การมีงานทำ มีเงินใช้ ก็ใช่ว่าจะทำให้คนเรามีความสุขและความปลอดภัยได้เพราะ ทุกคนในตอนนี้มีชีวิตอยู่ด้วยความวิตกกังวล เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ถึงแม้จะมีงานทำก็ยังหวั่นๆว่าจะถูกลดเงินเดือนหรือถูกเลิกจ้างหรือเปล่า ทำให้ความกระตือรือร้นลดลง เริ่มรู้สึกหดหู่ หมดแรง ส่งผลกระทบต่อร่างกาย อารมณ์ และจิตใจได้ ถ้าปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับตัวเราไปนานๆ สุดท้ายอาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ดิฉันเข้าใจว่าทุกคนทำใจลำบากเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกินจนรับมือไม่ทัน ในฐานะคนที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ดิฉันก็อยากชวนเพื่อนๆมาสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานในช่วงโควิดด้วยกันค่ะ
ในบทความนี้ดิฉันได้นำข้อมูลที่ช่วยให้เพื่อนๆกลับมามีแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง และมีเรี่ยวแรงในการทำงาน ถึงแม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยความกลัวไวรัสโควิด แต่เราก็สามารถทำงานอย่างมีชีวิตชีวาได้ เรื่องนี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป เพียงแต่เราต้อง สร้างแรงจูงใจ , รักษาแรงจูงใจ เพิ่มแรงจูงใจให้กับตัวเองก่อน ดิฉันหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแรงพลังให้กับเพื่อนๆกลับมาทำงานอย่างมีชีวิตชีวาได้อีกครั้งนะคะ
สร้างแรงจูงใจ
ในสภาพเหตุการณ์ปกติเราก็มีความสุขกับการไปทำงานทุกวัน ได้พบปะ พูดคุย สังสรรกับเพื่อนที่ทำงาน ชีวิตเราก็มีความสุข สนุกสนาน แต่พอเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด ชีวิตของเราเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เราจะจะต้องทำงานอยู่กับบ้าน หรืออาจจะตกงาน ความสุข สนุกสนานที่มีกลายมาเป็นความท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่มีแรงในการทำงาน ถ้าเราปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับเราไปนานๆ ร่างกายและจิตใจของเราจะแย่แน่ๆค่ะ ดิฉันอยากชวนเพื่อนๆมาสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเองกันอีกครั้ง ไม่ยากค่ะ!
แทนที่เราจะรู้สึกกังวลกับสิ่งเราควบคุมไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนมาควบคุมอารมณ์ และความคิดของตัวเองได้ค่ะ ด้วยการเปลี่ยนวิธีมองใหม่ มองว่าการทำงานอยู่กับบ้านเป็นการให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับตัวเอง การตกงานทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น มีโอกาสได้ พัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเอง และสร้างงานใหม่ และหารายได้เพิ่ม เผลอๆอาจจะได้งานที่เราชอบและรายได้ดีกว่าเดิมก็ได้ เราต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า อย่าไปคาดหมายอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ ทำทุกสิ่งที่ทำได้ให้มีความสุขพร้อมกับการเอาใจใส่ดูแลร่างกาย และจิตใจของตัวเอง พยายามทำตัวเองให้ มีคุณค่า การสร้างแรงจูงใจต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้นไม่มีใครสามารถสร้างให้เราได้เหมือนกับการออกกำลังกายนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าเราอยากมีสุขภาพดีเราต้องออกกำลังกายด้วยตัวเองเท่านั้น
รักษาแรงจูงใจ
ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ในโลกนี้ถ้ามีแล้วไม่รักษาเอาไว้มันก็จะหมดหรือหายไปได้ เช่น แรงจูงใจที่ดีในการทำงานโดยเฉพาะช่วงนี้หลายคนยังหวั่นๆกับความไม่แน่นอนกับงานที่ทำอยู่ ถึงแม้ว่าชีวิต งาน เศรษฐกิจ โลก จะเปลี่ยนอย่างไร และมากขนาดไหน ถ้าเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเป้าหมายของเราให้สอดคล้องกับ 4 S ถือได้ว่าเราสามารถรักษาแรงจูงใจที่มีเอาไว้ได้แล้วค่ะการรักษาแรงจูงใจแบบง่ายๆใครๆก็สามารถทำได้โดยเริ่มจาก
Simple: ทำเป้าหมายของตัวเองให้เล็กและง่าย หมายความว่าเราต้องตัดสิ่งที่ต้องการและไม่จำเป็นออกไป เหลือเอาไว้แต่สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันก่อนเท่านั้น
Small: ตั้งเป้าหมายเล็กๆเพื่อจะทำสำเร็จได้ง่าย ๆเช่นตั้งเป้าหมายที่จะทำอะไรซักอย่างสำหรับหรับวันนี้ เมื่อทำได้สำเร็จเราก็มีความสุขแล้ว
Single: ทำงานครั้งละ 1 เรื่องเท่านั้นเพื่อเราสามารถจดจ่อและทุ่มเทเวลาได้อย่างเต็มที่งานที่ทำจะออกมาดีมีประสิทธิภาพ
Smile: ให้เราสนุกกับทุกสิ่งที่ทำ มองทุกทุกอย่างในแง่บวก ความเครียด และความกังวล มันเป็นกลไกของการทำงานปกติในร่างกายของเราเพื่อเตือนให้เราเกิดความตื่นตัวมากขึ้น
เพิ่มแรงจูงใจ
แรงจูงใจนอกจากจะรักษาเอาไว้แล้วเราต้องทำให้มันมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยการเพิ่มแรงจูงใจก็เท่ากับการสร้างแรงพลังให้ชีวิตก้าวต่อไปไม่มีหยุด การเพิ่มแรงจูงใจง่ายๆที่เราสามารถทำได้อาจจะเริ่มด้วยการ ทบทวนเป้าหมายของเราที่ตั้งเอาไว้ว่ามีแรงจูงใจมาจากภายในตัวเราหรือจากสิ่งอื่นๆ เช่น เรื่องการทำงานถ้าเราทำเพราะเรารักงานนี้เราจะมีความสุขกับงานที่ทำได้ทุกวัน และเราจะพยายามทำให้งานนั้นออกมาดีที่สุด แต่ถ้าเราทำงานเพื่อต้องการเงินเท่านั้นเราจะทำแค่ให้มันผ่านไปเป็นวันๆโดยที่ไม่มีความกระตือรือร้นและไม่ได้มีความสุขกับมันเลย
ถึงแม้เราจะทำงานที่เรารักและชอบมากแค่ไหน แต่ก็มีบางวันที่เรารู้สึกเบื่อ เครียด และไม่อยากทำ ความรู้สึกแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เหมือนกับการที่เรากินอาหารที่เราชอบทุกมื้อ ทุกวัน ต่อให้อร่อยแค่ไหนเราก็จะรู้สึกเบื่อและไม่อยากกินบ้างแหล่ะ เราก็เพิ่มแรงจูงใจให้กับตัวเองโดยการเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นที่เราไม่เคยกินมาก่อนเพื่อสร้างความตื่นเต้นและรสชาติใหม่ให้กับตัวเอง การทำงาน ก็เหมือนกันถ้าทำเดิมๆซ้ำๆทุกวัน แน่นอนเราอาจจะรู้สึกเบื่อ การเพิ่มแรงจูงใจให้กับตัวเองที่เราทำได้คือ เรียนรู้วิธีการทำงานของคนอื่น โดยการปรึกษา พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมองหาวิธีการทำงานแบบใหม่ที่น่าสนใจกว่าเดิม ถ้าอันไหนน่าสนใจเราก็นำมาปรับใช้วิธีนี้จะช่วยเราให้กลับมาทำงานด้วยความตื่นเต้นได้แม้จะเป็นงานเดิมๆก็ตาม
สุดท้าย เราต้องเติมพลังให้กับตัวเอง ด้วยการพักผ่อน และทำให้ตัวเองผ่อนคลายมากที่สุดซึ่งการผ่อนคลายของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ไม่ว่าจะโดยวิธีไหนการได้พักผ่อนหย่อนใจผ่อนคลายความตึงเครียดล้วนเป็นการชาร์ตไฟในตัวเองให้กลับมาเต็ม 100 %ได้เหมือนกันค่ะ
แรงจูงใจที่ดีทำให้ชีวิตมีคุณค่า
การกระทำทุกอย่างที่เกิดมาจากแรงจูงใจย่อมส่งผลให้มีแรงกระตุ้นในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ทุกราย โดยเฉพาะแรงจูงใจในสิ่งที่ถูกต้องในการทำงาน เราจะเห็นได้ว่า เจ้าของบริษัทหลายแห่งได้หาวิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานในหลายๆวิธีซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานได้จริงๆสำหรับตัวเองการสร้างแรงจูงใจที่ดีช่วยเราทำงานอย่างมีความสุขและมีชีวิตชีวาได้นั้นไม่พอ เราต้อง รักษา เพิ่ม แรงจูงใจให้กับตัวเองตลอดเวลาโดยเฉพาะในช่วงที่ไวรัสโควิดกำลังระบาดถือได้ว่าจำเป็นมากๆเพราะสามารถช่วยเราให้ทำงานอย่างมีความสุขและมีเป้าหมายต่อไปได้..
อัมรินทร์
แรงผลักดัน แรงจูงใจสำคัญมากๆๆๆ เพราะช่วงโควิด-19 นี่ทำให้คนดาวน์ได้หลายคนเลยนะคะ จะทำให้รู้สึกแบบว่าไม่อยากทำอะไรเลยเพราะมันเครียดกับเหตุการณ์ตอนนี้มากๆ การให้กำลังใจตัวเราเองนั้นสำคัญที่สุด เราต้องคิดอยู่เสมอว่าเราทำงานตรงนี้เพื่ออยากให้ใครสบาย สิ่งนั้นจะเป็นแรงจูงใจให้เราทำงานต่อไปได้อย่างราบรื่นค่ะ สู้ๆค่ะ
น้อย
รู้สึกเศรษฐกิจในตอนนี้เหนื่อยและไม่ค่อยมีกำลังใจในการทำงานกันเท่าไหร่เลยนะคะ เพราะว่าคนที่มาซื้อของก็น้อย คนที่มาเดินท่องเที่ยวก็ไม่มีแล้ว แบบนี้คนที่ค้าขายจะไปมีกำลังใจอะไร พอได้อ่านบทความนี้ก็ได้คิดในแง่บวกมากขึ้นค่ะว่า ยังมีวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาความมีชีวิตชีวาในช่วงโรคระบาดโคโรน่าในช่วงนี้เพื่อที่จะสามารถทำงานได้ต่อไปค่ะ
คุ้กกี้สิงคโปร์
เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเลยค่ะ หลายคนต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านตามมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคม ช่วงแรกๆที่ทำ work from home คงไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้บางคนอาจจะชอบไปแล้วก็ได้นะคะ เราเองก็ไม่คิดอะไรมากตั้งแต่ที่โควิด-19ระบาดน่ะนะ แค่ยังมีงานทำอยู่เราก็ดีใจแล้วล่ะ ถึงแม้จะมีงานน้อยลงแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย เราคิดแค่นี้แหละค่ะ
เกล้า
ตอนที่เจอ โควิด-19 ในช่วงหนักๆ เอาคนไทยไปไหนต่อไม่ได้เลยจริงๆครับ ทำตัวกันแทบไม่ถูกเลยละกัน ไม่ทราบว่าจะต้องทำตัวหรือทักทายกันอย่างไรดีเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด แต่บทความนี้ดีนะครับเป็นแรง บวก ดีครับ สำหรับคนที่กล้าๆกลัวที่จะใช้ชีวิตแบบที่เคยเป็นมา ขอบคุณที่สร้างแรงใจให้เราก้าวต่อไป เราจะผ่านมันไปด้วยกันครับ
หนิง
เป็นสภาพการที่เหมือนกันกับตอนนี้เลยค่ะ เศรษฐกิจซบเซาผู้คนก็เงียบ ยิ่งพึ่งผ่านช่วงที่โรคติดต่อ corona มาเงียบมากเลยค่ะ เพื่อนที่ทำงานด้วยกันก็ดูเหมือนจะซึมเศร้าไปเลย เพราะเครียดด้วยเกี่ยวกับธุรกิจที่ทำร่วมกัน บทความนี้ช่วยได้มากเหมือนกันนะคะที่ได้อธิบายถึงวิธีที่จะ ช่วยให้การทำงานกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เชื่อว่าการดูแลเรื่องสุขภาพจิตก็สำคัญเหมือนกันค่ะ
บลิงค์
ตอนที่โควิด-19 ระบาด หนักๆในบ้านเรา เราได้รับผลกระทบเรื่องงานด้วยเหมือนกัน ที่ทำงานให้พนักกงานเอางานกลับมาทำที่บ้านกันทุกคนเลยคะ คือทำงงานออนไลน์กันเลยทีเดียวคะ เราว่า มันยากมากเลยนะกว่าจะปรับตัวได้ เพราะว่าไม่ชินที่ต้องมานั้งทำงานคนเดียวเลยละคะ มันรู้สึกเหงาๆอย่างบอกไม่ถูกเลยคะ กว่าจะปรับตัวได้ ก็หลายวันเลยทีเดียวคะ
วสิน
บอกเลยว่าช่วง covid ที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจร้านค้าหรือคนที่เป็นพนักงานรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงหรือว่ากำลังใจในการทำงานอีกต่อไป ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้วแต่วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผมสามารถผ่านวิธีหรือช่วงเวลานั้นมาได้ ก็คือการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานครับ พยายามหาอะไรใหม่ๆซื้อของขวัญให้กับพนักงานเพื่อที่จะมีกำลังใจในการทำงานต่อไปครับ
มนนเทพ
ดีหน่อยครับที่ช่วงโควิตที่ผ่านมาผมทำงานที่บ้าน เลยไม่ต้องรู้สึกเครียดอะไรมากครับ แถมยังรู้สึกปลอดภัยมากด้วย เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะต้องออกไปพบผู้คน แต่มันก็มีบ้างนะที่รู้สึกเหงาๆ แต่อยู่บ้านมันก็มีวิธีคลายเหงา มีอะไรที่ให้ทำนอกจากงานที่ทำปกติ อย่างช่วงไหนเบื่อๆ ผมก็ทำพวก DIY ดูจากยูทูปเอาครับ ก็เพลินดีนะครับ
Bruno
@วสิน ก็ไม่รู้นะครับว่าเรื่องที่คุณเล่ามามันเป็นประสบการณ์ของคุณหรือเปล่า ถือว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเปล่า เพราะว่าถ้าใช่ ก็ขอชื่นชมเลยนะครับที่คุณใส่ใจพนักงานขนาดนั้น แบบว่าซื้อของขวัญให้พนักงานด้วยผมว่าคนที่เป็นลูกน้องของคุณคงมีความสุขมีกำลังใจแน่ๆในการทำงานในช่วงนี้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ผมว่าสำคัญนะครับ