โลกเราทุกวันนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีก็ว่าได้ค่ะ เป็นยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างมาก มีความทันสมัยล้ำหน้าและเติบโตกันอย่างรวดเร็วจนเราตามกันแทบไม่ทันเลยใช่ไหมคะ การฝึกนิสัยการให้ออมให้กับลูกในทุกๆวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายสำหรับเด็กๆ ให้อยากมีอยากได้ เมื่อสังคมโดยรวมเป็นลักษณะนี้จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่ในยุคนี้ได้ละเลยการปลูกฝังนิสัยการออมให้กับลูกๆ แถมซ้ำร้ายกว่านั้นกลับเป็นส่งเสริมพฤติกรรมไม่ดีในการใช้จ่ายให้กับลูกๆแทนอีกด้วยค่ะ นั่นเป็นเพราะความรักของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูกๆ ว่ากลัวลูกจะน้อยหน้า ไม่มีเหมือนคนอื่น และพยายามทำให้ลูกมีได้เท่าเทียมกับเพื่อนๆมากที่สุด ลูกจึงซึมซับแต่พฤติกรรมการใช้จ่ายแบบผิดๆติดไปโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ตัวเลย
การปลูกฝังนิสัยรักการออมให้ลูกนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรหันมาเอาใจใส่ในการสอนให้กับลูกๆค่ะ เพื่อจะเป็นการสร้างนิสัยการออมที่ดี และทำให้ลูกมีนิสัยรักการออมติดตัวไปตั้งแต่ยังเล็กค่ะ วันนี้เรามี 6 วิธีฝึกนิสัยรักการออมให้ลูก มาฝากกันค่ะ บทความที่จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ในการฝึกลูกๆเพื่อสร้างนิสัยรักการออมให้กับเขาตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อที่เขาจะสามารถบริหารเงินได้ด้วยตัวเองในอนาคตต่อๆไปได้อย่างดีค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาติดตามอ่านกันไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
1.เป็นแบบอย่างที่ดี
“พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก” คุณเห็นด้วยกับคำถามนี้ไหมคะ? เรามักเปรียบเด็กๆดั่งผ้าขาวกันเสมอ การที่เด็กๆจะมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไรนั้น กว่า 80% เกิดการจากการซึมซับพฤติกรรมที่ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ พ่อแม่มีบทบาทกับลูกๆเป็นอย่างมากที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบจากการที่ลูกนั้นได้เห็นและจดจำค่ะ ด้วยเหตุนี้การที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะให้ลูกๆของคุณนั้นเป็นอย่างไร การสอนที่ดีและเข้าใจง่ายที่สุดที่จะสอนลูกๆตอนยังเล็กนี้คือ คือ การเป็นแบบอย่างที่ดีของคุณพ่อคุณแม่นั่นเองค่ะ
อย่างที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า การเป็นแบบอย่างที่ดีของคุณพ่อแม่เป็นการสอนที่ดีกับลูกๆ และเห็นผลได้ดีที่สุด การสร้างนิสัยรักการออมให้กับลูกๆจึงจำเป็นมากที่คุณพ่อคุณแม่เองควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพื่อให้ลูกได้ซึมซับและเกิดพฤติกรรมเลียนแบบค่ะ การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณพ่อคุณแม่จึงควรเป็นไปในแบบระมัดระวัง เป็นการใช้จ่ายตามความจำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ใช้จ่ายกันตามอารมณ์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องใช้เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า โทรศัพท์ รวมไปถึงการใช้จ่ายในเรื่องการกินอยู่ในแต่ละมื้อ ฯลฯ การใช้จ่ายในแต่ละครั้งนั้นควรเป็นการใช้จ่ายที่อยู่ภายใต้ความประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ตามกระแส เพื่อให้ลูกๆได้ซึมซับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ถูกต้องที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่าง ซึ่งตรงนี้จะช่วยปลูกฝังให้เขารู้จักคุณค่าของเงิน และช่วยเขาให้ใช้จ่ายตามความจำเป็นในอนาคตได้ค่ะ
2.กระปุกออมสินคือสิ่งจำเป็น
เมื่อเราพูดถึงเด็กกับการออมเงินตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน “กระปุกออมสิน” คืออุปกรณ์ช่วยฝึกนิสัยในการเก็บออมที่ดีของเด็กๆที่ยาดเสียไม่ได้เลยล่ะค่ะ คุณพ่อคุณแม่ที่จะเริ่มฝึกลูกๆให้รู้จักการออมจึงควรสรรหากระปุกออมสินที่มีลวดลายตัวการ์ตูนที่ลูกชอบ มีลูกเล่นต่างๆ หรือมีลวดลายที่ดึงดูดใจลูกๆมาใช้เป็นตัวช่วยในการฝึกเรื่องการออมให้แก่ลูกๆค่ะ นอกจากนี้กระปุกในแบบที่ลูกๆถูกใจนั้นยังช่วยสร้างแรงกระตุ้น แรงจูงใจที่ทำให้เขาอยากจะเก็บออมได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
การสอนให้ลูกๆที่ยังเล็กให้หยอดกระปุกนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มต้นจากการให้เหรียญที่ได้รับทอนตอนไปซื้อของให้กับลูกๆใช้ในการหยอด หรืออาจจะใช้เงินที่ได้จากญาติผู้ใหญ่ที่ให้มานำมาใช้ในการหยอด และการหยอดกระปุกนั้นควรให้เขาทำการหยอดเองค่ะ เพื่อสร้างความคุ้นเคยระหว่างตัวเขากับกระปุกของเขา และยังเป็นการช่วยกระตุ้นให้เขาอยากหยอดเงินเพิ่มในครั้งต่อๆไป เพราะมีความรู้สึกอยากให้กระปุกนั้นเต็มเร็วๆค่ะ ในช่วงแรกๆคุณพ่อคุณแม่คงต้องเป็นผู้ชักจูงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เขาหยอดกระปุก แต่เมื่อคุณพ่อคุณแม่นั้นชักจูงเป็นประจำสม่ำเสมอแล้วนั้น เด็กๆจะรู้ไปเองค่ะว่าการหยอดกระปุกนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ตรงนี้เองจะเป็นการช่วยให้ฝึกเขาในเรื่องของวินัยในการออมเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีของนิสัยรักการออมในอนาคตแก่เขาค่ะ
3.อยากได้ต้องรู้จักเก็บออม
เมื่อลูกๆรู้จักและคุ้นเคยกับการหยอดกระปุกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะสอนถัดไปนั่นคือ การสอนให้ลูกๆได้รู้ถึงประโยชน์จากการออมที่เขาจะได้รับ สอนถึงการตั้งเป้าหมายอย่างง่ายๆในการเก็บออม เช่น หากคุณพ่อคุณแม่ทราบลูกๆอยากได้ของเล่นอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรจะบอกให้เขาทำการหยอดกระปุกเพื่อนำเงินออมไปซื้อตามที่เขาตั้งใจด้วยตนเองค่ะ ซึ่งในช่วงแรกนี้นี้คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ เป็นของที่ราคาไม่แพงมากจนเกินไปนะคะ เพื่อที่จะให้เขาไม่เกิดความท้อแท้จนเกินไปในระหว่างการออม และรู้สึกว่าตัวเองสามารถไปถึงเป้าหมายได้แบบไม่ยากค่ะ เพราะมื่อเขาสามารถทำได้ตามเป้าหมายแล้ว จะทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง มองเห็นประโยชน์ในการเก็บออม ว่าการเก็บออมเกิดผลดีกับเขาอย่างไร นอกจากนี้ยังช่วยให้เขารู้จักคุณค่าและรักษาของที่ตนเองได้มามากขึ้นอีกด้วยค่ะ เป็นการสร้างให้เกิดทัศคติที่ดีในการเก็บออม เพื่อที่จะนำไปสู้นิสัยรักการออมที่ดีติดตัวไปในอนาคตค่ะ
4.ให้ลูกบริหารเงินเอง
การฝึกให้ลูกบริหารเงินเองตั้งแต่ยังเล็กนั้น คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเริ่มสงสัยกันแล้วว่าจะฝึกอย่างไร และควรเริ่มที่อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมใช่ไหมคะ ซึ่งจริงๆแล้วคำตอบนั้นก็ไม่ได้มีหลักเกณฑ์อะไรตายตัวว่าจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้มาใช้ชี้วัดว่าควรเริ่มเมื่อไหร่ และเริ่มอย่างไรจึงจะถูกต้องค่ะ เพราะในแต่ละบ้าน แต่ละโรงเรียนที่เด็กๆแต่ละคนใช้ชีวิตนั้นมีความแตกต่างกันค่ะ เราจึงควรดูปัจจัยอื่นๆเป็นองค์ประกอบเข้าร่วมไปด้วย เพื่อที่จะบอกได้ว่าลูกของเรานั้นเหมาะกับช่วงไหนที่จะเริ่มต้นการฝึกให้ลูกบริหารเงินเองค่ะ เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจใช้ช่วงเวลาที่โรงเรียนอนุญาตให้เด็กนำเงินไปเพื่อซื้ออาหาร ขนมรับประทานเอง มาเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเริ่มฝึกในเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ
การให้ลูกบริหารเงินเองตั้งแต่ยังเล็กนั้น ถ้าเด็กยังเล็กคุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มแบบประจำวันไปก่อนค่ะ เช่น อาจให้ค่าขนมรายวัน และสอนให้รู้ว่าเมื่อได้รับเงินมาก็ให้หักเก็บเงินใส่กระปุกไว้ส่วนหนึ่งก่อนทันที ในส่วนของเงินที่เหลือให้ใช้จ่ายให้ได้ภายใต้งบประมาณที่มีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตการใช้จ่ายในแต่ละวันของลูกไปในตัวด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้สอนในเรื่องการใช้จ่ายตามความจำเป็น หรือตามใจตนเองไปในตัวได้อีกเรื่องด้วยค่ะ เมื่อลูกๆนั้นทำได้ดี และสามารถทำได้เองอย่างต่อเนื่องแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรชมเชย หรือให้รางวัลเล็กๆน้อยๆแก่ลูกๆเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาค่ะ
5.กระปุกเต็มแล้วต้องทำอย่างไรต่อ
เมื่อลูกๆหยอดกระปุกจนเต็มแล้ว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำต่อไปนั่นคือ การให้ลูกมีส่วนร่วมในการแกะกระปุกออกมานับจำนวนเงินค่ะ ตรงนี้อาจเกิดคำถามสำหรับคุณพ่อคุณแม่ว่า “จำเป็นไหมที่ต้องให้ลูกมาร่วมนั่งนับเงินในกระปุกด้วย?” ก็ขอตอบได้ทันทีเลยล่ะค่ะว่า “จำเป็น และจำเป็นมากด้วยค่ะ” เพราะนี่เป็นขั้นตอนที่จะทำให้เขารู้และเข้าใจว่าเงินทั้งหมดจะถูกนำไปไหนค่ะ เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่นำมาทำเองจัดการเอง อาจทำให้ลูกที่ยังเล็กนั้นเกิดความเข้าใจผิดได้ว่าคุณพ่อคุณแม่เอาเงินของเขาไปจากกระปุกจนหมดเกลี้ยง และจะพาไม่อยากเก็บออมอีกต่อไป เพราะเข้าใจว่าเก็บไปคุณก็เอาของเขาไปได้ค่ะ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาควรมีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้ทุกครั้งค่ะ
การเข้ามามีส่วนร่วมของลูกในการจัดการกระปุกที่เต็มนั้น นอกจากขั้นตอนของการนับจำนวนเงินแล้ว ก็ต้องรวมไปถึงการพาลูกไปเปิดบัญชี ทำการฝากด้วยตัวเองที่ธนาคารในทุกๆครั้งอีกด้วยค่ะ เพื่อที่เขาจะได้ทราบว่าเมื่อกระปุกถูกนับแล้วนั้นเงินของเขาจะถูกนำไปที่ใด เพื่ออะไร ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอาศัยคุณพ่อคุณแม่อธิบายควบคู่ไปด้วยนะคะ เมื่อเขาเห็นสมุดบัญชีเป็นชื่อตนเอง จำนวนเงินที่ฝากตรงตามที่นับไว้ เขาก็จะเกิดความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างนิสัยที่ดีในการออมต่อๆไปด้วยค่ะ นอกจากที่ลูกได้เรียนรู้ในเรื่องการจัดการกับกระปุกที่เต็ม เรื่องของการฝากเงินที่ธนาคารแล้ว เขาก็ยังจะได้เรียนรู้ถึงค่าของเงินของจริงในแต่ละแบบตอนที่นั่งนับไปพร้อมๆกันได้อีกด้วยค่ะ นับว่าเป็นกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวที่สร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะะค่ะ
6.รู้จักเก็บก็ต้องรู้จักให้
การเก็บออมเป็นนิสัยที่คุณพ่อคุณแม่ต่างอยากจะปลูกฝังให้แก่ลูกๆติดตัวไว้เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่ลำบากใช่ไหมคะ แต่การตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่เก็บออมเพื่อเป้าหมายเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้นก็คงไม่สามารถจะช่วยให้ลูกมีความสุขในอนาคตได้ เพราะคุณพ่อคุณแม่เองก็คงจะเข้าใจชีวิตได้ดีว่า การจะมีชีวิตที่มีความสุขได้นั้น มีเงินเพียงอย่างเดียวก็คงยังไม่พอ การฝึกให้ลูกได้รู้จักถึงการเป็นผู้ให้จึงเป็นสิ่งที่ควรต้องฝึกฝนควบคู่ไปด้วยค่ะ
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นถึงพัฒนาการที่ดีของลูกๆในเรื่องการออมแล้ว การเริ่มฝึกในเรื่องของการรู้จักเป็นผู้ให้ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะค่ะ เรื่องนี้อาจเริ่มต้นฝึกให้ลูกง่ายๆ ด้วยการแบ่งเงินบางส่วนที่แยกออกมาก่อนเข้าฝากธนาคาร ให้ลูกได้ใช้ความคิดว่าเขาจะนำเงินก้อนนี้มาทำให้เป็นผู้ให้ได้อย่างไรได้บ้าง ซึ่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจแนะแนวทางให้กับลูกๆค่ะ เช่น อาจนำเงินเข้าร่วมบริจาคในงานศาสนาที่นับถือ หรืออาจนำเงินไปซื้อ หรือทำขนมไปฝากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณครู เพื่อนๆ เป็นต้นค่ะ ซึ่งหากลูกทำได้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีในการเป็นผู้ให้ในอนาคตด้วยค่ะ
เริ่มต้นดี ก็ไปได้สวย
เมื่อเราได้ติดตามกันมาถึงตรงนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจเกิดไอเดียในการสอนลูกๆให้มีนิสัยรักการออมในแบบที่ถูกต้องได้ไม่ยากกันอีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะ และการที่ลูกมีนิสัยรักการออมได้นั้นจะต้องอาศัยเวลาค่อนข้างนานในการปลูกฝังที่คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องใช้ความอดทน การทำอย่าต่อเนื่อง และสม่ำเสมอค่ะ การสร้างนิสัยรักการออมนี้ยิ่งหากคุณเริ่มได้ตั้งแต่ลูกยังเล็กนับว่าเป็นข้อที่ได้เปรียบให้กับลูกในวันข้างหน้า เหมือนคำที่กล่าวไว้ว่า “การเริ่มต้นที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ค่ะ
Nakul
อยากเสริมว่า ต้องเริ่มสอนลูกตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆเลย โดยอาจจะให้ลูกเข้าใจความหมายของคำว่า " เงิน" ก่อน เด็กเล็กๆ อาจจะมองภาพไม่ออกว่าของแพงคืออะไร ? เช่น ถ้าของ 20 บาท เราให้แบงค์กับลูกไปซื้อของ เค้าก็จะไม่ค่อยรู้สึกว่าแพงเพราะใช้แบงค์เดียว เค้ายังไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราให้เหรียญเค้าไปซื้อ เค้าจะรู้สึกว่ามันดูเยอะมากแล้วมันอาจจะทำให้เค้ารู้สึกว่าของนี่มีค่ามากหรือแพงมาก ลูกก็จะเข้ามากขึ้น
Bailee
นิสัยรักการรักการออมเงินไม่ใช่เป็นนิสัยที่มีมาตั้งแต่เกิดค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความนี้ที่ช่วยให้พ่อแม่สามารถสอนลูก ให้เป็นคนรักการออมเงินได้ เพราะการสอนไม่ใช่แค่การพร่ำบ่นหรือพร่ำพูดทุกวัน แต่เป็นการวางตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆเห็นด้วยว่า การออมเงินสามารถทำได้วันละนิดวันละหน่อย และในขณะที่ออมเงินก็มีความสุขกับการออมเงินด้วย เด็กถึงจะชอบค่ะ
น้ำตาล
การที่จะดัดนิสัยให้ลูกเป็นคนที่ประหยัดอดออมเป็นอีกเรื่องนึงที่พ่อแม่อยากจะสอนมากๆเลยค่ะ แต่ว่าก็ต้องมีวิธีและเทคนิคที่ดีและถูกต้องแล้วก็ใช้ได้กับตัวของเด็กด้วย เพื่อที่จะสามารถฝึกการประหยัดอดออมได้อย่างที่เด็กไม่เบื่อ บทความนี้พูดได้ดีนะคะที่ให้พยายามสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก แล้วก็ยังมีวิธีที่จะใช้ได้ผลสำหรับเด็กๆด้วย
Daranard
ลูกดูแบบอย่างจากพ่อแม่นั่นแหละค่ะนั่นจึงเป็นวิธีสอนลูกที่ได้ผลอย่างแท้จริง ถ้าอยากให้ลูกออมเงิน พ่อแม่ต้องทำไปพร้อมกับลูกด้วยค่ะ เราเห็นด้วยมากเลยที่ฝึกให้เด็กๆออมเงินพยายามทำให้เป็นนิสัยติดตัวเด็กๆไปเลยนะคะ โตขึ้นเขาจะได้รู้จักประหยัดและออมเงินไว้เยอะๆค่ะ อ้อ! มีสอนเรื่องแบ่งปันให้ผู้อื่นด้วย ดีมากจริงๆค่ะ
ศักดาร์
ตอนนี้ที่บ้าน กระออมสินเต็มบ้านเลยครับ ผมซื้อมาให้ลูกคนละกระปุกครับ แล้วก็บอว่า ถ้าสินปีใครเก็บเงินได้มากสุด ผมจะบวกเงินเพิ่มให้อีกเท่าตัวครับ เอาไปฝากธนาคารหรือจะเอาไปซื้อะไรที่เขาอยากได้ก็ได้ครับ เชื่อไหมครับ ตอนนี้ลูกผม หยอดกระปุกกันทุกวันเลยครับ สงสัยกลัวว่าจะแพ้กันนะครับ แต่จริงๆแล้วฝึกเขานะครับไม่ได้ให้เขาแข่งกันจริงๆ
Flower
คุณก็รู้ว่าการออมเงินมันยากแค่ไหน แล้วไม่ดีหรือไงที่จะฝึกนิสัยยากๆแบบนี้ให้ลูกๆตั้งแต่เด็ก ชั้นคิดว่าดีนะคะ ชั้นก็กำลังฝึกลูกของชั้นอยู่ ก็เลยเข้ามาอ่านเรื่องนี้เผื่อจะมีวิธีใหม่ๆในการฝึกลูกๆ ก็ได้วิธีใหม่ๆจริงๆนะ มีหลายวิธีเลยหล่ะ หวังว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะได้ประโยชน์เหมือนกับชั้นนะคะ ลูกของคุณก็ได้ประโยชน์ด้วยค่ะ
ช้างพลาย
ลูกของผมยังเล็กครับแต่ผมก็เริ่มตอนตั้งแต่ตอนนี้เลย ตามวัยของเขา ต้องบอกเขาว่าพ่อแม่ต้องทำงานเยอะขนาดไหนเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อของให้ลูก แล้วต้องสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน ต้องสอนเขาว่าการทำงานมีอะไรบ้าง ที่ทำให้เราได้เงิน เพื่อจะให้ลูกเข้าใจได้มากขึ้นก็อาจจะให้ลูกเราลองทำงานดู โดยให้ทำงานบ้านแบบง่ายๆตามวัยของเขา แล้วให้เงินเป็นค่าตอบแทน แล้วเขาก็จะรู้ครับว่าเงินมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ เด็กก็จะรู้จักใช้เงินมากขึ้น
ชาย
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับว่าการฝึกลูกให้รู้จักเก็บประหยัดเงิน จำเป็นต้องสอนลูกให้รู้จักแบ่งเงินไว้ให้ด้วย เพราะการให้ทำให้มีความสุข แล้วจำเป็นต้องกันเงินส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อที่จะให้สำหรับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของขวัญให้คนที่เรารัก การบริจาคเพื่อสังคมเพื่อประโยชน์ของคนอื่น ถ้าพ่อแม่เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จะช่วยให้ลูกๆมีความใจกว้างครับ
ปิ่น
ยังไงก็ต้องเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักบริหารเงินเองค่ะ ถ้าใครที่คิดว่าให้เงินลูกโดยการจำกัดจำนวนเงินในแต่ละวันเป็นการบริหารเงินเองแล้ว ยังไม่พอค่ะต้องให้ลูกจัดการเงินในระยะเวลา 1 สัปดาห์ด้วยตัวเองโดยให้เงินเขาเป็นก้อน อาจจะเริ่มจากเล็กๆน้อยๆก่อน. หลังจากนั้นค่อยๆเพิ่มเงินจาก 1 วันเป็น 1 สัปดาห์ จาก 1 สัปดาห์เป็น 1 เดือนเพื่อที่จะช่วยให้เขาบริหารเงินเป็นค่ะ
ธรรพ์
ที่บ้านผมกระปุกออมสินนี่ตั้งทั่วบ้านเลยนะครับ ลูกก็ไม่ค่อยสนใจจะหยอดเงินเลยครับ ให้เงินบอกให้ไปหยอดออมสิน แต่เอาไปกินขนมกันหมด หรือว่าลูกผมฟังผิดหรือเปล่า แบบนี้ต้องเอาเรื่องการวางแบบอย่างให้กับเขาแล้วละครับ เข้าใจเลยครับ ว่าพ่อแม่จะเป็นตัวอย่างที่ลูกจะทำตามครับ เดียวต้องคุยกับภรรยาแล้วละครับว่าต้องหยอดเป็นตัวอย่าง
๋๋่๋JUNE
@ k. ธรรพ์ จริงๆการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเนี่ยเป็นอะไรที่มีอิทธิพลมากกว่าการสอนด้วยคำพูดนะคะ เพราะถ้าเราสอนแค่ด้วยคำพูดแต่เรายังใช้จ่ายสุรุ่ยร่ายให้ลูกเห็นเนี่ย ลูกก็อาจจะไม่สนใจคำพูดของเราก็ได้ค่ะ พอดีเราก็มีลูกเหมือนกันเลยรู้ค่ะ อีกอย่างเด็กเดี๋ยวนี้สอนยากไม่ค่อยจะฟังพ่อแม่ด้วย เข้าใจหัวอกเลยค่ะ