออมเยอะบ้าง....อันนี้เราไม่เห็นด้วยเลยค่ะ การออมต้องสมดุลต้องไม่เยอะหรือน้อยเกินไปถึงจะบรรลุเป้าหมายค่ะ
เงาะ
เราว่าการวางแผนการเงินของตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเราเลยนะ แค่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนให้ทำเป็นนิสัยทำเป็นประจำทำทุกวันในแต่ละเดือนนี้ก็ว่าอยากแล้ว แต่เรารู้ว่าการทำได้นะดีกว่า ถ้าวางแผนการเงินได้ชีวิตเราก็จะไม่เครียดมากตอนแรกอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ไม่รู้จะทำยังไงให้เป็นนิสัย คงต้องใช้เวลาฝึกอีกนาน
มะนาว
เมื่อมีการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบเรียบร้อยดีแล้ว จำเป็นต้องมีการทำตามอย่างเคร่งครัดครับ ไม่อย่างนั้นการวางแผนที่ทำมาก็จะไม่ได้เป็นประโยชน์จริงๆ คิดดูว่าการวางแผนทางการเงินจะช่วยให้เราสามารถมีเงินทดลองดูว่ามีเงินเหลือใช้ เราใช้ทั้งเวลาและความสามารถในการคิดวางแผนมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำตามเท่านั้นเอง
กัญจน์
เป้าหมายต้องอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริงอันนี้เห็นด้วยกับเพื่อนๆเลยนะครับ วางแผนอะไรที่ใหญ่เกินตัว ผมว่ามันจะลำบากเอานะครับ แถมถ้าไม่ได้อย่างที่วางแผนไว้ก็จะต้องมานั้งเครียดกับตัวเองให้เสียสุขภาพจิตอีก ไม่ต้องวางแผนอะไรที่ไกลเกินตัวครับ เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆก่อนก็ได้ครับแบบเป้าหมายระยะสั้นนะครับแล้วค่อยปรับเอาครับ