ทุกวันนี้ หลายครอบครัวอาจกำลังพบเจอกับปัญหาเรื่องดอกเบี้ยส่งบ้าน อยากจะปิดให้หมดไวๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายส่วนอื่นบ้าง หรือเราอาจได้ยินเรื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก็น่าจะลดลง ดังนั้น การผ่อนสินค้าต่าง ๆ เช่น บ้าน รถยนต์ เห็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมากแล้วเรา ๆ ก็ต้องอยากจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยที่เรากู้ยืมกันอยู่กันแน่. หรือเจ้าของกิจการมีการใช้สินเชื่อจากหลายแห่ง หนึ่งในสินเชื่อยอดฮิต ที่ใช้ง่าย สะดวก และขออนุมัติได้รวดเร็วคือสินเชื่อบัตรเครดิต บางคนอาจมีบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตนเอง และการทำธุรกิจ แต่บางครั้งที่ธุรกิจส่วนตัวเกิดมีปัญหา ประสบกับปัญหาสภาพคล่องที่ตกต่ำอาจจะทำให้เจ้าของธุรกิจ SME เกิดชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือหมุนเงินไม่ทัน และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่สูงถึง 28% หากมีปัญหาด้านสภาพคล่องขึ้นมาจริงๆ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมของใครหลายๆ คน รวมทั้งคนที่ทำธุรกิจที่ต้องการเงินหมุนเวียนอยู่ตลอดๆเลือกใช้. ซึ่งวิธีการลดดอกเบี้ยด้วยการ “รีไฟแนนซ์” จะมีหลักการอย่างไรบ้างนั้น ลองมาศึกษากันดูได้
Constantin Stanciu/shutterstock.com
#รีไฟแนนซ์คืออะไร?
รีไฟแนนซ์ (Refinance) หมายถึง การชำระเงินกู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด ด้วยเงินกู้ใหม่ และใช้สินทรัพย์ตัวเดิมเป็นหลักประกัน. โดยขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่มีอยู่ หรือข้อเสนอที่ดีกว่าจากจากเงินกู้ก้อนใหม่ เช่น ดอกเบี้ยน้อยกว่าในวงเงินที่มากขึ้น จึงสามารถนำเงินที่ได้จากเงินกู้ก้อนใหม่ (ที่มีข้อเสนอที่ดีกว่า) มาเคลียร์หนี้ก้อนเก่านั่นเอง เพื่อรับผลประโยชน์ หรือสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ ในธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าใหม. แต่เราก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีๆ ก่อนด้วยว่าส่วนต่างค่าประหยัด หรือดอกเบี้ยที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์ กับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์นั้น คุ้มค่ากันหรือไม่ ตัวอย่างเช่น รีไฟแนนซ์ในกรณีที่เราผ่อนบ้าน คอนโด หรือรถไม่ไหว หมุนเงินไม่ทัน หนี้ก้อนเดิมที่มีอยู่อัตราดอกเบี้ยสูง หรือต้องจ่ายเงินงวดต่อเดือนสูง เป้าหมายของการรีไฟแนนซ์ ก็อย่างเช่น เราจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดลง หรือระยะเวลาเป็นหนี้นานขึ้น โดยอาจจะขอกู้จากสถาบันทางการเงินที่เป็นเจ้าหนี้รายเดิมหรือเป็นสถาบันการเงินเจ้าใหม่ได้.
จุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์
เหตุผลที่รีไฟแนนซ์อาจจะมีหลายปัจจัยด้วยกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการรีไฟแนนซ์เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ลูกหนี้นิยมใช้เพื่อเป็นช่องหาในการลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง ทั้งยังช่วยลดค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน ยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้นไปอีก รวมไปถึงได้วงเงินเพิ่มขึ้นด้วย เช่น จากเดิมที่เคยกู้เงินซื้อคอนโดในราคา 1,500,000 บาท ผ่านไป 3 ปี ราคาประเมินปรับเป็น 2,000,000 บาท แบงค์ก็จะนำราคาประเมินรอบล่าสุดมาใช้ ทำให้เราได้ส่วนต่างจากเงินก้อนใหม่มาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้บ้าง. จริงๆ แล้วการ รีไฟแนนซ์ สามารถทำได้กับสินเชื่อประเภทอื่นๆ ด้วยเช่น การรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์รถ แต่การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็เป็นที่นิยมกันมากเช่นเดียวกัน และการที่ SME หรือบุคคลใดๆ ที่ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ย หากเกิดภาวะติดขัดในเรื่องของสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยที่สูงของการใช้บัตรเครดิต (28%) จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยในการรีไฟแนนซ์ที่จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิมให้ต่ำลงได้ ช่วยให้ค่างวดที่ต้องจ่ายคืนต่อเดือนต่ำลง และยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระ รวมถึงมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ที่มากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยการกู้สินเชื่อบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของหนี้บัตรเครดิตเพื่อมาปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่.โดยทำได้กับสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการด้านแหล่งเงินทุนได้เลยโดยตรงมาจากการเลือกจากเงื่อนไขต่างๆ ของผู้ให้บริการ ว่าตรงกับความต้องการของผู้ขอสินเชื่อหรือไม่ เช่น อัตราดอกเบี้ยของผู้ให้บริการสินเชื่อดีกว่ากันแค่ไหน ค่าธรรมเนียมในการบริการ ความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสาร และความรวดเร็วในการดำเนินการของแต่ละผู้ให้บริการ และเป็นความจริงที่ว่า อัตราดอกเบี้ยของทุกธนาคารจะถูกเพียง 3 ปีแรกเท่านั้น เพราะเป็นโปรโมชั่นของสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลูกหนี้หลายคนเลือกรีไฟแนนซ์กับแบงค์ใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า. และการรีไฟแนนซ์สามารถทำได้ทุกคน ทุกเวลา ทุกสถาบันการเงิน ขึ้นอยู่กับความสามารถของลูกหนี้นั่นเอง.(หากรีไฟแนนซ์ก่อนครบกำหนด 3 ปี จะถูกปรับ 3% ของวงเงินกู้) ตัวอย่าง การผ่อนดาวน์ซื้อบ้าน หรือคอนโด ยังดำเนินการจ่ายไม่หมด แต่เกิดปัญหาฉุกเฉิน เช่น ตกงาน ไม่สามารถผ่อนได้เหมือนเดิม สามารถไปจัดไฟแนนซ์ใหม่ กับเจ้าเดิม หรือเจ้าใหม่ได้ โดยสามารถนำเงินที่ยังค้างผ่อนชำระทั้งหมดมาขยายโครงสร้างหนี้ใหม่ได้ เช่นคุณส่งบ้านทั้งหมด 5 ปี 5,000,000 บาทแต่ส่งไปแล้ว 2 ปี 2,000,000 บาทเหลือ อีก3ปี กับยอดเงินที่ยังผ่อนชำระไม่หมดอีก อีก 3,000,000 บาท ทางธนาคารก็จะรีไฟแนนซ์ 3 ปีหลังนี้ขยายให้เราส่งน้อยลงแต่ระยะ ยาวขึ้นดอกหน้าจะเพิ่มขึ้น แล้วแต่ธนาคารที่ทำการรีไฟแนนซ์.
เตรียมเอกสารสำหรับรีไฟแนนซ์ • สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมฉบับจริง) • บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน • สลิปเงินเดือน • สำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระค่าบ้าน ย้อนหลัง 6 เดือน • โฉนดที่ดิน หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด และภาพถ่ายแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน • สัญญาซื้อขาย
8ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์
ขั้นแรก ที่อยากให้เราได้พิจารณาเป็นลำดับแรก ก็คือ ตรวจสอบกับธนาคารว่าได้ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด ในเงื่อนไขที่ดีที่สุด. ขั้นที่สอง เมื่อได้ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันทางการเงินต่าง ๆ มาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการคำนวณ โดยเราจะต้องนำข้อมูลสินเชื่อในสัญญาเก่า เช่น การกู้ซื้อบ้านอันเก่าที่ยังคงเหลืออยู่นำมาเปรียบเทียบกับสัญญาเงินกู้ที่จะรีไฟแนนซ์ฉบับใหม่ (ค่างวดเก่า – ค่างวดใหม่) พิจารณาดูว่าเมื่อรีไฟแนนซ์แล้ว จะประหยัดค่างวดลงได้เยอะหรือไม่ จากนั้น ก็ตัดสินใจยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่เราคำนวณว่าเห็นจะคุ้มค่าที่สุด ขั้นที่สาม ติดต่อกับธนาคารเก่าเพื่อขอสเตทเมนต์สรุปยอดหนี้เงินกู้ และนำเอกสารสรุปยอดหนี้ที่ได้มาไปทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคารใหม่ที่เราจะขอรีไฟแนนซ์ มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารนั้นๆ ขั้นที่สี่ ทำเรื่องยื่นกู้ใหม่กับธนาคารใหม่ที่เราจะขอรีไฟแนนซ์ ซึ่งขั้นตอนการรีไฟแนนซ์นั้นเหมือนกับการขอสินเชื่อใหม่เหมือนเดิมทุกประการนั่นเอง ขั้นที่ห้า รอผล อนุมัติ" หรือ "ไม่อนุมัติ" จากธนาคาร ขั้นที่หก เมื่อธนาคารอนุมัติแล้ว ที่นี้ก็ให้เราติดต่อธนาคารเก่า เพื่อนัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งธนาคารเดิมจะสรุปยอดหนี้ให้อีกครั้ง พร้อมทั้งแจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจของทางธนาคารที่จะไปทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน เราต้องแจ้งยอดหนี้ เป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ยจนถึงวันไถ่ถอนแก่ธนาคารใหม่ในส่วนของสินเชื้อบ้าน ขั้นที่เจ็ด ติดต่อนัดธนาคารใหม่ เพื่อนัดวันทำสัญญาและโอนทรัพย์ที่ใช้จำนองต้องเป็นวันเดียวกันกับที่นัดกับที่เดิมไว้ ขั้นที่แปด ทำเรื่องโอนและ ทำการจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เรียบร้อย โดยถ้ายอดกู้สูงกว่าราคาไถ่ถอน ธนาคารใหม่จะออกเช็คให้เรา 2 ใบ ใบหนึ่งจ่ายให้กับธนาคารเก่า และอีกใบหนึ่งให้เรา เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว มอบโฉนดหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันให้กับธนาคารใหม่ที่เราเป็นหนี้ ก็ถือว่ารีไฟแนนซ์เสร็จเรียบร้อย เราก็จะเป็นหนี้กับธนาคารใหม่แล้ว แต่จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ประหยัดได้มากขึ้น.
ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์
ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาในการขอรีไฟแนนซ์ เพื่อประเมินว่าคุ้มไหม ประกอบด้วยกัน 6 ส่วนมีดังนี้ ค่าปรับการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดตามสัญญาที่มีอยู่ ประมาณ 2-3% ของวงเงินกู้ทั้งจำนวน โดยบางแห่งคิดจากมูลหนี้ที่เหลืออยู่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้เดิม หากรีไฟแนนซ์ทั้งก้อนก่อนครบกำหนด 3 ปี) ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ ประมาณ 0-1% ของวงเงินกู้ใหม่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่) ค่าธรรมเนียมในการจำนอง ประมาณ 1% ของราคาประเมิน (ไม่เกิน 200,000 บาท) (จ่ายให้กับกรมที่ดิน และไม่ต้องจ่ายถ้ารีไฟแนนซ์กับที่เดิม) ค่าประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 2,500 บาท-0.25% ของราคาประเมิน (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่ และอาจไม่ต้องจ่ายถ้ารีไฟแนนซ์กับที่เดิม) ค่าทำประกันอัคคีภัย ประมาณ 2,000 บาทสำหรับบ้านมูลค่า 1 ล้านบาท (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่) ค่าอากรแสตมป์ ประมาณ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่ (จ่ายให้กับผู้ให้กู้ใหม่)
ข้อดีของการทำรีไฟแนนซ์
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่า ทำให้เราผ่อนชำระได้ดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม ปรับโครงสร้างสินเชื่อใหม่ ลดภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนลงได้ได้เงินก้อนมาใช้ใหม่ อาจกู้ที่ใหม่เพื่อมาจ่ายหนี้เดิมและเหลือเงินไว้ให้ด้วย ในบางกรณีอาจจะทำให้ได้วงเงินกู้ที่มากขึ้นกว่ายอดค้างเดิม ลดภาระหนี้ จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนลดลง กรณีที่เราหมุนเงินไม่ทัน หรือประสบปัญหาในการผ่อนชำระ ได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นได้มากขึ้น สามารถนำไปหมุนเวียนใช้จ่ายหรือหมุนเวียนในธุรกิจได้
ข้อเสียของการทำรีไฟแนนซ์
ทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น เป็นหนี้ต่อไปและมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เสียค่าจัดรีไฟแนนซ์ใหม่ เสียค่าใช้จ่ายจิปาถะในการดำเนินการ เสียเวลา และอาจต้องเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร เช่น เอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้ หากปัจจุบันผู้กู้ตกงาน ไม่มีรายได้ ไม่สามารถหาเอกสารที่ยืนยันรายได้ของตนเอง อาจทำให้ไม่สามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้ ระยะเวลายาวขึ้นจากที่ จากเดิมต้องจ่ายอีก 3ปี อาจนานขึ้นเป็นเป็น5-6ปี • หากในการกู้คอนโดครั้งแรกคุณได้ทำประกันเอาไว้ หลังจากรีไฟแนนซ์คุณอาจจะขอคืนเงินประกันได้ แต่อาจจะได้ไม่ครบ หรือในบางสัญญาคุณอาจจะไม่ได้เลย
ดังนั้น จากที่กล่าวมาทั้งหมด การรีไฟแนนซ์ที่ถูกต้องจะต้องเป็นการกู้เงินที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้กู้มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมสุทธิทั้งหมดกับหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมก่อนหน้านี้ อธิบายได้ง่าย ๆ ก็คือ เมื่อทำการรีไฟแนนซ์มาแล้วหนี้สินสามารถลดลงจากของเดิมนั่นเอง. โดยอยากแนะนำเคล็ดลับ ในการพิจารณาว่าการรีไฟแนนซ์แต่ละครั้งจะคุ้มค่าหรือไม่ ควรดูส่วนต่างที่ประหยัดได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง (เปรียบเทียบจากค่างวดที่ต้องผ่อนระหว่างธนาคารเดิมและธนาคารใหม่) รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์และจุดคุ้มทุนของการรีไฟแนนซ์ ถ้าเราพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วคุ้มค่า ก็ดำเนินการได้ทันทีเพราะเวลาไม่รอใครจริงๆ.
รอง
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับบทสรุปที่บอกว่าการรีไฟแนนซ์นั้นทำให้เงินกู้ที่เราได้ขอไปนั้นมีระยะเวลานานมากขึ้น ส่วนตัวผมไม่ค่อยใช้วิธีการีไฟแนนซ์เงินกู้สักเท่าไหร่ เพราะผมวางแผนก่อนกู้เงินอย่างดีแล้วว่าจะต้องผ่อนให้หมดเมื่อไร่ไม่ชอบยืดเยื้อครับ แต่ก็เข้าใจสำหรับบางคนที่ไม่มีทางออกจริงๆก็ทำได้เพียงลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระแต่ละเดือนไปแม้จะมีระบะเวลานานขึ้นก็ตาม
Arunprapa
ฉันเห็นด้วยกับ บทความของคุณค่ะ การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้เราปิดหนี้เก่าได้เร็วขึ้น แถมเรายังได้เงินกลับมาใช้อีกเพราะ ได้วงเงินสูงกว่าครั้งแรกยิ่งเรามีประวัติดีในการผ่อนทางบริษัทจะไม่ขอเอกสารเพิ่มเติมในการยื่นของรีไฟแนนซ์ซึ่งช่วยให้หลายคน ต้องการเงินและไม่สามารถยื่นกู้ได้เนื่องจากหลักทรัพย์ที่มีได้ใช้กู้ไปแล้วก็สามารถ ยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้นค่ะ
น้ำผึ้ง
รีไฟแนนซ์ก็ดีเหมือนกันนะคะ คือช่วยให้เราสามารถมีเงินเอาไปใช้หนี้ก้อนเก่า แล้วสามารถมีหนี้ก้อนใหม่ที่ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยถูกลงด้วย บทความนี้ทำให้มีความรู้ดีๆเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน วิธีที่จะช่วยให้เราสามารถแบ่งเบาภาระการจ่ายหนี้สินได้ลดลง เพราะถ้าเรามีหนี้สินเราคงอยากจะคิดหาวิธีการ ที่จะทำให้หนี้สินลดลงไม่ใช่เพิ่มขึ้นค่ะ
Daranard
การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้เราชำระหนี้ได้หมดเร็วขึ้นจริงๆเหรอคะ? ได้ยินคนที่ทำงานคุยกันแล้วก็ได้มาอ่านจากบทความนี้ด้วย เราไม่เคยขอสินเชื่อเลยไม่รู้เรื่องนี้น่ะค่ะ ถ้ามันช่วยได้จริง เราต้องเลือกธนาคารหรือสถามันการเงินที่คิดดอกเบี้ยต่ำว่าที่เราเคยจ่ายแล้วต้องคำนวณเงินที่เราต้องจ่ายแต่ละเดือนอีกครั้งว่าจะไหวมั้ยใช่มั้ยคะ
ลติตาร์
ถึงแม้ว่า การรีไฟแนนซ์ จะต้องใช้เวลาที่ผ่อนส่งนานขึ้น เราก็ยินดีนะ เพราะว่าตอนนี้ไม่สามารถส่งต่อได้แล้ว เราซื้อบ้านไว้แล้วส่งมาได้ 3ปีแล้วด้วย รู้สึกว่าตอนนี้เริ่มที่จะผ่อนต่อไม่ได้แล้วเนื่องจาก โควิด-19 นี่แหละ เราว่าจะไปทำการขอ รัไฟแนนซ์ น่าจะเป็นทางออกทีดีที่สุดแล้ว เพราะ นอกจากจะช่วยเรื่องบ้านแล้ว อาจมีเงินสดติดมือมาบ้างก็ได้
JoJo
ผมว่ามันก็เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่เป็นหนี้นะ เมื่อถึงเวลานึงถึงจุดหนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วก็ต้องเลือกรีไฟแนนซ์แล้วหล่ะ จะได้ไปต่อไหว ตอนนี้ผมเป็นหนี้ก็เกือยจะรีไฟแนนซ์เหมือนกันแต่ยังไม่ทันได้รีไฟแนนซ์ก็มีทางออกอื่นเข้ามาก่อน คือมีงานเพิ่มขึ้นเข้ามาก่อนเลยสามารถผ่อนหนี้ไหว ใครเป็นหนี้อยากเลือกทางนี้ก็เลือกดีๆนะครับว่าคุ้มหรือป่าว
ทุ่งไผ่สีเหลือง
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ การรีไฟแนนซ์บ้านกับการรีไฟแนนซ์รถแตกต่างกันไหม? มีที่ไหนพอจะแนะนำเราได้บ้างไหมคะ? ที่ให้ดอกเบี้ยไม่สูงเกิน พอดีว่าอยากเอาเงินที่เหลือจากการจ่ายค่างวดไปใช้จ่ายอย่างอื่นอ่ะคะ เช่นเราอยากจะเอาไปลงทุนในกองทุนรวม เพื่อนๆคิดว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดีไหม?? อย่างน้อยก็ยังมีรายได้เข้ามาอีกทางนึง
แก้ว
ถ้าพูดถึงเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ ก็ต้องถามผู้ที่ทำการผ่อนชำระอยู่ค่ะว่า กำลังในการจ่ายงวดของเขามีมากขึ้นหรือน้อยลง เพราะการรีไฟแนนซ์ช่วยได้ทั้งสองอย่าง ถ้าเรารู้สึกว่าอยากจะผ่อนชำระให้เร็วขึ้นเพราะเรามีเงินเพิ่มมากขึ้น สามารถทำการรีไฟแนนซ์เพื่อทำให้หนี้สินจบเร็วขึ้นได้ แต่ถ้ากำลังในการผ่อนชำระน้อยลง สามารถที่จะขอยืดเวลาเพิ่มขึ้น แล้วจ่ายน้อยลงกับรีไฟแนนซ์ได้ด้วยค่ะ
ธรรพ์
ปีนี้คิดว่าหลายคนต้องใช้บริการนี้แน่นอนครับ เนื่องจากไม่สามารถส่งบ้านหรือรถยนต์กันได้แล้ว ถึงแม้ว่าสินเชื่อบางอย่างเขาจะมีพักการชำระหนี้ออกมาให้เราแล้วก็ตาม แต่ก็พักชำระหนี้เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่ดูตอนนี้สิสภาพเศรษฐกิจในบ้านเราเป็นยัง จะฟื้นตัวอีกกี่ปีก็ยังไม่ทราบ ใครที่รีไฟแนนซ์ได้ ต้องรีบๆไปขอใช้บริการเลยนะครับ
แมน
รีไฟแนนซ์ก็ดีเหมือนกันนะครับ แต่ว่าจะทำให้ระยะเวลาการผ่อนชำระนานขึ้น ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นปัญหาแทนที่จะได้ใช้หนี้โดยใช้เวลาแค่ที่กำหนดไว้หรือคิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก ทำให้ต้องยืดไปอีกใช้เวลามากขึ้นไปอีกในการผ่อนชำระ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้อาจจะหาว่าทำไปทำไม แต่ก็จริงๆแล้วทำให้เราสามารถมีกำลังเพียงพอในการผ่อนชำระนั่นเอง
Jack
@แมน ถ้าอย่างนั้นการรีไฟแนนซ์ก็คงจะไม่ได้เป็นเรื่องดีสักเท่าไหร่นะ แต่มันก็เป็นทางออกของปัญหาสำหรับคนที่เป็นหนี้แบบว่าดิ้นไม่หลุดแล้ว ที่จะไปสร้างหนี้เพิ่มหรือ กู้เงินนอกระบบการเลือกรีไฟแนนซ์ก็น่าจะดีกว่า ถ้าใครมีทางออกหรืออื่นๆหรือว่ายังไม่ได้จนมุมการรีไฟแนนซ์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เหมือนที่คุณว่านั่นแหละครับมันทำให้ ระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานขึ้น
Malai
@Jack เราก็ว่างั้นแหละ คือถ้าจำเป็นจริงๆอันนี้ก็น่าเห็นใจการ refinance ก็เป็นทางออกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้แต่ละเดือนเนี่ยค่าใช้จ่ายหรือว่าค่านี่ลดน้อยลง แต่ถ้าใครไม่จำเป็นยังสามารถจ่ายหนี้ไว้ในจำนวนเท่าเดิมเพราะว่าก็ไม่ควรที่จะไปรีไฟแนนซ์นะเพราะมันจะทำให้ระยะเวลาในการชำระหนี้ยาวนานมากขึ้น ถ้าใครเป็นหนี้ปลดหนี้ได้เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
พัตรา พัต
การรีไฟแนนซ์เงินกู้ก็มีข้อดี ถ้าคำนวณดีๆสามารถลดภาระเรื่องหนี้สินได้ด้วย ดีค่ะที่มีบทความมาให้ข้อมูลพร้อมกับคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังหาทางชำระหนี้ที่ยังค้างอยู่ ส่วนตัวไม่ค่อยรู้เรื่องการกู้เงินหรือไฟแนนซ์เท่าไหร่ เข้ามาอ่านบทความนี้ก็ได้รู้เรื่องพวกนี้มากขึ้น เผื่อวันนึงอาจต้องมาใช้บริการเงินกู้หรือไฟแนนซ์อะไรแบบนี้
ขจรศักดิ์
ผมก็เป็นคนหนึ่งแหละครับที่ไปใช้บริการของการรีไฟแนนซ์มาครับ มียอดหนี้จากการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ครับ ค้างมานานหลายเดือนแล้วตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แล้วไม่อยากให้รถยนต์โดนยึิดครับ เลยไปทำการขอรีไฟแนนซ์มาครับ แต่เปลี่ยนเจ้านะครับไม่ได้เอาเจ้าเดิมตอนนี้จ่ายค่างวดรถน้อยลงกว่าเดิมประมาณ 2-3พันบาทครับ รู้สึกว่าเบาไปเยอะเหมือนกัน
ออกัส024
การรีไฟแนนซ์มันดีอย่างนี้นี่เอง คนที่เป็นหนี้อยู่ถึงอยากได้รีไฟแนนซ์กัน ถึงอย่างนั้นก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ให้ทันตามเวลา ไม่งั้นก็เป็นเหมือนเดิมอีก คือ เป็นหนี้อยู่อย่างนั้น การเป็นหนี้นานๆผมว่ามันจะทำให้เราเครียดมากเลยนะครับ ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ทำงานหาเงินยากด้วยแล้วจะยิ่งเครียดมาก ยังไงก็ขอให้หมดหนี้กันเร็วๆครับ
"Surachet"
คนที่ไม่เคยทำไฟแนนซ์หรือไม่เคยรีไฟแนนซ์มาก่อน มาอ่านบทความนี้แล้วจะเข้าใจกับคำนี้มากขึ้นครับ ผมก็ไม่เคยทำทั้งสองอย่าง เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าการรีไฟแนนซ์ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีเหมือนกับการเป็นหนี้ซ้ำซ้อนน่ะครับ พอมาอ่านบทความนี้ถึงได้รู้ว่าการรีไฟแนนซ์เป็นอีกวิธีที่ทำให้ชำระหนี้ได้เร็วขึ้นและอาจถูกลงด้วย
๖๒ปูนปั้น
การรีไฟแนนซ์ไม่ใช่ว่าจะมาทำกันง่ายๆ นึกอยากจะทำเมื่อไหร่ก็ทำนะคะ ต้องดูขั้นตอนและช่วงเวลาด้วยว่าควรจะทำหรือเปล่า เราไม่เคยรีไฟแนนซ์ ยังเคยคิดเลยว่าอยากทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จริงๆมันต้องคิดเยอะมากกว่านั้นอีก ดีค่ะที่ได้มาอ่านบทความนี้ ที่จริงต้องขอบคุณคนเขียนเนอะที่ทำบทความนี้มาให้ไ้ด้อ่าน มีความรู้และข้อมูลเพิ่มขึ้นมากค่ะ