ความรู้สึกของเพื่อนๆต่างกันมั้ยคะระหว่างอยู่บ้านเช่ากับอยู่บ้านของตัวเอง ? ตัวผู้เขียนเองคิดว่าต้องต่างกันแน่นอนใช่มั้ยคะ? การเช่าบ้านอยู่มันให้ความรู้สึกอิสระตรงที่ว่า ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ถึงเวลาสิ้นเดือนก็จ่ายค่าเช่าไป ถ้าต้องเปลี่ยนที่ทำงาน หรือ เจ้าของบ้านเจ้าเล่ห์ เพื่อนบ้านที่ไม่ดี เราจะย้ายเมื่อไหร่ก็ย้ายได้ ไม่ต้องทนอยู่ แผนการในอนาคตยังไม่แน่นอน และยังไม่อยากมีภาระเรื่องหนี้สิน การเช่าบ้านก็น่าจะดีกว่า
ส่วนการอยู่บ้านของตัวเองก็จะให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป บางคนอาจจะรู้สึกอิสระตรงที่ว่าจะทำอะไรตามใจชอบได้ทุกอย่าง ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายมากหน่อยในตอนแรก และต้องมีภาระในการผ่อนหนี้กับทางธนาคารอีกหลายปีแต่มันก็ไม่เสียเปล่า เพราะเมื่อผ่อนจบบ้านก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และเราจะอารมณ์แบบว่า รู้สึกมีความภูมิใจลึกๆที่ในชีวิตนี้เราสามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ มันบ่งบอกได้ว่า เรามีความอดทน มีวินัยในการใช้จ่ายขนาดไหน สำหรับหลายคนการมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจ และมั่นคงกว่า
ส่วนเพื่อนๆที่ยังไม่แน่ใจ และยังลังเลอยู่ว่า สำหรับตัวเองระหว่างเช่าบ้านอยู่ กับการซื้อบ้านเป็นของตัวเองไปเลยแบบไหนดีกว่ากันน๊า ! วันนี้ดิฉันได้หาข้อมูลมาให้พิจารณากันคร่าวๆก่อนค่ะว่า เพื่อจดได้ตัดสินใจได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน อย่างน้อยเพื่อจะตัดสินใจได้ถูกต้องเราต้องรู้ข้อมูลก่อนว่า การเช่าบ้านมีข้อดีและปัญหาอะไรบ้าง ?, การซื้อบ้านมีข้อดีและปัญหาอะไรบ้าง ?, ความแตกต่างในเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร?, การดูแลรักษาแตกต่างกันด้วยมั้ย? ดิฉันขอเพื่อนๆอ่านและพิจรณาไปด้วยกันทีละขั้นตอนนะคะเพื่อเราจะได้คำตอบที่ถูกใจที่สุดค่ะ.
ข้อดีและปัญหาในการเช่าบ้าน
ในตัดสินใจไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเราต้องรู้ก่อนว่ามันมีข้อดีและปัญหาอะไรบ้าง? การเช่าบ้านอยู่ก็เหมือนกันข้อดีก็มีเยอะและปัญหาก็มีเยอะ ด้วยเช่นเดียวกัน บทความนี้ ฉันอยากชวนเพื่อนๆมาดูข้อดีปัญหาในการเช่าบ้านค่ะ
ข้อดีของการเช่าบ้าน คือเราสามารถเลือกได้ ว่าเราจะอยู่แถวไหน? อยู่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือว่าใกล้ห้างสรรพสินค้า ถ้าเราไม่ชอบวุ่นวายในการตกแต่งบ้านเราก็เลือกบ้านที่เขามีทุกอย่างให้พร้อมไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินไปหาซื้อ เองเราก็ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไป เพียงแต่อาจจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อความสะดวกสบาย ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่า การเช่าบ้านอยู่เป็นการใช้เงินที่ไม่คุ้มค่าเป็นการสิ้นเปลืองหรือมองว่าเราไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างน้อยการเช่าบ้านอยู่ในช่วงที่เรายังไม่พร้อม ก็ทำให้เราไม่ต้องติดกับดักของการเป็นหนี้สิน ถ้าเราใช้จ่ายอย่างประหยัดอย่างน้อย ช่วงที่เราอยู่บ้านเช่าก็จะทำให้เรามีเงินเก็บ พอที่จะซื้อบ้านของตัวเองได้ในอนาคต
ปัญหาของการเช่าบ้าน ถ้าเราไม่เลือกให้ดีในตอนแรกปัญหาที่รบกวนใจ ทำให้รำคาญไม่รู้จักจบจักสิ้นคือ เจอเจ้าของบ้านที่ไม่มีน้ำใจและเป็นคนหัวหมอ เจ้าเล่ห์เราไม่รู้กฎหมายเกี่ยวกับสัญญาเช่า ไม่ศึกษาให้ละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆไม่ว่าจะเป็น ค่าประกัน ค่าเช่า และค่าปรับในกรณีจ่ายค่าเช่าล่าช้า ค่าความเสียหายของใช้ในบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้อยู่ในสัญญาซึ่งจะทำให้เราถูกเอาเปรียบได้ง่าย.
ข้อดีและปัญหาในการซื้อบ้าน
การมีบ้านเป็นของตัวเอง ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเราสามารถให้เช่าหรือขายต่อได้ในอนาคต เพราะราคาของที่ดินและบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลาถ้าเรามีเงินฝากเงินในธนาคารและเรามีความพร้อมในการผ่อนกับธนาคาร การซื้อบ้าน ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เราสามารถเอาไว้เก็งกำไรได้
ข้อดีของการซื้อบ้านที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เรามีที่อยู่เป็นของตัวเองซึ่ง ให้ความมั่นคงของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่า ค่าเช่าบ้านจะมีราคาเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะเรามีบ้านเป็นของตัวเอง เราสามารถ ทำอะไรกับบ้านของเราก็ได้ แล้วจะตกแต่งแบบไหน และเลือกจะอยู่แถวไหน แล้วก็สามารถทำได้ด้วย ข้อดีอย่างหนึ่งของการมีบ้านเป็นของตัวเองก็คือ เราไม่ต้องเจอปัญหาวุ่นวาย ไม่รู้จักจบจักสิ้นที่เกิดขึ้นกับการเช่าบ้านและที่สำคัญเราสามารถนำเอาค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ไปขอการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ปัญหาของการซื้อบ้าน คือ เมื่อเรามีบ้านเป็นของตัวเองแล้วเราต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เราต้องมีเงินดาวน์ก้อนใหญ่และต้องมีภาระในการผ่อน เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับธนาคาร ซึ่งต้องใช้เวลา 20-30 ปี รวมทั้ง ภาระค่าใช้จ่ายในบ้านอีก เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นถ้าเรามีบ้านเป็นของตัวเองถ้าเรายังไม่มีความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายและบริหารเงินไม่ดีการมีบ้านก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเราก็ได้
เราอาจจะไม่มีเงินส่งธนาคารอาจจะค้างค่างวด ในที่สุดเราอาจจะถูกยึดบ้านก็ได้ ซึ่งการซื้อบ้านไม่ได้หมายความว่าถ้ามีเงินก็ซื้อได้เลย การซื้อบ้านใหม่ปัญหาอาจจะไม่มีมาก แต่ถ้าเราซื้อบ้านมือสอง เราต้องมีความรอบคอบและมีความรู้ในการตรวจสอบบ้านด้วย เราต้องเช็คหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็น สภาพที่ดิน โครงสร้างของบ้าน หลังคา และอายุของบ้าน มีเจ้าของมาแล้วกี่คน?
ความแตกต่างในเรื่องค่าใช้จ่าย
ไม่ว่าจะเช่าบ้าน หรือ มีบ้านเป็นของตัวเอง ต่างก็ยังมีค่าใช้จ่ายด้วยกันทั้งนั้น ค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้าน ส่วนใหญ่แล้วค่าเช่าในแต่ละเดือน ค่าเบี้ยประกันภัย ที่เราจะต้องจ่ายให้กับเจ้าของบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งถ้าเราใช้มากเราก็จ่ายมากถ้าเราประหยัดเราก็จ่ายน้อยแต่การเช่าบ้านอยู่ทำให้เราประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่ายของการ ซ่อมแซม บำรุงรักษา ตัวบ้านเมื่ออยู่นานๆไปไม่ว่าบ้านเช่าหรือบ้านของตัวเองย่อมมีการสึกหรออยู่แล้ว ถ้าเช่าบ้านค่าไม่ต้องจ่ายในส่วนนี้ เจ้าของบ้านจะเป็นผู้จัดการดูแลทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ได้มีแค่ราคาบ้านเท่านั้น แต่คุณจะต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าจอง และทำสัญญาหรือค่ามัดจำ ซึ่งคุณจะต้องจ่ายให้กับผู้ขายก็เป็นการรับประกันว่าเราต้องการซื้อบ้านนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการจองก่อนก่อสร้างหรือว่าหลังก่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ มักจะมีราคาเป็นหลักหมื่นขึ้นไป ต้องมีเงินดาวน์ที่เราจะต้องเตรียมเงินสดจ่ายค่าส่วนนี้ประมาณ 5-10%ของราคาบ้าน ถ้าราคาบ้านสูงเราก็ต้องจ่ายค่าดาวน์มากขึ้นด้วย คุณต้องจ่ายค่าประเมินราคาเมื่อขอสินเชื่อ เมื่อผ่อนบ้านจบแล้วก็ต้องมีค่าโอนกรรมสิทธิ์ด้วย ค่าใช้จ่ายอีกอย่างหนึ่งของคนมีบ้านที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ ค่าเบี้ยประกันภัยบ้าน เนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตการทำประกันภัยสำหรับบ้านก็ช่วยปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินของเราได้
เมื่อเรามีบ้านเป็นของตัวเองค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอีกอย่างคือ ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า และมิเตอร์น้ำประปา ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านแล้วเราจะมีค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งสวน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีต้องมีเงินสดสำรองเอาไว้เพราะจำเป็นจะต้องมีการทยอยซื้อเข้าบ้านเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการเช่าบ้านอยู่ค่อนข้างมากค่ะ.
ความแตกต่างในการดูแลรักษา
โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เช่าบ้าน อยู่มักจะไม่ได้ให้ความสำคัญ กับการดูแลรักษาบ้านมากสักเท่าไหร่ เพราะชีวิตประจำวันก็ยุ่งอยู่แต่กับการทำงาน เมื่อมีปัญหา เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา เราจะแจ้งเจ้าของบ้านให้เข้ามาดูเรื่องนี้คนเช่าไม่ต้องรับผิดชอบและไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย แต่ก็อยู่กับนิสัยของคนเช่าด้วยว่าเป็นคนที่ชอบดูแลรักษาข้าวของเครื่องใช้หรือไม่ด้วยค่ะ
สำหรับคนที่มีบ้านเป็นของตัวเอง ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างเราต้องซื้อเองทั้งหมด เราก็อยากจะใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า และอยู่กับเราไปนานๆ เราจำเป็นจะต้องดูแลรักษาอย่างดี เราจะมีการคอยเช็ค คอยตรวจสอบ และทำความสะอาดอยู่เสมอ ข้าวของเครื่องใช้ที่มีราคาแพงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องรีบตามช่างซ่อมแซมเราจะไม่ปล่อยเอาไว้
ในส่วนของตัวบ้าน ก็เช่นเดียวกันเมื่ออยู่ไปนานๆ มันก็มีการสึกหรอเราต้องหมั่นคอยตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นสีของบ้าน หลังคาบ้าน ท่อระบายน้ำ ตรวจสอบคอนพื้นคอนกรีต รอบบ้าน ที่จอดรถ ทางเท้า ได้ทำการตรวจดูปลวกและแมลงด้วย ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างมันมีอายุการใช้งานของมัน ถ้าเราให้การเอาใจใส่ดูแล ใช้อย่างระมัดระวังมันก็จะอยู่กับเราไปนาน แน่นอนว่าการที่ใครคนนึงจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังมันมาพร้อมกับ ความรับผิดชอบหลายอย่างเลยทีเดียว.
เลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
ทุกคนต่างมีความชอบและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันบางคนก็ชอบอิสระ ไม่ชอบวุ่นวาย และชอบความสะดวกสบาย ไม่ว่าไปที่ไหนหิ้วแค่กระเป๋าใบเดียวก็ไปได้แล้ว และไม่อยากมีความรับผิดชอบมากมาย และไม่อยากมีภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายทางเลือกที่เหมาะก็คือ การเช่าบ้านอยู่ที่จะทำให้คล่องตัวมากขึ้นถ้าย้ายงานก็สามารถย้ายบ้านตามได้ด้วย
ส่วนบางคนก็มองว่าการเช่าบ้านเป็นการสิ้นเปลืองและอยากมีอนาคตที่มั่นคง พร้อมที่จะลงหลักปักฐานอยู่ที่ใดที่หนึ่งแล้ว เขาก็มองว่า จะมีบ้านของตัวเอง เป็นสิ่งที่จำเป็นและมองว่าการมีบ้านถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของตัวเองและรู้ว่า ตัวเองมีความพร้อม และมีศักยภาพพอที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งหนี้สินที่จะตามมา การซื้อเป็นของตัวเองตัวเองถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดไม่ว่าเพื่อนๆจะมีความคิดและ ไลฟ์สไตล์แบบไหน ดิฉันก็หวังว่า ข้อมูลที่ได้ให้กับเพื่อนๆไป ก็คงจะช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจได้นะคะว่า ระหว่างเช่าบ้านอยู่กับซื้อบ้านเป็นของตัวเองแบบไหนดีกว่ากันคะ!
mild
สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าเป็นการเช่าบ้านครับ เพราะว่าถ้าคิดถึงความหลากหลายและการที่เราอยากมีบ้านใหม่ๆสภาพดีๆเปลี่ยนบ้านไปเรื่อยๆ แบบนี้จะทำไม่ได้ถ้าเรามีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านเช่าไม่จำเป็นต้องเสียเงินเยอะในการซื้อ และไม่จำเป็นต้องดูแลเกี่ยวกับสภาพบ้านให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนว่าถ้าบ้านเก่าแล้วไปหาบ้านใหม่ก็ได้ด้วย
พัชระ
ถ้ามองไปในระยะยาวผมว่าการซื้อบ้านคุ้มกว่าก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสในการซื้อบ้านได้ครับ แถมการผ่อนบ้านที่ซื้อก็อาจจะมีราคาสูงกว่าการเช่าบ้านอีกด้วยอย่างผมเนี่ยหาเช้ากินค่ำถ้าต้องผ่อนบ้างเดือนละเกือบหมื่อนคงไม่ไหวยอมเช่าบ้านไปก่อนดีกว่าครับ แต่มีบ้านเป็นของตัวเองใครๆก็อยากมีอยู่แล้วครับ แต่ผมเช่าบ้านเดือนเดือนนึงถูกมากตอนนี้
พายุ
แต่ผมคิดว่าการเช่าบ้านดีกว่าครับ เพราะการเช่าบ้านเราไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองและสามารถเปลี่ยนบ้านเช่าไปเรื่อยเป็นบ้านใหม่ที่เราไม่ต้องดูแลมาก แต่ถ้าเป็นบ้านของเราเองเราจำเป็นต้องซ่อมแซมแล้วก็ดูแลเป็นอย่างดี จะทำบ้านใหม่ก็ต้องจ่ายเงินเยอะ แต่ถ้าเป็นบ้านเช่าเราก็ได้เช่าบ้านใหม่ๆไปเรื่อยๆดีออกครับ
Waiyawat
ถ้าทำได้ ผมก็อยากจ่ายเงินค่าผ่อนบ้านมากกว่าจ่ายเงินค่าเช่าบ้านละครับ จ่ายแล้วอีกไม่นานก็เป็นของเรากับจ่ายไปเท่าไหร่ก็เป็นของคนอื่นอยู่ดี อยากจ่ายแบบไหนกันล่ะครับ แต่ก็นะ มันมีข้อจำกัดและข้อแตกต่างกันอีกระหว่างการจ่ายสองอย่างนี้ ที่สำคัญ คือเงินที่จะเอามาจ่ายนี่ละครับ ถ้าอยากจ่ายค่าผ่อนบ้านผมต้องหาให้ได้มากกว่านี้
ชายน้อย
กัดฟันอีกนิครับ เอาค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนบ้านดีกว่าครับ ค่าเช่าบ้านเดี่ยวนี้ เอามาผ่อนบ้านได้สบายๆเลยครับ แต่ก็แปลกนะครับ คนเรา เวลาเช่าบ้าน มีเงินจ่ายให้กับเจ้าของตรงทุกเดือนเลย แต่พอไปซื้อบ้านเอง ก็ มี เงินไม่พอบ้าง ขาดส่งบ้าง ส่งต่อไม่ไหวบ้าง ไม่เข้าใจครับว่าตอนเช่าบ้านเขาอยู่ ทำไมเก็บเงินได้ แต่พอบ้านเองเก็บไม่ได้เลย
ผึ้งน้อย
เข้ามาอ่านคอมเม้นท์แล้วขำดี มีทั้งคนที่ชอบเช่าบ้าน และคนที่ชอบการผ่อนบ้าน ก็ต่างคนต่างความคิดนะคะ ไม่ใช่ทุกคนสามารถซื้อบ้านได้ แล้วค่าผ่อนบ้านราคาเดือน 1,000 - 2,000 บาทมันไม่มีนะ แต่บางคนเขาเช่าบ้านเดือนละเท่านี้เขาอยู่ได้ แต่ส่วนตัวเราอะเราไม่ต้องเช้าไม่ต้องผ่อนเพราะอยู่บ้านเก่าของครอบครัวก็ดีไปอย่าง บ้านนี้พ่อเราซื้อตั้งแต่สมัยหนุ่มๆแล้ว
ผ.ผึ้ง
เราคิดว่าเช่าบ้านน่าจะดีกว่านะเพราะว่าถ้าเพื่อนบ้านไม่ดี ก็ยังสามารถที่จะย้ายออกได้ ถ้าซื้อบ้านไปแล้วมันทำไม่ได้ ต้องอดทนอยู่กันไป ยิ่งถ้าข้างบ้านมีหมาเยอะๆแล้วล่ะก็ ไหนจะไม่ได้นอน ไหนจะสกปรกเลอะเทอะ เสียสุขภาพจิตกันเปล่าๆ ถ้าใครอยากจะซื้อบ้านบอกเลยว่าต้องคิดดีๆก่อนจะซื้อ และต้องไปดูทำเลดีๆก่อนด้วยนะ
แมว
ซื้อบ้านไว้เป็นของตัวเองก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะว่าสามารถที่จะเก็บในทรัพย์สินของตัวเองได้แล้วก็สามารถที่จะเอาเปลี่ยนไปเป็นหลักทรัพย์หรือเป็นเงินได้ค่ะ แต่ก็มีปัญหาในการดูแลนั่นแหละค่ะ เพราะว่าสินทรัพย์ที่เป็นบ้านเมื่อเวลาผ่านไปราคาจะสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลของเราด้วยนะคะ การที่จะเสียเงินไปกับการดูแลบ้านก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกันค่ะ
ออม
ก็ต้องเป็นการซื้อบ้านอยู่แล้วค่ะ เพราะเมื่อเราซื้อบ้านเป็นของตัวเองถึงแม้ว่าจะผ่อนชำระนานจนกว่าจะได้บ้านนั้นมา สามารถที่จะนำบ้านนั้นเป็นมรดกให้กับลูกหลานต่อไปได้ เพื่อให้ลูกหลานสามารถเอาบ้านไปต่อยอดในการทำธุรกิจหรือการค้ำประกันเงินกู้ก็ได้ และลูกหลานจะได้มีบ้านอยู่โดยที่ไม่ต้องไปคอยเช่าหรือซื้อบ้าน เป็นทรัพย์สินอีกอย่างหนึ่งที่มีเอาไว้เป็นมรดกก็ได้ด้วย
ดานิกา
ทำงานในเมืองใหญ่คะ เช่าห้องอยู่คะ เดือนละ 2,500 บาทคะ ถ้ารวมค่าน้ำค่าไฟ้วยก็ตอกที่เดือนละ 3,500บาทคะ ใจจริงก็อยากจะซื้อบ้านสักหลังนะคะ ส่งไหวอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเราทำงานในเมือง บ้านแถวนี้ราคาส่วนใหญ่แพงมาก แล้วถ้าจะให้ออกไปซื้อแถวข้างนอก ก็คงเดินทางเข้ามาทำงานในเมืองลำบากคะ ตอนนี้เลยคิดว่าเช่าห้องพร้อมเก็บเงินไปก่อนดีกว่าคะ