เมื่อสมัครบัตรกดเงินสด หลายคนคงคิดว่าเมื่อมีบัตรแล้วชีวิตต้องสะดวกสบายขึ้นแน่ๆ แน่นอนว่าสะดวกสบายขึ้นแน่นอน แต่!! ก่อนหน้านั้นมีเรื่องสำคัญที่ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรกดเงินสดต้องคิด จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1.สถานะทางการเงินของเรา

reminders apply cash card

Elnur/shutterstock.com

เงินเดือนต้องอยู่ที่ 15,000 เป็นอย่างน้อย

ข้อตกลงของธนาคารมักกำหนดให้ผู้ที่ต้องการสมัครมีเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 15,000 ซึ่งจริงๆแล้วตัวเลข 15,000 นี้ควรเป็นเงินที่หักค่าใช้ต่างๆแล้ว เช่น ค่างวดรถ ค่าเช่าบ้าน หรือรายจ่ายอื่นๆ

ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรกดเงินสดควรทำงานมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

เรื่องนี้เกี่ยวกับการยื่นเอกสารเพื่อสมัครเนื่องจากการสมัครต้องใช้สลิปเงินเดือนเพื่อที่ทางบริษัทผู้ออกบัตรเงินสดจะสามารถตรวจสอบเครดิตทางการเงินของเราได้

ที่ทำงานของเราต้องไว้ใจได้และมีความน่าเชื่อถือ

นอกจากตัวผู้สมัครที่มีความน่าเชื่อถือและมีเครดิตดีแล้วความน่าเชื่อถือของที่ทำงานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้สมัครต้องคิด แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสถานที่ทำงานของเรานั้นน่าเชื่อถือ เราลองมาเช็คกันดีกว่าว่าสถานที่ทำงานของคุณมีความน่าเชื่อถือมากพอมั้ย

・เมื่อถึงเวลาที่กำหนดจ่ายเงินเดือน มีการจ่ายเงินเดือนตามเวลาที่กำหนด ไม่มีการล่าช้า ・ระบบการจ่ายเงินเดือนควรเป็นแบบผูกบัญชีเงินเดือนกับธนาคารหรือที่เรียกกันว่า payroll ・บริษัทต้องมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ・บริษัทมีการจ่ายภาษี นอกจากนี้ยังต้องหักภาษี และต้องจ่ายเบี้ยประกันสังคมให้พนักงานด้วย ซึ่งข้อมูลนี้ต้องแสดงในสลิปด้วย

หากบริษัทของคุณปฏิบัติตามข้อต่างๆข้างต้นด็ให้มั่นใจได้เลยว่าบริษัทของคุณเป็นบริบัทที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน

2.จุดเด่นบัตรกดเงินสดของแต่ละบริษัท

2.จุดเด่นบัตรกดเงินสดของแต่ละบริษัท

ดอกเบี้ยของแต่ละบริษัท

แน่นอนว่าการตัดสินใจเลือกบัตรกดเงินสดนั้นต้องเลือกบริษัทที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งในประเทศในนั้นมีบริษัทใหญ่หลายแห่งที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไปตั้งแต่ ต่ำกว่า22%ไปจนถึง29%

ความสะดวกสบายในการกดเงินสด

ควรเลือกบัตรของบริษัทที่สามารถกดเงินได้จากATM ทุกที่ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง และถ้าหากเป็นไปได้ควรเลือกบัตรกดเงินสดที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการเบิกถอน

สิทธิประโยชน์พิเศษจากการสมัครบัตรกดเงินสดของแต่ละบริษัท

ในบางบริษัทมีการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ถือบัตร เช่น การสะสมแต้ม เป็นต้น

จุดประสงค์ของบัตรในแต่ละบริษัท

ในแต่ละบริษัทก็จะมีจุดประสงค์ของบัตรแตกต่างกันไป ซึ่งจุดนี้หากจุดประสงค์ของบัตรตรงกับจุดประสงค์ของคุณก็เลือกเลย เพราะมันผลิตมาเพื่อคุณ แต่ละบริษัทมีจุดประสงค์ของบัตรแตกต่างกัน เช่น บัตรแบบอเนกประสงค์(บัตรที่ไม่มีจุดประสงค์ใดเป็นพิเศษ) บัตรที่ใช้เฉพาะทาง(เช่น เพื่อการนำไปใช้ในการทำงานที่ต่างประเทศ) เเละเพื่อรีไฟแนนซ์หรือเพื่อการโอนหนี้

3.การเลือกบัตรที่เหมาะสม

3.การเลือกบัตรที่เหมาะสม

แม้หลายคนที่กำลังอ่านข้อมูลในเว็บไซต์นี้จะตัดสินใจแล้วว่าจะสมัครบัตรกดเงิดสด แต่คุณคิดว่าการสมัครบัตรชนิดนี้เหมาะกับคุณและตรงกับความต้องการของคุณจริงๆแล้วมั้ย หากไม่แน่ใจเราอยากให้คุณดูคุณสมบัติของบัตรชนิดต่างๆก่อนที่จะตัดสินใจ เพื่อที่คุณจะได้ไม่เสียใจภายหลัง เนื่องจากบัตรกดเงินสดเป็นบัตรที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับบัตรเครดิต งั้นให้เรามาเริ่มกันที่บัตรเครดิตก่อน

บัตรกดเงินสด

บัตรประเภทนี้ไม่สามารถรูดซื้อของได้โดยตรง ซึ่งเจ้าของบัตรต้องกดเงินสดออกมาก่อนถึงจะใช้สามารถใช้ซื้อของได้ เพราะฉะนั้นบัตรชนิดนี้จึงไม่สามารถใช้ผ่อนสินค้าได้เช่นกัน บัตรชนิดนี้อาจมีการคิดค่าธรรมเนียมเบิกถอน ซึ่งอาจมีคิดคิดค่าธรรมเนียมการกดเงินครั้งละ 3% จากยอดเงินที่ถูกกดไป และอัตราดอกเบี้ยของบัตรชนิดนี้ก็สูงถึงร้อยละ20-29เลยทีเดียว ซึ่งอัตราดอกเบี้ยระดับนี้ถือว่าไม่น้อยเลย

บัตรเครดิต

บัตรประเภทนี้สามารถรูดซื้อของได้โดยตรงและนอกจากนี้ เจ้าของบัตรนี้ยังสามารถใช้บัตรนี้เพื่อการผ่อนสินค้าได้ด้วย แต่บัตรชนิดนี้ยังมีข้อเสียด้วยนั่นคือไม่สามารถกดเงินสดออกมาได้ และในปัจจุบันนี้ความนิยมในการใช้บัตรชนิดนี้ก็น้อยลงมากเลยทีเดียว

บัตรเครดิตที่สามารถกดเงินสดได้

บัตรชนิดสุดท้ายในประเภทบัตรเครดิตนี้เป็นบัตรเครดิตที่รวมการใช้งานทุกอย่างไว้ในบัตรใบเดียว คือ รูด ผ่อน และถอนเงิน การใช้งานทั้งหมดนี้สามารถทำได้เพียงแค่มีบัตรใบเดียว โดยการคิดดอกเบี้ยนั้นคิดเป็นรายปีแบบบัตรเครดิต และถ้าหากกดเงินสด ก็จะมีค่ากดอยู่ที่ 3% ของจำนวนเงินที่ถูกกดออกมา บางบริษัทยอดของการกดเงินสดและเครดิตจะรวมกัน แต่ในบางบริษัทก็จะมีการแยกกันอย่างชัดเจน และบางทีในแต่ละบริษัทก็มีการแบ่งยอดอื่นๆนอกจากนี้ เพราะฉะนั้นจึกควรศึกษาข้อมูลก่อนสมัครให้ดี

บัตรVISAและMasterCard

ในประเทศไทยการใช้บัตร 2 ชนิดนี้คงคุ้นหูคุ้นตากันดี นั่นคือบัตรvisa และMasterCard แต่เมื่อเราสมัครเราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในบางธนาคารอาจมี JCB มาให้เลือกด้วย แต่สำหรับคนที่ต้องการทำบัตรใบแรกและต้องการใช้งานบัตรทำหน้าที่ได้หลากหลาย ควรเลือกเป็นบัตร VISA เนื่องจากเป็นบัตรที่ครอบคลุมเกือบทุกๆร้าน รองลงมาเป็น MasterCard และ JCB ซึ่งบัตรสองชนิดนี้เหมาะกับร้านอาหาร หรือร้านที่มีความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งสำหรับบัตรสองใบนี้จะมีโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์มากกว่า การตัดสินใจสมัครบัตรสักบัตรนึงเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนจะลงมือทำเราควรใตร่ตรองให้ดีถึงผลที่จะตามมา