หลายคนอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในปีใหม่แบบนี้ ‘บ้าน’ ก็เป็นสิ่งแรกๆ ที่หลายคนกำหลังมองหาอยู่ แต่สำหรับชีวิตมนุษย์เงินเดือนทุกคนอย่างเรานั้น อย่างที่รู้ๆกันว่า รายได้หลักในแต่ละเดือน ก็อาจมาจากแหล่งเดียว คือเงินเดือน แม้มีโบนัสมาให้พอชื่นใจบ้างพอประมาณ แต่บ้านก็ยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในชีวิตเราอยู่ดี
และทางเลือกหลักสำหรับหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือลูกจ้างบริษัท ก็คงเล็งสินเชื่อที่อยู่อาศัยกันอยู่ ซึ่งถือเป็นหนี้สินระยะยาว แต่ยังไงนั้นความฝันที่วาดไว้ ก็ต้องทำให้ได้สักวัน ความคิดที่อยากจะซื้อบ้านสักหลังก็ต้องเดินต่อไป แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เงินเดือนเราแค่หลักหมื่น แต่บ้านในสมัยนี้ ราคาต่ำๆ ก็เริ่มต้นที่หลักล้านกันแล้ว หรือจะมองคอนโดมิเนียม ราคาก็ยังไม่ต่างกันบ้านมากนัก ดังนั้น มีวิธีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียมความพร้อมก่อนคิดจะซื้อบ้าน ที่สามารถเตรียมตัวมากขึ้นให้เราสามารถผ่อนค่างวดแบบที่ยิ้มได้สบายกระเป๋าไปด้วย มาดู 5 วิธี เตรียมความพร้อมก่อนคิดจะซื้อบ้าน ฉบับมนุษย์เงินเดือนกันเลย
5 วิธี เตรียมความพร้อมก่อน ซื้อบ้าน
จะซื้อบ้านทั้งทีก็ต้องเตรียมพร้อมถ้าไม่เตรียมพร้อมอาจจะทำให้กลายเป็นภาระหนี้สินระยะยาวและเป็นหนี้สินที่เพิ่มพูน แทนที่จะเป็นบ้านที่สร้างเสริมและความสุขแต่จะกลายเป็นภาระหนี้ที่สร้างทุกข์ให้เราแทน พอดีเราจะพามาดู 5 วิธีเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้านให้ซื้อบ้านได้อย่างราบรื่นกัน
ศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขก่อน ซื้อบ้าน
ในส่วนของการเลือกบ้าน เราต้องดูทำเลที่ตั้งเป็นหลักกันแน่ๆ เพราะความสะดวกในเรื่องการเดินทางเข้าออก การเดินทางไปทำงาน หรืออยู่ใกล้แหล่งสำหรับจับจ่ายซื้อของ มันก็สำคัญ. และในส่วนของความสามารถในการผ่อนที่เหมาะกับรายได้ หลายสถาบันทางการเงินมักจะให้ผู้กู้มีภาระหนี้ทั้งหมด ประมาณ 50 % ของรายได้ เช่น ถ้าเรามีรายได้เดือนละประมาณ 20,000 บาท 50% ของรายได้จะตกที่ 10,000 บาท หากเรามองราคาบ้านประมาณ 1-2 ล้านบาท ก็จะต้องผ่อนต่อเดือนประมาณ 6,500 - 7,000 บาท ถือว่าสูงอยู่ดี
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา บางครั้งอาจถูกลดความสามารถในการผ่อนลงไปได้อีกด้วย เพราะมีภาระหนี้อื่นๆ จึงต้องคิดคำนวนเตรียมพร้อมในเรื่องรายได้และภาระหนี้ให้ดี เช่นรายได้ที่มาจาก ค่าเงินเดือน , ค่าตำแหน่งงาน , ค่า Allowance , Bonus และ OT เป็นอย่างไร ส่วนภาระหนี้ของมนุษย์เงินเดือนก็คงมาจากพวกหนี้บัตรเครดิต , ค่าผ่อนรถยนต์, หนี้รายเดือน หรือหนี้สหกรณ์ ที่เราจะต้องจัดการ
ทางที่ดี ต้องเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยโดยโปรแกรมคำนวนความสามารถในการชำระหนี้ดู ที่มีในหลายเว็บไซต์ของธนาคาร ตามแต่ละบุคคล แล้วการกรอกออนไลน์เพียงไม่กี่ช่องแบบนี้ ก็สามารถเช็คถึงความสามารถในการกู้ของเรา เห็นวิธีเตรียมตัวเพิ่มเติม รวมถึงกระทู้แสดงความคิดเห็นของหลายคนที่เคยกู้ผ่านด้วย เมื่อเราศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้ ก็จะได้เปรียบและเลือกอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ ว่าเงื่อนไขไหนที่ตรงกับเราที่สุด
ตั้งงบการเงินปัจจุบัน
ในปัจจุบัน ต่างมีโครงการบ้านออกมาให้เราเลือกมากมาย อาจมีทั้งแบบราคาที่ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ หรือถ้าลองจัดสรรคดีๆ ก็สามารถเติมเต็มส่วนต่างได้ดีขึ้น ด้วยทางอาชีพเสริม ช่องทางที่เพิ่มรายได้ หรือแม้แต่การขายทรัพย์สินที่ฟุ่มเฟือยออกไป เพื่อให้เราได้เงินก้อนเข้ามา. แต่สำหรับการตั้งงบประมาณนั้น เราต้องดูในส่วนของค่าตกแต่งหรือเรื่องของเฟอร์นิเจอร์บ้านเผื่อๆ ไว้ด้วย เพราะหลายโครงการทีเดียวที่อาจต้องให้เราตกแต่งเองนอกเหนือจากที่มากับตัวบ้าน เช่น ห้องครัว สวน ม่าน มุ้งลวดหรือเหล็กดัด เราจึงต้องตั้งงบการเงินแบบที่เผื่อไว้ด้วยในปัจจุบัน
การมีบ้านแบบที่เหมาะกับรายได้ของเรา ทางที่ดีเมื่อหักหนี้แล้วต้องเหลืออย่างน้อยพอสัก 2 เท่าของค่างวดบ้านที่ต้องจ่าย หากไม่เช่นนั้น ยอดเงินกู้ของเราก็อาจลดลงมาด้วย แต่อาจมองหาผู้ร่วมกู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้กันเป็นทางออกเพิ่มได้. และต้องไม่ลืมว่ายอดซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตของเรา หรือพวกบัตรเดบิต และสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ ถือว่าเป็นตัวฉุดยอดเงินเราไปอีก ต้องรีบเคลียร์อย่างน้อย 3-4 เดือนก่อนการขอกู้ หยุดไว้บ้างพวกการผ่อนสินค้า 0% แล้วเราก็จะสบายใจมากขึ้นได้นั่นเอง
ภาพสรุปของผลรวมการเงินในปัจจุบันของเรา น่าจะออกมาในรูปของ จำนวนเงินออม , จำนวนรายจ่าย , จำนวนหนี้สินที่มีและระยะเวลาที่จะผ่อนหมด และ สัดส่วนหนี้ต่อเงินเดือนที่มี ว่าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากสัดส่วนหนี้นั้น รวมกันมากสัก 60 % ก็คงเป็นสัญณาณบอกวิกฤติการเงินของเราได้ด้วย ซึ่งถ้ามีจำนวนหนี้สินสูง ธนาคารก็จะไม่ปล่อยกู้สูง จึงต้องมีการวางแผนเคลีย์หนี้เก่าให้ดีด้วย
สร้างเครดิตและเงินสำรองก่อนกู้ ซื้อบ้าน
สำหรับหลายคน เมื่อคิดเรื่องการรวบรวมและจัดแจงในส่วนของเงินสะสม อาจเริ่มจากการทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย เพราะการซื้อบ้านสักหลัง มันไม่ใช่แค่การลงทุน แต่ต้องมีการสร้างเครดิตการเงินเพื่อตอบโจทย์ด้วย เช่น มีเงินเข้าในบัญชีเงินเดือนเราประมาณเท่าไหร่ จากแหล่งไหน มีรายได้อย่างไร มีเงินเก็บและเงินสะสมที่เหมาะกับราคาตัวบ้านที่เท่าไหร่ และควรคำนวนถึงแรงในการผ่อนที่เราไหวด้วย ซึ่งช่วยให้เรามองดูออกว่าจะเพิ่มหรือลดจำนวนเงินที่เป็นอยู่อย่างไร หลังจากนั้น ก็ลองเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้จ่าย จะสามารถช่วยให้เราบรรลุในส่วนของเงินสำรองได้เร็วขึ้นด้วย
ส่วนข้อมูลและสถานที่ในการตรวจสอบเครดิตบูโร เราสามารถติดตามเพิ่มเติมจาก www.ncb.co.th ร่วมด้วยก็ได้. ในการสร้างความเชื่อมันเพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยกู้เรานั้น การไม่เคยเป็นหนี้มาก่อน หรือไม่มีบัตรเครดิตเลย อาจทำให้สถาบันการเงินตรวจสอบได้ยาก เราจึงอาจจำเป็นต้องเปิดบัตรเครดิตและมีวินัยในการผ่อนระยะนึง เพื่อเขาจะเช็คถึงความสม่ำเสมอของเราได้. แต่ยังไงก็ตาม การใช้จ่ายอย่างประมาท อาจทำให้หนี้เราทะลุรายได้ก็เป็นไปได้ เมื่อมีการจ่ายหนี้ล่าช้า ชักหน้าไม่ถึงหลัง และเป็นวังวนหนี้ รู้ตัวอีกที ก็อาจเสียโอกาสกู้บ้านกันพอดีเช่นกัน
เราจึงต้องสร้างเครดิตที่ดีทางการเงิน เมื่อธนาคารดูประวัติของเราในเครดิตบูโร พอเห็นว่าจ่ายตรง และมีประวัติดี ก็จะมีโอกาสอนุมัติสินเชื่อเรามากขึ้น แต่ถ้าเคยหนีหนี้ จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้างล่ะก็ อาจต้องเตรียมใจไว้เรื่องการขอกู้ไม่ผ่าน. และอีกอย่างนึงที่ไม่ควรมองข้าง คือการสะสมเงินสำรอง เพราะหนี้บ้าน เป็นหนี้ที่ยาวนาน และอาจมีอุปสรรคในการผ่อน จึงต้องเผื่อไว้สำหรับเหตุฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อปรับตัวสู้วิกฤต หรือจัดการชีวิตของเราให้ดีขึ้น โดยเก็บเงินไว้สัก 3-6 เท่าของค่าใช้จ่าย หรือฝากเงินในความเสี่ยงแบบต่ำ อย่างการฝากออมทรัพย์ หรือการซื้อประกันชีวิตสำหรับหัวหน้าครอบครัว เป็นต้น
ออมเงินดาวน์อย่างมีวินัย
เพราะมนุษย์เงินเดือน ย่อมมีรายได้หลักมาจากเงินเดือน เราจึงต้องวางแผนเก็บเงินเพื่อค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มมาในอนาคตด้วย เช่น ค่าจดจำนอง , ค่าในการโอนกรรมสิทธิ์ , ค่าส่วนกลางในหมู่บ้าน หรือค่าใช้จ่ายทางธนาคารอย่างพวกอากรแสตมป์ เบี้ยประกันอัคคีภัย เป็นต้น และต้องมี ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการซื้อที่อยู่อาศัย ที่เรียกว่า เงินดาวน์ โดยเราจะต้องจ่ายอยู่ประมาณ 15-30 % จากราคาบ้านหลังนั้น
รู้ไหมว่า ยิ่งเรามีเงินออมเงินดาวน์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสิทธิ์ผ่านได้ง่ายเท่านั้น อย่างเช่นบ้านราคา 2.5 ล้านบาท เงินดาวน์ของเราก็ควรจะมี 250,000 บาทเป็นอย่างน้อย ยิ่งถ้าเรามีเงินดาวน์สำหรับที่อยู่อาศัยมากเท่าไหร่ ทางสถาบันการเงินก็จะยิ่งมองว่าความพร้อมในการกู้บ้านเรามากเท่านั้น ดูว่าเรามีโอกาสที่จะจ่ายค่างวดได้ดี แล้วดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านของเราก็จะลดลงไปด้วยตามตัวเลยล่ะ
หรือแม้มีหลายโครงการที่กำหนดให้ผ่อนค่าดาวน์ได้แล้ว ก็ยิ่งช่วยให้คนที่มีเงินเก็บน้อย สามารถมีบ้านในฝันได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ในการส่งเงินของเราต้องทำเป็นระยะเวลานาน สูงสุดอาจถึง 30 ปี ดังนั้น ก่อนคิดจะซื้อบ้านในฝัน เราลองซ้อมผ่อนบ้านดูบ้างก็ได้ จะได้เกิดการเคยชิน ด้วยการออมอย่างเป็นนิสัยและทำอย่างมีวินัย เช่น เมื่อเงินเดือนออก ก็ตัดเงิน 14,000 บาทตามจำนวนที่ต้องผ่อนบ้าน ไปเก็บในบัญชีเงินออมทันที เมื่อทำทุกเดือน อย่าว่าแค่เงินดาวน์เลย เงินผ่อนเราก็ไม่น้อยหน้าใครด้วย
เช็คขั้นตอนในการยื่นเรื่องและเปรียบเทียบสถาบันการเงิน
ปกติแล้ว จะมีฝ่ายสินเชื่อของธนาคาร ที่เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเราในส่วนของการสอบถาม หรือขอสินเชื่อในการกู้บ้าน หรือแม้แต่พวกเอกสารในการดำเนินการเพื่อผ่อนชำระ การจัดการกับดอกเบี้ย ก็สามารถทำได้โดยตรงกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เราเลือก ซึ่งแบบทั่วไป จะมีการกำหนดการกู้อยู่ที่ 80 % จากราคาของตัวบ้าน ส่วนเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นกู้ ก็จะมี หลักฐานประจำตัว เช่น บัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ , หลักฐานแสดงรายได้ , สเตทเม้นท์ 6 - 12 เดือน , เอกสารการเสียภาษี , หลักฐานเกี่ยวกับประกัน หรือหลักฐานเกี่ยวกับผู้ร่วมกู้ ถ้ามี เป็นต้น
สำหรับขั้นตอนในการกู้ซื้อบ้านนั้น หลายสถานบันการเงินมักจะมีรูปแบบที่คล้ายๆกัน หรือแตกต่างเล็กน้อยในส่วนของรายละเอียดข้อตกลง เช่น การซื้อประกันร่วม ดอกเบี้ยเงินกู้ เราจึงควรดูรายละเอียดในการกู้ซื้อดีๆ หรือแม้แต่กระบวนการในการยื่นเรื่องเพื่อขอกู้ ที่ใช้เวลาพิจารณาถึง 1-4 สัปดาห์ และอาจนัดเพื่อประเมินราคาบ้านด้วย เราก็ต้องเผื่อเวลาให้เหมาะสม
ในส่วนของขั้นตอนเพื่อการผ่อนจ่าย มักจะเป็นเรื่องการจ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยของสินเชื่อแบบรายเดือน เราก็ต้องทำการจ่ายแบบต่อเนื่องด้วยจนครบวงเงินต้นตามสัญญา เช่น 10 , 20 หรือ 30 ปี หรือหากมีเงินก้อนเข้ามาเมื่อได้ชำระมาช่วงนึงแล้ว อย่างเงินโบนัส หรือเงินพิเศษ ก็สามารถนำมาโปะในส่วนของเงินต้น เพื่อช่วยลดทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินต้นของเราได้ แล้วการเป็นเจ้าของบ้านก็ยิ่งเร็วขึ้นสำหรับเราทีเดียวล่ะ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกีบ ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 2565 ที่นี่
ถ้าพร้อมออม พร้อมควบคุมรายจ่าย พร้อมเป็นหนี้ก้อนใหญ่ด้วยใจ้ ก็คือเราพร้อมแล้วที่จะทำให้บ้านในฝันเป็นจริงได้ แต่มันก็มีรายละเอียดในแต่ละแง่มุมที่เราต้องเตรียมตัว และทำความเข้าใจก่อนคิดจะซื้อบ้านสักหลังนั่นเอง และเรายังคงเห็นได้ด้วยว่า การที่จะรู้ว่า เราพร้อมจะซื้อบ้านหรือยัง และแสดงว่าเราคิดแล้วจริงๆ ก่อนซื้อ
สิ่งแรกที่เราควรให้ความสำคัญก็ต้องเป็นเรื่อง การศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขที่มีให้มากที่สุด อาจดูจากอินเทอร์เน็ต หรือโปรแกรมการคำนวนคาผ่อนบ้านที่มีให้เลือกมากมาย ยิ่งรู้เยอะก็ยิ่งได้เปรียบเยอะ และระหว่างทางที่เราหาข้อมูลนั้น เราก็ไม่ลืม ตั้งงบการเงินในปัจจุบันมาอย่างดีด้วย เพื่อเตรียมเงินในกระเป๋าของเราให้พร้อม ทำทุกวิถีทางให้มีหนี้น้อยที่สุด มีได้ แต่ต้องจ่ายหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อสร้างเครดิตที่ดีทางการเงิน และตรวจสอบเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อพร้อมรับมือกับช่วงวิกฤตที่เราไม่รู้ว่าจะมาวันไหน การมีวินัยในการออมเงินดาวน์ จำนวนเงินดาวน์ของเรา ถ้ามีพร้อมมากเท่าไหร่ การซื้อบ้านของเรานั้นก็จะง่ายขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น แถมอัตราการผ่อนแต่ละเดือนก็จะลดลงด้วย และยังสามารถ ซ้อมอ้อมเงิน เพื่อเตรียมการผ่อนบ้านในระยะยาวไว้ด้วยก็ได้ และสิ่งสุดท้ายที่เราทำได้คือ เตรียมตัวศึกษาขั้นตอนในการยื่นเรื่องและเปรียบเทียบสถาบันการเงิน แล้วก็ทำการตัดสินใจโดยเลือกสิ่งที่ใช่ที่สุด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ขั้นตอนถูกต้อง ในการกู้ซื้อบ้าน ที่นี่
แล้วทั้ง 5 วิธีที่กล่าวในบทความนี้ ก็จะทำให้เราวางแผนและเตรียมตัวก่อนขอสินเชื่อบ้านได้อย่างเข้าใจได้มากขึ้น เมื่อรวมกับปัจจัยเรื่องภาษี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าเราศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจ บางคนสามาถนำดอกเบี้ยที่จะจ่าย มาคำนวนการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ไม่เกินอีก 100 , 000 บาทด้วยซ้ำ ถือว่าช่วยเราประหยัดได้อีกรูปแบบนึงด้วย แล้วก็คงตอบโจทย์ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเรามากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญทางการเงินจาก MoneyDuck ได้ฟรีที่ลิงค์ด้านล่าง
Nattakamol
อยากมีบ้านเป็นของตัวเองซักหลังเรารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยแต่คงมีวิธีอย่างเราก็เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนไม่รู้ว่าบทความนี้จะเอาไปใช้ได้จริงๆไหมยังก็จะลองดูนะ การเตรียมตัวที่ดีก็น่าทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้มากขึ้น แต่อะไรๆก็ไม่แน่นอนนะถ้าเราเกิดต้องกลับบ้านต่างจังหวัดเราก็ไม่ต้องซื้อบ้านในกรุงเทพ รอดูไปก่อนละกันว่าจะซื้อบ้านที่ไหนดี
Mateo
ผมคิดว่าสำคัญนะครับการสร้างเครดิตและมีเงินออม ก็เดี๋ยวนี้ถ้าเราไม่มีข้อมูลหรือเครดิตเงิน ทำให้ยากมากที่ทางสถาบันการเงินจะให้เราพูดสินเชื่อในการซื้อบ้าน ดังนั้นควรที่จะสร้างประวัติหรือเครดิตการเงินที่ดีกับทางบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลก่อนครับ แล้วอย่าลืมที่เราจะมีการเก็บเงินออมไว้ส่วนหนึ่งในการใช้ตอนที่ฉุกเฉินในการผ่อนชำระด้วย
น้ำหวาน
ใครที่ทำงานเงินประจำและมีเงินเดือน ถ้าทำมาสักพักแล้วนานแล้วก็อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองใช่ไหมล่ะคะ บทความนี้อธิบายวิธีการเตรียมตัวเพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างเครดิต เพื่อที่จะขอสินเชื่อเอาไว้กู้บ้านผ่อนชำระ เพื่อจะมีบ้านเอาไว้เป็นของเราเองโดยที่เราไม่ต้องคอยเช่าคนอื่นอยู่ น่าสนใจดีเหมือนกันนะคะ เป็นประโยชน์มากเลย
Sorrawat
อยากจะซื้อบ้านสักหลัง มีหลายอย่างที่ต้องคิดจริงๆครับ แน่นอนว่าความสามารถในการชำระเงินเป็นเรื่องสำคัญแต่มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือนของเราเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอื่นๆที่ต้องคำนึงถึง ดีใจที่มีบทความแบบนี้มาแนะนำและชวนให้คิดมากขึ้นว่าเราได้เตรียมพร้อมทุกอย่างหรือยัง ผมก็อยากซื้อบ้านแต่ยังไม่รู้จะได้เริ่มต้นเมื่อไหร่เลยครับ
ฬาร
ถ้าต้อง ผ่อนบ้านเดือนละ 6,000บาท ผมว่าไม่น่าแพงเกินไปนะครับ เพราะบ้านเช่าที่ผมอยู่ ก็อยูาที่ 5,000 บาทแล้วครับ เพิ่มอีกแค่พันเดียวเองครับ แต่ปัญหาที่ผมเจอคือ เครดิตเรื่องการเงินไม่ค่อยดีครับ ทำงาน อิสระครับ ทำให้เวลายื่นขอกู้บ้านไม่เคยผ่านสักทีครับ นี่ปีนี้ผมก็ว่าจะลองๆยื่นกู้ของ ไทยพานิขย์ดูครับ ได้ยินว่ามีสินเชื่อบ้าน สำหรับอาชีพอิสระด้วย
ทานตะวัน
คุณฬารคะ มันจะมีหรือคะกู้ซื้อบ้านแล้วผ่อนแค่เดือนละ 6,000 บาทจริงๆ ชั้นว่าไม่น่าจะมีนะ ส่วนมากก็ 9,000 บาทขึ้นไป แล้วยังจะมีค่าธรรมเนียมค่านู่นค่านี่มากมายอีก โดยเฉพาะค่าดอกเบี้ยค่ะ ถ้าจะผ่อนแบบสบายๆจริงๆก็ต้องดูที่อายุของคุณด้วยว่าได้ผ่อนในระยะเวลานาแค่ไหน ถ้าอายุยังน้อยระยะเวลาผ่อนนานก็อาจจะผ่อนในราคาถูก แต่ถ้าอายุมากแล้วก็อย่าหวังเลยค่ะ
ลิว
ที่จริงความฝันอย่างหนึ่งของเราเลยก็คือการมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ดูยาดมาก เพราะราคาบ้านเดี่ยวนี้ก็พุ่งสูงขึ้นๆ ขนาดที่ดินเปล่าก็แพงเอาๆอยู่ทุกวัน แต่จริงๆถ้าเราอยากจะซื้อบ้าน แล้วมันเป็นความฝันด้วย เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเราเองก็น่าจะทำได้ อย่างการออมเงินดาวน์อย่างมีวินัยอันนี้สำคัญ การฝึกนิสัย ให้รู้จักออม คิดว่าน่าจะช่วยให้เราทำฝันให้เป็นจริงได้
จิ้งจอกขาว
อยากมีบ้านกับเขาเหมือนกันนะ แต่เศรษฐกิจแบบนี้ใครจะกล้าเสี่ยงล่ะ ก็คงต้องอาศัยเช่าไปก่อนแหละ งานก็ไม่ค่อยมั่นคงเดี๋ยวนี้จะโดนไล่ออกวันไหนก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่าผมอยากจะลองผ่อนรถดูก่อน บ้านก็ไม่ได้สำคัญมากมายอะไรเพราะผมยังไม่ได้มีครอบครัว ผมอยากจะลองฝึกวินัยในการจ่ายเงินค่างวดรถดูก่อนว่าผมจะไหวไหม ถ้าผมผ่อนรถไหวผมคิดว่าผมน่าจะมีโอกาสผ่อนบ้านไหวเหมือนกัน
Rosemary
อยากเพิ่มเติมเรื่องการสร้างเครดิตทางการเงินหน่อยคะ หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าจะสร้างเครดิตทางการเงินอย่างไรดีคะ มีวิธีง่ายๆคะที่เราทำ คือ เราไปขอบัตรกดเงินสดคะ อันนี้ช่วยสร้างได้จริงๆนะคะ เวลาเราซื้อของหรือใช้จ่ายอะไรก็ใช้จากบัตรนี้เลยคะ ่อ่อ แต่เวลาทำบัตรกดเงินสดอย่าเอายอดบัตรสูงๆนะคะ เดียวจะไม่มีจ่ายเอาคะเอาเท่ากับเงินเดือนเราดีที่สุดคะ ถือว่าเงินเดือนก็เอามาจ่ายบัตรกดเงินสดคะ
แตง
ต้องมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับไว้ในกรณีที่ต้องตกแต่งบ้านด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าเราจะมีเงินในการขอสินเชื่อหรือเตรียมเงินไว้ดีแล้ว สังขารเครดิตที่ดีแล้วและได้รับการอนุมัติแล้ว เราต้องคิดถึงตอนที่เราซื้อบ้านจัดสรรไม่มีอะไรที่จะมาช่วยในการตกแต่งเราต้องจ่ายเองทั้งหมด นั่นแหละคือทำไมเราต้องมีการจัดสรรงบประมาณหรือการเงินส่วนหนึ่งเอาไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย
แยม
@แตง เขาหมายถึงว่าซื้อบ้านเลยไม่ใช่หรอคะ ไม่ได้เป็นการสร้างบ้าน แต่ไม่ว่าจะยังไงบ้านคือทรัพย์สินที่มีราคาสูง ต้องคิดให้รอบคอบว่าตัวเองไหวไหมแล้วมองอนาคตที่ดี เราเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วในอนาคตถูกเลิกจ้างโดยตกงานจะทำยังไงกับค่าผ่อนบ้าน อย่างน้อยต้องมีเงินเก็บสักก้อนไว้พออุ่นใจด้วยนะที่สามารถจะผ่อนบ้านได้ในระยะ 6 เดือน แม้จะขาดรายได้
วัชระชัย
เรื่อบ้านเหรอครับ ตอนนี้คงต้องเอาไว้ก่อนแล้วครับ อะไรดีกว่านี้แล้วค่อยว่ากันใหม่ครับ แต่สำหรับบทความนี้ดีนะครับ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือกำลังกังวลว่า จะสามารถซื้อได้ไหม เป็นหลักการที่ดีครับที่ทำให้เราเตรียมความพร้อมก่อนที่จะขอซื้อบ้านครับ อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องการวางแผนเลยครับ
Puri
มนุษย์เงินเดือน งานประจำ ต้องมีตำแหน่งสูงหรือรายได้มากจริงๆนะครับถึงจะตัดสินใจขอสินเชื่อบ้านได้ แบบรายได้ 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน เพราะว่าถ้าทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนได้เงินเดือนหมื่นกว่าบาทหรือ 20,000 ผมว่าสินเชื่อบ้านเนี่ยจะทำให้คุณลำบากแน่ๆ สินเชื่อบ้านเวลาผ่อนชำระอย่างต่ำก็ 9000 บาทนะครับต่อเดือน
๋Jiraporn00
เป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำแต่ใช่ว่าอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อได้ ต้องวางแผนกันอย่างดี มีคำแนะนำอย่างที่บทความนี้จัดมาให้ก็ดีนะคะ บางทีอะเราก็คิดไม่ค่อยออก วางแผนไม่ค่อยถูกว่าจะทำอย่างไรถึงจะจัดการกับรายได้และค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ ยิ่งต้องซื้อบ้านเป็นหลังอย่างงี้อะต้องคิดวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเลยค่ะ
วิยะวิทย์
อ่านดูแล้วความฝันที่จะมีบ้านของผมตอนนี้ช่างห่างไกลออกไปอีกแล้วครับ เงินที่เก็บเอาไว้เพื่อจะเป็นเงินดาวน์ ตอนนี้ยังมีไม่พอเลย ถ้าจะดาวน์ตอนนี้เงินที่ผมต้องจ่ายต่อเดือนก็ค่อนข้างสูงมากเลย คิดว่าถ้าเอาตอนนี้ผมเองก็ส่งได้ไม่กี่ปีหลอกครับ ดังนั้นเหมือนที่บทความนี้บอกเลยครับผมอาจจะต้องรอให้มีความพร้อมมากกว่านี้ก่อนดีกว่า
#Bay%
ตอนท้ายบทความบอกว่า เราสามาถนำดอกเบี้ยที่จะจ่ายไปกับการซื้อบ้าน มาคำนวนการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกเหรอครับ ก็ดีน่ะสิ ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง ต้องเตรียมความพร้อมกันอย่างมากจริงๆ ผมว่าการมาอ่านบทความแบบนี้ไว้ก่อนก็ดีนะครับ ช่วยให้คนที่ต้องการจะมีบ้านสักหลัง ได้เตรียมตัวเตรียมใจกันก่อนเป็นอย่างดีครับ
lip2@
"บ้านก็ยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในชีวิต" ไม่ใช่แค่คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนคิดอย่างนี้นะคะ คนที่ทำอาชีพอื่นๆก็คิดแบบนี้เหมือนกัน การซื้อบ้านหลังนึงมันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องวางแผนอย่างดีจริงๆไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาในอนาคตได้ ปัญหานั้นก็ืคือ การเป็นหนี้นั่นแหละค่ะ ใครๆก็ไม่อยากเป็นหนี้ก้อนโตนานๆหรอกเนอะ
AnuPongครับ
บทความนี้บอก 5 วิธี เตรียมความพร้อมก่อนคิดจะซื้อบ้าน ฉบับมนุษย์เงินเดือน แล้วคนที่ทำอาชีพอิสระจะเอาไปใช้ด้วยได้มั้ยครับ คือ ทำงานมีรายได้ทุกเดือน แต่ว่ามันไม่ได้แบบเท่ากันเป๊ะๆทุกเดือนอะครับ พี่ๆคนไหนหรือเพื่อนๆมีคำแนะนำอะไรก็บอกผมได้นะครับ อยากรู้ข้อมูลไว้บ้างคงยังไม่ได้ซื้อเร็วๆนี้หรอก แต่ขอข้อมูลไว้ก่อนครับ