ในแต่ละวันคนเราต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายแตกต่างกันไป และก็ต้องมีอยู่ทุกๆวัน แต่เมื่อมองถึงค่าใช้จ่ายรายเดือนของแต่ละคนก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นไปอีก เมื่อสิ้นเดือนการรับเงินเดือนก็กลับกลายเป็นความเครียดของใครหลายๆคนได้เพราะว่าต้องนำเงินนั้นมาใช้จ่ายบิลต่างๆจนเหลือเงินน้อยนิดเดียวเอาไว้ใช้ ส่วนบางคนก็มี ค่าใช้จ่ายตอนสิ้นเดือนที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ จึงทำให้หลายๆคนอยากรู้ว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้สามารถจัดการค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้เพียงพอต่อรายรับ และจะประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จะมาบอกให้คุณได้รู้ถึงตัวช่วยที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวิธีแบบเดิมๆที่ก็ยังสามารถใช้ได้ผลอยู่จนทุกวันนี้ให้คุณได้ลองนำไปใช้ดูค่ะ ซึ่งจะนำมาฝากกัน 4 วิธี คือ = จดบันทึกรายรัยรายจ่าย = แยกประเภทของค่าใช้จ่าย = ชำระแบบตัดบัญชีอัตโนมัติ = ชำระโดยตัดบัญชีบัตรเครดิต

จดบันทึกรายรับรายจ่าย

จดบันทึกรายรับรายจ่าย

การจดบันทึกรายรับ – รายจ่าย เป็นวิธีเบสิคมากๆที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นเก่าๆแล้ว แต่ก็ยังสามารใช้ได้ผลอยู่ในทุกวันนี้ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนจาการจดบันทึกในสมุดธรรมดาๆเป็นการจดบันทึกในสมุดโน๊ตที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคแทน อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต ไอแพด ไอโฟน เป็นต้นค่ะ ซึ่งประโยชน์ของการจดบันทึกนี้ก็คือ คุณจะรู้ที่มาที่ไปของเงินของคุณที่เข้าออกอย่างชัดเจน ไม่ค่อยตกหล่นสูญหายไปง่ายๆ ซึ่งพอสามารถรู้ที่มาที่ไปของเงินแล้วก็จะสามารถจัดการเงินที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถวางแผนการใช้จ่ายเงินได้ดีด้วย ว่าตอนนี้ใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นไปกี่บาท? และตอนนี้เหลืออยู่กี่บาท? จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอีกกี่บาท? สามารถแบ่งหรือเหลือเงินเอาไว้เก็บได้กี่บาทในเดือนนี้? การจดบัทึกรายรับ – รายจ่ายทำให้คุณสามารถตอบคำถามตัวเองได้ทุกๆคำถามที่ยกตัวอย่างมานี้ค่ะ การที่คุณรู้คำตอบทั้งหมดนี้ช่วยอะไรได้อีก? คำตอบคือช่วยให้คุณไม่กงวลและไม่เครียดมากเกินไปเพราะรู้ที่มาที่ไปของเงินที่จ่ายออกไปอย่างชัดเจน และในทุกวันนี้คนรุ่นใหม่ก็มีเครื่องมือต่างๆมากมายนอกจากสมุดโน๊ตในโทรศัพท์ธรรดาๆแล้วก็ยังมีแอปพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อการทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายโดยเฉพาะด้วยค่ะ เห็นมั้ยคะว่าทุกวันนี้สะดวกจริงๆ ดังนั้นเพื่อจะจัดการค่าใช้จ่ายอย่างดีควรลงมือจดบันทึกรายรับ – รายจ่ายกันได้แล้วนะคะเพราะทุกวันนี้ทำได้ไม่ยากเลย ซึ่งอยากจะนำตัวอย่างของแอปพลิเคชั่นที่ใช้ได้มาบอกกันก็คือ

Home Budget Lite – เป็นแอปพลิเคชั่นของทีศัพท์มือถือที่สามารถช่วยให้คุณจดบันทึกรายรับรายจ่ายได้อย่างสะดวกบนมือถือที่คุณพกพาคิดตัวไปทุกที่ และมีในภาษาไทยด้วยนะคะ การจดบันทึกผ่านแอปแบบนี้ช่วยให้การใช้จ่ายของคุณไม่ตกหล่นเลยเพราะไม่ว่าวันนี่คุณจะซื้ออะไรไปบ้างก็สามารถนำมาใส่ในแอปได้เลยทันทีเพื่อจะไม่ลืมเพราะจดได้ในมือถือที่คุณพกพาไปด้วยอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่แอปตัวนี้เท่านั้นคุณสามารถโหลดแอปอื่นที่สามารถใช้ได้มาใช้ได้ด้วย ซึ่งแอปเหล่านี้มีคุณสมบัติดังนี้ค่ะ

  • สามารถจดบันทึกรายรับ – รายจ่ายได้
  • สามารถดูภาพรวมของรายรับ – รายจ่ายได้เป็นรายวัน และเป็นรายสัปดาห์ และเป็นรายเดือนได้ด้วย
  • สามารถช่วยคำนวณ และวิเคราะห์รายรับ – รายจ่ายประจำวันไปจนถึงประจำเดือนได้
  • สามารถให้คุณระบุรายรับ – รายจ่ายลงไปในปฏิทินได้
  • สามารถส่งข้อมูล หรือแชร์รายรับ – รายจ่ายไปยังที่อื่นๆได้ในรูปแบบไฟล์ CSV ได้

เห็นมั้ยคะว่าการจดบันทึกรายรับ – รายจ่าของคนรุ่นใหม่นั้นสะดวกและง่ายมากลองทำกันดูนะคะ และประโยชน์ของการทำรายรับ –รายจ่ายก็มีอีกคือ ทำให้คุณรู้จักค่าใช้จ่ายของคุณในแต่ละเดือน , ทำให้คุณรู้จักการคิดให้รอบคอบก่อนจะจ่ายเงินออกไป และไม่ใช่แค่จดบันทึกเพื่อจะรู้เรื่องเหล่านี้เท่านั้น อต่การจดบันทึกนั้นทำให้คุณดูได้ว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้างที่สามารถลดลงได้ และเห็นว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ไม่จำเป็นท่สามารภจะตัดออกไปได้และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคุณก็ตัดออกไปได้เลย เพื่อที่คุณจะได้มีเงินเหลือเพิ่มเติมมาอีกช่วยให้เก็บออมได้มากขึ้นง่ายขึ้นค่ะ

แยกประเภทของค่าใช้จ่าย

แยกประเภทของค่าใช้จ่าย

อย่างที่บอกว่าในแต่วัน และในแต่ละเดือนนั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายออกไปหลายอย่าง หลายประเภท ดังนั้นเพื่อจะเห็นภาพค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนก็ต้องมีการแบ่งแยกประเภทออกมา ซึ่งสามารถที่จะแบ่งแยกประเภทออกมาได้สามประเภทหลักๆ คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ , ค่าใช้จ่ายผันแปร , ค่าใช้จ่ายเพื่อการออม และการลงทุน เรามาดูการแบ่งค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างกันค่ะว่าแบ่งอย่างไรบ้าง?

ค่าใช้จ่ายคงที่

ค่าใช้จ่ายคงที่ หรือเรียกอีกอย่างว่าค่าใช้จ่ายประจำ ก็จะมีดังนี้คือ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าผ่อนชำระหนี้สินต่างๆ ค่าโทรศัพทื ค่าอินเทอร์เน็ต เป็นต้นค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณสามารถรู้ล่วงหน้าและมีบิลทุกครั้งทำให้ค่าใช้จ่ายเหฃ่านี้ไม่ค่อยตกหล่นสูญหายสักเท่าไหร่ การแบ่งเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้จึงทำได้ไม่ยากและควรจะทำ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบการใช้ชีวิตของเราค่ะ เช่นไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟก็จะโดนตัดน้ำตัดไฟได้ถ้าอย่างนั้นก็เดือนร้อนแน่ๆ

ค่าใช้จ่ายผันแปร

ค่าใช้จ่ายผันแปร หรือเรียกอีกอย่างได้ว่าค่าใชจ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ ซึ่งก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอนมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน แต่ละเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่ารักษพยาบาล เป็นต้น ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้การแยก หรือแบ่งค่าใช้จ่ายประเภทนี้ไว้จะยากนิดหน่อยเพราะไม่สามารถประมาณจำนวนค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้ อาจจะพยายามแบ่งเงินส่วนนี้ไว้ 30 – 40 % #

ค่าใช้จ่ายเพื่อการออม และการลงทุน

ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่ต้องแบ่งไว้เป็นส่วนที่จำเป็นมากๆเช่นกัน อาจจะไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะนำมาจ่ายในตอนนี้แค่เป็นเงินเพื่อค่าใช้จ่ายในอนาคตค่ะ ดังนั้นการแบ่งเงินไว้เพื่อค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องมีการวางแผนที่ชัดเจนและตั้งใจ เช่นการเก็บเงินเพื่อ ซื้อรถ ซื้อบ้าน และการทำประกันเพื่อช่วงวัยเกษียณ เป็นต้น และในส่วนของการลงทุนนั้นก็เป็นสิ่งที่ตามมาค่ะ เมื่อคุณมีการเก็บออมแล้วก็สามารถแบ่งเงินนั้นมาลงทุนบ้างในความเสี่ยงที่คุณเองคิดว่าสามารถรับได้นะคะ อย่างเช่นคุณควรจะแบ่งเงินส่วนนี้จากรายได้ประมาณ 20% ค่ะ

การแยกและแบ่งค่าใช้จ่ายเป็นประเภทต่างๆ สามประเภทที่บอกมาแล้ว ก็ควรแยกบัญชีในส่วของค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทด้วยนะคะ เพื่อจะได้ไมสับสนนำเงินไปใช้มั่วๆ เพราะถ้าไม่แยกบัญชีอาจจะมีการเผลอนำเงินจากบัญชีอื่นที่ไม่ใช่ของมันมาใช้ได้แล้วคุณก็จะงงเองนะคะ

ชำระแบบตัดบัญชีอัตโนมัติ

ชำระแบบตัดบัญชีอัตโนมัติ

การจัดการค่าใช้จ่ายแบบคนรุ่นใหม่ที่สร้างความสะดวกอีกวิธีหนึ่งคือ ชำระค่าใช้จ่ายโดยตัดเงินในบัญชีไปเลยแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถชำระค่าใช้จ่ายโดยวิธีนี้ได้หลายอย่างเช่น ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าบิลบัตรต่างๆ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆได้ด้วยค่ะ ซึ่งประโยชน์ของการทำแบบนี้ยอกจากจะช่วยให้สะดวกแล้วยังช่วยประหยัดเงินและเวลาด้วยนะคะ เพราะบางครั้งก็ประหยัดค่าธรรมเนียม และค่าน้ำทันรถในการเดินทางไปจ่ายด้วยตัวเองค่ะ แต่เมื่อมีการชำระค่าใช้จ่ายด้วยวิธีแล้วอย่าละเลยการตรวจเช็ใบเสร็จการชำระเงินให้ดีด้วยนะคะจะได้ไม่ตกหล่นสูญหายแล้วต้องมาจ่ายซ้ำทีหลังอีก แล้วถ้าพบว่าใบเสร็จที่ได้รับมีบางอย่างถูกต้องก็รีบติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ทันทีให้เร็วที่สุดนะคะเพื่อความรวดเร็วนการตรวจสอบค่ะ

ชำระโดยตัดจากบัญชีบัตรเครดิต

ชำระโดยตัดจากบัญชีบัตรเครดิต

สำหรับค่าใช้จ่ายบางอย่างการชำระโดยการตัดบัญชีบัตรเครดิตก็ดีกว่า เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เพราะการชำระแบบนี้อาจจะช่วยให้คุณสามารถสะสมแต้มและได้รับสิทธิพิเศษได้ด้วย และประโยชน์ของการชำระค่าใช้จ่ายผ่านทางบัตรเครดิตก็คือ ช่วยให้คุณไม่หลงลืมด้วย

สรุป

สรุป

ไม่ว่าคุณจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน การใช้วิธีเหล่านี้ที่นำมาฝากกันทั้งวิธีแบบเก่าโดยการจดบันทึก มารวมกับวิธีแบบใหม่ๆก็จะช่วยให้คุณสามารถจัดการค่าใช้จ่ายให้สะดวกรวดเร็วและประหยัดมากขึ้นได้ด้วย อาจจะไม่สามารถช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายไปได้มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และการแบ่งแยกประเภทค่าใช้จ่ายก็จะช่วยให้คุณมีการวางแผนการใช้เงินที่ดี และมาลดค่าใช้จ่ายจากการวางแผนการเงินได้การทำแบบนี้ก็ช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้นะ สรุปว่าวิธีทั้ง 4 วิธีนี้ช่วยให้คุณแบ่งเงินเพื่อค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นสัดส่วน ช่วยสร้างความอดทน การมีวินัยในการเงินของคุณ เพื่อให้คุณสามรถบรรลุเป้าหมายได้และไม่ต้องหัวหมุนเพราะหมุนเงินไม่ทันอีกต่อไป เพราะคุณจะสามารถมองเห็นว่าเงินร่วงไหลไปทางไหนคุณก็จะปิดรอยร่วงนั้นได้ รับรองคุณจะมีเงินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายได้แน่ๆ