การทำงานให้เกิดผลสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากระตุ้นเป็นตัวช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ ปรัชญาก็เหมือนเข็มทิศ คอยชี้นำให้คุณก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างอิสระ และเหมาะสม แนวคิดในการพัฒนาตนเองในวันนี้ เราของแนะนำ วิธีการทำงานให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับเพิ่มความสุขในเวลาทำงาน หากการทำงานของคุณมีทั้ง ความสุขและความสนุกสนาน อีกไม่นานคุณก็จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้อย่างแน่นอน
คนเราทุกคนล้วนมีความต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเรื่องความสัมพันธ์ ความสำเร็จในการใช้ชีวิต หรือความสำเร็จในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม การที่คน ๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัย ปรัชญา เป็นผู้ชี้นำทิศทางในการก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จดังกล่าว ปรัชญาในที่นี้ก็คือ แนวคิดการพัฒนาตนเอง บ่อยครั้งที่คุณอาจจะพบว่าการก้าวไปข้างหน้าของคุณไม่ถูกทิศ ถูกทางเนื่องจากคุณไม่มีการพัฒนาและปรับปรุง เพื่อยกระดับชีวิตของคุณให้ดีขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การทำงานในความคิดของใครหลายคน ก็คือ การทำให้ผลงานออกมาดีที่สุด หรือ ทำในหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถ และที่หลายคนเข้าใจว่า นี่คือความสำเร็จในหน้าที่การงานนั่นเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ การพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แนวคิดการพัฒนาตนเองที่ว่าจะมีรูปแบบอย่างไร มาดูรายละเอียดพร้อม ๆ กันเลยค่ะ อย่างเช่น รักงานที่ทำโดยเปลี่ยนความคิด / เห็นคุณค่างานที่ทำ / มองหาว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วจัดการ / จัดโต๊ะทำงานและสร้างบรรยากาศที่ดี / อย่าใส่ใจคำพูดที่ไม่ดีและไม่จริง นี่คือแนวความคิดที่ทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานค่ะ
รักงานที่ทำโดยเปลี่ยนความคิด
งานที่ทำอยู่มีความหมายอย่างไรกับชีวิตคุณเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ เป็นความเติบโตก้าวหน้า หรือเป็นคุณค่าและความหมายของการมีชีวิต เชื่อไหมว่าทุกความหมายที่แตกต่างกันไป ส่งผลถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของแต่ละคน ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหน แต่ความหมายที่คุณมอบให้งาน จะเป็นตัวจุดประกายสำคัญในการทำสิ่งอื่นๆ ตามมา
ถ้าคุณยังทำงานแบบวันต่อวัน และมองสิ่งที่ทำในแง่ลบตลอดเวลา คุณจะไม่มีวันรักมันได้ ลองมองงานจากภาพใหญ่ที่สุด อย่ามองตัวเองเป็นชิ้นส่วนที่แยกออกมา คิดไว้ว่าองค์กรจะขาดคุณไม่ได้ เช่นเดียวกับเคสของแม่บ้านทำความสะอาดสนามบินที่ประเทศญี่ปุ่น เธอเป็นพนักงานดีเด่นหลายปีซ้อน ขยันทำงาน ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา เพราะเธอไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นแค่แม่บ้านคนหนึ่งที่มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูทั่วไป แต่เธอมองภาพใหญ่ว่าตัวเองกำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้นนี่เป็นแนวคิดที่ดีทำให้คุณเห็นค่าของตัวเองค่ะ แล้วก็คิดว่าตัวเองเป็นส่วนที่ดีที่สุดที่ได้ลงมือทำในแต่ละวันคืออะไร? และลองเอาจุดนั้นมาพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนเดียวกับงานให้ได้ นอกจากแพสชันที่อยากทำให้ตัวเองเก่งและประสบความสำเร็จ ลองคิดไปให้ไกลกว่านั้น ว่างานที่เราทำจะสามารถช่วยคนอื่นหรือสังคมดีขึ้นอย่างไรบ้าง
ถ้าคุณไม่ชอบเนื้องานที่ทำอยู่ แต่อยากหาความสนุกจากสิ่งนั้น ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ เหมือนด่านเกมที่ต้องพิชิตให้ตัวเองได้พยายามเอาชนะมัน เพราะถ้าเมื่อไรที่คุณทำสำเร็จ อาจทำให้คุณรู้สึกภูมิใจและมองเห็นคุณค่าในตัวเองเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว ที่เอาคำแนะนำนี้มาฝากกันเพราะคนส่วนมากมักจะได้ทำงานที่ตัวเองไม่รักไม่ชอบและกำลังเบื่อเหนื่อยล้ากับงานที่ทำอยู่ แต่การนำเอาคำแนะนำนี้ไปใช้น่าจะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณมีความสุขมากขึ้นนะคะ ซึ่งส่งผลที่ดีต่อการเงินที่จะไม่ขาดสภาพคล่องด้วยถ้าคุณทำงานอย่างต่อเนื่องค่ะ
เห็นคุณค่างานที่ทำ
แล้วเราจะมีความสุขกับงานที่ทำได้อย่างไร? หลายคนคงเคยจั้งคำถามนี้ในใจแน่ๆ ในเมื่องานที่ทำดันไม่ใช่งานที่เรารักและใฝ่ฝันถึง รายได้ก็ไม่เพียงพอ พอจะออกไปหางานใหม่ก็ยังไม่มีโอกาสเข้ามา อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนทำงานไม่มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ คือการให้คุณค่าของงานที่ทำอยู่กับเงินเดือน โอกาส และหน้าตาทางสังคม แต่ว่า งานทุกงานในโลกนี้ล้วนมีค่า ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นค่าของงานนั้นหรือเปล่า
ทุกอาชีพนั้นมีเกียรติเป็นของตัวเอง แต่ไม่ใช่ให้หลอกตัวเองว่างานที่ทำอยู่นั้นดีเหลือเกิน จริงอยู่ว่างานที่ทำนั้นอาจยังไม่ใช่งานที่อยากทำ แต่ถ้าในวันนี้ยังทำงานนี้อยู่ หนทางเดียวที่เราจะมีความสุขกับงานที่ทำคือ ฝึกมองเห็นคุณค่าของงาน และทุกๆ งานมีคุณค่าในตัวเอง หลายคนหลงไปกับคำว่า “มีเกียรติ” ไปใช้แทนการมีหน้าตาในสังคมหรือรายได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตาม ล้วนมีเกียรติด้วยกันทั้งสิ้น แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละอาชีพ มีความแตกต่างกันที่เงินเดือน โอกาสในการเข้าถึงสิ่งต่างๆ หรือสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าอาชีพหนึ่งจะมีเกียรติกว่าอาชีพหนึ่ง เพราะความมีเกียรติไม่ได้ขึ้นกับรายได้หรืออาชีพ แต่มาจากการที่คนๆ นั้นปฏิบัติงานได้ดีมีประสิทธิภาพ ทำตัวน่าเคารพชื่นชม และให้เกียรติผู้อื่นหรือเปล่า
คนหนึ่งที่มีตำแหน่งสูงในองค์กร แต่มักพูดจาเหยียดหยาม ดูถูกลูกน้องให้อับอาย และทำทุกอย่างยกเว้นงานกับอีกคนหนึ่งที่ตำแหน่งต่ำกว่าที่ขยันทำงาน รับผิดชอบต่อหน้าที่ และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน ใครสมควรได้รับเกียรติมากกว่ากัน จงอย่าปล่อยให้ความคิดไหวตามค่านิยมผิดๆ อายในเรื่องที่ไม่ควรอาย เพราะบางคนหน้าบางกับตำแหน่งงานที่มีรายได้น้อย แต่กลับไม่อายหากได้เป็นตำแหน่งผู้บริหารที่คดโกง ดังนั้น คุณอย่ามองไปผิดทาง ไม่อย่างนั้นชีวิตการทำงานจะไม่มีความสุขค่ะ
มองหาว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วจัดการ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป เพราะในการทำงานก็ต้องทำงานร่วมกับคนที่หลากหลายทั้งทางอายุ ความคิด หรือแม้แต่รูปแบบการทำงาน และเมื่อคนในทีมมีปัญหากัน คนที่เป็นหัวหน้า ก็คือคนสำคัญ ที่จะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยและหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะบรรยากาศในการทำงานร่วมกันของคนในทีมนั้นสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก แต่คุณเองก็มีส่วนในการจัดการปัญหาเช่นกัน ดังนั้นคุณควรจะทำอย่างนี้ คือ:
- หาสาเหตุของปัญหา และคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น แล้วคิดหาวิธีแก้ไข อย่างเป็นมืออาชีพ
- เรียกคนที่กำลังมีปัญหากันมาคุยทีละคน โดยคุณต้องหาคำตอบให้ได้ว่าแต่ละคนต้องการอะไร
- ปรึกษาฝ่ายบุคคลถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ของบริษัท แล้วใช้ระเบียบเหล่านั้นเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา
- เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาที่จะส่งผลดีต่อทั้งพนักงานและองค์กร และระวังอย่าให้การแก้ปัญหาของคุณ ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าคุณอยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างเด็ดขาด
- เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขเรียบร้อย ตั้งกฎระเบียบหรือข้อตกลงขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดิมอีกในอนาคต รวมถึงพูดคุยกับพนักงานให้บ่อยขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ปัญหา และหาทางแก้ไขได้เร็วขึ้น
การทำตามขั้นตอนอย่างนี้จะช่วยให้คุณจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้อย่างดี เพราะนอกจากปัญหาจากการทำงานแล้วปัญหาใหญ่ระหว่างเพื่อนร่วมงานก็สำคัญที่จะส่งผลต่อผลงานนะคะ
จัดโต๊ะทำงานและสร้างบรรยากาศที่ดี
เชื่อหรือไม่ ว่าการจัดห้องทำงาน ให้เป็นระเบียบก็สามารถช่วยปลุกไอเดียสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้อีกด้วย ไปดูเทคนิคง่ายๆ ในการจัดห้องทำงานของเราให้เหมาะกับการทำงานกันเถอะค่ะเพราะการที่คุณจัดห้องทำงาน ให้เป็นระเบียบ เทคนิคดีๆ ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ปลุกไอเดียสร้างสรรค์ในตัวคุณ มีขั้นตอนง่ายๆที่จะจัดโต๊ะทำงานหรือห้องทำงาน คือ:
จัดแสงสว่างให้เพียงพอ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในห้องทำงานคือ “แสงสว่าง” เลือกแสงสว่างที่เหมาะกับการทำงานและไลฟ์สไตล์ของคุณ เพิ่มความสว่างให้เพียงพอแก่การใช้งาน หันองศาของโคมไฟให้สามารถส่องสว่างได้ทั่วถึง เลือกโทนสีและโทนแสงที่กำลังดี สบายตา เพื่อการทำงานอย่างมีความสุข ถนอมสายตา สร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การทำงาน
โต๊ะทำงานและเก้าอี้นั่งทำงาน
ตัวการสำคัญ เกิดจากการพฤติกรรมการทำงานในท่าทางลักษณะที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานและเป็นประจำ โดยเฉพาะการทำงานในท่าที่ไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย ท่านั่ง ท่านอน ก้ม เงย รวมไปถึงการเลือกใช้และปรับระดับความสูงของโต๊ะทำงานและเก้าอี้นั่งทำงานไม่พอดี ล้วนแล้วแต่มีผลต่ออาการปวดเมื่อยของคุณทั้งสิ้น ปรับความสูงของเก้าอี้ทำงาน โต๊ะทำงาน และงานตรงหน้าให้สัมพันธ์กัน เพื่อจัดท่วงท่าทำงานของคุณให้เหมาะสม ดีต่อสุขภาพ ป้องกันออฟฟิศซินโดรม และยังช่วยให้คุณสามารถนั่งทำงานได้อย่างมีความสุขอีกด้วยค่ะ
เติมสีเขียวให้ห้องของคุณ
ทำงานทั้งวันก็อย่าลืมพักสายตาด้วยการหลับตานิ่งๆ สักครู่ หรือมองไปที่อะไรที่มีสีเขียวให้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง มาเติมสีเขียวให้กับห้องของคุณด้วยกระถางต้นไม้เล็กๆ บนโต๊ะทำงาน ที่มุมห้อง หรือปลูกต้นไม้ไว้ที่ระเบียง เอาไว้เหม่อมองออกไปยามที่ต้องการพักสายตา ก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน แถมการปลูกต้นไม้ ยังเป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับโลกของเราอีกด้วยนะคะ
อย่าใส่ใจคำพูดที่ไม่ดีและไม่จริง
คำพูดเป็นเหมือนดาบสองคม เวลาที่ใครบอกเล่าอะไรให้แก่เรา มันมีทั้งดีและไม่ดี คำพูดของคนอื่นอาจมีอิทธิต่อคุณมากเหลือเกินในบางเวลา แต่อย่าปล่อยให้มันครอบงำคุณได้และก่อเกิดเป็นทุกข์ ในเวลาที่เราทำงานหรือเรียน หรือแม้แต่ทำอะไรก็ตาม
อาจมีคนพูดถึงคุณ หรือกล่าวเกี่ยวกับงาน รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานหรือตัวคุณเองก็ตามแต่ การแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้เรานำมาพัฒนาตนเองและปรับปรุงสิ่งต่างๆ ต่อไป ให้มันดีขึ้น แต่สำหรับบางคนคำพูดของคนอื่นอาจทำให้เรารู้สึกแย่ได้ในบางกรณี จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เราอาจเกิดความรู้สึกว่าตนเองดีไม่พอหรือเปล่า? หรือรู้สึกไร้ค่า? หรือเสียงคำนินทา คำครหา ที่เกิดจากบุคคลอื่น
ถ้าปล่อยให้มันมามีอิทธิพลกับเรามากเกินไปมันอาจทำให้เราเกิดความทุกข์ คุณต้องรู้จักป้องกันความรู้สึกของตนเองให้เป็น เพราะการเก็บเอาคำพูดที่ไม่ดีไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงมาคิดไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ดังนั้น อย่าไปใส่ใจก็พอค่ะ
สรุป
ชีวิตของคนเราจำเป็นต้องเจอกับความท้าทาย ทั้งทางด้านความคิด และจิตใจ เป็นการฝึกฝนให้มีความคิดใหม่ ๆ และฝึกจิตใจให้มีความเข้มแข็ง การที่คุณนำพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานั้น ๆ มาได้ ก็ถือว่า คุณพร้อมที่จะรับทุกสถานกาณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว การฝึกฝนตัวเองก็มีให้คุณเลือกหลายวิธี อย่างเช่น ตั้งเป้าหมายให้ตนเอง ว่าต้องทำในสิ่งที่เกินความสามารถของคุณในตอนนี้ แล้วลงมือทำให้ได้อย่างที่คุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ แต่หากคุณไม่รู้ว่าจะทำอะไร คุณก็ลองคิดซะว่าคุณรู้ ประมาณว่า “ถ้าฉันรู้ว่าต้องทำอะไร ฉันก็จะทำอันนี้แหละ” ระบบความคิดแบบนี้ จะนำพาคุณให้ออกนอกกรอบ ข้อจำกัดความเชื่อ และอนุญาตให้ตัวคุณก้าวข้ามขีดความสามารถที่เหลือเชื่อของคุณเองได้ค่ะ
Teerapat
เราชอบเนื้อหาในบทความนี้มากเลยค่ะ ที่บอกว่าต้องเปลี่ยนความคิดในแง่ลบที่มีเกี่ยวกับงาน และเห็นคุณค่าในงานที่เราทำ อันนี้เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงทีเดียวค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานใหม่ จัดโต้ะใหม่หรือซื้อของอะไรใหม่ๆมาวางที่ออฟฟิศเรา แต่ถ้าเรายังมีความคิดที่แย่ๆกับงานที่เราทำก็ยากมากที่จะมีความสุขกับการทำงานได้ และนี่จะส่งผลแน่นอนกับความสำเร็จของเราด้วยค่ะ
สุพิศ
ขอบคุณครับที่ทำให้เห็นว่าการที่เรามีความสุขในการทำงาน ส่งผลต่อรูปแบบชีวิตของเราและส่งผลต่อคุณภาพการทำงานของเราด้วย ผมเห็นถึงวิธีต่างๆที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานอย่างมีความสุขถึงแม้ว่า งานที่เราทำอยู่จะเป็นงานที่จำเจหรือน่าเบื่อ แต่การที่เราสามารถสร้างภูมิทัศน์ หรือสร้างแนวคิดใหม่ๆในการทำงาน จะช่วยให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปในการทำงานรูปแบบเดิมครับ
สายชล
ถ้าถามว่าทุกคนที่ทำงานมีความสุขกันทุกคนไหม คิดว่าคงจะไม่นะครับเพราะว่าดูน่าจะคนทำงานแล้วบางคนก็รู้สึกเบื่อเพราะงานจำเจ หรือบางคนก็มีปัญหากับหัวหน้าหรือกับเพื่อนที่ทำงาน ดูเหมือนว่าบทความนี้จะออกแบบมาเพื่อช่วยเราสามารถที่จะทำงานแล้วก็ มีวิธีที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อช่วยให้มีความสุขกับการทำงานและมีสัมพันธภาพที่ดีกับคนในที่ทำงานด้วยครับ
Mahatana
ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย เปลี่ยนงานมาหลายอย่างเหมือนกันตามสภาพการณ์ในชีวิตน่ะครับ ไม่ว่าผมจะทำงานอะไรสิ่งเดียวที่ผมคิดคือ ผมทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและส่งให้ที่บ้านด้วยตามกำลังที่ทำได้ ผมทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย..มหาวิทยาลัยเปิดน่ะครับ ไม่ว่าใครจะว่าอะไรผมไม่สนใจ แม้ต้องเรียนรู้งานใหม่ๆเยอะ ผมจะพยายามเต็มที่ครับ
ตัวกลม
เรื่องที่จะทำให้เราท้อจากการทำงาน อาจมีแค่เรื่องเดียวคะ คือ การที่เราไปสนใจทุกๆคำพูดของเพื่อนร่วมงานคะ อันนี้ละท้อสุดๆเลยคะ เพื่อนๆที่ทำงานชอบทำงานแข่งกันคะ พอเขาทำได้ก็มักจะมาอวดโน้นอวดนี่ให้ฟังแถวยังมาถมเราด้วย แบบนี้คะ มันทำให้เราท้อ อยากจะย้ายที่ทำงานเลยคะ แต่เราเลือกงานได้ไม่มากนิคะเลยต้องทนๆทำงานไปถึงจะท้อก็ตามคะ
ป๋อง
ชอบนะ ชอบมาก ชอบตรงที่บอกว่าให้เห็นคุณค่าของงานที่เราทำ ตรงนี้ช่วยปรับทัศนคติของผมได้ดีเลย ผมอะมีงานที่ดีนะ แต่ผมไม่ค่อยเห็นคุณค่างานที่ผมทำไงผมก้เลยมักจะทำงานแบบไม่ค่อยมีคุณภาพไปบ้าง แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วความคิดผมเปลี่ยนไป มาคิดดูว่าถ้าผมไม่มีงานนี้ผมคงอยู่ไม่ได้ แล้วจะไปหางานที่ดีกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว แตงกิ้วเด้อผู้เขียน
ข้าวหอม
เห็นด้วยกับคุณตัวกลมเลยค่ะ เพื่อนร่วมงานนี่เป็นอะไรที่มีอิทธิพลมากที่จะทำให้บรรยากาศดีหรือบรรยากาศแย่ก็ได้ บางครั้งเบื่อมากเลยค่ะกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทาคนอื่น ก็พยายามจะไม่ใส่ใจนะคะ เพราะว่าถ้าใส่ใจทั้งหมดคงจะต้องประสาทกินแน่ๆ ตอนนี้พยายามโฟกัสเรื่องงานซะส่วนใหญ่ค่ะ เลยทำให้ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก
บิว
อันนี้เห็นด้วยนะครับ ความคิดที่เรามีผลต่อเรื่องต่างๆก็ส่งผลกับความสุขในชีวิตของเราด้วยอย่างถ้าเราคิดว่างานที่เราทำเราทำแบบฝืนใจทำหน้าเบื่อเราก็จะไม่มีความสุขกับชีวิตแต่ถ้าเราเปลี่ยน My set ของเรารักงานที่ทำเปลี่ยนความคิดของเราชีวิตของเราจะมีความสุขเยอะขึ้นครับ แล้วก็ชอบที่บอกว่าเห็นคุณค่างานที่ทำ ถ้าเรารู้สึกว่างานที่เราทำนั้นมีค่าเราก็จะมีความสุขกับงานที่ทำมากขึ้นด้วย
ธรรศ
เบื่องานที่ทำ ให้ลองจัดห้องทำงานและเปลี่ยนบรรยากาศของที่ทำงานดู อืม ! อันนี้เข้าท่าดีนะครับ ผมทำงานในห้องเดิมๆมุมเดิม นี่จะเข้าปีที่5แล้วครับ เวลาไปทำงานก็เห็นอะไรเดิมๆภายในห้องทำงงานมันเลยเริ่มเบื่อๆแบบบอกไม่ถูกครับ เดียวจะลองๆเอาเรื่องนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ ก่อนอื่นต้องไปคุยกับเจ้านายก่อนว่าทำได้ไหม ไม่อย่างนั้นจะยุ้งเอาครับ
ใบตอง
การมองหาว่าปัญหาอยู่ตรงไหน แล้วจัดการถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันนะคะ เราต้องมองให้ออกถึงช่องโหว่หรือช่องทางที่ทำให้เราเป็นหนี้ หรือทำให้การใช้เงินของเราหมดไปเยอะๆค่ะ หรืออาจจะเป็นเด็กน้อยก็ได้ ถ้าเราเห็นช่องโหว่แบบนั้นก็ทำการอุตส่าห์หรือเลิกซะ ก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บเหลือใช้แล้วค่ะ อยู่ที่ว่าเราต้องทำการสำรวจตัวเอง