การตกงาน เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับคนที่ทำงาน บางครั้งก็มีการบอกล่วงหน้าให้มีการเตรียมตัว เตรียมใจ และมองหางานใหม่ แต่บางครั้งการตกงานก็มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนสายฟ้าแลบ เปรี้ยงเดียว ! ทำเอาเกือบช็อคไปเลย หลังจากนั้น ความกังวล ความเครียด ความกลัวก็ตามมาติดๆ จริงๆแล้วในทุกวันนี้เราต่างก็อยู่ในยุคที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในขาลง ภาวะการตกงานกำลังเกิดขึ้นกับหลายประเทศ นักศึกษาที่เรียบจบมาใหม่ๆก็ไม่มีงานทำ โดยเฉพาะประเทศไทยหลายโรงงานมีแนวโน้มปิดตัวลง ถ้าเราติดตามข่าว และเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า จะช่วยเรารับมือได้ง่ายขึ้น

หลายคนที่ยังทำใจไม่ได้เมื่อตกงาน อาจจะคิดว่าเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะงานที่ทำอยู่ค่อนข้างจะมั่นคง และตัวเองก็ทำงานได้ดีเลยไม่ได้ระมัดระวังในการใช้จ่ายซักเท่าไหร่ อาจจะเริ่มผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่พอตกงานขึ้นมาจริงๆเลยทำให้เกิดความตกใจ ความกลัว ความกังวล เพราะมีหนี้ที่ต้องผ่อน มีครอบครัวที่ต้องดูแล บางคนเครียดมากจนถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยทีเดียว เหตุการณ์แบบนี้ไม่ว่าเกิดขึ้นกับใครก็น่าเห็นใจทั้งนั้นนะคะ

ดังนั้นในบทความนี้ดิฉันได้นำ 5 วิธีรับมือกับความกังวลใจเมื่อตกงานมาฝากเพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะเพื่อช่วยในการเตรียมตัว เตรียมใจ เอาไว้ให้พร้อมก่อน ไม่ว่าเราจะตกงานหรือไม่ก็ตาม วิธีที่นำมาฝากดิฉันคิดว่าเพื่อนๆน่าจะทำได้ไม่ยากค่ะเริ่มต้นด้วย สำรวจเงินเก็บ, ทำบัญชีรายรับ -รายจ่ายใหม่,  รักษาสิทธิ์ของตัวเอง , ไม่เลือกงาน, และต้องหาความรู้เพิ่มเติม ลองอ่านไปพร้อมกันนะคะ รับรองวิธีนี้ช่วยได้แน่นอนค่ะ.

1. สำรวจเงินเก็บ

1. สำรวจเงินเก็บ

โดยปกติแล้วเมื่อเราเริ่มทำงาน ได้เงินเดือนเราจะกันเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ออมเสมอ การออมเงินสำรองที่ควรจะเก็บน่าจะมีเอาไว้อย่างน้อย 3-6 เดือนในช่วงที่หางานใหม่  การออมเงินของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนจะมีเงินออมในบัญชีเงินฝากประจำบางคนก็อาจจะออมในลักษณะของการซื้อกองทุน หรือ สลากออมสิน หรือออมในลักษณะของการซื้อทองคำมาเก็บไว้ บางคนก็ชอบซื้อที่ดินเอาไว้เก็งกำไร

ไม่ว่าแต่ละคนจะมีการออมเงินแบบไหนจะมากหรือน้อยก็ตาม แต่เงินส่วนนี้จะเป็นเงินสำรองที่ช่วยเราเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา เมื่อเกิดตกงานขึ้นมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือ สำรวจเงินเก็บของตัวเองก่อนเลยว่ามีเท่าไหร่?  เงินเก็บที่อยู่ในลักษณะที่นำไปลงทุนมีอะไรบ้าง? สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เท่าไหร่?  มีพอสำหรับใช้จ่ายในช่วงที่หางานใหม่มั้ย? แต่ถ้าเราไม่ได้ออมเงินในลักษณะที่บอกไปล่ะเราจะทำอย่างไร? …       สิ่งที่สามารถทำได้ในสถานการณ์แบบนี้ก็คือ สำรวจข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของเราก่อนเลยว่ามีอะไรที่เราไม่ค่อยได้ใช้ และสามารถนำไปขายได้บ้าง ตอนมีเงินหลายคนมักจะชอบสะสมหลายอย่างทั้ง กระเป๋า รองเท้า แบรนด์เนม บางคนชอบสะสมสร้อยคอ แหวนทองคำ เมื่อถึงคราวจำเป็นสิ่งของเหล่านี้เราเอามาขายได้ถึงแม้เราจะรู้สึกเสียดายแต่นี่เป็นวิธีรับมือกับความกังวลเมื่อตกงานได้ในช่วงแรกและถือได้ว่าเป็นทางออกที่ดีที่ช่วยเราไม่ตกเข้าสู่วงจรของการเป็นหนี้ค่ะ.

2. ทำบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่

2. ทำบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่

การทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย เป็นประจำสามารถช่วยเราให้รู้สถานการณ์ การเงินของตัวเองในแต่ละเดือน สามารถวางแผนได้ว่า เราจะใช้เงินนั้นไปกับอะไรบ้าง ?ใช้ออมเท่าไหร่ ?ใช้จ่ายเท่าไหร่ ? ใช้หนี้เท่าไหร่?  ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ปกติการทําบัญชีรายรับรายจ่าย อาจจะไม่ยาก แต่ถ้าวันนึง เราเกิดตกงานขึ้นมาการทําบัญชีรายรับรายจ่าย สามารถช่วยเราได้ถึงแม้ว่ารายได้ลดลงหรือไม่มีรายรับเลยในช่วง  3-6 เดือนก็ตาม เราต้องเริ่มทำบัญชีรายรับ -รายจ่ายใหม่ ! เพราะว่ารายได้ประจำของเราไม่มีเลย มีแต่เงินเก็บบางส่วน และเงินที่ได้จากการขายข้าวของบางอย่าง แต่รายจ่ายยังคงมีอยู่ทุกวันเหมือนเดิม..

ดังนั้น การทําบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่ จึงจำเป็นอาจจะเริ่มด้วยกัน ปรับเปลี่ยนรายจ่ายใหม่ โดยที่เราสำรวจตัวเองว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง ? และรายจ่ายต่างๆเหล่านั้นจำเป็นมากมั้ย?เช่น รายจ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายเป็นประจำอย่างเช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ค่าน้ำ ค่าไฟ เราจำเป็นต้องกันเงินส่วนนี้เอาไว้ ส่วนรายจ่ายอื่นๆที่เราจ่ายไปโดยที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า การสังสรรปาร์ตี้กับเพื่อนๆ หรือการท่องเที่ยวและกินข้าวนอกบ้านเป็นประจำเราสามารถปรับเปลี่ยนได้มั้ย ?

ถ้าเราเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยส่วนตัวที่เคยใช้เงินตามใจได้จะช่วยเราทำบัญชีรายรับ- รายจ่ายใหม่ได้ง่ายขึ้น ความเครียด และความกังวลจะลดน้อยลงไปได้มากเลยทีเดียว !

3. รักษาสิทธิ์ของตัวเอง

3. รักษาสิทธิ์ของตัวเอง

เพื่อนๆ ที่ทำงานมาเป็นเวลานานหลายปี ส่วนใหญ่แล้วเราจะมีสิทธิ์ประกันสังคมอยู่แล้ว ตอนที่เรายังมีงานทำเราส่งเงินสมทบเข้าประกันสังคมทุกเดือน เรามักจะใช้สิทธิ์แค่การรักษาพยาบาลเท่านั้น หากเราเกิดตกงานกระทันหัน สิ่งแรกที่เราต้องคิดถึงคือ ตรวจสอบสิทธิ์ที่เราควรจะได้รับจากสำนักงานประกันสังคมก่อนเลย เช็คว่า เราได้รับการคุ้มครองในการรักษาพยาบาลถึงเมื่อไหร่ ?

ในขณะเดียวกันเราต้องรีบขึ้นทะเบียนคนว่างงานทันที หรือภายในเวลา 30 วันตั้งแต่ออกจากงาน เพราะตามเงื่อนไขของประกันสังคม เมื่อเราขึ้นทะเบียนคนว่างงานแล้ว เราต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตามที่กำหนดเดือนละ 1 ครั้ง โดยจะได้รับเงินชดเชย 3 เดือนอย่างน้อยก็ยังมีเงินใช้ในช่วงตกงาน และผู้ที่ส่งเงินสมทบติดต่อกัน 6 เดือน ภายในระยะวลา 15 เดือนก่อนว่างงาน สามารถขึ้นทะเบียนคนว่างงาน และรับเงินชดเชยได้หลังถูกเลิกจ้าง ซึ่งเงินชดเชยที่จะได้อยู่ที่ 50%ของรายได้เป็นเวลา 6 เดือน แต่ถ้าตกงานเพราะลาออกจะได้แค่ 30% เป็นเวลา 3 เดือนเท่านั้น !

ในช่วงที่ตกงานอยู่นั้น งานใหม่ก็ยังไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่เป็น และยังไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไรดี สามารถไปขึ้นทะเบียนตนเองกับสำนักงานจัดหางานได้ เพราะหน่วยงานนี้นอกจากจะหางานใหม่ให้เราแล้ว ยังช่วยฝึกอบรมดีๆ หลายอย่างให้เราด้วยถ้าสนใจ และทำได้ สามารถนำไปประกอบอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริมได้ด้วย.

4. ไม่เลือกงาน

4. ไม่เลือกงาน

เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ตกงาน บวกกับ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากขึ้นขณะเดียวกันรายจ่ายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจำเป็นต้องหางานใหม่ทำถึงแม้งานที่เราได้อาจจะไม่ได้เป็นงานที่เราต้องการและถนัดเสมอไป ถ้าจะรอทำงานที่เราชอบก็ยิ่งเสียเวลาไปเรื่อยๆทางออกที่ดีและวิธีรับมือกับความกังวลเมื่อตกงานเราจะต้องเปลี่ยนทัศนะของตัวเองเพื่อจะเอาชีวิตรอดโดย ต้องไม่เลือกงาน การมองว่างานอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้มีเงินใช้จ่ายในช่วงที่ตกงาน ถึงแม้งานนั้นเราจะไม่ชอบไม่คุ้นเคยและไม่ถนัดแต่ถ้าเรามองว่า งานคือเงิน เราก็จะทำงานนั้นอย่างมีความสุขได้

จริงๆแล้วถ้าเราเป็นคนไม่เลือกงานมีงานหลายอย่างที่เราสามารถทำได้ เพียงแต่เราต้องไม่ปิดกั้นตัวเอง ในช่วงที่เรากำลังหางานเราก็สามารถสำรวจตัวเองด้วยว่ามีความรู้ ความสามารถ และความถนัด ในด้านไหน ?

เราก็สามารถใช้จุดนั้นเพื่อมาเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง บางคนอาจจะทำงานฝีมือก็สามารถประดิษฐ์ของขึ้นมาขายได้ บางคนชอบทำอาหารก็อาจจะทำอาหารขายตามตลาดนัดหรือว่ารับออเดอร์ส่งตามออฟฟิศต่างๆก็ได้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่มีงานหลายอย่างที่ให้เราทำ ไม่ว่าจะเป็นขับรถแท็กซี่ ถ้ามีรถเป็นของตัวเองก็ขับ Grab ได้ หรือถ้ามีมอเตอร์ไซค์สามารถทำงาน Grab Food ได้ เพราะคนสมัยนี้ชอบความสะดวกสบาย ถ้าเรามีความสามารถทางด้านภาษาสามารถเปิดสอนพิเศษได้ด้วย

การที่เราไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแต่ละวันโดยรอให้งานเข้ามาหา แต่เราจะเป็นฝ่าย หางาน สร้างงานให้ตัวเอง และไม่เลือกงาน เท่านี้เราก็สามารถรับมือกับความกังวลใจเมื่อตกงานได้แบบสบายๆแล้วค่ะ.

5. หาความรู้เพิ่ม

5. หาความรู้เพิ่ม

การเรียนรู้ไม่มีวันจบ! ยิ่งมีความรู้มาก โอกาสหางานใหม่ และได้งานทำก็มีมากด้วยบางครั้งการที่เราทำงานเดิมเป็นเวลานานๆ มักจะทำให้เรามีความรู้ ความสามารถและความถนัดกับงานที่เราทำเท่านั้น ส่วนความรู้ในด้านอื่นๆเราอาจจะไม่มีโอกาสได้พัฒนาเพิ่ม เมื่อเราตกงานสามารถมองว่ามันเป็นโอกาสที่จะช่วยเรามีเวลาในการหาความรู้เพิ่มเติม อาจจะเพิ่มจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วให้มากขึ้น หรือหาความรู้ในเรื่องใหม่ๆ ที่จะทำให้เรามีโอกาสได้งานเพิ่มมากขึ้น

การหาความรู้เพิ่มเพื่อจะได้มีงานทำและมีรายได้สิ่งหนึ่งที่เราควรจะมีก็คือเราต้องเป็นคนที่ติดตามข่าวสาร  เป็นคนที่ชอบอ่าน ชอบดู ชอบฟัง ชอบปรึกษาหาความรู้จากคนที่มีประสบการณ์แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่ชอบสังเกต  และเข้าใจด้วยว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองของเราเป็นแบบไหน? งานแบบไหนที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด?  และอาชีพไหนสามารถสร้างรายได้ให้กับเราบ้าง?

การหาความรู้เพิ่มเติมเป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และยังเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เบี่ยงเบนความคิดออกจากความกังวลเรื่องงาน มาเป็นความสนุกกับการเรียนรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน นี่ถือได้ว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยเรารับมือกับความกังวลใจได้เมื่อตกงาน!

รับมืออย่างมีสติ

รับมืออย่างมีสติ

ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในชีวิตของเราก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือใหญ่การมีสติคือการรับมือที่ดีที่สุด! คนที่มีสติ และควบคุมสติของตัวเองได้เสมอจะเป็นคนที่สุขุม คิดถึงเหตุและผลเสมอ ไม่รีบตัดสินใจ และจะมองทุกอย่างตามความเป็นจริง มองทุกอย่างในแง่บวก ไม่โทษตัวเองหรือคนอื่น แต่จะหาวิธีรับมือ และหาทางแก้ไขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอทางออกที่ดีที่สุด การรับมือกับความกังวลใจเมื่อตกงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องมีสติให้มากๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้งานทำ? จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย ?  จะเอาเงินที่มาใช้หนี้?

การมีสติจะช่วยเรานั่งลงคิดและประเมินสถานการณ์ในตอนนั้นตามความเป็นจริง และลงมือทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น หรือไม่ก็สามารถผ่านวิกฤติในช่วงนั้นไปได้ อย่าลืมว่า มีสติเมื่อไหร่งานย่อมตามมาเสมอ การรับมืออย่างมีสติช่วยลดความกังวลได้ทุกเรื่องจริงๆค่ะ.