เมื่อมนุษย์เงินเดือนกับบัตรเครดิตมักจะเป็นสิ่งที่คู่กัน และเมื่อธนาคารต้องการประเมินความสามารถของเจ้าของบัตรอย่างเราในการชำระหนี้ ก็มักจะหยิบยก คะแนนเครดิต หรือ Credit Scoring นี่ล่ะขึ้นมาพิจารณา เมื่อเราจำเป็นต้องยื่นกู้!
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราย่อมเข้าใจกันดี เคยไหม ที่เวลาขอกู็แล้วต้องมาลุ้นผลว่า ธนาคารจะอนุมัติไหมนะ ถ้าให้ แล้ววงเงินที่ได้ยังจะเต็มวงเงินแบบที่ยื่นเรื่องไปรึป่าว เพราะข้อมูลส่วนตัวที่ทางธนาคารมอง มันไม่ใช่แค่ งานอาชีพ รายได้ ภาระหนี้ หรือช่วงเวลาในการชำระเท่านั้น แต่เขามองไปถึง พฤติกรรมในการบริหารจัดการเงิน หรือผลรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เรียกว่า Credit Scoring ถ้าคะแนนอยู่ในเกณฑ์ดี อะไรๆในชีวิตที่เราต้องการมันก็ง่ายขึ้น ดังนั้น บทความนี้อยากจะมาชวนพนักงานบริษัท หรือมนุษย์เงินเดือนที่ตื่นตัวเรื่องนี้ มารู้ไปด้วยกันเรื่องของ Credit Scoring ตัวแปรทางการเงินที่เราต้องเฝ้าระวัง ว่าคืออะไร มีประโยชน์ต่อเราอย่างไร และวิธีในการประเมินนั้น บริษัทข้อมูลเครดิตเขาเก็บอะไรไปบ้าง เพื่อเราจะรู้เทคนิคในการเพิ่ม Credit Scoring ให้บัตรเครดิตที่เราถืออยู่ไปด้วย ก็จะช่วยให้ขอเงินกู้ได้ไว และได้จำนวนที่มากกว่าคนที่ถือเงินสดทำกัน มาดูกันเลย
Credit Scoring คืออะไร
เครดิตสกอริ่ง หมายถึง ประวัติการชำระหนี้ของแต่ละบุคคล เพื่อการขอระดมทุนอย่าง Lending Based Crowdfunding ในอนาคตว่าจะ คำร้องจะถูกอนุมัติผ่านหรือไม่ โดยดูจากคะแนนของผู้ขอสินเชื่อในส่วนนี้ ว่ามีประวัติในการชำระหนี้และใช้จ่ายที่ผ่านมาอย่างไร จากบัตรเครดิตส่วนบุคคล สินทรัพย์ที่ค้ำประกัน หรือ สินเชื่อรถ เพื่อทำนายความสามารถการชำระในอนาคตต่อไป
ดังนั้น Credit Scoring หรือเครดิตสกอร์ ที่หลายคนชอบเรียกสั้นๆ มันก็คือ คะแนนหรือประวัติการใช้บัตรเครดิตของเรา ที่สถาบันการเงินหรือทางธนาคารจะใช้เพื่อตรวจสอบและเป็นตัวชี้วัดเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ โดยวิธีการคำนวณเครดิตสกอร์ในที่นี้ก็ทำได้กันหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับแต่ละแห่งที่เขาหยิบยกมาพิจารณา เช่น ภาระหนี้สินและอาชีพ รายได้สุทธิต่อเดือน ประวัติการผ่อนชำระหนี้ หรือการขอสินเชื่อที่เคยทำ เพื่อเช็คสถานะทางการเงินของเรา
ประโยชน์ของ Credit Scoring ต่อมนุษย์เงินเดือน
คะแนน Credit Scoring ของมนุษย์เงินเดือน ก็เหมือนๆกับการตัดเกรดในโรงเรียน เพื่อบ่งบอกหรือแสดงฐานะว่า มนุษย์เงินเดือนที่ขอสินเชื่อคนนั้นๆ มีความสามารถ หรือความรับผิดชอบในการชำระหนี้สินเท่าไหน และผู้ขอสินเชื่อคนไหนบ้างที่จะมีแนวโน้มไม่สามารถชำระยอดเงินที่ขอกู้ได้ ดังนั้น ถ้าเรามีคะแนน Credit Scoring ที่ต่ำ ก็จะทำให้การขอสินเชื่อนั้นๆ อนุมัติได้ยากขึ้น แถมอาจต้องเผชิญกับดอกเบี้ยที่สูงกว่าด้วย หรือแบบร้ายแรงไปเลย ก็คือการถูกตั้ง Blacklis จากบางสถาบันการเงินไปเลยด้วยซ้ำ
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มองหาแหล่งเงินทุน Credit Scoring ส่วนนี้ก็จะเป็นเกณฑ์ที่ช่วยให้เราได้รับการอนุมัติยอดเงิน แต่ถ้าอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี ก็มีโอกาสในการถูกปฏิเสธ และในส่วนของสถาบันการเงินที่พิจารณานักลงทุน ก็จะมอง Credit Scoring เพื่อลดความเสี่ยงในการเบี้ยวหนี้จากเรา เป็นการคัดกรองคุณสมบัติผู้ยื่นของการระดมทุน และใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานประจำควรตรวจสอบเครดิตสกอร์ของตน เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้อง ของข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินที่เครดิตบูโรจัดทำ โดยเฉพาะบัญชีการค้างชำระหนี้ เราต้องมั่นใจว่าไม่ค้างเกิน 30 วัน หรือการปิดบัญชี ก็ต้องแจ้งยอด 0 บาท เพื่อไม่ให้คะแนนเครดิตเราต่ำลง และเสี่ยงต่อการขออนุมัติสินเชื่อใดๆแล้วไม่ผ่านในอนาคตนั่นเอง
วิธีประเมินคะแนน ของบริษัทข้อมูลเครดิตที่ควรรู้
บริษัทที่จะเข้ามาดูแลข้อมูลเครดิตสกอร์ในประเทศไทยที่ใหญ่และได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินชั้นนำก็คือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ ศูนย์เครดิตบูโร เพื่อทำการประเมินคะแนนของผู้ใช้บริการอย่างเรา ว่ามีการใช้จ่ายเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างไร แล้วจะทำการจัดส่งรายงายเพื่อให้ผู้ให้บริการเข้าถึงในทุกเดือน และตัดเป็นเกรดเพื่อบอกถึงความสามารถในแต่ละบุคคล โดยมี 6 ปัจจัยหลักดังนี้ :
- Utilization Pattern หรือ ยอดหนี้ที่คงเหลือ พร้อมยอดเงิน เพื่อนำไปเทียบกับวงเงินสำหรับสินเชื่อ
- Debt Burden หรือ ยอดหนี้ที่คงเหลือ พร้อมยอดเงินที่ใช้รวมกัน ในแต่ละประเภทของสินเชื่อ
- Recent Credit หรือ จำนวนบัญชีของแต่ละประเภทสินเชื่อที่ถูกเปิด
- Severity and Recency of Delinquency คือ จำนวนเงินที่คงค้างยอดล่าสุด
- Depth of Credit คือ ระยะเวลาหรือความยาวของประวัติตามสินเชื่อแต่ละประเภท
- Thickness of Credit with Good Payment หรือ จำนวนบัญชีของแต่ละบุคคลที่มีประวัติการชำระเงินดี
- Available Credit หรือ ระยะเวลาหรือความยาวของสินเชื่อที่มีอยู่
- Enquiry Activity คือ ความถี่ในการสมัครสินเชื่อใหม่
เราาจึงเห็นว่า ข้อมูลในตรงนี้จะมาจากข้อมูลในสินเชื่อ ปริมาณหนี้ และการผ่อนชำระ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่มีอยู่ อย่างบัญชีเงินฝาก หรือหน่วยลงทุน เพื่อตัดเป็นคะแนนเครดิต โดยอาจไล่จากระดับ AA ที่แสดงถึงคะแนนสูงสุด ไปจนถึงระดับ HH ที่แสดงถึงคะแนนต่ำสุด ตามเกณฑ์ของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ โดยข้อมูลในส่วนที่ว่านี้ เจ้าของข้อมูลเท่านั้นที่ขอตรวจสอบได้ และถ้าพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง จะต้องติดต่อแก้ไขที่สำนักงานบริษัท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ อาคาร2 ชั้น2 ถนนพระรามเก้า เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ต่อไป
วิธีในการเพิ่มคะแนน Credit Scoring
การที่ธนาคารจะปล่อยกู้ หรือ ไม่ปล่อยกู้เรานั้น พูดกันตรงๆ เขาก็ต้องดู และประเมินว่าจะกล้าเสี่ยงปล่อยเงินกู้ให้กับบุคคลที่ไม่แน่ใจว่าจะชำระหนี้ตามเวลาที่กำหนดได้ไหม ดังนั้น เพื่อสร้างคะแนนเครดิตให้ทางธนาคารมองว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าเราถือบัตรเครดิตอยู่ และอยากรู้วิธีบริหารบัตรเครดิต แบบเพิ่มคะแนน Credit Scoring มันก็ทำได้ไม่ยาก ลองนำคำแนะนำที่คัดมาแล้วกันดู เช่น
การเช็คยอดและตรวจสอบ
วิธีเริ่มต้นที่ง่ายในการเพิ่มคะแนน Credit Scoring ของเราคือการที่ต้องรู้ว่าตอนนี้เรามียอดเท่าไหร่ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ก็จะทำให้หาทางเพิ่มตรงจุดนี้ได้ง่ายขึ้น เราสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วด้วย ใช้เวลาแค่ 15 นาที มีค่าบริการเพียง 100 บาท ที่ศูนย์ตรวจสอบเครดิตบูโร ชั้นนำทั่วไป
การชำระยอดให้ครบ
เพราะยอดบัตรเครดิตที่ส่งมา ถ้าเราชำระแบบเต็มจำนวนได้ นอกจากจะไม่ต้องมาเสียดอกเบี้ยยิบย่อยแล้ว มันยังทำให้ทางธนาคารสามารถเช็คถึงการบริหารจัดการการเงินของเราในแต่ละเดือนด้วย โดยเทคนิคที่ว่านั้น เพื่อเพิ่มคะแนน Credit Scoring จะทำได้โดย การใช้จ่ายต่ำกว่าวงเงิน แม้เราได้วงเงินตามจำนวนเงินเดือนสัก 15,000 บาท เราอาจใช้เดือนละแค่ 5,000 - 8,000 บาท แล้วก็จ่ายแบบเต็มจำนวนให้ไม่เดือดร้อน ข้อนี้ก็จะช่วยสร้างคะแนนเครดิตของเราให้สวยงาน น่าพิจารณาจากธนาคารแน่นอน
ความตรงเวลา
การชำระหนี้ที่มีให้ตรง ถือเป็นสัดส่วนสำคัญถึง 40% ในเครดิตสกอร์ของเรา ส่วนการผัดวันประกันพรุ่งเป็นสัญณาณที่น่ากลัวทางการเงิน ยิ่งการผัดในการชำระค่าบัตรเครดิต ยิ่งเป็นอะไรที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างแน่ๆ นอกจากจะลดคะแนน Credit Scoring ของเราไปตรง ยังทำให้ดอกเบี้ยบานปลายเพิ่มไปอีก สะท้อนพฤติกรรมทางการเงินที่ดูระส่ำระสาย ยิ่งถ้าเราชำระสาย จ่ายค้าง ไม่เคยชำระตรงเวลา ใช้ไปเรื่อย ยอดหนี้ค้างยิ่งสะสม และอาจล้มทับเราจนไม่มีทางรอดก็เป็นได้ แค่คิดก็กลุ้มเลยล่ะ
-ความสม่ำเสมอที่ต้องมี. วินัยและความสม่ำเสมอ มักจะไปในทางเดียวกัน ถ้าเรามีวินัยในการใช้บัตรเครดิต บัตรบางๆนี้ ก็จะไม่ใช่บัตรสร้างหนี้ ใช้อย่างสม่ำเสมอ แล้วก็จ่ายอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเคล็ดการใช้ที่ดี และหากใครบ่นๆว่าไม่ค่อยมีเวลา ก็ไม่ต้องอ้าง เพราะสมัยนี้มีแอพพลิเคชั่นจากทางธนาคารที่ช่วยเราสะดวกมากกว่าเดิม ในการเช็ครายการบัตรเครดิต ในทุกที่ทุกเวลา ง่ายๆแค่ปลายนิ้วเราเอง หรือบริการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมล์เพื่อตัดผ่านบัญชีทางธนาคารแบบอัตโนมัติเราก็ทำได้เหมือนกัน
ลดจำนวนหนี้และการใช้
ข้อหนี้อาจเหมือนการหักดิบ แต่ถ้าเรามีหนี้สินน้อย ยอดเครดิตสกอร์ก็ยิ่งดีขึ้น ลดสัดส่วนหนี้ต่อวงเงินที่อนุมัติ ถ้าอยากจะผ่อนอะไรที่ก้อนใหญ่ก็ขอให้หาทางทำให้หมดเร็วๆ หรือการมีบัตรเครดิตหลายใบก็อาจจะเป็นหลุมพราง ที่เสี่ยงต่อการใช้จ่ายแบบเกินตัวและไม่จำเป็น พอผิดพลาดในการชำระ หรือจ่ายได้ไม่เต็มวงเงินในทุกใบ ถือเป็นสัญณาณการก่อหนี้ในอนาคต ยังไงก็ควรใช้เท่าที่จำเป็น จริงมั๊ย?
การรวมหนี้
ถ้ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่มีการหมุนเวียนทางการเงินแบบไม่คงที่ มียอดหนี้หลายตัว การรีไฟแนนซ์ก็อาจช่วยได้ และเพิ่มเครดิตสกอร์ของเราให้ดูดีขึ้น ช่วยลดยอดดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย อาจมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลอย่าง P2P Lending เพื่อปิดหนี้บัตรบางใบ ผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าอัตราค่าปรับ ถึง 12-15 % ต่อปี มันก็ช่วยต่อชีวิตเราไปได้
Credit Scoring ในเกณฑ์ที่ดีเราก็สร้างได้ไม่ยาก!
จะเห็นได้ว่า Credit Scoring ที่ดีเราก็สร้างกันได้ พอได้เข้าใจความหมายจริงๆ ว่าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร เขามองอะไรจากเราบ้าง ประเมินอย่างไร เราก็จะสามารถทำให้เครดิตสกอร์ของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หมั่นปรับปรุงมันต่อไปโดยไม่ท้อ ถึงไม่เห็นผลทันทีก็ต้องใช้เวลาสะสมความสม่ำเสมอไว้ไม่ขาด เมื่อนั้นอนาคตในการขอสินเชื่อหรือการกู้ของเราก็จะไม่สะดุด
และเราต้องไม่ลืมว่า ในโลกของการเงินนั้น ทุกการใช้จ่าย และรายรับของเรา จะเป็นตัวสะท้อนพฤติกรรมการใช้เงินของเราได้ดีที่สุด ธนาคารจะพิจารณาการขอสินเชื่อหรือการกู้เราไหม ก็จะดูที่เจ้า Credit Scoring ดังนั้น ถ้าเราจัดการกับชีวิตได้อยู่หมัด ให้มันออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้บัตรเครดิตที่ถืออยู่ในมืออย่างฉลาด เริ่มเก็บเริ่มสร้างคะแนนเครดิตที่ว่ากันตั้งแต่ตอนนี้ ยิ่งทำให้ชีวิตเราผ่านฉลุยไปในทุกปัญหาการเงินในอนาคตอย่างแน่นอน!
Theerapat
ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาเครดิตที่ทางการเงินมากๆครับ แต่คนในครอบครัวคนอื่นๆไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ ผมว่าจะเอาบทความเรื่องนี้ไปให้พวกเขาอ่านกันครับจะได้เห็นว่าการรักษาเครดิตที่เมื่อไปทำธุรกรรมการเงินนั้นสำคัญแค่ไหนต่อการขอสินเชื่อต่างๆ แล้วผมว่าบทความนี้ก็แนะนำดีมากให้ความเข้าใจที่ดีว่าเราจะรักษาเครดิตที่ดีได้อย่างไรด้วยครับ
Nattanan
คะแนนCredit Scoring ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะเคยได้ยินแต่เครดิตบูโร ซึ่งมีหน้าที่ในการให้คะแนนหรือตรวจสอบว่าเรามีเครดิตในการผ่อนชำระคืนกับทางสินเชื่อหรือบัตรเครดิต ตรงตามเวลาไหม ซึ่งคะแนนตรงนี้ราคามีผลในกรณีที่เราไปขอบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อใหม่ๆ จะทำให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในการได้รับการอนุมัติบริการค่ะ
น้ำฝน
Credit Scoring มีผลมากจริงๆนะคะกับผู้ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ในการขอสินเชื่อส่วนบุคคล การทําบัตรเครดิต การขอบัตรกดเงินสด เพราะทางสถาบันการเงินจะทำการเช็คเกี่ยวกับCredit Scoring ทำให้มีผลต่อการอนุมัติเงินให้ใช้บริการได้ บทความนี้ช่วยให้เราเป็นคนที่เช็คตัวเองและวางแผนที่จะทำให้ credit scoring ของเราอยู่ในระดับที่ดีค่ะ
Piengpen
อือ..แปลกดีนะ เพิ่งเคยเห็นคำนี้ "Credit Scoring" มีการให้คะแนนกันด้วย นี่ว่าแปลกแล้วยังมีวิธีเพิ่มคะแนนอีกต่างหาก แค่การใช้บัตรเครดิตต้องมีอะไรมากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ใครมาอ่านเจอเม้นท์เราคงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเราล้าสมัยขนาดนี้ เราไม่เคยมีบัตรเครดิตเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้น่ะ เราใช้แต่เงินสดหรือไม่ก็โอนเงินแค่นี้ก็สะดวกดีแล้ว
พุดดิ้ง
พูดง่ายๆก็คล้ายกับเครดิตบูโรแหละเท่าที่อ่านๆไป แต่ไม่รู้อันเดียวกันมั้ยนะ แต่เราว่าความเข้าใจมันคล้ายๆกันอะ คือเพื่อที่เราจะธุรกรรมต่อไปได้ต้องเช็คก่อนว่ามีประวัติการเงินยังไ มีหนี้อะไรมาบ้างอย่างงี้อย่างงั้นก็คล้ายกับเครดิตบูโร แต่อาจจะเป็นการเรียกแบบใหม่สำหรับคนทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนละมั้ง ยังไม่เข้าใจเต็มที่กับคำคำนี้
ธนา
พูดง่ายๆ ให้เข้าใจง่ายๆเลย ก็เหมือนการสร้างเครดิตทางการเงินใช่ไหมครับ การทำงานค่อนข้างคล้ายกันเลยครับ ผมเคยลองๆทำนะครับ เพราะว่าเมื่อก่อนผมขอสินเชื่อไม่ผ่านเพราะมามีหนี้มากกว่ารายจ่าย ผมทำเครดิตทางการเงินของตัวเอง อยู่ประมาณสองปีครับ คือ ฝากเงินเข้าแล้วไม่พยามถอนออกครับ จนผมสามารถขอสินเชื่อได้ครับ ผมว่ามันคล้ายกันนะครับ
วิว
การสร้างประวัติเครดิตของเราให้ดีนั้นส่งผลกระทบต่อการขออนุมัติสินเชื่อ หรือการขอทำบัตรเครดิตเหมือนกันนะคะ เพราะว่าสถาบันการเงินก็อยากจะรู้เกี่ยวกับประวัติการส่งคืนเงินหรือการส่งเงินในแต่ละเดือนว่าทำตรงต่อเวลาไหม เพื่อเขาจะสามารถมั่นใจในการให้บริการเราค่ะ เพราะถ้าเขาไม่มั่นใจในการใช้บริการของเราเราก็จะไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้ค่ะ
ฌาน ಥ_ಥ
มันเหมือนกับเครดิตบูโร ใช่ไหม ที่เขาตรวจสอบเรื่องประวัติการเงินของเรา เราเคยเจอการตรวจสอบแบบนี้นะ ปีที่แล้วเราไปยื่นทำบัตรเครดิต ของเจ้าหนึ่ง ตอนที่ทำเงินเดือนเรา 2หมื่นกว่า แต่ตอนที่ทำเขาเคยถามเรื่องหนี้ที่เราเคยเป็นเมื่อ4ปีก่อนด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็งงว่าเขาทราบได้ยังไง เข้าใจแล้วละว่าเขาเชคย้อนหลังประวัติของเราได้
สมชัย
อ๋ออ มันคืออย่างงี้นี่เอง สิ่งที่บ่งบอกความสามารถในการชำระเงินนั้นมันเรียกว่า Credit scoring หากเราจะไปขอสินเชื่อหรืออะไรเขาก็จะไปดูที่เครดิตสกอริ่งนั่นเอง ขอบคุณสำหรับข้อมูลตรงนี้มากครับ วิธีการเขียนบทความผมว่าสนุกมากๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ชอบตรงที่บอกว่า "คะแนน Credit Scoring ของมนุษย์เงินเดือน ก็เหมือนๆกับการตัดเกรดในโรงเรียน" เปรียบเทียบเข้าใจดีครับ
สมชาย
ทำอะไรไว้ก็จะได้อย่างนั้น วลีนี้สามารถใช้ได้กับประวัติบัตรเครดิตหรือเครดิตการใช้เงินของเราด้วยนะครับ สำหรับCredit Scoring ผมชอบนะครับที่มีการบันทึกประวัติการทำธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับความตรงต่อเวลา รายการใช้หนี้ตามเวลาหรือเปล่าด้วย เพราะอย่างน้อยก็ทำให้สถาบันดูนิสัยการใช้เงินของเราว่า เราเป็นคนที่ผ่อนชำระตรงตามเวลาหรือเปล่า