ผู้ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจก็ดี พนักงานเงินเดือนก็ดี หรือจะเป็นฟรีแลนซ์ก็ดี ใครก็ตามที่อยู่ในช่วงของการทำงานหาเลี้ยงตัวเอง คงจะเคยเจอ กับเงินช็อต กันมาบ้างล่ะผมว่า เงินช็อต นั้นเป็นสภาวะที่เรามีเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เราจำเป็นจะต้องจ่าย ถามว่า เมื่อเพื่อนๆวัยทำงานที่ต้องเลี้ยงตัวเองเจอสภาวะแบบนี้จะทำยังไงกันครับ แน่นอนว่าคงหนี้ไม่พ้นการขอยืมเงินถูกไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นขอกู้เงินจากธนาคาร กู้จากเจ้าหนี้นอกระบบ หรือจะยืมจากคนรู้จักก็ได้ แต่ใครจะยืมเงินแบบไหนอันนี้ผมขอไม่เจาะเข้าไปลึกนะครับ แต่ทุกการยืมมันคือการเริ่มต้นการเป็นหนี้
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะมีการยืมเงินเมื่อเจอกับสภาวะเงินช็อต เพื่อนๆก็แค่หาเงินมาคืนให้เท่ากับเงินที่ยืมไปก็จบแล้วใช่ไหมครับ ฟังดูอาจจะง่ายๆ แต่ถ้าเพื่อนๆหามาไม่ได้ล่ะ ตรงนี้แหละครับมันก็จะแบ่งคนออกไป สองกลุ่ม คือ กลุ่มคนธรรมดาที่เป็นหนี้ กับคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้
มันเริ่มจากจุดนี้แหละครับ คือ คนธรรมดาที่เป็นหนี้เมื่อเวลาที่ต้องใช้หนี้แล้วหาเงินมาไม่ได้ไม่พวกเขาก็จะทำการเจรจา แต่คนที่เสพติดการเป็นหนี้เมื่อถึงเวลาใช้หนี้แล้วหาเงินมาไม่ได้หรือไม่พอที่จะใช้หนี้ แทนที่เขาจะทำการเจรจาเมื่อคนธรรมดาเขากับไปยืมเงินจากที่อื่นมาเพื่อใช้หนี้คืนและทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นวัฏจักรถ้าเพื่อนๆเป็นแบบนี้นั้นแหละครับเรียกได้ว่าเป็นคนเสพติดหนี้
นิสัยของผู้ที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้
อย่างที่บอกไปคราวๆทุกคนคงจะเข้าใจแล้วว่าอาการของคนที่เสพติดหนี้เป็นอย่างไร มาดูกันต่อดีกว่าว่าคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ เขามีนิสัยกันอย่างไร และ ลองมาสังเกตดูตัวเองว่าถ้าไม่อยากเป็นคนที่เสพติดการเป็นหนี้หรือเป็นหนี้ก็อย่าพยายามทำนิสัยแบบนี้ แบบคนที่เสพติดการเป็นหนี้เป็นกัน คือ ใช้เงินเก่ง ฟุ่มเฟือย แบบที่ว่าอยากได้อะไรก็ซื้อแล้วสิ่งที่ซื้อไปนั้นมีประโยชน์กับตัวเองจริงๆไหมไม่รู้แค่อยากได้ก็ซื้อเอาไว้ก่อน และชอบซื้อของจำพวกที่ลดราคา หรือ มีข้อเสนอพิเศษ แม้ของชิ้นนั้นอย่างที่บอกว่ามีประโยชน์กับตัวเองหรือป่าวนั้นค่อยว่ากันซื้อก่อนเพราะของลดราคา ซื้อจนกระทั้งรายจ่ายมีมากกว่ารายรับจนทำให้เป็นจบที่สภาวะเงินซ็อต แล้วก็ทำให้ต้องกู้ยืมเงินเป็นหนี้และเข้าไปเป็นคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้
และอีกอย่างที่บ่งบอกถึงนิสัยของคนประเภทนี้อย่างชัดเจนอีกอย่างคือจะชอบมีนิสัยในการยืม แต่ในการยืมในที่นี้ไม่ได้พูดถึงการยืมเงินเป็นวัฏจักร แต่หมายถึงชอบยืมทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถยืมได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินนั้นก็เป็นพฤติกรรมหรือนิสัยอีกอย่างหนึ่งของคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ด้วย ยกตัวอย่างของที่จะชอบยืม นอกเหนือจากเงิน ก็อย่างเช่น อุปกรณ์เครื่องเขียนเพื่อนร่วมงาน หนังสือ ขนมในออฟฟิตของเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น และชอบยืมแล้วไม่คืน พฤติกรรมประเภทนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขามีน่าจะมีอาการเสพติการเป็นหนี้
จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีอาการเสพติดการเป็นหนี้
ปัจจัยที่บ่งบอกได้ว่าคุณนั้นมีอาการของการเสพติดการเป็นหนี้ คือ คุณนั้นไม่รับรู้ถึงสภาพทางการเงินของตัวเอง ไม่รู้ปริมาณการใช้เงินของตัวเองในแต่ละเดือน คือไม่มีการจดบันทึกและทำรายรับรายจ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นหนี้และเริ่มเสพติดการเป็นหนี้ ขอให้เพื่อนๆที่ไม่ได้ทำบันทึกรายรับรายจ่าย หรือกำลังใช้เงินเดือนชนเดือน หรือไม่มีการออมเงินเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรือออมเพื่อใช้ในอนาคต ควรระวังเอาไว้ให้ดี คุณอาจจะยังไม่เป็นหนี้แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆคุณมีสิทธิ์ที่จะเป็นหนี้และมีอาการเสพติดการเป็นหนี้ได้ และต้องบอกเลยว่าอาการของคนเสพติดการเป็นหนี้นั้น ต้องแก้ที่ตัวเองเท่านั้น คุณจะไปหาหมอขอยากินให้หายจากอาการนี้ไม่ได้ ไม่มีทาง
ต้องบอกเอาไว้ว่า อาการเสพติดการเป็นหนี้นั้น มีแต่ส่งผลเสียทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเองหรือคนในครอบครัวและคนรอบข้างด้วย ซึ่งหลักๆแล้ว คนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ อาการนี้จะส่งผลให้คุณนั้นไม่มีความมั่นคงในทรัพย์สินที่ตัวเองถือครองได้ เพราะถ้าคุณยังเป็นหนี้อยู่ไม่หาย รับรองว่าไม่ว่าจะทั้งรถทั้งบ้านคุณจะต้องโดนยึด และนี้รวมไปถึงความมั่นคงในชีวิตด้วยถ้าคุณมีอาการเสพติดการเป็นหนี้ กรณีที่ทำการกู้หนี้นอกระบบ อาจจะมีการทวงหนี้ที่โหดถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน และยังกระทบไปถึงเรื่องของความสัมพัธ์กับคนรอบข้างในกรณีที่คุณมีอาการเช่นนี้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องยืมเงิน แต่หมายถึงมีนิสัยชอบยืมแต่ไม่คืนกับทุกอย่างๆ ส่งผลเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
และอาการเสพติดการเป็นหนี้ ยังจุดเริ่มต้นของการทำสิ่งผิดกฏหมายหรือก่ออาชญากรรมด้วย เพราะแน่นอนว่าเมื่อเป็นหนี้แล้วไม่สามารถหาเงินมาใช้คืนได้ คุณก็จะมีความเครียดและพยายามหาทางออกหรือหาทางทำอะไรที่จะได้เงินมากง่ายๆซึ่งแน่นอนว่าวิธีที่จะได้เงินมาง่ายๆก็จะต้องไม่ใช่วิธีที่สุจริตทำกันแน่นอน เช่น การค้ายาเสพติด การปล้น วิ่งราว หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านี้ เพื่อที่จะได้มีเงินมาใช้หนี้ เห็นไหมว่าอาการเสพติดการเป็นหนี้นั้นไม่น่าเป็นเอาสักเลย แล้วถ้าไม่อยากเป็นต้องทำยังไงบ้างให้และถ้าเป็นแล้วต้องแก้ยังไง
วิธีหลีกเลี่ยงและแก้อาการเสพติดการเป็นหนี้
ก็อย่างที่พูดๆมาจะเห็นว่าอาการเสพติดการเป็นหนี้นั้นไม่มีอะไรดีเลย ไม่แต่แย่และด้านลบเต็มไปหมด จะมีวิธีอะไรบ้างที่จะสามารถช่วยหลีกเลี่ยงสำหรับคนยังไม่ได้เป็นและแก้ยังไงสำหรับคนเป็นไปแล้ว สำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นหนี้แน่นอนว่าต้องไม่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้อยู่แล้ว หลีกเลี่ยงยังไง ง่ายมากหลีกเลี่ยงโดยพยายาม ควบคุมรายรับรายจ่ายของตัวเอง จดบันทึกให้ละเอียด และพยายามวางแผนเก็บออมเงิน เมื่อคุณมีความรู้เกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของตัวเองแล้วก็ง่ายมากที่จะหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้และรวมไปถึงอาการที่จะตามมาคือเสพติดการเป็นหนี้ไปด้วย
และสำหรับคนที่เป็นหนี้และมีอาการเสพติดการเป็นหนี้ล่ะมีวิธีแก้ยังไง ก็อย่างที่พูดมาอย่างยาวเยียดคงจะจับใจความกันได้ใช่ไหมครับว่าคนที่มีอากาเสพติดการเป็นหนี้ นั้นเริ่มต้นมาจากการยืมทำให้เป็นหนี้ เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องมาเริ่มแก้กันโดยเริ่มจากการทำบัญชีหนี้สินกันก่อนว่ามีอยู่หนี้อยู่เท่าไร และมีอัตราดอกเบี้ยเท่าไร และมีค่าปรับอะไรยังไงบ้าง รวมเข้าด้วยกันเท่ากับคุณต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดเท่าไร เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็เริ่มต้นขั้นตอนถัดไป คือการชำระหนี้
แต่อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ไม่ใช่เขาไม่จ่ายหนี้นะครับ เขาจ่ายแต่ไม่ใช่จ่ายด้วยเงินที่ตัวเองทำงานหามาแต่จ่ายด้วยเงินที่ยืมมาจากที่อื่นอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้อาการเสพติดการเป็นหนี้ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้ด้วยถ้าคุณใช้วิธีแบบที่ผมบอก ถึงแม้การใช้หนี้ด้วยรายได้ของตัวเองมันจะไม่สามารถทำให้ใช้หนี้ทั้งหมดได้ในคราวเดียวแต่ผมรับรองได้เลยว่ามันดีกว่าใช้วิธีก่อนหน้านี้แน่นอน ให้ลองติดต่อกับเจ้าหนี้ของตัวเองดูกรณีที่รายได้น้อยจริงๆ เพื่อที่เจ้าหนี้จะได้ช่วยลดหย่อนลงบ้างในเรื่องดอกเบี้ยอะไรแบบนี้ได้ ดีกว่าใช้วิธีอย่างที่บอกไป และเมื่อเริ่มขั้นตอนที่สองเสร็จคือเริ่มชำระหนี้ด้วยรายได้ของตัวเองได้แล้วก็มาเริ่มต่อที่ขั้นตอนที่สาม คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน เพราะพฤติกรรมการใช้ก็มีส่วนที่จะทำให้มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ด้วย
อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่คุณต้องระวัง
จริงอยู่ที่ทั้งหมดที่ผมพูดมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่เป็นหนี้ และบ้างคนสาเหตุของการเป็นหนี้ของไม่ใช่แบบที่ผมบอกแต่เพราะมีเหตุจำเป็นจริงๆที่จะต้องใช้เงินทำให้เป็นหนี้ แต่ก็นั้นแหละครับถ้าคุณเป็นหนี้แล้วก็ควรเอาคำแนะนำผมไปใช้คือทำบัญชีหนี้สิน และเริ่มชำระหนี้ด้วยรายได้ของตัวเอง ถ้ากรณีที่คุณต้องเป็นหนี้มาจากความจำเป็นจริงไม่ใช่เพราะมาจากพฤติกรรมการใช้เงินก็ไม่ต้องเปลี่ยนแต่สำหรับคนที่เป็นหนี้เพราะมาจากสาเหตุของพฤติกรรมการใช้เงินคุณเองก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินด้วยหลังจากทำสองขั้นตอนก่อนหน้าเสร็จ และสำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นหนี้ ก็ควรระวังไว้และถ้าไม่อยากมีเหตุที่จำเป็นจนต้องยืมเงินให้เป็นหนี้ก็ควรวางแผนออมเงินไว้ใช้ฉุกเฉินด้วยเป็นการระวังตัวที่ดีอย่างหนึ่งที่แนะนำ และสำหรับคนที่เป็นหนี้ไปแล้วเมื่อแก้หนี้ได้ก็ต้องวางแผนออมเงินด้วยนเหมือนกันจะได้ไม่กลับไปเป็นหนี้อีก
พายุ
แน่นอนว่าการที่หยิบยืมคนอื่นหรือเอามาใช้จ่ายก่อนและผ่อนคืนทีหลัง เป็นเรื่องที่สะดวกแต่เป็นการนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ ถ้าไม่ระวัง ก็จะมีหนี้สินติดตัวตามมาทีหลังด้วย บทความนี้ทำให้เห็นว่า เราจะรู้ตัวได้อย่างไรว่าเป็นคนที่เสพติดการเป็นหนี้ไปแล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงลักษณะนิสัยแบบนี้ได้จำเป็นต้องมีแนวทางตามที่บทความนี้ให้เราตรวจสอบตัวเอง
Olive
"อาการเสพติดการเป็นหนี้" มีด้วยเหรอคะเนี่ย? ไม่รู้จะอุทานด้วยคำว่าอะไรเลย จะบอกว่าโลกของเราเปลี่ยนไปก็คงไม่ได้เพราะโลกยังเป็นเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือนิสัยและความคิดของเราที่เปลี่ยนไปมากต่างหาก อืม..น่าคิดนะเรื่องอาการเสพติดการเป็นหนี้ เราเคยคิดว่าคนที่ชอบยืมของๆคนอื่นเป็นแค่เพียงนิสัยส่วนตัวของเขา แต่มันอาจจะมากกว่านั้นแล้วละ
วรินทร์
แสดงว่าการ เสพติดการเป็นหนี้ มัน ไม่เหมือนกับการ เสพติดอย่าง เหล้า หรือ บุหรี่ หรือ เสพติดการชอ็ปปิง ใช่ไหมคะ เพราะการเสพติดแบบนี้มัน เป็นการที่คนๆนั้นมองข้ามข้อบกพร่องของการใช้เงินของตัวเอง คือไม่ยอใรับว่าใช้เงินเก่งหรือใช้เงินแบบไม่คิด แล้วอาการแบบนี้ จะรักษาให้หายขาดได้เลยไหม หรือว่ามันต้องใช้เวลาในการรักษา
Youngsea
เราเคยเป็นอยู่ในช่วงนึงนะ แต่ไม่รู้เรียกว่าเสพติดเป็นหนี้รึเปล่า เพราะแบบว่าเห็นอะไรที่น่ารักๆก็อยากได้ไปหมดเลย แต่ก็ไม่ได้ซื้อแค่เพราะว่าไม่มีเงิน555 แต่พอมีเงินก็เก็บเงินไม่อยู่จริงๆนะ อิจฉาคนที่เขาเก็บเงินเก่งๆจัง อยากสัมผัสคำว่า "มีเงินใช้ไปยันแก่" แต่ก็คงได้แต่อยากแหละค่ะ ต้องลงมือทำ ไม่ลองก็ไม่รู้เนาะ
แคน
รู้แล้วครับว่าคนที่มีอาการเสพติดการเป็นหนี้ก็คือตัวผมน่ะคนนึง รู้สึกจะนอนไม่ได้กินไม่หลับถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีหนี้สินจะต้องไปผ่อนอะไร ก็เหมือนกับชีวิตขาดอะไรไปบางอย่างถ้าไม่มีการผ่อนชำระอะไรสักอย่าง ต้องไปทำให้ตัวเองเป็นหนี้ไว้ถึงรู้สึกสบายใจและได้รับผลประโยชน์ แต่ถ้ายังมีนิสัยแบบนี้อยู่ผมคิดว่าจะต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ตามมาในอนาคตแน่นอนเหมือนอย่างที่บทความนี้บอก
ตังเม
เออ! คุณ แคน ผมว่า คุณรีบไปหาหมอเลยดีกว่านะครับ จะได้รักษา อาการนี้ทันนะครับ ไม่อย่างนั้น จะลำบากเอานะครับ ยิ่งถ้าตอนนี้มีครอบครัวด้วยละก็มันอาจเป็นแบบอย่างที่ไม่มีให้พวกเด็กๆไปทำตามได้นะครับ อาการคุณผมว่าค่อนข้างสาหัสแล้วนะครับ คือ อยู่ไม่ได้และไม่มีความสุขถ้าไม่ได้เป็นหนี้อะไรเลย รักษาตัวด่วนเลยนะครับ
ยูธูป
พออ่านจบปุ๊บก็ขำแล้วครับ555 เพราะคิดว่าตัวผมจะเป็นรึเปล่าเนี่ย แต่สิ่งที่ผมฟุ่มเฟือยไปนั่นไม่ใช่ของสิ่งที่ไม่จำเป็น(มั้ง)ครับ นั่นคือของกิน ซึ่งเวลาผมไปไหนมาไหนผมจะซื้อของกินเยอะแยะตลอด ทั้งๆที่ตัวเองซื้อกินก็เยอะแล้วนะ แต่พอเห็นอะไรน่าอร่อยก็จะซื้ออีก แบบนี้เรียกเสพติดการเป็นหนี้หรือว่าไม่ได้กินอะไรมา 5 ปีครับ >< หยอกน้า
น้ำหนึ่ง
ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าสาเหตุที่ทำให้คนเสพติดการเป็นหนี้ก็เพราะว่า โฆษณาที่ออกมาเพื่อให้ซื้อสินค้าใหม่ๆของใหม่ๆของดีที่สุดนั่นแหละค่ะ จะไปโทษใครก็ไม่ได้เลย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนคิดว่าจำเป็นต้องมีหนี้จำเป็นต้องมีสิ่งที่โฆษณาบอกมาเพื่อที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขสบาย ถ้ายังไม่ค้นพบเกี่ยวกับความสุขแท้ในชีวิตก็จงเป็นหนี้ต่อไปเถอะค่ะ